885. ของขวัญฉิงชุ่ย
กลิ่นอายแห่งความตายรอบร่างกายดูดซึมพลังชีวิตส่วนใหญ่ออกไป จากนั้นลอยเข้าหาลี่มู่หวาน พลังชีวิตของหวังหลินถูกแทรกเข้าหานางผ่านกรรมวิธีลึกลับ
บรรพชนตระกูลเซี่ยงเอ่ยขึ้น “วิชาเจ็ดยามเย็นจำเป็นต้องทนให้ได้เจ็ดวัน หากวิญญาณดวงนี้สามารถทนอยู่ได้เจ็ดวัน เมื่อนั้นก็จะฟื้นคืนชีพขึ้นมาตามธรรมดา”
หวังหลินขบคิดพลางมองวิญญาณของลี่มู่หวาน ในใจเขาไม่มีความเสียใจ
ลี่มู่หวานคล้ายจะเข้าในมันทั้งหมด ร่างกายนางสั่นเทา วิญญาณที่ยังไม่มีร่างกายนั้นพลันเกิดความเศร้าเงียบๆออกมาจากข้างใน
กลิ่นอายแห่งความตายรอบลี่มู่หวานถูกเติมพลังชีวิตเข้าไปใส่อย่างต่อเนื่อง วิญญาณของนางเริ่มค่อยๆควบแน่น
วันเวลาผ่านไปอย่างช้าๆ วันที่หนึ่ง วันที่สอง…
ทว่าในวันที่สาม การควบแน่นของลี่มู่หวานก็หยุดลงก่อนที่พลังชีวิตจะถูกใช้จนหมด
บรรพชนตระกูลเซี่ยงเอ่ยกล่าว “น่าเสียดายนัก…วิชาเจ็ดยามเย็นมีมาจากยุคโบราณและสามารถฝืนลิขิตสวรรค์ได้ วิชานี้แข็งแกร่งมาก กระทั่งนำพาคนตายให้กลับมามีชีวิตหากมีพลังชีวิตเพียงพอ!”
“พลังชีวิตที่ใช้ส่งผ่านด้วยวิชาเจ็ดยามเย็นนั้นไม่เท่ากัน เจ็ดยามเย็นนั่นหมายความว่ามีเจ็ดวัน แต่ละวันที่ผ่านไปจะต้องการพลังชีวิตมากกว่าวันก่อนหน้านี้ร้อยเท่า วันที่เจ็ดนั้นสำคัญมากและใช้พลังชีวิตจำนวนมหาศาลเหนือจินตนาการ! พลังชีวิตของเจ้าเพียงพอแค่สองวันเท่านั้น แม้ข้าจะเอาพลังชีวิตเจ้าไปมากกว่าครึ่งมันก็ไม่เพียงพอจนจบวันที่สาม!”
“ซิ่วมู่ เจ้ามีอะไรที่สามารถเพิ่มพลังชีวิตได้หรือไม่?”
เมื่อไร้พลังชีวิตเข้าเติมเต็ม วิญญาณของลี่มู่หวานก็เริ่มสลาย ทั้งยังสลายเร็วมากกว่าแต่ก่อนราวกับครั้งนี้มันจะหายไปอย่างสิ้นเชิง
“ดูดซับพลังชีวิตข้าต่อไป…” หวังหลินมองลี่มู่หวานด้วยสายตาอ่อนโยน นางรอเขามาหลายร้อยปีเพียงเพราะคำสัญญาเดียว
มีเพียงสตรีคนนี้เท่านั้นที่อยู่ในใจเขาในช่วงเวลาฝึกเซียนนับพันปี ทว่าจนเมื่อนางจากไปจึงตระหนักได้ว่าเขาห่วงใยนางมาตลอด มีแต่เพียงความทรงจำเท่านั้นยามที่เดินทางอ้างว้างโดดเดี่ยว
หวังหลินเฝ้ามองลี่มู่หวานพร้อมกับนึกถึงสถานการณ์ความเป็นความตาย ความโศกเศร้าใจที่ไร้บ้าน…
ทั้งสองมีระยะห่างอยู่ช่วงหนึ่งแต่ไม่ได้ไกลนัก ราวกับทั้งคู่อยู่ตรงข้ามกับแม่น้ำ เขาอยู่ด้านหนึ่งและนางอยู่อีกด้าน ระหว่างพวกเขาคือความเจ็บปวดไม่จางหายไปจนเปลี่ยนกลายเป็นสายน้ำ ไม่ว่ากระแสน้ำจะเชี่ยวกราดรุนแรงแค่ไหนมันก็ไม่อาจลบล้างสายตาจ้องมองและอดทนของทั้งคู่ไปได้
ราวกับเสียงพิณแห่งความเศร้าปรากฏขึ้นในโสตประสาทอีกครั้ง เสียงพิณดุจจันทราล่อง อาทิตย์ตกคล้ายเป็นสะพานให้กับหวังหลินและลี่มู่หวาน ทำให้ความรู้สึกทั้งสองใกล้ชิดกันและกันได้อย่างแท้จริง
จากนั้นกลิ่นอายแห่งความตายก็แยกกัน หนึ่งทางห่อหุ้มส่วนปลายรอบลี่มู่หวานและอีกหนึ่งห่อหุ้มส่วนปลายรอบหวังหลิน
พลังชีวิตถูกดึงออกมาจากร่างหวังหลินอย่างต่อเนื่องและเติมเต็มเข้าไปในวิญญาณลี่มู่หวาน แม้จะใช้พลังชีวิตนับหมื่นเท่าเพื่อแลกเปลี่ยนเป็นพลังชีวิตเพียงเสี้ยวเดียวให้กับลี่มู่หวาน เขาก็ไม่มีวันเสียใจ!
