Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 874

Cover Renegade Immortal 1

874. บททดสอบสวรรค์

ร่างหวังหลินเต็มไปด้วยประกายสายฟ้า เสียงปะทุขึ้นมาในความเงียบ ขบคิดเล็กน้อยก่อนจะเดินมาข้างหน้า เสียงบดขยี้ดังขึ้นมาขณะก้าวข้ามผ่านสนามสี่เหลี่ยมที่แตกระแหง

วินาทีที่ก้าวออกมานอกสนาม ผู้เข้าร่วมคนอื่นๆทั้งหมดพลันก้าวถอยหลัง ทั้งหมดมองหวังหลินด้วยสายตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

หลังความเงียบงันผ่านไป เซียนรอบด้านเริ่มพูดคุยกันเอง นี่มันเกินกว่าที่แต่ละคนคาดการณ์เอาไว้ ซิ่วมู่ฝากความประทับใจไม่มีวันลืมให้กับเซียนทั้งหมด

“ในบททดสอบมนุษย์ เขาต่อสู้กับหลัวซู่ ในบททดสอบปฐพี เขากลืนกินจิตวิญญาณสายฟ้า นี่ไม่ใช่สิ่งที่เซียนธรรมดาทั่วไปจะทำได้! ไม่รู้ว่าซิ่วมู่จะสร้างปรากฏการณ์อะไรอีกในบททดสอบสวรรค์!”

“จ้าวปิศาจซิ่วมู่! ทรงพลังยิ่งนัก วันนี้ในที่สุดข้าก็เชื่อข่าวลือทั้งหมด!”

“อย่าประเมินเขาต่ำไป ให้ดีที่สุดคืออย่าไปตอแยเขา เขาคงจะได้ตำแหน่งสามอันดับแรกในการแข่งขันแน่นอน!”

แม้กระทั่งเซียนเฒ่าบางคนก็ลืมตาขึ้น แต่ละคนมองหวังหลินด้วยแววตาชื่นชม สิ่งที่ดาราจักรทุกชั้นฟ้าต้องการคือเซียนเช่นนี้!

โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรพชนตระกูลเซี่ยงถึงกับพยักหน้า ยิ่งมองหวังหลินมากเท่าไหร่ก็ยิ่งชอบ เขาไม่สนใจว่าอารามเทพอัสนีจะสูญเสียอะไรไป เพียงแค่คิดว่าซิ่วมู่คนนี้คล้ายกับตระกูลของตนเองมาก เพราะมีสัมผัสกลิ่นอายชั่วร้ายในตัวด้วย!

ผู้ส่งสาส์นกลางท้องฟ้าไร้คำเอื้อนเอ่ยและไม่ได้ตีกลองอีกแล้ว ในความคิดแต่ละคนถ้าซิ่วมู่ยืนกราน แม้พวกเขาจะตีกลองจนแตกเป็นเสี่ยงๆ มันก็ไม่มีผลกระทบอันใด พวกเขามองหน้ากันและเผยรอยยิ้มบิดเบี้ยว ทว่าสายตาที่มองหวังหลินไม่มีความอิจฉาแต่กลับเป็นความชื่นชมจากใจจริง

หวังหลินทำเป็นมองไม่เห็น หลังออกมาจากสนามเขาก็คำนับฝ่ามือใส่ปรมาจารย์จงเฉิน “ผู้น้อยทำผิดพลาดไป ข้าหวังว่าผู้อาวุโสจะไม่ใส่ใจ” คำพูดเขาคล้ายกับผู้อาวุโสฉิงชุ่ยเป็นอย่างยิ่ง เมื่อขุนนางเทพฉิงชุ่ยได้ยินแบบนี้จึงเผยรอยยิ้มออกมา

