Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 850

Cover Renegade Immortal 1

850. การเปลี่ยนแปลงในพลังดั้งเดิม

หวังหลินสงบนิ่งอยู่บนยอดเขาเหิงหยุน เขามองทะลุผ่านจิตใจแห่งเต๋าของเหยาปิงหยุนอย่างละเอียด น้องสาวนางคือจิตใจแห่งเต๋าของนางและนั่นคือข้อบกพร่องเดียวเท่านั้น!

หวังหลินไม่ได้เงยหน้าขึ้นและเอ่ยน้ำเสียงสงบนิ่ง “ข้าไม่สามารถช่วยเจ้าด้วยความแข็งแกร่งปัจจุบันได้!”

เหยาปิงหยุนดูเยือกเย็นอยู่กลางอากาศ นางขบคิดอยู่นานก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่วเบา “บางทีข้าคงได้ยินผิดไป…” นางหันกลับด้วยรอยน้ำตาในมุมอับ และค่อยๆหายตัวไปในท้องฟ้า

ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ หวังหลินไม่ได้เงยศีรษะขึ้นมาเลยแต่กลับหลับตาจมดิ่งไปในเต๋าแห่งเวรกรรมของตนเอง ในร่างกายเขา เหล่าปลาหยินหยางสีขาวและดำค่อยๆเปลี่ยนมาปรากฏตัวด้านหลังและควบแน่นพร้อมกับหมุนเป็นวงกลม

การหมุนแต่ละรอบจะสร้างพลังดึงดูดขึ้นมาดูดทุกสิ่งรอบตัวเขาอย่างต่อเนื่อง จากนั้นทุกสิ่งจะถูกเปลี่ยนกลายเป็นพลังดั้งเดิมเข้าสู่ร่างหวังหลินพร้อมกับส่วนหนึ่งได้ถูกลูกปัดดูดซับไป

ผิวหน้าของลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าพลันเปลี่ยนไป รูปภาพหยินหยางก่อตัวขึ้นมาและหมุนอยู่ในวิญญาณดั้งเดิมหวังหลินอย่างเชื่องช้า

หวังหลินรู้ว่าเขตแดนแห่งเวรกรรมของเขานั้นบรรลุความสำเร็จเล็กๆส่วนหนึ่งไปแล้วจึงทำให้มันกลายเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา นั่นหมายความว่าเขาได้บรรลุขั้นที่สองอย่างแท้จริงด้วยเขตแดนนี้และกลายเป็นเซียนขั้นส่องสวรรค์

ถ้าเขาต้องการบรรลุขึ้นไปจะทำให้ทัณฑ์สวรรค์ตกลงมาและเมื่อผ่านพ้นไปได้ เขาก็จะบรรลุขั้นส่องสวรรค์ระดับต้น!

ระดับขั้นที่สองของการบ่มเพาะนั้นรวมไปถึงขั้นส่องสวรรค์ ชำระสวรรค์และทลายสวรรค์…ทั้งหมดทั้งมวลนั้นมีคำว่าสวรรค์เข้ามาเกี่ยวข้อง…จากสิ่งที่ข้าเห็นในขั้นที่สาม มีเพียงการได้รับความเข้าใจสวรรค์อย่างสมบูรณ์เท่านั้นและเชี่ยวชาญกฏของมัน ข้าจึงจะสามารถบรรลุขั้นที่สามได้…

‘สวรรค์ไม่มีที่สิ้นสุด เต๋าไร้ขอบเขต เส้นทางแห่งเต๋ามีเพียงแค่สามขั้นเท่านั้นหรือ…’ หวังหลินลืมตาขึ้นมาด้วยความเงียบขรึม ดวงตาซ้ายมีหยาง แขนขวามีหยิน ดุจดวงอาทิตย์และดวงจันทรา และดูน่าประหลาดยิ่ง!

