869. เคล็ดสัมผัสวิญญาณ
รูม่านตาหลัวซู่หดเล็กลง แพร่กระจายสัมผัสวิญญาณซึ่งแข็งแกร่งมากกว่าเซียนส่องสวรรค์ระดับต้น ขณะที่สัมผัสวิญญาณแผ่ออกมามันจึงทำให้ยักษ์ทองที่เหลือเจ็ดตัวส่องประกายเจิดจ้า ก่อเกิดแรงกดดันทรงพลังภายในบริเวณ!
ยักษ์ทองเจ็ดตัวพุ่งเข้าหาหวังหลิน หวังหลินไม่หยุดชะงักพุ่งออกไปพร้อมกับแส้แห่งเวรกรรมด้านหน้า แส้ห่อหุ้มตัวหวังหลินและยืดยาวออกไปพันฟุต จากนั้นหวังหลินก็คว้าแส้ทันที
ฟาดเพียงครั้งเดียว แส้แห่งเวรกรรมส่งเสียงหวีดหวิวแหลมคมดุจภูติผีกำลังโหยหวน ยักษ์ตัวหนึ่งถูกตีเข้าใส่และแตกสลายเสียงดังปัง!
แส้แห่งเวรกรรมเดิมทีเป็นสีดำ แต่หลังจากทำลายยักษ์ไปสี่ตัว ราวกับถูกปลดจากพันธนาการ เกล็ดเป็นชิ้นๆเริ่มหลุดลอก
แสงสีทองรั่วไหลออกมาจากแส้แห่งเวรกรรม ราวกับมันดูดซับพลังงานสุริยันและจันทราเอาไว้! แส้แห่งเวรกรรมฟาดออกไปพร้อมกับเรืองแสงสีทองดุจมังกร ขณะเคลื่อนไหวมันส่งเสียงดังป๊อป ยักษ์ทองที่เหลือทั้งหมดแตกสลาย!
เหตุการณ์นี้ทำให้ผู้ชมมทั้งหมดดวงตาปูดโปน แม้กระทั่งเซียนเฒ่าบนเสื่อสมาธิยังเกิดความสนใจ
“ขั้นส่องสวรรค์ระดับต้นต่อสู้กับส่องสวรรค์ระดับกลาง นี่มันไม่ธรรมดา!”
“ข้ารู้จักเขา เขาคือซิ่วมู่!”
“สมบัติวิเศษนั่นช่างโหดร้ายเกินไป มันทำความเสียหายต่อสัมผัสวิญญาณโดยเฉพาะ สัมผัสวิญญาณของหลัวซู่คาดเดาไม่ได้อยู่แล้วแต่เขาได้มาเจอมวยถูกคู่!”
“จ้าวปิศาจซิ่วมู่? ไม่สงสัยเลยว่าทำไมเขาถึงกล้าสู้กับหลัวซู่!”
‘นายท่าน!’ เฉินกงฮู่กำลังเฝ้าดูการต่อสู้ระหว่างหวังหลินและหลัวซู่ ความคิดสั่นไหว โลหิตเดือดพล่าน ขณะจ้องหวังหลิน แววตาก็ยิ่งเกรงขามมากขึ้นไปด้วย แม้จะไม่ถึงจุดบ้าคลั่ง แต่ตำแหน่งในใจตอนนี้สูงส่ง
จางกงเล่ยกำลังเฝ้ามองดูอยู่เช่นกัน เขาสูดหายใจลึกมองเห็นเจตนาการต่อสู้ทรงพลังจากผู้อาวุโสได้ ทั้งยังเป็นผู้อาวุโสที่กล่าวว่า เจตนาการต่อสู้นั้นคือความมุ่งมั่นที่จะเอาชนะ!