หวังหลินมองลี่มู่หวานอย่างเงียบๆและเผยรอยยิ้มอ่อนโยน รูปลักษณ์เขาแก่ขึ้นอย่างรวดเร็ว รอยเหี่ยวย่นปกคลุมใบหน้า พลังชีวิตจำนวนมากสูญเสียออกไปและครั้งนี้ราวกับเขาได้ผ่านกาลเวลาพันปีเพียงพริบตา
ในร่างหวังหลินเหลือพลังชีวิตอยู่ไม่มากนัก ความเร็วของการดูดซับทำให้หวังหลินสัมผัสเสียงเรียกหาจากสวรรค์ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
สูดหายใจลึก พลังชีวิตหนาแน่นปะทุจากร่างกายคล้ายก่อตัวเป็นพายุพลังชีวิตกวาดผ่านบริเวณ สิ่งนี้ทำให้ดวงตากะโหลกมนุษย์นับไม่ถ้วนที่นี่ส่องสว่างขึ้น
“เอ๋!” บรรพชนเซี่ยงตกตลึงอยู่ในโลงศพ จากนั้นฝาโลงก็เปิดออกเผยเป็นร่างที่แห้งเหี่ยวราวซากศพ
สายตาร่างในโลงนั้นเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมและเย็นเยียบ จับจ้องไปบนหวังหลิน
ณ ดาราจักรพันธมิตรเซียนบนดาวเคราะห์เซียนดวงหนึ่ง ร่างดั้งเดิมหวังหลินกำลังซ่อนตัวอยู่ในสำนึกเซียนหนึ่ง โดยการแกล้งเป็นศิษย์ระดับต่ำ ตอนนี้เขากำลังนั่งสมาธิโดยที่พลังชีวิตจำนวนมากกำลังสลายหายไป
ทว่าร่างดั้งเดิมไม่ได้พยายามหยุดมัน เขาเพียงมองขึ้นไปบนท้องฟ้าและสงบนิ่งเงียบงัน
อวงตาเย็นเยียบคู่นั้นแฝงความอ่อนโยนเหมือนกับร่างอวตาร
พลังชีวิตที่เข้าไปในร่างอวตารซึ่งมาจากร่างดั้งเดิมกำลังถูกใช้งานอย่างรวดเร็ว เป็นผลให้วิญญาณของลี่มู่หวานเริ่มก่อตัวขึ้นอีก
วันเวลาค่อยๆผ่านไป วันที่สาม วันที่สี่…
ในวันที่ห้า ร่างดั้งเดิมหวังหลินริบหรี่อย่างสิ้นเชิง เส้นผมสีแดงซีดจาง พลังชีวิตจำนวนมากถูกดูดออกไป แม้ร่างดั้งเดิมของเขาจะมีร่างกายแบบเทพโบราณ เขาก็ไม่สามารถทนไหวได้อีกต่อไป
หลังวิชาเจ็ดยามเย็นผ่านวันที่สี่ไป วิญญาณของลี่มู่หวานก็ควบแน่นกลับมาอย่างสมบูรณ์ กลิ่นอายแห่งความตายถูกถอดออกไปจากวิญญาณนางหมดสิ้น
ทว่าเศษเสี้ยวพลังชีวิตไม่พอจะทำให้นางตื่นขึ้นมาได้
สี่วันเป็นขีดจำกัดแล้ว! หวังหลินไม่อาจก้าวข้ามผ่านวันที่ห้าไปได้!