ปรมาจารย์จงเฉินยิ้มขึ้น “ไม่มีอันตรายก็ดีแล้ว ถือว่าเป็นการยกทะเลสาปสายฟ้าและร่างโคลนของจิตวิญญารสายฟ้าให้ช่วยผู้น้อยให้ทรงพลังขึ้นนับว่ามีคุณค่ากว่า ส่วนเรื่องการทำลายทะเลสาปสายฟ้านั้น เพียงแค่ได้ผลประโยชน์ในการสู้กับดาราจักรพันธมิตรเซียนถือว่าเพียงพอ!” สิ้นคำพูดเขาก็ชี้นิ้วขวา โลกคล้ายสั่นสะเทือนและพลังดั้งเดิมรวมตัวกันมหาศาล จากนั้นเปลี่ยนกลายเป็นอักขระรูนหนึ่งชิ้น

อักขระรูนชิ้นนี้เต็มไปด้วยพลังชีวิต รูม่านตาหวังหลินหดแคบลง เขาสามารถมองเห็นต้นตอพลังดั้งเดิมในอักขระรูนนั้นได้อย่างชัดเจน!

แม้จะเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยว อักขระรูนก้อนนี้กลับเต็มไปด้วยพลังไร้ก้นบึ้ง!

ปรมาจารย์จงเฉินดีดนิ้วและส่งอักขระรูนลอยออกไปหาสนามสี่เหลี่ยม วินาทีที่อักขระรูนร่อนลงถึง พลังดั้งเดิมแตกกระจาย เสี้ยวพลังดั้งเดิมพุ่งเข้าไปในสนามเช่นกัน เซียนรอบด้านต่างอุทานออกมาเมื่อเห็นว่าสนามสี่เหลี่ยมแตกร้าวเริ่มคืนตัวราวกับกำลังย้อนทวนเวลา

แม้แต่หินที่แตกสลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้วยังปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่าและก่อตัวเป็นสนามอีกครา

เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในพริบตา ทั้งสนามกลับคืนเป็นปกติ แตกต่างเพียงไม่มีสายฟ้าอยู่แล้ว

หลังจากหวังหลินเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด คล้ายจะเข้าใจอะไรบางอย่างได้

“ต่อไปเป็นบททดสอบสุดท้าย บททดสอบสวรรค์!” ปรมาจารย์จงเฉินหันไปหาลี่หยุนจื่อ “สหายเซียนลี่หยุน เชิญ!”

ลี่หยุนจื่อยกแขนขวาขึ้นมาและยื่นใส่ความว่างเปล่าตรงหน้า รอยร้าวและสายลมเย็นเยียบโผล่ออกมาจากข้างใน จากนั้นลี่หยุนจื่อเข้าไปในรอยร้าวและดึงม้วนคัมภีร์ออกมาชิ้นหนึ่ง

ม้วนคัมภีร์ชิ้นนี้เก่าแก่และให้กลิ่นอายโบราณออกมา

หลังจากนำม้วนคัมภีร์ออกมา ลี่หยุนจื่อโยนมันขึ้นไปในอากาศ ม้วนคัมภีร์เรืองแสงสีดำค่อยๆเปิดออกมาอย่างช้าๆเผยสิ่งที่อยู่ภายใน

ในม้วนคัมภีร์มีอยู่คำเดียวเท่านั้น!

“ต่อสู้!”

แม้จะเป็นเพียงแค่คำเดียว กลับส่งจิตสังหารเข้มข้นออกมาด้วย หากมองเข้าไป พวกเขาจะรู้สึกเหมือนถูกกระตุ้นการต่อสู้ขึ้น!

“สมบัติของตระกูลจาง คัมภีร์รบ!”

“คัมภีร์รบคือหนึ่งในสิบสิบสมบัติแห่งดาราจักรทุกชั้นฟ้า มีเพียงตระกูลจางเท่านั้นที่ได้รับอนุญาติให้อ่านข้างในได้ แต่คราวนี้มันสามารถขยายออกไปถึงเส้นขอบฟ้า!”

