832. ความสุขของอสรพิษ
หลังคว้าวิญญาณของเหยาหยุนไฮ่มาได้ หวังหลินเก็บใส่ธงวิญญาณโดยไม่ลังเลและกระพริบวูบวาบหายตัวไป
อสรพิษพิฆาตจันทร์ยาวพันฟุตโผล่ออกมาจากด้านหลัง กลิ่นอายเย็นเยียบค้นทุกซอกทุกมุมอยู่ชั่วครู่ มันอ้าปากสูดกลิ่นอายหวังหลินที่หลงเหลืออยู่ทั้งหมดเข้าไป หนวดทั้งหมดบนร่างส่ายไปมาราวกับกำลังมีความสุข
ทว่าวินาทีต่อมา อสรพิษตัวนี้ก็งับปาก บิดร่างและหายเข้าไปในพื้นดิน
ห่างออกไปไกล แววตาหวังหลินเผยแสงประหลาดและมุ่งตรงเข้าหาตรงยอดกระดูกอสรพิษพิฆาตจันทร์ เขาระมัดระวังตัวตลอดทาง เมื่อไหร่ที่สังเกตได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติก็จะเปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็วและซ่อนตัวเอง
หวังหลินขบคิด ‘แม้ข้างในอสรพิษจะอันตราย ด้วยความเข้าใจของข้าและตราบใดที่ข้าระมัดระวังตัว มันก็จะไม่มีอันตรายใด! เทียบกับข้างนอกแล้ว ที่นี่ปลอดภัยมากกว่า’
‘เมื่อเป็นเช่นนั้น ทำไมข้าไม่ซ่อนตัวอยู่ในอสรพิษพิฆาตจันทร์เสียเล่า? ด้วยวิธีนั้นถ้าตระกูลเหยาต้องการฆ่าข้า พวกเขาต้องเผชิญกับอสรพิษพิฆาตจันทร์!’ หวังหลินเผยรอยยิ้มเย็นเยียบพลางมุ่งหน้าอย่างรวดเร็ว
อสรพิษพิฆาตจันทร์ตัวใหญ่เกินไป มิอาจเคลื่อนที่พริบตาเข้าไปข้างในมันได้และผสมกับเขาต้องระมัดระวังอีก แม้หวังหลินจะใช้ความเร็วสูงสุดมันก็ยังช้าอยู่เล็กน้อย
ขณะเคลื่อนที่อยู่นั้น สีหน้าพลันเปลี่ยนไปและหลบไปด้านข้างโดยไม่ลังเล ผลึกน้ำแข็งฟ้าลอยผ่านจุดที่หวังหลินอยู่เมื่อครู่ดุจประกายสายฟ้า
ตอนที่ผ่านไปมันแทบจะสัมผัสร่างหวังหลิน หวังหลินรู้สึกถึงพลังเย็นภายในผลึกน้ำแข็งได้ชัดเจน พลังเย็นเยียบนั้นเสียดแทงเข้าไปในร่างและรู้สึกแข็งทื่อ
“เจ้าหนีไปไม่ได้!” น้ำเสียงค่อยๆดังกึกก้องตรงช่องกว้างร้อยฟุตในพื้นดินและเหยาปิงหยุนเดินออกมา
นางจ้องหวังหลินด้วยสายตาเต็มไปด้วยจิตสังหารและกล่าวเย็นเยียบ “เจ้าสังหารหมู่ผู้บริสุทธิ์ในเขตแดนฝั่งตะวันตก วันนี้เหยาปิงหยุนจะปลิดชีวิตเจ้าเอง!”