เส้นผมสีดำขลับของหวังหลินพัดพริ้วกลางอากาศ ทั้งพื้นที่ถูกกดดันด้วยสัมผัสวิญญาณของหลัวซู่ดังนั้นเขานึงรู้สึกเหมือนกำลังย่ำไปบนน้ำ ดวงตาหวังหลินส่องสว่างวาบ แขนซ้ายสร้างผนึก มังกรดำสองตัวเริ่มหมุนเป็นวงกลมรอบร่างหวังหลินก่อตัวเป็นวังวนยักษ์
วังวนยักษ์รุนแรงขึ้นทันทีราวกับพายุที่มีมังกรดำสองตัวร้องคำรามอยู่ข้างใน หวังหลินยืนอยู่ในตาพายุ เสื้อสีขาวพริ้วสบัดในสายลม ร้องเสียงตะโกน “ทำลาย!”
สิ้นคำพูด วังวนขยายตัวออกทันทีเกิดเป็นเสียงแตกร้าว ส่งผลให้เกิดแรงกระทบบังคับเปิดช่องว่างภายในสัมผัสวิญญาณ
แม้ระดับบ่มเพาะและสัมผัสวิญญาณของหวังหลินเทียบไม่ได้กับหลัวซู่ แต่วิชาของเขาอัศจรรย์และมีสมบัติที่ต่อกรกับสัมผัสวิญญาณโดยเฉพาะ!
วินาทีที่เกิดช่องว่างขึ้น แส้ฟาดวิญญาณฟาดออกไปทันใด เสียงดังสนั่นกึกก้อง สัมผัสวิญญาณของหลัวซู่ถูกห้ามปรามและผลักดันกลับไป
หวังหลินเคลื่อนร่างดุจสายฟ้าพุ่งออกไปตอนที่สัมผัสวิญญาณแตกสลาย สองมังกรร้องคำรามพ่นสายลมเย็นเข้าใส่หลัวซู่
สายลมเย็นเต็มไปทั่วบริเวณและทำให้เซียนรอบด้านรู้สึกหนาวยะเยือก ราวกับถูกขังไว้ในน้ำแข็ง สีหน้าแต่ละคนเปลี่ยนไปมหาศาล
สีหน้าของหลัวซู่มืดมน แววตากระพริบจิตสังหาร จากนั้นนั่งลงสร้างผนึกด้วยฝ่ามือ เมินเฉยสายลมจากมังกรดำโดยสิ้นเชิงและหลับตา
‘ข้าหลัวซู่เป็นเซียนขั้นส่องสวรรค์ชั้นกลาง หากข้าฆ่าเจ้าไม่ได้ ระดับบ่มเพาะที่ข้าฝึกฝนมาหลายพันปีถือว่าไร้ค่า!’ วินาทีที่หลัวซู่หลับตา สัมผัสวิญญาณทรงพลังพรั่งพรูออกมานอกร่างกายเปลี่ยนกลายเป็นเข็มนับไม่ถ้วน!
เข็มนับพันรวมตัวกันก่อตัวอย่างหนาแน่นล้อมรอบก่อนที่ทั้งหมดจะพุ่งเข้าหาหวังหลิน
เข็มแหลมคมแต่ละแท่งบรรจุสัมผัสวิญญาณของหลัวซู่เอาไว้ด้วย นี่คือวิชาที่ทำให้เขามีชื่อเสียงและเป็นวิชาที่ผู้อาวุโสทั้งหมดยกย่อง!
ในหมู่เหล่าเซียน วิชาส่วนใหญ่เน้นไปที่การเปลี่ยนแปลงจากร่างกายตนเอง มีน้อยนักที่จะโจมตีวิญญาณดั้งเดิมโดยตรง อย่างไรก็ตามหากนำมันขึ้นมาโจมตีสัมผัสวิญญาณได้ คงทำให้เซียนตกตะลึงได้ทุกคน!