“สมบัตินั่น! มีข่าวลือว่าเดิมทีตระกูลจางไม่ได้ชื่อ ‘จาง’ แต่เมื่อตอนนั้นบรรพชนค้นพบสมบัติชิ้นนี้โดยบังเอิญ ฝึกฝนมันด้วยความอุสาหะ เปลี่ยนชื่อตนเองเป็นจางและกลายเป็นตระกูลแห่งการต่อสู้ในดาราจักรทุกชั้นฟ้า!”

คลื่นเสียงพูดคุยดังก้อง ลี่หยุนจื่อเอ่ยน้ำเสียงสงบ “ข้าจะเป็นผู้ดูแลบททดสอบสวรรค์!” พลางโบกแขนขวาอย่างลวกๆ

สายลมเบาๆพัดผ่าน หลายสิบคนลอยพัดออกไปทันทีโดยไม่อาจต่อต้าน พวกเขาพุ่งเข้าไปในค่ายกลเคลื่อนย้ายและหายไป

ผู้คนที่ถูกส่งออกไปคือคนที่ไม่สามารถผ่านบทดสอบที่สองได้ ตอนนี้เหลือคนอยู่เพียงแค่ 147 คนเท่านั้น

“บททดสอบสวรรค์คือการทำความเข้าในคัมภีร์รบของข้าเป็นเวลาสิบวินาที หลังผ่านไปสิบวินาทีอย่าพึ่งลืมตา ข้าจะรู้ว่าพวกเจ้ามีคุณสมบัติหรือไม่!” คำพูดของลี่หยุนจื่อทำให้เซียนรอบๆงุนงง ทว่าด้วยศักดิ์ศรีจึงทำให้ทุกคนเงียบลง

ลี่หยุนจื่อมองไปที่จางกงเล่ยและเอ่ยขึ้น “จางกงเล่ย เจ้ามาเป็นคนแรก!”

“ตามคำสั่งผู้อาวุโส!” จางกงเล่ยสูดหายใจลึกและก้าวไปบนสนามที่ก่อรูปขึ้นมาใหม่ เขามองม้วนคัมภีร์รบไม่ไหวติงและเข้าสู่สภาวะประหลาดราวกับถูกคัมภีร์ดูดซับไปอย่างสมบูรณ์!

หวังหลินจ้องมองจางกงเล่ย วินาทีหลังจากนั้นสีหน้าก็เคร่งเครียด ผ่านไปแปดวินาทีดูเหมือนสัมผัสวิญญาณของจางกงเล่ยแบ่งออกเป็นสองส่วน หนึ่งในนั้นผสานตัวเข้ากับม้วนคัมภีร์รบ

วินาทีนี้เอง เสี้ยวต้นพลังงานดั้งเดิมที่อ่อนแอกว่าปรมาจารย์จงเฉินร้อยเท่าพลันแสดงออกมาจากคัมภีร์รบ ทว่าในวินาทีที่สิบราวกับร่างจางกงเล่ยไม่สามารถเอื้อเฟื้อต่อร่องรอยพลังงานต้นกำเนิดที่อ่อนแอนั้นได้

ยากยิ่งนักที่เซียนธรรมดาทั่วไปจะสังเกตเห็น หากหวังหลินไม่ได้พบเจอขั้นที่สามในลูกปัดฝืนลิขิตฟ้า เขาคงไม่สามารถค้นพบความลับนี้ ทว่าสิ่งที่เขาเห็นกลับก่อเกิดคลื่นขนาดใหญ่ในจิตใจ!

หวังหลินอ้าปากค้าง “คัมภีร์รบนั่นบรรจุต้นตอพลังงานต้นกำเนิด!”

ลี่หยุนจื่อเอ่ยน้ำเสียงสงบนิ่ง “จางกงเล่ย ผ่านคุณสมบัติ!”