“ทำได้มากขนาดนี้เท่านั้น เจ้าไม่มีพลังชีวิตเพียงพอ ดังนั้นเจ้าจึงไม่สามารถฟื้นคืนวิญญาณดวงนี้ได้” บรรพชนตระกูลเซี่ยงมองหวังหลินอย่างสงบนิ่งก่อนจะกลับไปนอนในโลง สายลมแห่งความตายห่อหุ้มรอบลี่มู่หวานและหวังหลิน สายลมกวาดผ่านลำห้วยไปมา
ในระหว่างกระบวนการนี้ สองฝ่ามือหวังหลินสร้างผนึกอย่างรวดเร็วและใช้กฏเกณฑ์จำนวนมากล้อมรอบลี่มู่หวาน ซึ่งทำให้เศษเสี้ยวพลังชีวิตชะลอความทรุดโทรมลงในวิญญาณลี่มู่หวาน
วินาทีที่เขาออกมาจากลำห้วย สองสายตาจับจ้องไปที่หวังหลิน
ฉิงชุ่ยเห็นหวังหลินตอนนี้ เขาตกตะลึงแต่ก็นิ่งเงียบ
ส่วนเซี่ยงหยุนตงคล้ายกับรู้อยู่แล้วว่าจะเกิดเรื่องนี้ขึ้น เขามองหวังหลินและถอนสายตา
หวังหลินเก็บวิญญาณลี่มู่หวานกลับเข้าไปในกระเป๋าอย่างระมัดระวัง จากนั้นมองฉิงชุ่ยพลางกล่าวอย่างสงบนิ่ง “ศิษย์พี่ เราไปกันเถอะ”
ฉิงชุ่ยถอนหายใจ โบกแขนเสื้อรับหวังหลินและทั้งสองก็ลอยเหาะเหินออกไป
เซี่ยงหยุนตงมองทิศทางที่หวังหลินหายไปและเผยรอยยิ้ม เขาพึมพำขึ้นมา “ซิ่วมู่ แม้ข้าจะวางแผนกับเจ้าแต่ข้าไม่ได้ปิดบังมัน ด้วยความรู้ความสามารถของเจ้าก็น่าจะรู้แล้วถึงการฟื้นฟูวิญญาณดวงนั้น เจ้าเพียงต้องใช้พลังชีวิตจำนวนมาก ท้ายที่สุดเราก็ไม่ได้เป็นหนี้อะไรกัน!”
ฉิงชุ่ยและหวังหลินกลายเป็นลำแสงสองสายเหาะเหินข้ามผ่านท้องฟ้าดวงดารา
“ศิษย์พี่ ท่านรู้จักสิ่งนี้ไหม?” หวังหลินตบกระเป๋านำโลงศพเลี่ยงสวรรค์ออกมา
ฉิงชุ่ยหยุดชะงักไปชั่วจังหวะ ดวงตาขวากระพริบสีแดงมองไปที่โลงศพเลี่ยงสวรรค์ หลังจากนั้นสักพักเขาก็เอ่ยขึ้น “ข้าไม่เคยเห็นสิ่งนี้มาก่อนแต่มันมีพลังปราณเทพอันแข็งแกร่งผุดออกมา มันควรจะมาจากแดนสวรรค์ อีกทั้งข้างในยังมีพลังพิเศษ เป็นกฏรูปแบบหนึ่ง ของสิ่งนี้น่าจะมีความสามารถในการฟื้นฟูด้วยใช่ไหม?”
หลังได้ยินเช่นนั้น หวังหลินถอนหายใจ แม้กระทั่งฉิงชุ่ยก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร จากนั้นจึงเก็บโลงศพกลับไป “มันควรใช้เพื่อฟื้นฟู แต่ข้าไม่รู้ว่ามันใช้อย่างไร”
ฉิงชุ่ยไม่ถามอะไรอีก เขามองดวงดาวห่างออกไปไกล หลังจากเงียบไปสักพักจึงเอ่ยขึ้นมา “ซิ่วมู่ แม้เจ้าไม่ได้เข้าไปในสระเทพ เจ้าก็ผ่านการทดสอบ หลังข้าเข้าไปในดาราจักรพันธมิตรเซียน มันอาจจะอันตรายมาก ดังนั้นข้ากลัวว่าเจ้าไม่สามารถติดตามข้าไปด้วยได้ หลังจากเข้าไปในดาราจักรพันธมิตรเซียน เจ้าต้องพึ่งตัวเอง!”
