Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 848

Cover Renegade Immortal 1

848. เต๋าของเหยาปิงหยุน

ภาพหยินหยางหมุนเป็นวงกลมอย่างช้าๆในท้องฟ้าเหนือหวังหลิน ภาพสีขาวดำปลดปล่อยพลังดั้งเดิมอันทรงพลัง หมุนเป็นวงกลมดูดซับความนึกฝันจากสิ่งมีชีวิตทุกอย่างในดาวเคราะห์เพื่อก่อร่างเป็นพลังฝืนลิขิตฟ้า

จากนั้นมันก็พุ่งเข้าสู่ท้องฟ้า!

ท้องฟ้าทั่วทั้งหมดเปลี่ยนสีสันราวกับถูกพลังล่องหนบังคับให้ถอยกลับไป วินาทีถัดมาท้องฟ้าก็ยังเป็นท้องฟ้า แต่ในสายตาหวังหลินมันกลับเงียบสงบมาก

ขณะเกิดเรื่องนี้ขึ้นมา ณ สถานที่อันห่างไกลตรงจุดเขตแดนทั้งสี่ทิศตัดกัน ฉิงชุ่ยกำลังฝึกฝนอยู่ในอารามเทพอัสนีอย่างเงียบๆ ทันใดนั้นเขาพลันลืมตาขึ้นมา

ดวงตาสงบนิ่งไร้สิ่งรบกวน ลืมตาขึ้นมามองออกไปไกลราวกับสายตาสามารถเจาะทะลุดวงดาราได้

‘ครั้งนึงอาจารย์พูดติดตลกว่าหากมีใครสักคนสามารถเรียนหนึ่งในวิชาของเขาได้ คนผู้นั้นถือว่าเป็นศิษย์ของป๋ายฟ่าน…คนผู้นี้เรียนวิชาเรียกขานสายลมได้ด้วยโอกาส…’ ฉิงชุ่ยขบคิดเงียบๆชั่วขณะ ดวงตาเผยแววหดหู่

‘อาจารย์ ศิษย์ไร้ความสามารถ…อย่างไรเสียถึงแม้จะผ่านมานานหลายหมื่นปี ข้าก็ต้องหาเหตุผลว่าทำไมแดนสวรรค์ถึงล่มสลายและทำไมข้าถึงบ้าคลั่งไป ข้าจะแก้แค้นให้ท่าน!’

บนดาวฉิงหลิง หวังหลินถอนสายตาออกมาจากท้องฟ้า หลังจากรู้แจ้งมาเขาก็เหลืออีกเพียงครึ่งก้าวสู่ขั้นส่องสวรรค์ เข้าเพียงต้องใช้ความคิดเพื่อกลายเป็นเซียนขั้นที่สองที่แท้จริง

การบรรลุขั้นส่องสวรรค์ด้วยเวลาการบ่มเพาะเกินพันปีมาเล็กน้อยถือว่าเพียงพอทำให้ทุกคนตกตะลึง หวังหลินผู้มีพรสวรรค์ดาษดื่นแต่กลับมีความคิดเป็นของตัวเองและมีนิสัยไม่ยอมแพ้ สามารถบรรลุระดับอันสูงส่งได้ด้วยความขยันหมั่นเพียรถึงพันปีเท่านั้น!

ตอนที่เขายังอยู่บนดาวซูซาคุ ไม่มีใครล่วงรู้ว่าเขาจะมาได้ไกลขนาดนี้!

หวังหลินใบหน้าสงบนิ่ง ตอนที่ตื่นขึ้นมาเขาปลดปล่อยระดับบ่มเพาะเพียงเล็กน้อยเท่านั้นก็ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ได้แล้ว หวังหลินจินตนาการว่าถ้าตอนที่เขาทะลวงผ่านระดับชั้น ทัณฑ์สวรรค์จะมาหาทันที

‘ทัณฑ์สวรรค์เป็นสิ่งประหลาดนัก ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นตอนที่ข้าผ่านพ้นเวรกรรมนั้นทั้งหมด ข้าต้องระมัดระวังและไม่ประมาท!’ ตอนที่เขาไม่ยอมแพ้ต่อต้านสวรรค์ยามบรรลุขั้นเทวะ ทุกครั้งที่ระดับบ่มเพาะของเขาเพิ่มสูงขึ้น เขาจะถูกทัณฑ์สวรรค์ระงับเอาไว้

พลังอำนาจของทัณฑ์สวรรค์ถือว่าทรงพลังยิ่งและแปลกประหลาดมากกว่าก่อนนัก!