เมื่อลืมตาขึ้นมา เหล่าปลาหยินหยางเริ่มหมุนวงกลมเร็วยิ่งขึ้น

ท้ายที่สุดยอดเขาเหิงุยนก็กลายเป็นจุดศูนย์กลางการเคลื่อนพลังปราณไปทั่วทั้งดาวเคราะห์ มันเริ่มผันผวนราวกับมีมือยักษ์คู่หนึ่งมากวนมันจนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่

ทั้งยังทำให้เกิดพายุพลังปราณบ้าคลั่งก่อตัวบนดาวฉิงหลิง แม้มันจะมองไม่เห็นแต่เซียนทุกคนบนดาวสัมผัสได้อย่างชัดเจน

พลังปราณจำนวนมากรวมตัวกันเข้าหายอดเขาเหิงหยุนอย่างบ้าคลั่ง หวังหลินเผยแววตาแสงลี้ลับพลางสูดหายใจลึก เหล่าปลาหยินหยางหยุดหมุนเป็นวงกลม

‘พลังดั้งเดิมข้ากำลังเปลี่ยนไป ข้าไม่สามารถทำมันบนดาวฉิงหลิงได้ ไม่เช่นนั้นดาวเคราะห์นี้จะแตกสลาย!’ หวังหลินยืนขึ้นและก้าวเท้าเข้าหาอวกาศ ทว่าหลังจากก้าวไปเพียงก้าวเดียว สีหน้าก็เปลี่ยนไปและมองออกไปข้างนอก

ราวกับสายตาสามารถเจาะทะลวงออกไปได้ไกลโพ้น เขาเห็นชายชราเซี่ยกำลังดิ้นรนเดินมาทางนี้

เขากำลังเดินอย่างต่อเนื่องด้วยร่างมนุษย์ธรรมดาของตัวเอง ราวกับมันคือการแสวงบุญและเป้าหมายคือยอดเขาเหิงหยุน

หวังหลินขบคิดเงียบๆก่อนจะถอนสายตาออกมา นั่งลงอีกครั้งและหลับตาเอาไว้

เวลาค่อยๆผ่านไป พริบตาเดียวครึ่งเดือนก็ผ่านไป ระหว่างครึ่งเดือนนี้หวังหลินไม่เคลื่อนไหวอันใด ส่วนชายชราเซี่ยนั้นเริ่มจะเดินเร็วขึ้นและเร็วขึ้น เดิมทีด้วยร่างคนธรรมดาของเขาแล้วมันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะตรากตรำถึงเพียงนี้ ทว่าทุกครั้งที่เขาเหน็ดเหนื่อย เขาจะรู้สึกถึงพลังร้อนโคจรผ่านร่างกายทำให้ความเหนื่อยล้าทั้งหมดหายเป็นปลิดทิ้งและเต็มไปด้วยพลังงาน

ดังนั้นเขาจึงมาถึงใต้เขาเหิงยุนในครึ่งเดือนต่อมา ชายชราเซี่ยมองขึ้นไปบนยอดเขา สูดหายใจลึกหนึ่งครั้ง เผยสายตามุ่งมั่นและเดินขึ้นไปบนภูเขา

เขาปีนขึ้นทีละก้าว แม้เข่าจะแตกและเลือดไหลก็ยังปีนขึ้นไปหายอดโดยไม่หยุดพัก ในใจเขามีความเชื่อหนึ่งอย่างสนับสนุนให้เขาเดินหน้าต่อไป

‘ข้าคิดว่าข้าเข้าใจทุกอย่างเกี่ยวกับมนุษย์และรู้แจ้งความรู้ในโลกทั้งหมด ข้ายกให้ตัวเองมีหน้าที่สร้างความเจริญแก่โลก แต่ว่าในวัยแก่ชราของข้านั้น ข้ากลับได้รับความรู้แจ้งหนึ่งอย่าง ข้าคือปลาในสายธาร…’

ชายชราเซี่ยใบหน้าขมขื่นแต่ดวงตาส่องสว่างสดใส

“มนุษย์คือปลา สวรรค์คือแม่น้ำ เต๋าคือตาข่าย และตาข่ายคือผู้สร้าง!” ในที่สุดวันนี้เขาก็มาถึงยอด เขาเห็นคนผู้หนึ่งกำลังฝึกฝนพร้อมกับดวงตาหนึ่งคู่เป็นประกายจักรวาล

แม้ชายชราเซี่ยจะเหน็ดเหนื่อย เข่าแตกจนเลือดไหล แต่ ณ ขณะนี้ราวกับเขาถูกสายฟ้าฟาดใส่ ในร่างกายส่งเสียงสะท้อนดังคำรามทำให้เขารู้สึกว่าวิญญาณหลุดออกจากร่าง วินาทีนั้นเขารู้สึกเหมือนเห็นภาพหยินหยางสีขาวและดำ เขาคุกเข่าบนพื้นราวกับกำลังเคารพบูชา

“โปรดสอนเต๋าให้ข้าด้วย!”

