849. ถอยหนึ่งก้าว
หวังหลินมองทุกอย่างด้วยความสงบนิ่ง จิตใจไม่หวั่นไหว เฝ้ามองดูโดยไม่มีสุขหรือเศร้าอะไร
ข้างในโถงบรรพชน ใบหน้าสองสาวเต็มไปด้วยความตระหนกและทำตัวไม่ถูก ร่างน้องสาวกำลังสั่นเทากุมพี่สาวแน่น ราวกับเป็นทางเดียวที่จะทำให้นางรู้สึกปลอดภัย
“พี่ใหญ่ ข้ากลัว ข้ากลัว…” น้ำเสียงสั่นเทา เกาะเสื้อผ้าพี่ตัวเองไว้แน่นแม้นิ้วมือจะซีดขาว
ขณะน้องสาวเกาะกุมอยู่นั้น เหยาปิงหยุนใบหน้าไร้สีเลือดและแววตาหวาดกลัวสุดขีด นางรู้สึกคลุมเครือว่าสิ่งที่กำลังรอคอยอยู่น่ากลัวยิ่งกว่าความเป็นความตาย!
ชายชราผู้หนึ่งนั่งอยู่ข้างหน้าสองสาว เขาสวมชุดคลุมสีแดงโลหิต คิ้วและสีผมต่างเป็นสีแดง ใบหน้าแก่ชรายิ่ง ยามที่ลืมตาขึ้นมากลับมีแสงไร้ตัวตนยิงออกมาด้วย
“สำหรับคนตระกูลเหยาของข้า การทำให้ตระกูลเหยารุ่งเรืองขึ้นไปอีกหลายรุ่น เจ้าทั้งสองจะต้องกลายเป็นวิญญาณสมบัติ!”
ขณะที่ชายชราพูดขึ้นมา เขายกแขนขวาและชี้ออกไป รอยร้าวยาวสามฟุตปรากฏด้านหน้าและสายลมเย็นพัดปลิวออกมา จากนั้นตะเกียงโบราณค่อยๆลอยออกมาจากรอยร้าว
ตะเกียงน้ำมันจุดไฟสีน้ำเงินพร่ามัวช้าๆ มันไม่ได้ให้ความร้อนแต่กลับให้ความหนาวเย็นสุดขั้วแทน
ตะเกียงน้ำมันลอยขึ้นไปอยู่ระหว่างสองสาวและชายชรา เปลวเพลิงวูบไหวแรงกล้าทันทีและยิงประกายพุ่งเข้าหาสองหญิงสาว
“นี่คือสมบัติของตระกูลเหยา สร้างมาตั้งแต่แดนสวรรค์ มันไม่เคยมอดดับ เป็นสัญลักษณ์แห่งชีวิต! แต่ว่าเมื่อห้าร้อยปีก่อนมันแสดงสัญญาณการสิ้นสุดออกมา ข้าคาดคำนวณมานานและในที่สุดก็พบเหตุผล”
“วิญญาณสมบัติกำลังแตกสลายและเมื่อมันสลายหายไป เปลวเพลิงจะมอดดับอย่างสมบูรณ์…ข้าจึงใช้เวลาไปสามร้อยปีแยกวิญญาณสมบัติส่วนหนึ่งออกมาและจากนั้นใส่มันเข้าไปในผู้มีพรสวรรค์ที่สุดของตระกูลเหยา บ่มเพาะหล่อเลี้ยงมาสองร้อยปีนางจึงให้กำเนิดเจ้าสองคน!”
“นี่คือโชคชะตาของเจ้า เจ้าไม่อาจหนีรอดไปได้! เจ้าถูกลิขิตให้กลายเป็นวิญญาณสมบัติ!” น้ำเสียงชายชราสงบนิ่งเป็นอย่างยิ่ง
หลังเอ่ยขึ้นมา เปลวเพลิงจากตะเกียงน้ำมันก็เข้มข้นทันที เปลวเพลิงเปลี่ยนกลับเป็นก้อนเมฆเพลิง
เมื่อก้อนเมฆเพลิงเคลื่อนไหวมันก็กลายร่างเป็นมารสองเขา ร่างกายใหญ่โต ทั้งร่างถูกสร้างขึ้นด้วยเปลวเพลิงและถูกออกไป!