หวังหลินรีบล่าถอยและรวบรวมพลังดั้งเดิมในฝ่ามือ ตีเข้าใส่ร่างสองสามครั้งและสลายพลังเย็นทั้งหมดข้างใน ขณะเดียวกันก็พ่นแกนพลังดั้งเดิมออกมาเปลี่ยนเป็นกระบี่พุ่งตรงใส่เหยาปิงหยุน
เหยาปิงหยุนใบหน้าเฉยเมย มือขวาสร้างผนึกชี้ไปข้างหน้า ปรากฏลำแสงสีฟ้ารวมกันที่ปลายนิ้ว จากนั้นทุกสิ่งเบื้องหน้าถูกแช่แข็งเพียงพริบตาและน้ำเข็งแพร่กระจายกันออกไป
แม้กระทั่งแกนพลังดั้งเดิมที่หวังหลินพ่นออกมายังถูกแช่แข็งอย่างโหดร้ายหลังจากพุ่งออกมาเพียงไม่กี่สิบฟุต
เมื่อเห็นน้ำแข็งกำลังเข้ามาใกล้ หวังหลินสีหน้ามืดมนและถอยร่นโดยไม่ลังเล เขารู้ว่าคนคนนี้แข็งแกร่งเกินไปและไม่มีโอกาสชนะได้
แววตาเหยาปิงหยุนกระพริบจิตสังหารวาบ ฝ่ามือสัมผัสน้ำแข็งเบื้องหน้า ร่างกายหายไปอย่างไร้ร่องรอย
‘น้ำแข็งหลบหลีก!’ รูม่านตาหวังหลินหดเล็กลง สัมผัสถึงอันตรายรุนแรง เขาอ้าปากพ่นตราประทับผนึกเทพออกมาป้องกันโดยไม่ลังเล
จังหวะที่ตราประทับผนึกเทพปรากฏขึ้นมา เหยาปิงหยุนเผยตัวเบื้องหน้าหวังหลินก่อนจะเคลื่อนผ่านน้ำแข็งและกดดัชนีลงไป
เหยาปิงหยุนใช้ดัชนีด้วยพลังทั้งหมด อักขระรูนปรากฏขึ้นมาแผ่กระจายไปทั่วตราประทับจากนิ้วของนาง
“ผนึกทลายวิญญาณสิบโคจร!” เหยาปิงหยุนยกแขนขึ้นและสร้างผนึกอย่างรวดเร็วเกิดเป็นเก้าผนึกอักขระรูนสีโลหิต จากนั้นทั้งหมดก็กระหน่ำใส่ตราประทับผนึกเทพอย่างต่อเนื่อง
อักขระรูนโลหิตพวกนี้ประหลาดยิ่ง พวกมันเมินเฉยตัวตนของตราประทับและพุ่งผ่านเข้าหาหวังหลิน หวังหลินพลันร้องตะโกนด้วยสีหน้ามืดมน “ผนึก!”
เพียงคำเดียว อักขระรูนสีแดงหลายแสนรูปก่อตัวขึ้นมา ท่ามกลางพวกมันมีสองชิ้นที่มีกลิ่นอายทรงพลัง เหล่าอักขระรูนสีทองโจมตีเข้าใส่ผนึกทลายวิญญาณสิบโคจรเพื่อทำให้พลังมันอ่อนแอลง
ทว่าผนึกทลายวิญญาณนี้แข็งแกร่งเกินไปและเจาะทะลวงเหล่าผนึกได้ในเสี้ยววินาที แม้จะลดจากสิบโคจรเหลือสี่โคจร มันก็ร่อนลงบนหน้าอกหวังหลินดุจสายฟ้า
มันแทงเข้าไปในร่างหวังหลิน แบ่งตัวออกเป็นแสงสีแดงสี่สายพุ่งเข้าหาวิญญาณดั้งเดิม
ร่างหวังหลินปะทุเสียงดังป๊อปออกมาจากข้างใน ใบหน้าซีดเผือดแต่ดวงตาเต็มไปด้วยจิตสังหารเข้มข้น เขาล่าถอยกลับไปพร้อมตราประทับผนึกเทพ
เพียงเสี้ยววินาทีเขาก็ล่าถอยไปได้ไกลมาก
‘ยังไม่ตายอีก!’ แววตาฟินิกซ์ของเหยาปิงหยุนส่องประกายเจิดจ้า ซิ่วมู่คนนี้ประหลาดยิ่ง ถ้าเขาหนีรอดความตายไปได้ครั้งก่อนด้วยความโชคดีนั่นเกือบจะอธิบายได้ ทว่าครั้งนี้นางใช้พลังเต็มที่ก็ยังไม่สามารถฆ่าเซียนขั้นรูปธรรมหยางได้ นี่ทำให้ดวงตาของนางต้องหรี่แคบลง
‘เขาต้องมีสมบัติเทพที่ปกป้องวิญญาณดั้งเดิมได้!’ เหยาปิงหยุนเหยียดยิ้มพลางก้าวไปข้างหน้า น้ำแข็งด้านหลังแพร่กระจายอย่างต่อเนื่องเข้าหาหวังหลิน
