Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 857

Cover Renegade Immortal 1

857. ขั้นที่สาม

ฉิงชุ่ยสีหน้ายังไม่แยแส กระทั่งไม่มองดูเทพโลหิต เพียงแค่จ้องมองร่างมารที่โผล่ออกมาจากร่างเทพโลหิต ดวงตาเย็นเยียบ

ดวงตาขวากระพริบสีแดงวาบดุจทับทิมและปลดปล่อยจิตสังหารออกมา เพียงก้าวเดียวฉิงชุ่ยก็พุ่งออกไป หมอกสีดำในมือยืดยาวสามสิบฟุตลอยเข้าหาเทพโลหิต

เทพโลหิตชี้ใส่ตะเกียงโบราณด้วยใบหน้าดุดัน เขาไม่ใช่เพียงคนเดียวที่เคลื่อนไหว มารโบราณชี้ไปที่ตะเกียงโบราณด้วย

ในตะเกียงยังมีเปลวเพลิงลุกโชน หวังหลินจับจ้องมองตะเกียงโบราณห่างออกไปไม่ไกลนัก เขามองเห็นเงาหญิงสาวที่กำลังดิ้นรนอยู่ในใจของตะเกียงได้ชัดเจน สัมผัสแห่งความโศกเศร้าคล้ายแพร่กระจายออกมาจากเปลวเพลิง

แค่เทพโลหิตชี้นิ้ว เปลวเพลิงข้างในตะเกียงก็ลุกโชนรุนแรง จากนั้นเงาของเจ้ามารโบราณพลันระเบิดพุ่งออกมาจากตะเกียงโบราณ!

มารโบราณแทบคล้ายคลึงกับเงาปิศาจรอบตัวเทพโบราณ ทว่ากลิ่นอายที่ส่งออกมารุนแรงมากกว่าเจ้าเงาปิศาจหลายเท่า!

ดุจหิ่งห้อยกับพระจันทร์!

‘นี่มันร่างจริง!’ ในที่สุดหวังหลินก็เข้าใจ สิ่งที่อยู่ในตะเกียงโบราณคือร่างจริงๆของมารโบราณ ส่วนสิ่งที่อยู่ในเทพโลหิตและเหยาหยุนคือร่างโคลนของมารโบราณ!

เทพโลหิตร้องคำรามดุร้าย “เพลิงปิศาจกลืนเทพ!”

ขณะร้องคำราม เปลวเพลิงจากตะเกียงโบราณแผ่กระจายไปทั่ว ร่างที่แท้จริงของมารโบราณพุ่งออกไป

พลังมารจำนวนมากโผล่ออกมา แม้กระทั่งทั่วเขตทิศใต้ยังถูกหุ้มอยู่ในพลังมารหนาแน่น

ราวกับกลิ่นอายจากยุคแรกเริ่มได้ตื่นขึ้นมาท่ามกลางดวงดาว!

พลังมารทำให้พลังดั้งเดิมของเซียนทั้งหมดในเขตแดนนี้ไม่มั่นคง อสูรบางตัวบนดาวเคราะห์เซียนกลับยิ่งตื่นเต้นและดูดซับพลังมารอย่างบ้าคลั่ง

ขณะที่เจ้ามารโบราณพุ่งออกไป ร่างกายมันปกคลุมอยู่ในเปลวเพลิง ยื่นกรงเล็บยักษ์ส่งเข้าหาฉิงชุ่ย แฝงกลิ่นอายทรงพลังมากกว่ากฎอันใด กฏทั้งหมดหายไปเบื้องหน้ากรงเล็บนี้!

เปลวเพลิงที่ล้อมรอบร่างของมันคือเปลวเพลิงมารไม่มีวันดับซึ่งเผาไหม้มานานและสามารถเผาทุกสิ่งในโลกได้!

ฉิงชุ่ยเผยแววตาเคร่งขรึม พุ่งออกไปและโยนหมอกดำไป ขณะเดียวกันดวงตาขวาเรืองแสงสีแดง ใช้ขอบเขตจวี่โดยไม่ลังเล!