หวังหลินมองชายชราเซี่ยอย่างสงบนิ่งและขบคิดอยู่เล็กน้อย ชายชราคนนี้เป็นคนมีชื่อเสียงบนดาวฉิงหลิง เขาแตกต่างจากคนธรรมดาคนอื่นเพราะมีจิตใจแห่งเต๋า แม้มันจะเป็นภาพมายาแต่มันก็ยังมีตัวตน

แม้มันไม่ได้หมายความว่าคนเหล่านี้เหมาะสมที่จะฝึกฝนเต๋า ตามจริงแล้วเด็กน้อยที่มีจิตใจใสสะอาดเหมาะสมยิ่งกว่า เพียงแค่เมื่อคนพวกนี้บรรลุเต๋าได้สำเร็จ แม้ระดับบ่มเพาะไม่ได้สู่งส่ง แต่ความเข้าใจแห่งเต๋าถือว่าลึกซึ้งยิ่งนัก พวกเขาสามารถไปได้ไกลกว่าเดิมในอนาคต

อย่างไรก็ตาม ร่างกายคนตรงหน้าแก่ไปแล้วและไม่อาจทนรับพลังปราณได้เลย ยากนักที่เขาจะฝึกฝนเต๋า!

หวังหลินเอ่ยสงบนิ่ง “เจ้าไม่ได้มีพลังชีวิตเหลืออยู่มากนัก การฝึกฝนเต๋าไม่ใช่สิ่งที่จะได้มากันง่ายๆ เจ้าคิดพิจารณาอย่างถี่ถ้วนดีแล้วหรือ?”

ชายชราเซี่ยมองหวังหลิน เอ่ยด้วยสายตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น “ตอนข้าสามขวบ ข้าเรียนรู้ภาษาได้แล้ว ทั้งเรียนรู้บทกวีได้ตอนอายุหกขวบ ชื่อข้าเป็นที่ตกตะลึงในเมืองหลวงตอนที่ข้าอายุสิบสี่ อย่างไรเสียจิตใจข้าก็สงสัยอยู่เสมอ ข้าบอกตัวเองว่าข้าเข้าใจมนุษย์แต่ก็มักจะมีความรู้สึกโดนหักห้ามไว้อยู่เสมอ ข้าแก่แล้วและลาออกเพื่อสอนคนรุ่นหลัง ข้าพร้อมจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ในความสงสัยและหักห้ามใจเอาไว้”

“อย่างไรเสียสายลมที่เข้ามาในห้องข้าตอนนั้นทำให้ข้าค้นพบต้นตอของความสงสัยนั้น เต๋าคืออะไร…ความเข้าใจที่แม่น้ำบังคับให้ข้าต้องตัดสินใจ แม้ข้าจะตาย ข้าต้องมาที่นี่เพียงเพื่อ…ค้นหาเต๋า! โปรดสอนเต๋าให้ข้า! รับข้าเป็นศิษย์ของท่านด้วยเถิด!”

หวังหลินส่งสายตาลงบนชายชราเซี่ย เขามองดวงตาอีกฝ่ายราวกับสามารถมองทะลุผ่านความคิดได้ หวังหลินมองเห็นฉากการเกิดใหม่ด้านหลังชายชรา!

หลังผ่านไปสักพัก หวังหลินถอนสายตาและเอ่ยถาม “เจ้าชื่ออะไร?”

ชายชราสูดหายใจลึกและตอบกลับมา “เซี่ยฉิง!”

“ในทั้งชีวิตข้า ข้าไม่เคยมีศิษย์คนใด เมื่อความเข้าใจของเจ้าคือผลแห่งกรรมที่ข้าสร้างขึ้น ข้าจะรับเจ้าเป็นศิษย์พิเศษ! ข้าจะมอบภูเขาลูกนี้ให้เจ้าฝึกฝนไปชั่วขณะ ข้าจะไม่สอนวิชาอันใดให้แก่เจ้าและจะมอบโอกาสการหยั่งรู้เพียงเท่านั้นแทน!” หวังหลินยกแขนขวาขึ้นมาและชี้ไปข้างหน้า ปลาหยินหยางพลันหมุนเป็นวงกลม คล้ายจะเข้าไปในนิ้วหวังหลินและจากนั้นก็เข้าสู่ระหว่างคิ้วของเซี่ยฉิง

ร่างเซี่ยฉิงสั่นเทา ดวงตางุนงงสับสนและฟุบลงกับพื้น

หวังหลินมองเซี่ยฉิงก่อนจะโบกแขนเสื้อ หมอกสีขาวจำนวนมากปรากฏใต้ฝ่าเท้าและเลือนหายออกไปไกล