วิญญาณหวังหลินสั่นสะท้านจ้องเหยาปิงหยุนที่กำลังไล่ตามมาด้วยจิตสังหาร พลันยกแขนขวาขึ้นมาและตวัดลง
ส่งตัดสวรรค์ออกไปทว่าไม่ได้มีเป้าหมายที่เหยาปิงหยุน แต่เป็นชั้นดินโคลนด้านข้างจนแตกกระจายเสียงดังปัง
‘อสรพิษพิฆาตจันทร์ชอบความเงียบและเกลียดเสียงดัง!’ หวังหลินรู้นิสัยของมันดี ดังนั้นจึงระเบิดชั้นดินโคลนข้างๆเขา
เหยาปิงหยุนเผยแววตาแฝงการประชดประชัน ถ้าเป็นข้างนอกนางคงไม่สามารถไล่ทันได้เนื่องจากความสามารถในการใช้วิชาบิดมิติ นางจึงชื่นชมซิ่วมู่คนนี้ยิ่งนัก
ทว่าตรงปัจจุบันนี้ไม่สามารถเคลื่อนที่พริบตาหรือผสานตัวกับโลกได้ ถ้านางต้องการไล่ตามเขาทันมันก็ง่ายดายมาก ใต้ฝ่าเท้านางปรากฏแสงสีฟ้าและนางเคลื่อนไหวกระพริบวูบวาบ แม้จะไม่ใช่การเคลื่อนที่พริบตา ความเร็วก็พุ่งขึ้นสูงและไล่ตามทันได้ทันที
ทว่าขณะที่นางกำลังจะตามทันนั้น ฝ่ามือขวาสร้างผนึกสังเกตว่าแววตาซิ่วมู่ที่เยือกเย็นไร้ความตื่นตระหนก เหยาปิงหยุนประหลาดใจแต่ไม่มีเวลาคิดและโจมตีตรงๆ
ขณะนั้นกลิ่นอายเย็นเยียบเหนือจินตนาการพลันปรากฏจากชั้นดินโคลนที่หวังหลินกำลังโจมตี อสรพิษพิฆาตจันทร์ยาวพันฟุตพุ่งออกมาเข้าหาเหยาปิงหยุนและหวังหลิน
‘นั่นมันตัวอะไร!?!’ เหยาปิงหยุนไม่เคยพบอสรพิษสักตัวจนกระทั่งตอนนี้ รูปลักษณ์ของมันน่าเกลียดน่ากลัว ร่างกายปกคลุมไปด้วยเส้นขนจนทำให้จิตใจเหยาปิงหยุนต้องสั่นเทา
กลิ่นอายของมันไม่ด้อยไปกว่าเซียนขั้นส่องสวรรค์เลยแม้แต่น้อย!
จังหวะที่อสรพิษปรากฏตัว หวังหลินลบกลิ่นอายตัวเองทันที นี่คือทางเลือกสุดท้ายของเขา จังหวะที่มันปรากฏขึ้นมานี้จะทำให้เกิดความโกลาหลและจากนั้นเขาจึงจะมีโอกาสหลบหนี
หวังหลินเตรียมการเพื่อให้อสรพิษพิฆาตจันทณ์ไล่ตามมาไว้แล้ว นอกจากนั้นเป้าหมายของอสรพิษก็ไม่สามารถคาดเดาได้ มีโอกาสห้าในสิบส่วนที่จะไล่ตามเหยาปิงหยุน แต่ก็มีโอกาสห้าในสิบส่วนเท่ากันที่จะไล่ตามเขา
ทันใดนั้นอสรพิษก็บิดร่างของมัน เส้นผมเส้นขนบนร่างตั้งชูชน มันเร็วอย่างยิ่งและสิ่งที่ทำให้หวังหลินรู้สึกเจ็บปวดนั่นก็คือมันไม่ได้มองมาที่เหยาปิงหยุนแต่กลับพุ่งใส่เขา
เหยาปิงหยุนสร้างผนึกไว้ในมือแล้ว แต่หลังจากเห็นแบบนี้นางก็หยุดลง ไล่ตามหลังอสรพิษแทนที่จะไล่ล่าหวังหลิน
หวังหลินถอยร่นต่อไป ตราประทับผนึกเทพหมุนเป็นวงกลมอย่างรวดเร็วก่อตัวเป็นพลังสายหนึ่งหยุดหนึ่งคนหนึ่งอสูรที่กำลังไล่เขามา
เส้นผมเส้นขนบนร่างอสรพิษตัวนั้นตั้งชูขึ้นราวกับมันกำลังตื่นเต้น ขณะที่มันไล่ตามหวังหลินก็อ้าปากขนาดใหญ่ออกมากลืนกินอย่างต่อเนื่องและเผยท่าทีสบายๆ