ลำแสงสายฟ้าแดงพุ่งออกมาจากดวงตาและส่งออกไป วินาทีที่ขอบเขตจวี่ปรากฏ ฝุ่นผงทั้งหมดถอยกลับและสิ่งมีชีวิตทั้งหมดรู้สึกหวาดกลัว!

พลังมารแตกสลายทันทีและหายไปเบื้องหน้าพลังอำนาจนี้ ราวกับพลังมารไร้ค่าต่อหน้าขอบเขตจวี่!

สายฟ้าแดงนำพาความหวาดกลัวและบรรจุการเข่นฆ่าทั้งหมดในชีวิตของฉิงชุ่ยเอาไว้ มันสร้างพายุเคลื่อนไหวรวดเร็วเข้าหาเจ้ามารโบราณที่โผล่ออกมาจากตะเกียงโบราณ

แววตาเจ้ามารโบราณเผยแววตกตะลึง มันยังไม่ทันสะดุ้งพลางยื่นมืออกไปคว้าขอบเขตจวี่! ขณะนั้นเองเสียงร้องคำรามเริ่มดังกึกก้อง!

กรงเล็บของมารโบราณแตกสลายทันทีเมื่อขอบเขตจวี่เข้าไปร่าง การแตกสลายไม่ได้หยุดแค่กรงเล็บและแพร่กระจายไปทั่วร่าง พริบตานั้นร่างของมารโบราณก็พังทลายลง!

ทว่าในจังหวะที่มารโบราณพังทลาย เปลวเพลิงในตะเกียงโบราณเผาไหม้เข้มข้นและเงามารโบราณควบแน่นอีกครั้ง แม้มันจะเบาบางยิ่งกว่าเดิมแต่มีแสงสีแดงกระพริบอยู่ระหว่างคิ้วของมัน หากมองใกล้ๆคงเห็นได้ว่าแสงสีแดงนั้นคือขอบเขตจวี่!

“วิชาทั้งหมดในโลกนี้มีต้นกำเนิดมาจากเผ่ามารโบราณของข้า มีแค่เพียงสิ่งนี้เท่านั้นที่มีร่องรอยพลังอำนาจแห่งสวรรค์ ไม่ได้มาจากเผ่ามารโบราณของข้า ทว่าพลังอำนาจในตอนนี้มันเป็นของข้า!” ดวงโบราณดังสะท้อนท่ามกลางดวงดาว แววตามารโบราณเรืองแสงชั่วร้าย แสงสีแดงระหว่างคิ้วของมันกระพริบวูบวาบพุ่งออกมาเป็นลำแสงสายฟ้าเข้าหาฉิงชุ่ย

ทว่าวินาทีที่ปรากฏขึ้นมามันก็แตกสลายเพียงแค่ฉิงชุ่ยจ้องมอง ก่อเกิดคลื่นกระแทกแตกกระจายอย่างรวดเร็ว

ฉิงชุ่ยยกแขนขึ้นมาและเอ่ยน้ำเสียงสงบนิ่ง “ซิ่วมู่จงดูใกล้ๆ นี่คือวิชาที่สี่ของอาจารย์ สลายขุนเขา!”

มารโบราณดวงตาเต็มไปด้วยพลังมารพลางรีบล่าถอยและคว้าเทพโลหิตไปด้วย มันเข้าไปในร่างเทพโลหิตส่งเสียงปวดร้าวออกมาจากปากเทพโลหิต

เส้นเลือดบนใบหน้าเทพโลหิตปูดโปนทำให้เขาสีหน้าเจ็บปวดราวกับกำลังพานพบความเจ็บปวดดุจหัวใจกำลังฉีกขาด!

เส้นผมเคลื่อนไหวไร้แรงลมและยืดยาวออกไป จากนั้นสองเขามายาปรากฏขึ้นบนศีรษะ ในเวลาเดียวกันแสงสีเขียวก็ปกคลุมร่างกาย ดูไม่เหมือนมนุษย์แต่ดูเหมือนมารโบราณ!