สิ้นคำพูด จางกงเล่ยพลันตื่นออกมาจากภวังค์ลี้ลับ ขณะตื่นขึ้นร่างกายปกคลุมไปด้วยเหงื่อและใบหน้าซีดเผือด จากนั้นสูดหายใจลึกเล็กน้อย เขาอ่อนแอยิ่งนักราวกับพึ่งผ่านการต่อสู้ขนาดใหญ่มาก เขาทำความเคารพต่อลี่หยุนจื่อก่อนจะออกไปจากสนาม

มีคนไม่มากนักท่ามกลางเหล่าเซียนรอบๆ โดยเฉพาะคนที่เกี่ยวข้องกับการประลองจึงมองทะลุผ่านความลับจริงๆออก พวกเขาต่างมีความคิดหลายอย่างว่าจางกงเล่ยผ่านบททดสอบไปได้ง่ายๆเช่นไร

หลังจากนั้นก็มีอีกคนก้าวเข้าไปในสนาม สายตามองไปที่คัมภีร์รบ อย่างไรก็ตามจากจำนวนสิบคน มีอยู่แปดคนที่ถูกลี่หยุนจื่อส่งกลับไปในค่ายกลเคลื่อนย้าย

เป็นผลให้เซียนรอบด้านยิ่งเคร่งเครียดขึ้นไปอีก พวกเขามองไม่ออกจริงๆว่าลี่หยุนจื่อตัดสินบททดสอบที่สามได้อย่างไร!

ยิ่งหวังหลินมองก็ยิ่งเคร่งเครียด เซียนที่ถูกตัดออกไปทั้งหมดสามารถแบ่งสัมผัสวิญญาณเข้าไปในคัมภีร์รบได้ ราวกับคัมภีร์รบมีจิตวิญญาณของตัวเองและมีวิธีทางในการตัดสินว่าจะยอมรับสัมผัสวิญญาณคนนั้นหรือไม่

ลี่หยุนจื่อกำลังใช้วิธีนี้ในการตัดสินว่าคนนั้นผ่านคุณสมบัติ คนที่ผ่านต่างก็เป็นเหมือนจางกงเล่ย พวกเขาสามารถแบ่งสัมผัสวิญญาณออกมาและส่วนหนึ่งเข้าไปในคัมภีร์รบทำให้เสี้ยวพลังต้นกำเนิดปรากฏ ทว่าไม่มีใครสามารถเก็บรักษาพลังงานต้นกำเนิดนั้นในร่างกายได้

มีอีกจุดหนึ่งที่หวังหลินสังเกตได้ เซียนที่ผ่านคุณสมบัติแทบจะผสานเข้ากับม้วนคัมภีร์รบในวินาทีที่เก้าหรือสิบ

มีน้อยคนที่สามารถผสานได้ในวินาทีที่แปดเหมือนจางกงเล่ย

ซิ่วถิงดวงตาส่องสว่าง คล้ายจะมองเห็นเบาะแสบางอย่างแต่ไม่มั่นใจ หลังจากขบคิดเล็กน้อยเขาก็ก้าวขึ้นไปทันทีหลังจากคนสุดท้ายจบลง เขาก้าวไปบนสนามและมองไปยังม้วนคัมภีร์รบ

ลี่หยุนจื่อมองซิ่วถิง เขามีความประทับใจบางอย่างกับผู้น้อยคนนี้ วินาทีนั้นเขาพยักหน้าและไม่ได้พูดอะไร

ซิ่วถิงมองม้วนคัมภีร์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดและเผยสายตาลึกลับออกมา ควันสีดำปรากฏระหว่างคิ้วและเริ่มหมุนเป็นวงกลม

พอวินาทีที่ห้า เสี้ยวสัมผัสวิญญาณส่วนหนึ่งก็แบ่งตัวและถูกม้วนคัมภีร์รบดูดซับ

หวังหลินหรี่ตาแคบและคิดขึ้น ‘ห้าวินาที! เขาไม่ได้มีโอกาสเหมือนกับข้าแน่ แต่กลับสามารถเข้าสู่สภาวะนั้นได้ในห้าวินาที พรสวรรค์เขาช่างอัศจรรย์!’