ฉากเหตุการณ์นี้ทำให้หวังหลินตกตะลึง ขณะนั้นแววตาเหยาปิงหยุนเต็มไปด้วยจิตสังหาร พลันก้าวมาข้างหน้าผ่านอสรพิษพิฆาตจันทร์และพุ่งใส่หวังหลิน เมื่อนางมาถึงเบื้องหน้าหวังหลิน สองดัชนีปลดปล่อยแสงสีฟ้าเข้มข้นและชี้ใส่หวังหลินอย่างโหดเหี้ยม
ก่อนที่หวังหลินจะต่อต้านได้ อสรพิษพิฆาตจันทร์ตัวนั้นพลันร้องคำรามโกรธเกรี้ยว เส้นผมเส้นขนทั้งหมดบนร่างพลันยืดออกมาและพุ่งเข้าหาเหยาปิงหยุน
ราวกับเหยาปิงหยุนกำลังขโมยบางอย่างที่มันชอบ อสรพิษพิฆาตจันทร์มีหนวดมากมายและทั้งหมดนั้นพุ่งออกมา ทั้งร่างหลักก็พุ่งตรงใส่เหยาปิงหยุนด้วย
ดวงตาหวังหลินส่องสว่างและเผยความมุ่งมั่น เขาไม่ล่าถอยแล้วและยกแขนขวาขึ้นมา ชุดเต๋าร่วงโรยพลันปรากฏบนหลังมือและโผล่ออกมา กระดูกอสูรน่าเกลียดพลันเรืองแสงชั่วร้ายและกลิ่นอายปิศาจเต็มไปทั่วบริเวณ
เหยาปิงหยุนใบหน้ามืดมน เบื้องหน้านางคือหวังหลินแต่ด้านหลังคืออสูรบ้าคลั่ง นางไม่เข้าใจจริงๆเพราะเห็นได้ชัดว่าอสูรตัวนี้กำลังโจมตีซิ่วมู่ แต่เมื่อนางตัดสินใจช่วยเหลือ ทำไมถึงถูกโจมตีแทน?
ฝ่าเท้าของเหยาปิงหยุนปรากฏแสงสีเทาและมีกลิ่นอายชั่วร้ายหนาแน่น ขณะเดียวกันหนวดของอสรพิษกำลังเข้ามาใกล้และร่างใหญ่ยักษ์ของมันกระแทกใส่นางตรงๆ
เหยาปิงหยุนกัดฟันแน่น ฝ่ามือสร้างผนึกโดยไม่ลังเลทำให้ปรากฏแกนพลังสีฟ้าออกมา แกนพลังปลดปล่อยกลิ่นอายเย็นเยียบ ยามที่เหยาปิงหยุนชี้ผนึกขึ้นข้างบน แกนพลังสีฟ้าพลันปลดปล่อยความหนาวเย็นยิ่งยวด
พริบตานั้นน้ำแข็งหลายชั้นปรากฏขึ้นมาโดยมีเหยาปิงหยุนอยู่ใจกลาง มันแพร่กระจายอย่างรวดเร็วจนแสงสีเทาจากชุดเต๋าร่วงโรยถูกแช่แข็ง
แม้กระทั่งหนวดมากกว่าครึ่งของอสรพิษยังถูกแช่ไปด้วย ทว่าขณะนั้นเสียงคำรามหลายแห่งโผล่ออกมาจากทุกทิศทาง ตามมาด้วยอสรพิษพิฆาตจันทร์มากกว่าสี่ตัวพุ่งเข้าหาเหยาปิงหยุน
เหยาปิงหยุนใบหน้าซีดทันที ตาถลนออกมาด้วยความหวาดหวั่น นางคว้าแกนพลังสีฟ้าและถอยหนีโดยไม่ลังเล
ขณะนั้นแววตาหวังหลินกระพริบจิตสังหารวาบ เขาเป็นคนมุ่งมั่นและกล้าหาญมาเสมอ ดวงตาหรี่แคบและรวบรวมแกนพลังดั้งเดิมไว้ในร่างกายจากนั้นพุ่งออกไป
หวังหลินร่ายวิชาให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ ดัชนีสร้างเป็นกระบี่ใช้เรียกขานสายลมและชี้ออกไป!
เรียกขานสายลม!
สายลมทมิฬปรากฏขึ้นมาก่อตัวเป็นพายุพุ่งเข้าหาเหยาปิงหยุน ขณะเดียวกันอสรพิษหลายตัวก็มาถึง กักขังเหยาปิงหยุนและส่งเสียงคำรามไปด้วย
เหยาปิงหยุนสีหน้าซีดราวกับคนตาย นางบ่มเพาะฝึกฝนเซียนมานานแต่ยังไม่เคยเผชิญเหตุการณ์วิกฤตเช่นนี้มาก่อน นางมองแกนพลังในมือและเจ็บปวดหัวใจ ทว่ากัดฟันแน่นบีบขยี้โดยไม่มีอาการลังเล!