พลังมารหนาแน่นโผล่ออกมาจากร่างกาย แววตาเทพโลหิตไม่มีสติอีกแล้ว เขาร้องคำรามและพุ่งเข้าใส่ฉิงชุ่ย

ฉิงชุ่ยใบหน้าเคร่งขรึม ดวงตาขวาเรืองแสงสีแดงหนาแน่น ขณะที่กำลังจะโจมตีนั้น สีหน้าพลันเปลี่ยนไปและมองขึ้นไปด้านบน!

แม้กระทั่งหวังหลินก็ยังเงยศีรษะขึ้นทันที รู้สึกถึงต้นตอพลังต้นกำเนิดด้านบนอย่างคลุมเครือ พลังงานนี้ไม่ได้แข็งแกร่งนักแต่หวังหลินรู้สึกว่าเพียงแค่ความคิดเดียวจากกลิ่นอายนี้ก็เพียงพอจะทำให้เขาแตกสลายกลายเป็นพลังดั้งเดิมไปแล้ว!

‘นี่…นี่มันขั้นที่สาม!!’ สีหน้าหวังหลินเปลี่ยนไปมหาศาล

แม้กระทั่งเทพโลหิตที่บ้าคลั่งไปแล้วยังเงยศีรษะขึ้นทันที สีหน้าเปลี่ยนไป

“พอแล้ว…” น้ำเสียงสงบนิ่งโผล่ออกมาจากดวงดาว จากนั้นร่างหนึ่งก่อตัวขึ้นมาจากแสงดวงดาวนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นมาระหว่างฉิงชุ่ยและเทพโลหิต

ร่างเงามายาปรากฏ เขายกแขนขึ้นโบกสะบัดใส่เทพโลหิตอย่างสุ่ม เทพโลหิตกระอักโลหิตคำโต เจ้ามารโบราณกระดอนออกจากร่างเทพโลหิตทันที ใบหน้าเจ้ามารโบราณตื่นตกตกใจจ้องไปที่ร่างมายานั้น

“มารโบราณ ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะยืมตระกูลเหยาเพื่อฟื้นคืนร่างกายของตัวเอง ข้าไม่สนใจ อย่างไรก็ตามหากเจ้าเป็นต้นเหตุทำให้เกิดการสังหารในดาราจักรทุกชั้นฟ้าและส่งผลกระทบต่อการต่อสู้กับดาราจักรพันธมิตรเซียน ข้าจะดับเพลิงมารของเจ้าซะ!”

น้ำเสียงเขาสงบนิ่งแต่แฝงกลิ่นอายที่ทำให้จิตใจผู้คนสั่นสะท้าน ขณะนั้นหวังหลินรู้สึกเหมือนย้อนกลับไปเมื่อพันปีก่อนตอนที่เขารู้สึกว่ากำลังมองเซียนคนหนึ่งยามที่ยังเป็นคนธรรมดา!

ทรงพลัง!

ทรงพลังยิ่ง!

ไม่อาจต่อต้าน ไม่อาจต้านทาน แม้กระทั่งความคิดไม่ยอมแพ้ก็ต้องดับสูญ! เมื่อได้ยินประโยคนี้ เจ้าต้องเชื่อฟัง!

“ขุนนางเทพฉิงชุ่ย แดนสวรรค์แตกสลายไปแล้วและที่นี่คือดาราจักรทุกชั้นฟ้า!” ร่างมายานั้นหันกลับมามองฉิงชุ่ย สายตาเขาดุจสายตาแห่งเต๋า มันไม่มีพลังอำนาจแต่ทำให้เกิดเสียงสนั่นรอบตัวฉิงชุ่ย ราวกับว่าสวรรค์ต้องยอมจำนนต่อเสียงนี้!

มันไม่ยอมให้ใครต่อต้าน!