หวังหลินก้มศีรษะมองที่เหยาปิงหยุนที่่ยังไม่ตื่น แขนขวากดประทับลงระหว่างคิ้วของนางโดยไม่ลังเล!

‘กลืนกินเขตแดนคือหนทางที่ผิดพลาด อย่างไรก็ตามความคิดนี้ก่อนหน้าดังสะท้อนอยู่ในใจข้า หากไม่ได้รู้แจ้ง ข้าคงจมอยู่ในสภาวะวิกฤตของเต๋าตัวเองจนถูกทำลาย!’

จังหวะที่ดัชนีสัมผัสหน้าผากเหยาปิงหยุน หวังหลินเผยแววตาแสงลี้ลับราวกับเขาผสานเข้ากับโลก

‘เส้นทางที่ถูกต้องไม่ใช่การกลืนกินแต่เป็นการยืมมันเพื่อความเข้าใจ! ยืมเต๋าของคนอื่นเพื่อพิสูจน์เวรกรรม! นี่คือหนทางที่ถูกต้องเพื่อทำให้เต๋าเวรกรรมบรรลุความสมบูรณ์!’

หวังหลินสูดหายใจลึกและค่อยๆหลับตา เขตแดนปรากฏขึ้นมา ปลาสีดำและสีขาวในท้องฟ้าค่อยๆหมุนวงกลมและคล้อยลงมา กระทั่งหดเข้าไปในร่างเขาและเหยาปิงหยุน

ลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าในร่างหวังหลินเริ่มหมุนเป็นวงกลมและค่อยๆดูดซับหยินหยาง

“น้องสาว…น้องสาว…” น้ำเสียงอ่อนแอดังออกมาจากความว่างเปล่า น้ำเสียงนี้เต็มไปด้วยความโศกเศร้ามิอาจอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ เมื่อมันตกลงถึงหูของคนผู้หนึ่งคงทำให้จิตใจคนผู้นั้นสั่นเทาในความเจ็บปวด

น้ำเสียงเอ่ยพึมพำขึ้นมา “น้องสาว…พี่ใหญ่จะช่วยเจ้าเอง…เจ้าต้องอดทนไว้…รอข้า…” ความเศร้ารุนแรงยิ่งและไม่จางหายไปไหน

ในความว่างเปล่าอันมืดมิดนั้น หวังหลินฟังเสียงนี้อย่างเงียบๆ เขาไม่ได้รู้สึกยินดีหรือเศร้าเสียใจอะไรทั้งนั้น

ขณะที่น้ำเสียงดังสะท้อนไป ก้อนเมฆคล้ายปรากฏขึ้นมาในความว่างเปล่า ห่อหุ้มรอบบริเวณราวกับหวังหลินอยู่ในส่วนลึกของมัน ข้างในนั้นคือหญิงสาววัยเยาว์กำลังกอดเข่าอยู่ สายตาเต็มไปด้วยความลังเลและหวาดกลัว

นางอายุสิบห้าสิบหก ร่างกายบอบบาง เพียงแค่สายลมพัดก็พานางออกไปไกลได้แล้ว ภายใต้เรือนผมพริ้วไสวนั้น ผิวพรรณของนางซีดขาวและไร้กำลัง

“พี่ใหญ่…พี่ใหญ่…” น้ำเสียงขี้กลัวดังออกมาจากนาง

“พี่ใหญ่สัญญาว่าในช่วงขีวิตนี้ ข้าจะมาหาและช่วยเจ้าแน่นอน…น้องสาว…อย่าร้อง พี่ใหญ่ของเจ้าอยู่ที่นี่…”

“อย่ากลัวไปเลย เจ้าแค่กำลังไปอยู่ที่ไกลๆเพื่อรอพี่ใหญ่ เมื่อข้ามีพลัง ข้าจะมาช่วยเจ้าแน่นอน!”

“อย่าร้องนะ แม่ไม่อยู่ที่นี่อีกแล้ว เหลือเพียงแค่เราสองคน จะไม่มีใครแกล้งเจ้าได้ ฟังคำพูดของพี่ไว้ อดทนและรอข้า!”