แกนพลังสีฟ้าพลันถูกบีบแตก พลังบ้าคลั่งมหาศาลระเบิดจากภายในและก่อตัวกลายเป็นวังวนน้ำแข็ง ขณะที่แผ่กระจายออกมาทุกสิ่งที่อยู่ภายในกลายเป็นน้ำแข็งไปหมด พลังมหาศาลนี้แพร่กระจายผ่านรอยร้าวในพื้นดินและทุกสิ่งภายในระยะหลายพันลี้ถูกปกคลุมไปด้วยชั้นน้ำแข็งบางๆ
“น้ำแข็งหลบหลีก!” แขนซ้ายเหยาปิงหยุนสร้างผนึกและรีบพุ่งออกไป เมื่อมีน้ำแข็งที่เกิดจากวังวน เหยาปิงหยุนสามารถหลบหนีไปที่ไหนก็ได้ที่มีน้ำแข็ง
ขณะที่ร่างเหยาปิงหยุนหายตัวไป หลังจากหวังหลินใช้เรียกขานสายลมเขาก็ชี้ใส่เหยาปิงหยุนโดยไม่ลังเล!
หยุด!
ร่างเหยาปิงหยุนพลันชะงักค้างจากนั้นแทบจะเป็นเวลาเดียวกันนางก็กลับสู่สภาวะปกติและหายตัวไป แต่อย่างไรการหยุดชะงักนั้นได้ทำให้สายลมทมิฬเจาะผ่านน้ำแข็งเข้าไปได้ เสียงกรีดร้องอู้อี้ค่อยๆจางหายเข้าไปในความว่างเปล่า
แววตาหวังหลินกระพริบจิตสังหารวูบวาบ ขณะที่น้ำแข็งแพร่กระจายเข้าหา หวังหลินพลันถอนตราประทับผนึกเทพและรีบจากไปโดยไม่หันกลับมามอง
หลังจากนั้นไม่นานหวังหลินก็หลีกเลี่ยงอันตรายด้วยความระมัดระวัง เขามาถึงด้านบนของกระดูกอสรพิษ ที่นี่มีเส้นประสาทเชื่อมต่อระหว่างกระดูกและอสรพิษพิฆาตจันทร์อยู่
พอมาถึงที่นี่ หวังหลินก็ยิ่งระมัดระวังตัวมากขึ้น เดิมทีการเชื่อมต่อระหว่างกระดูกและอสรพิษนั้นถูกผนึกไว้อย่างหนาแน่น แต่เนื่องจากเขาดึงกระดูกออกไปคราวก่อนจึงมีช่องว่างมากมายที่สามารถเคลื่อนผ่านไปได้
ช่องว่างพวกนี้บอบบางสำหรับอสรพิษพิฆาตจันทร์ แต่สำหรับหวังหลินแล้วพวกมันเหมือนปืนใหญ่ ร่างกายเขากระพริบวูบวาบเข้าไปในช่องว่างพวกนั้น จากนั้นก็พลันหยุดชะงัก
เบื้องหน้าเขาคือเส้นด้ายแดงดุจใยแมงมุม เส้นด้ายพวกนี้ดูเหมือนจะลึกลงไปไม่มีสิ้นสุดและปกคลุมไปทั้งพื้นที่
หวังหลินขบคิดและก้าวไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง เขาจ้องเส้นด้ายแดงนับไม่ถ้วนเบื้องหน้าพลางยกแขนขวาขึ้นมาบีบไปหนึ่งเส้นและดึงอย่างโหดเหี้ยม!
ทั้งดวงดาวที่ก่อตัวขึ้นจากอสรพิษพลันสั่นสะท้าน ฝุ่นผงมากมายเตะขึ้นกลางอากาศ แม้แต่สายหมอกยังหดตัวลง
แววตาหวังหลินส่องสว่างขึ้น เขาไม่ลังเลอีกแล้ว พลันยกแขนขวาขึ้นมาและส่งตัดสวรรค์ออกไปหลายครั้ง ด้ายแดงมากมายถูกตัดออกมา ร่างอสรพิษสั่นสะท้านอย่างรุนแรงยิ่ง
การสั่นสะเทือนนี้กลับยิ่งทำให้หมอกทมิฬรอบๆถูกดูดเข้าไปข้างในทั้งหมด ฝุ่นผงจำนวนมากกระจัดกระจายเนื่องจากอสรพิษสั่นเทา
เสียงร้องคำรามคล้ายมาจากยุคโบราณได้ส่องออกมาจากร่างอสรพิษพิฆาตจันทร์!