“มารโบราณ!” เมื่อเห็นเช่นนี้ ความคิดจึงสั่นสะท้าน
มารที่เกิดขึ้นจากเพลิงตัวนั้นคือมารโบราณ! ทั้งห้องโถงบรรพชนถูกห่อหุ้มในเปลวเพลิง มารโบราณดุร้ายอ้าปากและกระโจนเข้าใส่สองสาว
หญิงสาวกุมเสื้อผ้าพี่ของตัวเองพลันร้องอุทาน “พี่ใหญ่!!” น้ำเสียงกวาดกลัวนั้นกระทั่งทำให้จิตใจหวังหลินสั่นสะท้าน
ใบหน้าพี่สาวซีดเผือดและหวาดกลัวสุดขีด นางหวาดกลัว หวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง ไม่เคยหวาดกลัวขนาดนี้มาก่อน
เมื่อนางเห็นเจ้ามารใกล้เข้ามา พี่สาวผู้หวาดกลัวนั้นพลันก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว!
ตอนนี้น้องสาวของนางอยู่ด้านหน้าไปแล้ว เจ้ามารกลืนกินนางเข้าไปและถอยกลับอย่างรวดเร็ว
เสื้อผ้าพี่สาวฉีกขาดทั้งที่น้องสาวยังจับมันไว้แน่น…
“พี่ใหญ่…พี่ใหญ่…ช่วยข้า…ช่วย…” เสียงกรีดร้องโหยหวนดังสะท้อนอยู่ภายในโถงบรรพชน ขณะที่เจ้ามารกลืนกินนาง มันก็พลันหยุดชะงัก
พี่สาวนั่งลงบนพื้น ดวงตาเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา นางกัดริมฝีปากจนเลือดไหล สายตาสำนึกผิด ยืนขึ้นและพุ่งเข้าหาเจ้ามารตัวนั้น
“น้องเล็ก น้องเล็ก ส่งน้องเล็กข้าคืนมา กลืนกินข้าไปแทน!!!”
ร่างเจ้ามารบิดเบี้ยวและกลับคืนกลายเป็นตะเกียงน้ำมันอย่างไร้ร่องรอย เปลวเพลิงในตะเกียงส่องสว่างเจิดจ้า ทว่ายังมีภาพหญิงสาวคนหนึ่งดิ้นรนอยู่ข้างในเปลวเพลิงอย่างชัดเจน
“พี่ใหญ่…พี่ใหญ่…”
ชายชราเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดนี้พลันเผยสายตาลี้ลับ สะบัดแขนเสื้อและผู้เป็นพี่สาวถูกผลักไปด้านข้าง เขาจ้องเปลวเพลิงและค่อยๆเผยรอยยิ้ม
“ข้าไม่คิด ข้าไม่คิด…ว่ามันต้องใช้คนเดียวเพื่อกลายเป็นวิญญาณสมบัติ ช่างมันเถอะเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เจ้าก็มีชีวิตรอดได้!”
ผู้เป็นพี่สาวดุจคนที่ไร้วิญญาณ จ้องตะเกียงน้ำมันด้วยดวงตาว่างเปล่า ใบหน้าสำนึกผิดดุจน้ำหลากไหลรินลงตัวนาง
“น้องเล็ก…พี่ไม่ได้ตั้งใจ ข้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ…ข้าควรจะถูกกลืนกิน…มันควรเป็นข้า…น้องเล็ก…” ใบหน้าเหยาปิงหยุนเต็มไปด้วยคราบน้ำตา ร่างกายสั่นสะท้าน ตอนนี้นางไม่ได้รู้สึกกลัวแต่เป็นความเสียใจไม่มีที่สิ้นสุดเท่านั้น
“ข้าไม่ควรถอยเลย…ก่อนที่แม่จากไป ท่านบอกข้าให้ดูแลน้องเล็กดีดี ข้าทำมันไม่ได้…ข้าไม่ควรถอยเลย…” เหยาปิงหยุนมองตะเกียงน้ำมันด้วยความคับแค้น กัดริมฝีปากและคุกเข่าลง นางร้องไห้ “ปู่บรรพชน ข้าเหยาปิงหยุนจะขอกลายเป็นวิญญาณสมบัติเอง แม้นี่จะคือทั้งชีวิต ข้าจะไม่ปริปากบ่น ได้โปรดเถอะท่านปู่บรรพชน ปล่อยหมิงหยุนออกมาแลกกับข้าเพื่อกลายเป็นวิญญาณสมบัติ ได้โปรดท่านปู่บรรพชน! ข้าขอร้อง! ข้าขอร้อง! ข้าขอร้องท่าน…”
เหยาปิงหยุนเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา นางหมอบคลานจนกระทั่งโลหิตไหลออกมาจากหน้าผากแต่นางก็ไม่ยอมหยุด นางอ้อนวอนต่อไป น้ำเสียงนางเพียงพอให้เกือบทุกคนสั่นไหว แม้แต่นิสัยของนางยังทำให้หวังหลินเงียบสนิท!