วิชาที่เกิดขึ้นจากร่างกายสามารถต่อต้านได้แต่วิชาสัมผัสวิญญาณที่โจมตีวิญญาณดั้งเดิมเป็นการเฉพาะนั้น เมื่อดวงวิญญาณได้รับความเสียหาย อย่างน้อยสุดคือได้รับบาดเจ็บหนัก ร้ายแรงกว่านั้นถึงขั้นระดับบ่มเพาะลดลงไม่ก็ตาย!
วิชาที่เหยาปิงหยุนเคยใช้เมื่อตอนนั้นถือว่าเป็นหนึ่งในนี้ ทว่านั่นเป็นการผสานรวมกันของสัมผัสวิญญาณและพลังดั้งเดิม แม้จะมีประสิทธิภาพมันก็ยังมีข้อบกพร่องด้วย
อย่างไรก็ตามวิชาที่หลัวซู่แสดงตอนนี้คือวิชาสัมผัสวิญญาณของจริงไร้พลังดั้งเดิมและทำให้มันแข็งแกร่งมากยิ่งกว่า ทั้งยังแม่นยำเพราะเขาใช้ความพยายามทั้งหมดใส่เข้าไปในสัมผัสวิญญาณจนมีสถานะสูงส่งในอารามเทพอัสนีด้วยแค่ระดับบ่มเพาะขั้นส่องสวรรค์ชั้นกลางเท่านั้น!
“เจ้าลงมือก่อน ข้าแค่ปกป้องตัวเอง เช่นนั้นก็ยอมรับความตายซะ!” หลัวซู่ร้องตะโกน ลืมตาขึ้นมา เข็มสัมผัสวิญญาณนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าใส่หวังหลิน
แววตาหวังหลินกระพริบเย็นเยียบ สองฝ่ามือสร้างผนึกและผลักออกไป มังกรดำสองตัวพ่นลมหายใจเย็นเยียบพร้อมตัดขวางผ่านเข็มสัมผัสวิญญาณ พวกมันดูเหมือนทะลุผ่านกันและกัน และสายลมมังกรดำพุ่งตรงใส่หลัวซู่
เข็มสัมผัสวิญญาณเข้าใกล้หวังหลินอย่างรวดเร็ว
หวังหลินใบหน้าสงบนิ่ง ถ้าเขากำลังเผชิญกับเซียนขั้นส่องสวรรค์ระดับกลางตัวจริง การต่อสู้จะยากยิ่งกว่านี้ นอกจากนั้นระดับบ่มเพาะแต่ละขั้นนั้นกว้างใหญ่ ทว่าหลัวซู่คนนี้ใช้สัมผัสวิญญาณ!
หากเป็นคนอื่น สัมผัสวิญญาณของหลัวซู่คงยากจะต่อกรด้วย นอกจากนั้นระดับบ่มเพาะที่แตกต่างยังแสดงถึงความแตกต่างด้านสัมผัสวิญญาณด้วย เซียนที่แข็งแกร่งกว่าจะบดขยี้ผู้อ่อนแอได้อย่างง่ายดาย!
อย่างไรก็ตามหวังหลินไม่ถือว่าการโจมตีสัมผัสวิญญาณเป็นภัยคุกคาม วินาทีที่เข็มสัมผัสวิญญาณพวกนั้นเข้ามาใกล้ หวังหลินฟาดแส้แห่งเวรกรรมออกไป เกิดเสียงดังป๊อปหลายครั้ง เข็มสัมผัสวิญญาณจำนวนมากแตกสลาย ทว่ายังเหลืออีกมากมายที่ผ่านแส้เข้ามาเข้าร่างกายหวังหลิน
พวกมันเปลี่ยนกลายเป็นพลังแข็งแกร่งพุ่งเข้าหาวิญญาณหวังหลิน ทว่าวินาทีที่เข้าไปใกล้นั้นพวกมันก็ปะทะกับเกราะหนังเทพโบราณและแตกสลายลง!