หวังหลินพยักหน้าแต่หัวใจรู้สึกเจ็บปวด เขาสัมผัสได้ว่าเสียงเรียกจากสวรรค์กำลังใกล้ขึ้นและใกล้ขึ้น
“เรียกขานสายลม อัญเชิญสายฝนและไสยเวท ทั้งสามวิชานี้เจ้าอยู่เรียกขานสายลมอยู่แล้ว ส่วนอีกสองวิชาข้าจะสอนมันให้เจ้าเดี๋ยวนี้!” ขณะฉิงชุ่ยพูดขึ้น สองดัชนีก่อเป็นรูปร่างกระบี่และชี้ใส่ระหว่างคิ้วหวังหลิน ทันใดนั้นพลังสวรรค์ดั้งเดิมพรั่งพรูเข้าไปในร่างหวังหลิน
ขณะเดียวกันข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับอัญเชิญสายฝนและไสยเวทต่างก็ปรากฏในหัวหวังหลิน การกระทำของฉิงชุ่ยเทียบเท่ากับการส่งต่อการสืบทอดมรดก!
การสืบทอดและการสั่งสอนไม่เหมือนกัน มีเพียงศิษย์สายตรงเท่านั้นที่จะได้รับการสืบทอด การส่งวิชาต่อกันตรงๆเช่นนี้เพื่อให้มันไม่สูญสิ้นไปอย่างแน่นอน กระทั่งลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็นและทำให้คนรับเข้าใจอย่างลึกซึ้งอีกด้วย
ฉิงชุ่ยมองหวังหลินและถอนหายใจ ตอนแรกนั้นการกระทำของเขาที่มีต่อหวังหลินเป็นแค่หนทางตอบแทนอาจารย์ แม้อาจารย์จะเพียงแค่พูดล้อเล่น แต่หลังจากเขาตื่นขึ้นมา นี่กลับเป็นสิ่งเดียวที่เขาทำได้ เข้าไม่ได้ห่วงใยหวังหลินมากนัก แม้แต่ตอนที่เขาช่วยหวังหลินก็เพื่ออาจารย์เท่านั้น
หวังหลินไม่ได้เข้าไปในสระเทพซึ่งทำให้ฉิงชุ่ยผิดหวังอย่างมาก เขาตัดสินใจว่าโชคชะตาระหว่างหวังหลินและอาจารย์เขาจบลงที่นี่ เขาตัดสินใจว่าจะไขว่คว้าหาเหตุผลเรื่องแดนสวรรค์ล่มสลายและเหตุผลนี้ทำให้เขาแทบบ้าคลั่ง!
อย่างไรก็ตามเรื่องทั้งหมดก็เปลี่ยนไปตอนที่หวังหลินต้องการยกชีวิตเกือบทั้งหมดของตัวเองให้สตรีคนเดียว สิ่งนี้ทำให้ฉิงชุ่ยย้อนไปนึกถึงอดีต
ตอนที่เขามองหวังหลิน ฉิงชุ่ยรู้สึกเหมือนกำลังมองตัวเองอยู่และเกิดความเจ็บปวดแสนสาหัสขึ้นในหัว เขาไม่มีวันลืมว่าหลังจากตื่นขึ้นมาวันนั้น เขาเห็นกองโลหิตอยู่บนพื้น ใบหน้าสวยงามของคนรักได้หลับตาลง
วินาทีนั้นหัวใจเขาแตกสลาย!
ฉิงชุ่ยไม่มองหวังหลินด้วยสายตาที่จะตอบแทนอาจารย์เหมือนเช่นอดีตอีกต่อไป ตอนนี้ในสายตาเขาแฝงร่องรอยความอ่อนโยน
“เจ้าไม่ได้เข้าสระเทพ เมื่อไร้พลังเทพดั้งเดิมเจ้าก็ไม่สามารถแสดงวิชาเทพอย่างเต็มที่ได้ ศิษย์พี่ไม่มีของขวัญอะไรจะให้เจ้า ดังนั้นข้าจะให้พลังเทพดั้งเดิมนี้ไว้เพื่อช่วยเจ้าเรียกใช้งานวิชาเทพ!”
พลังเทพดั้งเดิมเข้าไปในร่างหวังหลินก่อนหน้าไม่ได้ถูกฉิงชุ่ยดึงกลับไป มันโคจรผ่านร่างหวังหลินก่อนจะเปลี่ยนกลายเป็นถั่วสีทองตกเข้าไปในวิญญาณดั้งเดิมหวังหลิน