เสียงร้องไห้ดังสะท้อนภายในโถงบรรพชนและดังออกมาเข้าสู่หูของเหยาหยุน เขาร่ำร้องออกมาดวงตาแดงฉานและพยายามดิ้นรนยืนขึ้น ขณะกำลังจะพุ่งเข้าไปข้างในนั้น พลังสายหนึ่งโผล่ออกมาจากในอาราม เหยาหยุนกระอักโลหิตถูกโยนออกไปพร้อมกัน
“ตระกูลเหยากำลังจะตาย!”
ชายชรามองเหยาปิงหยุนที่กำลังคุกเข่าและอ้อนวอน น้ำเสียงโศกเศร้าของนางเจาะเข้าไปในจิตใจเขาและอดไม่ได้ที่จะเงียบเสียงสนิท แววตาปรากฏร่องรอยสับสนที่หาได้ยากยิ่ง
ทว่าขณะที่ความสับสนปรากฏขึ้นมา มันก็ถูกเขาระงับไว้ทันที แขนขวายื่นออกเข้าหาความว่างเปล่าทำให้ตะเกียงตกเข้าไปในมือและเขาเอ่ยเสียงสงบนิ่ง “นี่คือชะตาของเหยาหมิงหยุน ข้าไม่เปลี่ยนแปลงมันไม่ได้!”
เขาวางตะเกียงน้ำมันกลับเข้าไปในรอยร้าว จากนั้นโบกแขนเสื้อและรอยร้าวค่อยๆปิดลง
“น้องเล็ก!!” เหยาปิงหยุนมองรอยร้าวที่กำลังหายไปและร้องไห้โอดครวญยิ่ง สิ่งที่ตกใจก็คือว่าเต๋าของหวังหลินได้รับผลกระทบไปด้วยและเกือบพังทลาย
“น้องเล็ก เจ้าต้องแข็งแรง แข็งแรงและรอพี่ใหญ่เอาไว้ ข้ายังไม่ได้พาเจ้าไปซื้อลูกกวาดเลย ข้ายังไม่ได้พาเจ้าไปหาแม่เลย…น้องเล็ก แข็งแรงเข้าไว้และรอพี่ใหญ่มาช่วยเจ้า!”
“น้องเล็ก พี่ใหญ่คนนี้จะกลับมาช่วยเจ้าแน่นอน นี่คือคำสัญญาของข้าให้กับเจ้า นี่คือความรับผิดชอบของพี่ใหญ่!”
ท่ามกลางเสียงร้องไห้โศกเศร้านั้น ทุกอย่างที่หวังหลินเห็นพังทลายลงไป โถงบรรพชนไม่มีอยู่ตรงนั้นอีกแล้ว ตะเกียงน้ำมันก็ไม่อยู่นั่น ชายชราก็ไม่อยู่ รอยร้าวก็ไม่มีเหลือ ทุกสิ่งทุกอย่างแตกสลายและกลับคืนสู่ความว่างเปล่าก่อนหน้านี้!
เหลือเพียงสิ่งเดียวที่คงอยู่คือเหยาปิงหยุนผู้กำลังนั่งอยู่บนพื้น ดวงตาสำนึกผิดและเย็นเยียบ…!
“ใครก็ตามที่สามารถช่วยน้องเล็กของข้าได้ ข้า เหยาปิงหยุนจะขอกลายเป็นคนรับใช้ของเจ้าทุกชั่วรุ่น แม้นั่นจะหมายถึงข้าต้องกลายเป็นคนไร้จิตสำนึก ตราบใดที่ข้าสามารถช่วยน้องเล็กของข้าได้ ข้า…ยินยอม!! ไม่มีวันเสียใจ!!” น้ำเสียงเศร้าดังสะท้อนฟ้าดิน เผยใบหน้าเย็นชามุ่งมั่นของเหยาปิงหยุนแต่นางอับจนหนทางยิ่งไปกว่านั้น!