เมื่อมีเกราะหนังเทพโบราณอยู่ด้วย การโจมตีสัมผัสวิญญาณแค่นี้ยังไม่พอ!
ณ ตอนนี้มังกรดำเข้าไปใกล้หลัวซู่ ใบหน้าเขาถมึงทึง สองฝ่ามือสร้างผนึกชี้ใส่ระหว่างคิ้ว ไม่สนใจมังกรดำ เพียงแค่จ้องหวังหลินเท่านั้น ลำแสงสีเขียวโผล่ออกมาจากระหว่างคิ้ว ส่องสว่างเจิดจ้าและกลายเป็นอสรพิษเขียวในเวลาไม่นาน!
อสรพิษอ้าปากอันดุร้ายเผยเขี้ยวแหลมคม มันส่งเสียงขู่ฟ่อและพุ่งตัวออกไป วินาทีที่แส้แห่งเวรกรรมฟาดใส่อสรพิษ มันแบ่งตัวออกเป็นสองส่วนหลบแส้ พุ่งตัวออกไปซ้ายและขวา ร่อนลงบนร่างหวังหลิน
สองมังกรเข้าชอนไชในร่างกายเปลี่ยนกลายเป็นพลังเหนือจินตนาการสองสายพุ่งเข้าหาวิญญาณหวังหลิน สายหนึ่งเร็วกว่าอีกสาย เมื่อมันเข้าใกล้วิญญาณหวังหลินได้มากพอมันก็อ้าปากและพยายามกลืนกิน ทว่าฟันของมันเข้าปะทะกับเกราะหนังเทพโบราณและแตกหัก แต่ความดุร้ายเจ้าอสรพิษไม่ได้ลดลง มันกระแทกเข้าใส่เกราะด้วย
วินาทีที่เจ้าอสรพิษเข้าปะทะเกราะหนังเทพโบราณ มันเปลี่ยนกลายเป็นควันสีเขียวและพยายามแทรกผ่านเกราะหนัง ขณะนั้นอสรพิษเขียวอีกตัวก็มาถึง อ้าปากและพยายามกลืนกินวิญญาณหวังหลินอย่างโหดเหี้ยม
เกราะหนังเทพโบราณสั่นเทาทำให้อสรพิษเขียวแตกสลายร้องเสียงโหยหวน ควันสีเขียวเคลื่อนตัวไปรอบเกราะหนัง
ไม่มีใครด้านนอกมองเห็นฉากเหตุการณ์อันตรายข้างในวิญญาณหวังหลินได้ วินาทีนั้นความประมาทเพียงน้อยนิดก็ส่งผลให้เกิดความตายได้ หวังหลินใบหน้าซีด ดวงตาเต็มไปด้วยจิตสังหาร ดัชนีทำเป็นกระบี่พุ่งเข้าหาหลัวซู่!
รูม่านตาหลัวซู่หดเล็กลง ดวงตาหวาดกลัวและอุทานออกมา “เป็นไปไม่ได้!” เขาไม่เชื่อว่าการโจมตีสัมผัสวิญญาณขั้นส่องสวรรค์ระดับกลางจะไม่ทำให้อีกฝ่ายเกิดความเสียหาย ทั้งยังต้านระดับบ่มเพาะหลายพันปีของเขาได้ด้วย!