หญิงสาวเงยศีรษะขึ้นมา พึมพำด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา “พี่ใหญ่ ข้าไม่อยากไป…ข้ากลัว…” นางกำลังร้องไห้ แต่มือแก่ๆคู่หนึ่งพลันปรากฏขึ้นมาจากความว่างเปล่า มือคู่นั้นตรงเข้าคว้าหญิงสาวและนางหายวับออกไปไกล

“พี่ใหญ่!! พี่ใหญ่!!” เสียงร้องขอความช่วยเหลือดังสะท้อนออกไปต่อเนื่อง แต่ท้ายที่สุดมันก็ค่อยๆหายไป

“น้องสาว…ในช่วงชีวิตของข้า ข้าจะต้องได้รับพลังมาเพื่อช่วยเจ้าแน่นอน รอข้านะ พักอยู่ที่นี่และรอก่อน…” เสียงร้องไห้ดังระงมและมีความโศกเศร้าที่มิอาจอธิบายออกมาได้

ความเศร้านี้ดูเหมือนจะบรรจุพลังอำนาจทำลายโลกได้ เมื่อมันเต็มทั่วบริเวณจึงทำให้มิติแตกสลาย ก่อเกิดพายุพัดพาทุกอย่างเข้าไปและต้องการฉีกกระชากทุกอย่างให้ขาดออกจากกัน!

ความว่างเปล่าแตกสลายเผยเป็นเส้นทางพื้นดินขนาดใหญ่สีเขียวด้านล่าง บนพื้นนั้นคือหญิงสาวสองคนกำลังหัวเราะพลางเล่นไล่จับกัน

หญิงสาวสองคนนี้ไม่ได้แก่นัก เห็นได้ชัดว่าทั้งคู่เป็นพี่น้องกัน หญิงสาวที่กำลังไล่มีรูปร่างผอมบาง แม้ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มแต่กลับซีดเผือดน่าหวากลัว

“น้องสาว ถ้าเจ้าจับพี่ใหญ่ได้ ข้าจะซื้อลูกอมให้นะ!” หญิงสาวด้านหน้าหันกลับมามองน้องตัวเองและหัวเราะ

“พี่ใหญ่ ช้าลงหน่อย” หญิงสาวพุ่งไปข้างหน้าแต่ขณะกำลังเริ่มวิ่งนางก็ฟุบลงและเริ่มร้องไห้

พี่สาวรีบวิ่งเข้ามาและนั่งคุกเข่าลง นางเอ่ยเสียงนุ่ม “อย่าร้องไห้ เมื่อเรากลับไปพี่ใหญ่จะซื้อลูกอมให้” ก่อนที่นางจะพูดจบ น้องสาวปาดน้ำตาแลจับเสื้อผ้าของผู้พี่ในทันทีและเอ่ยเสียงหัวเราะ “พี่ใหญ่ ข้าจับได้แล้ว!”

“เจ้าโกงนี่นา!” สองหญิงสาวหัวเราะ

หลังจากนั้นไม่นานดูเหมือนจะเหน็ดเหนื่อยกันแล้วจึงนั่งลงบนพื้น หญิงสาวผู้น้องมองขึ้นหาพี่สาวและเอ่ยเสียงเบา “พี่ใหญ่ ทำไมท่านปู่บรรพชนถึงพาเรามาที่นี่? เพื่อให้เรามาเจอแม่ใช่ไหม? ข้าคิดถึงแม่…”

ขณะนั้นท้องฟ้าก็เปลี่ยนสี ก้อนเมฆสีแดงจำนวนมากเริ่มรวมกันเหนือทั้งสองคน วินาทีถัดมาก้อนเมฆก็ก่อตัวเป็นร่างคนผู้หนึ่ง

คนผู้นี้เป็นชายวัยกลางคนและดูหล่อเหลามาก เขาปลดปล่อยกลิ่นอายของเทพออกมาด้วย

ชายวัยกลางคนมองหญิงสาวสองคนด้วยสายตายุ่งยาก จากนั้นร่อนลงบนพื้นและเอ่ยเสียงเบา “ปิงหยุน หมิงหยุน ตามมา!”

หญิงสาวผู้ถูกเรียกว่าหมิงหยุนพลันกล่าวด้วยความสุข “ท่านลุงหยุนกำลังจะพาเราไปเจอแม่ใช่ไหม?”