สัมผัสวิญญาณหวังหลินตกตะลึง เขาพบเจอประสบการณ์เต๋าของเหยาปิงหยุนยึดมั่นตัวมันเอง ขณะเดียวกันเต๋าของเหยาปิงหยุนก็เผยขึ้นมาต่อหน้าหวังหลิน
สองสาวน้อยที่พึ่งพากันและกันได้พักอยู่ในความคิดเขามาสักพัก
“ข้า…ทำได้…”
เหยาปิงหยุนผู้กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น นางเงยศีรษะขึ้นมาเหมือนได้ยินอะไรบางอย่าง ทว่าร่างของนางค่อยๆเลือนหายไป
หวังหลินถอนหายใจ ทุกสิ่งทุกอย่างแตกสลายเบื้องหน้าเขา
อีกเหตุการณ์หนึ่งค่อยๆปรากฏด้านหน้า
ที่นี่คือใต้ภูเขาน้ำแข็งที่เหยาปิงหยุนเติบโตขึ้นมา นางนั่งอยู่ข้างใต้ มองตรงมาข้างหน้า สายตาเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
“น้องเล็ก แม้ข้าจะไม่มีความรู้สึกในอนาคตและกลายเป็นคนจิตใจเย็นชา ข้าจะไม่มีวันลืมเจ้า จงแข็งแรงและรอคอยข้า!” หยาดน้ำตาไหลรินลงมาสองข้างแต่นางไม่ได้ปัดมันออกไป นางหลับตาและเริ่มฝึกฝนวิชาต้องห้ามตระกูลเหยา เคล็ดผนึกวิญญาณ!
วิธีการฝึกนี้คือการตัดอารมณ์และความรู้สึกทั้งหมดออกไป เมื่อบรรลุขั้นสำเร็จจะกลายเป็นคนเย็นชายิ่ง นี่คือการฝึกฝนเต๋าไร้ปราณี!
‘ใช้หัวใจที่เต็มไปด้วยความรักเพื่อฝึกฝนเต๋าไร้ปราณี…’ หวังหลินถอนหายใจ เขามองทะลุจิตใจแห่งเต๋าของเหยาปิงหยุนออกอย่างสมบูรณ์
‘จิตใจแห่งเต๋าของนางคือน้องสาว และเขตแดนของนางจึงเป็นความไร้ปราณีแทนที่จะเป็นเต๋าแห่งความรุ่งโรจน์ของบรรพชนตระกูลเหยา’ หวังหลินปรากฏร่างอยู่ข้างกายเหยาปิงหยุน มองนางและส่ายศีรษะ
‘ช่างมันเถอะ ข้าสามารถทำลายจิตใจแห่งเต๋าของนางได้ แต่ว่า…’ หวังหลินชำเลืองมองเหยาปิงหยุนและจากนั้นก็หายตัวไป
หวังหลินลืมตาขึ้นมาบนยอดภูเขาเหิงหยุน ยกแขนขวาขึ้นมาและถอนหายใจ “เจ้าไล่ล่าข้ามาแต่ก็ช่วยข้าทะลวงผ่านไปด้วยเช่นกัน เวรกรรมระหว่างเรานั้นเสร็จสิ้น” หวังหลินสะบัดแขน ผนึกทั้งหมดบนร่างเหยาปิงหยุนสลายหายไป จากนั้นร่างของนางก็ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า
เหยาปิงหยุนค่อยๆลืมตาขึ้นมากลางอากาศ นางเผยแววตาเต็มไปด้วยความสับสนงุนงงอยู่ชั่วครู่ก่อนจะหยุดชะงักมองเห็นหวังหลินนั่งอยู่ตรงนั้น แววตาเต็มไปด้วยอารมณ์ซับซ้อนยิ่ง หลังผ่านไปสักพักนางจึงค่อยๆเอ่ยออกมา “เจ้าเชื่อในการเกิดใหม่ไหม…ตอนนั้น ตอนที่ข้าอยู่ในโถงบรรพชนตระกูลเหยา ข้าได้ยินบางอย่างกำลังบอกข้า…เขาสามารถ…”
“นั่นเป็นเจ้าใช่ไหม?”