‘แม้จะมีสมบัติพิเศษปกป้องวิญญาณดั้งเดิม ระดับบ่มเพาะของข้าเหนือกว่าเขาไปหนึ่งขั้นและข้ามีการโจมตีสัมผัสวิญญาณ แม้จะมีสมบัติเทพปกป้องวิญญาณได้ ไม่มีทางที่จะไม่ได้รับความเสียหาย!’ ขณะที่หลัวซู่กำลังตกใจ มังกรดำสองตัวพยายามกลืนกินเขาอย่างโหดเหี้ยม
ใบหน้าหลัวซู่ซีดเผือด ความเชี่ยวชาญด้านพลังดั้งเดิมอ่อนด้อยกว่าความเข้าใจด้านสัมผัสวิญญาณ อย่างไรเขาก็เป็นเซียนขั้นส่องสวรรค์ระดับกลางและเป็นธรรมดาที่จะมีสมบัติมากมาย ขณะนั้นพลันตบกระเป๋านำกลองเล็กออกมา เขาโยนกลองขึ้นกลางอากาศและมันก็ขยายขนาดทันที เมื่อสองมังกรดำเข้ามาใกล้ กลองเล็กเริ่มตีสร้างสายลมกรรโชกรุนแรง
ทว่าเมื่อตกอยู่ภายใต้ลมหายใจสองมังกรดำ ตัวกลองสั่นเทาทันที เสียงหยุดชะงัก
หลัวซู่ล่าถอย ชี้ใส่กลองและร้องตะโกน “กลอง แตกสลาย!”
กลองสั่นเทา พลังแข็งแกร่งโผล่ออกมาก่อตัวเป็นพายุเข้าปะทะกับมังกรดำหนึ่งตัว
เสียงดังสนั่นปฐพีทำให้หูเซียนรอบด้านอื้ออึง กลองเล็กแตกสลายและมังกรดำหนึ่งตัวสลายกลายเป็นชิ้นๆไปด้วย
หวังหลินเคลื่อนร่างดุจสายฟ้า ขณะที่กลองแตกสลาย หวังหลินร่อนเข้าหามังกรดำที่เหลืออยู่ พุ่งเข้าใส่หลัวซู่ด้วยจิตสังหารเข้ม
หวังหลินรู้ว่าเพราะวิชาสัมผัสวิญญาณของหลัวซู่ถูกทำลาย ความคิดอีกฝ่ายจึงสั่นสะเทือนและเปิดช่องว่าง หากไม่ใช้โอกาสนี้โจมตีและปล่อยให้ฟื้นตัวมาได้ เมื่อนั้นการต่อสู้นี้จะถูกลากลงไปอีก! โดยเฉพาะถ้าหลัวซู่เริ่มใช้วิชาดั้งเดิมจริงๆ ถ้ามันส่งมาหาหวังหลินและประมาทไปเล็กน้อย เขาคงพ่ายแพ้ แม้ฉิงชุ่ยจะอยู่ที่นี่ ถึงหวังหลินจะไม่ตายแต่ความสามารถในการไปต่อคงเลือนหาย!
ขณะที่พุ่งตัว หวังหลินยกแขนขึ้นส่งประทับตราผนึกเทพออกไป มันกระแทกใส่หลัวซู่ด้วยความเร็วมากกว่า ใบหน้าหลัวซู่ซีดขาวแต่ดวงตาส่องประกายเจิดจ้า เขาหยุดกังวลเรื่องวิชาสัมผัสวิญญาณของตนเองถูกทำลาย แขนขวาสร้างผนึก พลังดั้งเดิมรวบรวมในฝ่ามือก่อตัวเป็นประกายสายฟ้าเพลิง
ขณะที่หลัวซู่กำลังจะโยนออกไปนั้น แววตาหวังหลินกระพริบจิตสังหารและร้องตะโกน “หยุด!”