หนึ่งวันต่อมา เซี่ยฉิงลืมตาขึ้นยังเต็มไปด้วยความสับสน เขาขบคิดเงียบๆอยู่นาน พลางนั่งลงบนยอดเขา หลับตาลงและเริ่มทำความเข้าใจเงียบๆ

หวังหลินไม่ได้ออกไปจากดาวฉิงหลิงทันทีแต่เข้าไปหาเผ่าอมตะที่ถูกเลือก เขานำยันต์สีเหลืงอออกมาแต่ไม่มีใครจดจำมันได้ พวกเขาสัมผัสถึงความคุ้นเคยทรงพลังแต่ไม่มีความทรงจำเหล่านั้น

หวังหลินจากไปพร้อมกับขบคิดเงียบๆ

ขณะเหาะเหินผ่านอวกาศ หวังหลินไม่ได้ผสานตัวเข้ากับโลก เขาส่งสัมผัสวิญญาณออกมามองหาสถานที่เหมาะสมในการฝึกฝน

หลายวันต่อมา หวังหลินหรี่ตาและพุ่งเข้าหาดาวเคราะห์สีเหลืองดวงหนึ่ง ที่นี่เป็นดาวเคราะห์ร้างเกือบไร้พลังปราณ หวังหลินพุ่งผ่านชั้นบรรยากาศและร่อนลงบนพื้นผิว

รอบด้านเต็มไปด้วยหมอกพิษ หากคนธรรมดาสูดลมหายใจเข้าที่นี่คงจะตายทันที แต่อย่างไรมันก็ไม่มีผลกระทบต่อหวังหลิน หลังร่อนลงมาถึง หวังหลินชี้ไปที่พื้นและพื้นดินค่อยๆนูนขึ้นมา ไม่กี่นาทีต่อจากนั้นก็พลันเกิดเป็นภูเขา

ถ้ำแห่งใหม่ก่อตัวขึ้นด้านข้างภูเขา หวังหลินเข้าไปนั่งลงในถ้ำ ต้าซานเดินออกมาจากเงาและปกป้องเขา

อาการบาดเจ็บของต้าซานดีขึ้นมากแล้ว ดวงตาส่องสว่างดุจคบเพลิง สังเกตการณ์รอบด้านอย่างระมัดระวัง

หลังจากหวังหลินนั่งลง พลังดั้งเดิมในร่างกายเริ่มเคลื่อนไหว จากนั้นปลาหยินหยางสีขาวดำปรากฏขึ้นด้านหลังและหมุนเป็นวงกลมอย่างรวดเร็วทำให้พลังปราณที่เหลือทั้งหมดบนดาวเคราะห์ดวงนี้รวมกันเข้าหาเขา

ขณะที่ปลาหยินหยางหมุนเป็นวงกลมเร็วขึ้น พลังดั้งเดิมของหวังหลินค่อยๆเริ่มเปลี่ยนจากสภาวะไร้สีสัน ท้ายที่สุดพลังหวังหลินก็กลายเป็นมีสองสี! มันกลายเป็นควันสีขาวและสีดำ!

ควันสีขาวพักอยู่ภายในร่างกาย ควันสีดำพักอยู่ด้านนอก พวกมันก่อตัวเป็นวงโคจรล้อมรอบหวังหลินอย่างสมบูรณ์

ขณะที่หวังหลินกำลังบ่มเพาะอยู่นี้ มีชายวัยกลางคนกำลังขี่ก้อนเมฆดำพุ่งเข้าหาหวังหลิน เขามีกระจกทองแดงในมือพร้อมกับด้ายแดงชี้ไปบนทาง

ชายวัยกลางคนหน้าตาค่อนข้างดี ขับขี่ก้อนเมฆแดงเคลื่อนไหวรวดเร็วด้วยสีหน้าสงบนิ่ง

หากหวังหลินอยู่ที่นี่เขาคงนึกออกได้ทันทีว่ามันคือเหยาหยุนผู้ต้องการช่วยเหยาปิงหยุนและน้องสาวนาง! อย่างไรเสียรูปร่างหน้าตาไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก เขาดูเหมือนแก่ชราขึ้น

ความแตกต่างที่ใหญ่ที่สุดคือในดวงตาเขา แม้จะสงบนิ่งแต่กลับซ่อนสัมผัสชั่วร้ายไว้ล้ำลึก ดุจเปลวเพลิงที่กำลังกระพริบวูบวาบ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!