ฉิงชุ่ยยังคงมีแววตาเย็นชาพลางจ้องมองร่างมายานั้น ผ่านไปสักพักเขาก็พ่นลมหายใจออกมาและไม่พูดอะไร

ร่างมายาพร่ามัวจนมองเห็นรูปร่างได้ไม่ชัดเจน หลังเอ่ยออกมาเขาก็ยืดแขนตรง แสงผลึกหนึ่งเต็มไปทั่วบริเวณ

รูม่านตาหวังหลินหดเล็กลง อวกาศรอบด้านที่กำลังแตกสลายพลันรวมตัวกันและกลับคืนสู่ปกติ ไม่ใช่เพียงแค่นั้น ขณะที่แสงผลึกค่อยๆจากไป การทำลายล้างทั้งหมดในเขตทิศใต้พลันถูกย้อนคืนดังเดิม

แม้กระทั่งพลังมารที่ถูกอสูรบางส่วนบนดาวเซียนดูดซับก็ยังหายไปอย่างเงียบเชียบ!

“หากเจ้าสองคนสู้กันต่อไป ข้าจะฆ่าเจ้าทั้งสองซะ” หลังทิ้งคำพูดเอาไว้ แสงผลึกก็หายไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นที่่่่่นี่เลย

ทว่าคำพูดนั้นทำให้สิ่งมีชีวิตใดก็ตามที่ได้ยินพลันรู้สึกตกใจ เพียงแค่จิตสังหารส่วนหนึ่งของคนผู้นั้นปล่อยออกมา มันก็เพียงพอทำให้โลกเปลี่ยนสี หากปล่อยออกมาทั้งหมด เมื่อนั้นดวงดาวคงไม่มีเหลือ!

เทพโลหิตขบคิดเงียบๆชั่วครู่ก่อนจะคว้าตะเกียงโบราณ เขาผสานตัวเองเข้ากับโลกและหายตัวไปโดยไม่ได้มองฉิงชุ่ย

เหลือเพียงฉิงชุ่ยและหวังหลินอยู่เพียงแค่สองคนเท่านั้น หวังหลินยังไม่ฟื้นคืนจากอาการตกใจดี ความตกตะลึงนี้เป็นสิ่งที่เขาไม่มีวันลืม

หวังหลินมั่นใจว่าเงามายานั้นคือเซียนขั้นที่สาม! คนผู้นั้นปรากฏตัวโดยไม่มีความผันผวนใดๆเลยและความรู้สึกหวาดกลัวจากวิญญาณถึงกับรุนแรงจนไม่อาจสลายไปได้เลย

ราวกับเขาเพียงแค่คิดก็ทำให้ทั้งเขตทิศใต้ล่มสลายได้แล้ว!

หวังหลินหลับตา ระงับความตกตะลึงในใจ คำนับฝ่ามือเข้าหาฉิงชุ่ย “ขอบคุณ…ข้าจะจดจำเรื่องผู้อาวุโสช่วยข้าไว้ตลอดชีวิต!”

ฉิงชุ่ยมองออกไปยังดวงดาวที่อยู่ห่างไกล สายตาเต็มไปด้วยความเศร้าโศก หลังจากนั้นสักพักมันก็หายไปก่อนที่เขาจะมองหวังหลิน “ไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก! ข้าไม่สนใจว่าเจ้าเรียนรู้เรียกขานสายลมมาได้อย่างไร แต่เมื่อเจ้าเรียนมันได้แล้ว เจ้าก็คือศิษย์ข้ามรุ่นของอาจารย์ข้า ข้าฉิงชุ่ยไม่มีความสัมพันธ์อันใดกับดาราจักรแห่งนี้ การพบเจอเจ้าคือการเตรียมการของอาจารย์…”

“เจ้ายังไม่ได้สร้างต้นกำเนิดเทพของตัวเอง และเมื่อไร้สระเทพเจ้าก็ไม่สามารถสร้างต้นกำเนิดเทพขึ้นมาได้ ตอนนี้มีการแข่งขันฉายาเทพ 108 ตนของอารามเทพอัสนี เทพสวรรค์ทั้ง 36 ตนมีสิทธิ์ในการเข้าใช้สระเทพ เจ้าควรเข้าร่วมเพื่อตำแหน่งนั้น!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!