ดวงตาลี่หยุนจื่อส่องประกาย ขณะนั้นยิ่งจ้องซิ่วถิงก็ยิ่งเคร่งขรึมและลอบพยักหน้า ในตระกูลจางมีน้อยกว่าสิบคนที่สามารถเข้าสู่สภาวะนั้นได้ในห้าวินาที มีหลายคนที่ฝึกฝนกับม้วนคัมภีร์มาพักใหญ่แล้วจึงจะสามารถเข้าสู่สภาวะในห้าวินาที

ส่วนคนที่สามารถเข้าสู่สภาวะนี้อย่างรวดเร็วเป็นครั้งแรกนั้น มีอยู่สามคนในตระกูลจาง!

‘เด็กคนนี้ไม่ธรรมดา!’ ลี่หยุนจื่อเผยความชื่นชมอันหาได้ยาก

ไม่เพียงแต่ลี่หยุนจื่อเท่านั้นแต่เซียนเฒ่าบนเสื่อสมาธิต่างก็เห็นความลับของสมบัติตระกูลจางได้เช่นกัน ข้างในนั้นมีพลังประหลาดอยู่และยิ่งเข้าสู่สภาวะนั้นเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งสามารถได้รับการยอมรับจากการสืบทอดได้

ทว่าในหมู่พวกเขา มีน้อยคนที่รู้ว่าพลังสายนี้คือกุญแจสำคัญในการเข้าสู่ขั้นที่สามซึ่งคนทั้งหมดต่างใฝ่ฝัน!

ปรมาจารย์จงเฉินเผยแววตาแสงลึกลับ เขาไม่ได้มองม้วนคัมภีร์แต่จ้องไปที่ซิ่วถิงและคิดขึ้นมา ‘เขามีพรสวรรค์แบบนั้น…’

หลังผ่านไปสิบนาที ซิ่วถิงพลันตื่นขึ้น หวังหลินส่องดวงตาเป็นประกายโดยไม่มีใครเห็น เขาเห็นเสี้ยวต้นตอพลังงานดั้งเดิมจากม้วนคัมภีร์เข้้าไปในร่างซิ่วถิง…จากนั้นมีส่วนเล็กๆคงอยู่ในตัวซิ่วถิงจริงๆ

การค้นพบนี้ทำให้ความคิดหวังหลินสั่นเทา เห็นได้ชัดเกินไปถึงหน้าที่ของเสี้ยวพลังดั้งเดิม ซิ่วถิงคงไม่รับรู้ได้ตอนนี้แต่เมื่อเขาบรรลุถึงจุดสุดยอดของชั้นที่สอง มันคงส่งผลกระทบต่อซิ่วถิงจนมิอาจจินตนาการได้!

‘ซิ่วถิงเผยความไม่เป็นมิตรต่อข้า ไม่อาจปล่อยให้มีชีวิตได้!’ หวังหลินสีหน้าสงบนิ่งแต่จิตสังหารปรากฏในใจ

ซิ่วถิงเผยจิตสังหารต่อหวังหลินมากกว่าครั้งแรก ด้วยนิสัยของหวังหลินแล้วไม่มีทางที่เขาจะยอมให้ซิ่วถิงมีเสี้ยวพลังดั้งเดิมไปได้

“ซิ่วถิง ผ่านคุณสมบัติ!” ลี่หยุนจื่อจำชื่อซิ่วถิงและพยักหน้า ขบคิดเล็กน้อยและเอ่ยขึ้น “คัมภีร์รบมีทั้งหมดสามเล่ม หลังจากเส้นทางสู่ดาราจักรพันธมิตรเซียนเปิดขึ้น เจ้ามาหาข้าได้และข้าจะให้เจ้าดูเล่มที่สอง!”