เพียงคำเดียว หลัวซู่รู้สึกมีเส้นด้ายนับไม่ถ้วนโผล่ออกมาจากความว่างเปล่าและรัดรอบตัวเขาเอาไว้ แม้จะดิ้นรนเป็นอิสระได้หลังจากนั้น ตราประทับผนึกเทพพุ่งเข้าใส่เขาอย่างจัง
ขณะเดียวกันอักขระรูนนับแสนลอยออกมาล้อมรอบหลัวซู่
จิตใจหลัวซู่ตกต่ำ วิชาดั้งเดิมไม่ใช่สิ่งที่เขาถัด พลังที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาคือสัมผัสวิญญาณ ทว่ามันไม่มีผลกระทบกับหวังหลินซึ่งทำให้เขาเจ็บปวดยิ่ง
หลังจากเป็นอิสระจากวิชายับยั้งได้ หลัวซู่โยนสายฟ้าเพลิงในมืออกไป มันขยายตัวออกกว้างมากกว่าร้อยฟุต ปากขนาดใหญ่อ้าเปิดออกมาภายในสายฟ้าเพลิงและพยายามกลืนกินตราประทับผนึกเทพ
สายฟ้าเพลิงทำให้ทั้งตราประทับถูกปกคลุมอยู่ในเปลวเพลิง ทว่ามันไม่ได้รับความเสียหายเลยและกระแทกลงใส่อย่างรุนแรง
หลัวซู่หลบหนีด้วยใบหน้ามืดมน เสื้อผ้าได้รับความเสียหาย ดวงตาแดงขึ้นเล็กน้อย
‘ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะสามารถต่อต้านวิชาสัมผัสวิญญาณทั้งหมดของข้าได้!’ ดวงตาหลัวซู่แดงฉานพุ่งออกไปหาหวังหลิน ส่งสัมผัสวิญญาณออกมาก่อตัวเป็นแขนหนึ่งคู่ ประมือใส่กันจากนั้นระลอกคลื่นสัมผัสวิญญาณก็พุ่งหาหวังหลิน
วิชายับยั้งถูกทำลายทำให้ความคิดหวังหลินสั่นสะเทือนและถูกพลังตีกลับ หวังหลินตบกระเป๋านำวิญญาณดั้งเดิมออกมาดวงหนึ่งเพื่อช่วยตัวเองฟื้นฟูพลังดั้งเดิม ขณะนั้นไม่เพียงแต่หลัวซู่จะไม่ถอย อีกฝ่ายยังพุ่งเข้ามาหาหวังหลินพร้อมระลอกคลื่นด้วย
แส้แห่งเวรกรรมเคลื่อนไหวฟาดออกไป ระลอกคลื่นแตกสลายทันทีแต่มีบางส่วนยังลอดผ่านมาได้กระทบลงบนร่างหวังหลิน
หวังหลินใบหน้าซีด แม้เกราะหนังเทพโบราณจะแข็งแกร่ง แรงสั่นสะเทือนบางส่วนยังส่งต่อไปถึงสัมผัสวิญญาณเขา แววตาหวังหลินเต็มไปด้วยจิตสังหารและก้าวเท้าออกไป สองฝ่ามือสร้างผนึกก่อเกิดตัดสวรรค์จากมือทั้งสองข้า ส่งออกไปอย่างต่อเนื่อง
หลัวซู่และหวังหลินเริ่มเร็วยิ่งขึ้นและเร็วยิ่งขึ้น ด้านหนึ่งโจมตีด้วยสัมผัสวิญญาณและป้องกันด้วยพลังดั้งเดิม อีกด้านหนึ่งโจมตีด้วยพลังดั้งเดิมและป้องกันด้วยสัมผัสวิญญาณ ทั้งสองเริ่มการต่อสู้สะเทือนฟ้าดิน!
แรงระเบิดกึกก้องต่อเนื่อง การต่อสู้ระหว่างสองคนเริ่มจะรุนแรงขึ้นไปอีก!
“พอแล้ว!” ขณะที่การต่อสู้พุ่งขึ้นถึงจุดสูงสุด ปรมาจารย์จงเฉินขมวดคิ้วร้องคำราม เสียงคำรามมีพลังดั้งเดิมแข็งแกร่งบีบรัดพื้นที่ระหว่างสองคนทำให้การต่อสู้หยุดชะงักและทั้งสองต้องล่าถอย
แววตาฉิงชุ่ยกระพริบจิตสังหารขึ้นมา เขาพ่นลมหายใจเย็นและยิงขอบเขตจวี่ออกไป!