สายตาของชายวัยกลางคนยิ่งซับซ้อนมากขึ้นกว่าเดิม เขามองหญิงสาวสองคนและกำหมัดแน่น สายตาแน่วแน่พยักหน้าขึ้นลง “ลุงจะพาเจ้าทั้งสองไปเจอแม่!” สิ้นคำเขาพลันโบกแขนเสื้อและจับสองสาวขึ้นไปทันที ก้อนเมฆใต้ฝ่าเท้าเคลื่อนไหวพุ่งเข้าหาท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว

‘บรรพชน เด็กสองคนนี้ไร้เดียงสา แม้ข้าเหยาหยุนจะต้องถูกลงโทษหนักหนาแค่ไหน ข้าก็จะพาเด็กสองคนนี้ออกไปจากดาวโลหิต!’ ชายวัยกลางคนกัดฟันแน่น ก้อนเมฆใต้ฝ่าเท้าเหาะเหินขึ้นสู่ท้องฟ้า

ทว่าขณะนั้นท้องฟ้าพลันเปลี่ยนไปและมีมือมารปรากฏชึ้นมาคว้าก้อนเมฆแดง พริบตาเดียวก้อนเมฆก็แตกสลายทีละนิ้วเผยกลายเป็นชายวัยกลางคนใบหน้าซีดเผือดและสองสาวตัวน้อยผู้หวาดกลัว

“เหยาหยุน กลับมา!” เสียงพูดเก่าแก่ เต็มไปด้วยอำนาจที่ไม่ยอมให้ใครต่อต้าน!

เหยาหยุนใบหน้าโกรธและตะโกนขึ้นมา “ทำไมเล่าท่านบรรพชน!? ทั้งสองต่างก็เป็นคนตระกูลเหยาของเราเช่นกัน!”

“นั่นเพราะทั้งสองคือคนตระกูลเหยาที่ถูกลิขิตชีวิตเอาไว้แล้ว! ทั้งสองหนีไปไม่ได้! ตั้งแต่พวกนางเกิดได้ถูกลิขิตให้กลายเป็นวิญญาณของสมบัติวิเศษแล้ว!” น้ำเสียงเก่าแก่นั้นไม่ใช่คำถาม สายลมกรรโชกพัดผ่านท้องฟ้านำพาเอาชายวัยกลางคนและสองหญิงสาวไปด้วย

ด้านนอกโถงบรรพชนตระกูลเหยา ร่างเหยาหยุนถูกบังคับให้ออกมาจากความว่างเปล่า ใบหน้าซีดเผือดและกระอักโลหิต หลังจากร่อนลงมาเขาก็ถอยไปหลายสิบฟุตและหัวเราะอย่างสังเวช

เขาเฝ้าดูสองหญิงสาวถูกนำพาเข้าไปในโถงบรรชน พวกนางเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและสับสน ราวกับกำลังถูกโถงบรรพชนกลืนกินเสียอย่างนั้น

หวังหลินเห็นทั้งหมดนี้เช่นเดียวกัน เขาเฝ้ามองด้วยสภาวะลึกลับเพื่อยืนยันเต๋าของเหยาปิงหยุน! ทั้งหมดนี้ถูกเต๋าของเหยาปิงหยุนสร้างขึ้นมา มันคือรากฐานของเต๋า!

“บรรพชน สมบัติวิเศษของตระกูลสำคัญขนาดนั้น? ปิงหยุนและหมิงหยุนไม่มีพ่อ แม้กระทั่งแม่ของพวกนางก็เป็นเพียงเครื่องมือให้กำเนิดเด็กสองคนเพื่อผสานกันกับจิตวิญญาณสมบัติ…”

“ทั้งสองคนจะกลายเป็นวิญญาณดวงใหม่ของสมบัติวิเศษ…”

เหยาหยุนเผยรอยยิ้มอนาถใจ เขารักใคร่เอ็นดูเด็กทั้งสองคนนั่นก็เพราะแม่ของพวกนางคือน้องสาวเขา…ทั้งยังเป็นชนรุ่นที่สองผู้มีพรสวรรค์สูงสุดตลอดหลายปีที่ผ่านมา!

‘พี่ใหญ่พูดถูก ท่านบรรพชนถูกปิศาจครอบงำไปแล้ว ตระกูลเหยาในอดีตไม่มีเหลืออีกต่อไป…ตอนที่พี่อาวุโสตัดสินใจจากไป ข้างุนงงยิ่ง แต่ตอนนี้ข้าเข้าใจความคิดของพี่ใหญ่แล้ว…’

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!