หลังกล่าวเช่นนั้น เซียนรอบด้านต่างก็รู้สึกอิจฉาแต่ไม่ได้แสดงมันออกมา ซิ่วถิงมองลี่หยุนจื่อ กล่าวด้วยความนอบน้อมแม้จะยโสโอหังอยู่บ้าง “ขอบคุณมาก ผู้อาวุโสลี่หยุนจื่อ”

กระทั่งจางกงเล่ยก็รู้สึกขุ่นเคืองในใจ เขารู้ดีว่ากระทั่งภายในตระกูลเองก็มีเพียงประมาณสิบคนเท่านั้นที่มีคุณสมบัติพอจะอ่านคัมภีร์เล่มที่สอง ส่วนเล่มที่สามนั้นมีเพียงหัวหน้าตระกูลและสองผู้อาวุโสเท่านั้นที่ได้อ่าน ไม่มีคนที่สี่

ซิ่วถิงพยักหน้าและถอยตัวอย่างเคารพ เขามองหวังหลินด้วยแววตามืดมน

หวังหลินมองกลับไปยังซิ่วถิงด้วยท่าทีเย็นจาก จากนั้นก้าวเท้าและเดินตรงไปหาสนาม เดิมทีเซียนชื่อจ้าวยี่โตกำลังจะทดสอบเป็นรอยต่อไป แต่เมื่อเขากำลังจะเข้าไปในสนามกลับมองเห็นหวังหลินเคลื่อนไหว จึงถอยตัวทันทีและเผยสีหน้าอึดอัดใจ

เขาเป็นคนที่ถูกหลิวซู่เรียกลงมาและถูกหวังหลินโบกแขนเสื้อให้กลับไปหลังจากหวังหลินและหลัวซู่ต่อสู้กันครั้งแรก

วินาทีนั้นเขาสาปแช่งความโชคร้ายอยู่ในใจและรีบถอนตัว

การปรากฏตัวของหวังหลินทำให้เกิดความสนใจรอบด้าน ในระหว่างการแข่งขันตำแหน่งฉายาเทพครั้งนี้ ชื่อเสียงของหวังหลินทำให้ทุกคนสั่นสะท้าน เขาต่อสู้กับหลัวซู่ในบททดสอบมนุษย์และกลืนกินจิตวิญญาณสายฟ้าในบททดสอบปฐพี เซียนทุกคนต่างก็มองดูความสามารถต่อไปของซิ่วมู่ในบททดสอบที่สาม!

ความคาดหมายเช่นนี้รุนแรงยิ่ง แม้กระทั่งบรรพชนของตระกูลเซียนบางส่วนถึงกับเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด ไม่เพียงแค่นั้นพวกเขายังจดจำชื่อ “ซิ่วมู่” ไว้ในความทรงจำด้วย

นอกจากเซียนเฒ่าที่นั่งบนเสื่อสมาธิซึ่งเป็นตัวแทนของตำแหน่งขั้นสูงในดาราจักรทุกชั้นฟ้า ทุกคนต่างก็มองเข้ามาด้วยรอยยิ้ม

มีแต่เพียงเทพโลหิตที่พ่นลมหายใจเย็น ขบคิดเล็กน้อยทั้งยังวางสายตามาที่หวังหลินเช่นกัน

ปรมาจารย์จงเฉินยิ้มอยู่ในใจ เขาปวดหัวกับหวังหลินมาพักนึงแล้ว ไม่ว่าอะไรก็ตามเจ้าเด็กคนนี้ถือว่ามีชะตาต้องกันกับเขา และเพิ่มด้วยหวังหลินมีความสัมพันธ์กับฉิงชุ่ย การบีบบังคับเขาไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่ หวังหลินทำให้อารามเทพอัสนีสูญเสียไปเยอะในบททดสอบมนุษย์และปฐพี ทว่าลี่หยุนจื่อรับผิดชอบในบททดสอบสวรรค์ ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นมันก็ไม่ส่งผลกระทบกับเขา แต่เป็นลี่หยุนจื่อ

ณ ขณะนี้เขาจึงมองหวังหลินด้วยความคาดหวังอันริบหรี่

หวังหลินก้าวเท้าไปบนสนาม คำนับฝ่ามือไปทางลี่หยุนจื่อ จากนั้นมองขึ้นไปยังคัมภีร์รบกลางอากาศ!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!