Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 887

Cover Renegade Immortal 1

887. ซูซาคุ

ณ ดาราจักรพันธมิตรเซียน หวังหลินผมสีขาวโพลนมุ่งหน้าต่อไปอย่างไม่แยแส เขาก้าวเท้าอย่างช้าๆ การก้าวไม่ได้เร็วนักแต่เกิดระลอกคลื่นขึ้นทุกก้าว ข้ามผ่านระยะทางที่มิอาจวัดได้

ขณะมองดาราจักรที่ไม่คุ้นเคยด้วยสัมผัสแห่งความคุ้นเคยแห่งนี้ หวังหลินสงบนิ่ง เขาออกไปจากดาราจักรแห่งนี้มานานมาก

ตอนที่จากมาเขาพึ่งบรรลุขั้นเทวะ แต่กลับมาด้วยระดับขั้นส่องสวรรค์เสียแล้ว

“เทียนหยุน หลิงเทียนโฮว…หวังหลิน กลับมาแล้ว!” ดวงตาหวังหลินส่องประกาย ในกระเป๋ายังมีกุญแจเข้าถ้ำในดินแดนวิญญาณปิศาจ เขาเก็บรักษากุญแจไว้ได้อย่างปลอดภัย

ระดับบ่มเพาะของหวังหลินไม่ได้สูงนักตอนที่ยังอยู่ในดาราจักรพันธมิตรเซียน พลังอำนาจที่สูงที่สุดที่เขารู้จักมีเพียงแคว้นเซียนระดับเจ็ดเท่านั้น ทว่าตอนนี้เขาเป็นเซียนขั้นส่องสวรรค์แล้ว แม้แต่ในดาราจักรทุกชั้นฟ้าเขาถูกเซียนเฒ่าให้ความสนใจ ตอนนี้เมื่อกลับมาแล้วหวังหลินสามารถสร้างพายุอันยิ่งใหญ่ได้ถ้าเขาต้องการ

อย่างไรก็ตามหวังหลินชัดเจนว่าพันธมิตรเซียนไม่อาจเทียบกับทุกชั้นฟ้าได้ สายน้ำในพันธมิตรล้ำลึกเกินไป

“ข้าต้องระมัดระวังในการต่อสู้ระหว่างดาราจักรพันธมิตรและดาราจักรทุกชั้นฟ้า ข้าต้องไม่ลดความประมาทลง” ดวงตาหวังหลินส่องสว่าง ตัดสินใจรอคอยดีกว่า

หลังกลับมาดาราจักรพันธมิตร ความระมัดระวังของหวังหลินเพิ่มขึ้นหลายเท่าทันที เขารู้จักเหล่าเซียนในดาราจักร โดยเฉพาะพวกเซียนเฒ่ามักจะมีเล่ห์เหลี่ยมยิ่ง คงไม่ต้องกล่าวถึงพวกระดับขั้นเท่าเขา

หากประมาทแม้เพียงครู่เดียว สามารถโดนกลืนกินโดยไม่รู้ตัวเลยก็มี!

สถานที่แห่งนี้ไม่ได้มีรูปแบบตระกูลเซียนเหมือนดาราจักรทุกชั้นฟ้า มันเป็นกฏของป่า โลกแห่งเซียนอันโหดเหี้ยม

“อย่างไรก็ตามด้วยระดับบ่มเพาะของข้าหลังจากผสานเข้ากับร่างดั้งเดิม ข้าไม่จำเป็นต้องหวาดเกรงในดาราจักรพันธมิตรเซียน!” แววตาหวังหลินสงบนิ่ง หลังจากกลับมาที่ดาราจักรพันธมิตรเขาก็ทำการติดต่อร่างดั้งเดิมทันทีและกำหนดตำแหน่งกันและกันได้

ขณะเดินเหิน สัมผัสวิญญาณแพร่กระจายออกไปและล้อมรอบบริเวณ หลังจากนั้นสักพักสีหน้าก็เปลี่ยนไป ระหว่างทางเขามองหาดาวเคราะห์รกร้างและตอนนี้พบแต่เพียงหนึ่งแห่งเท่านั้น

ใต้ฝ่าเท้าหวังหลินเกิดระลอกคลื่นพลางผสานเข้ากับโลกและหายตัวไป

หวังหลินปรากฏตัวขึ้นมาบนดาวเคราะห์เซียนรกร้างที่ไม่ได้มีพลังปราณมากนักแต่พื้นดินเต็มไปด้วยพลังชีวิต พอมองไปรอบๆ ดาวเคราะห์ร้างแห่งนี้ปกคลุมไปด้วยพืชพันธุ์หนาแน่น

เมื่อพบสถานที่ที่จำเป็นต้องใช้พลังชีวิตเพื่อช่วยลี่มู่หวาน หวังหลินไม่ลังเลและเลือกแลกเปลี่ยนพลังชีวิตกับวิชาเจ็ดยามเย็น การรอคอยหลายร้อยปีทั้งหมดนั้นก็เพื่อโอกาสนี้ครั้งเดียว เขาไม่ยอมล้มเลิกไปได้ การเดินทางครั้งนี้ถือว่าทั้งสำเร็จและล้มเหลว

ถือว่าสำเร็จคือแม้ลี่มู่หวานไม่ได้ฟื้นคืนชีพ นางก็ยังได้ร่างกายและมีความหวัง

แม้หวังหลินจะเสียพลังชีวิตส่วนใหญ่ไปเขาก็มีแผนอื่น แม้กระทั่งฉิงชุ่ยก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหวังหลินมีแผนสำรอง เขายอมยกอักขระรูนให้กับหวังหลินเพื่อช่วยซ่อนพลังชีวิตปัจจุบัน

แม้หวังหลินจะดูเหมือนไม่ได้แก่อะไรมากนักนอกจากเส้นผมขาวโพลน ถ้าหากอักขระรูนแตกสลายเขาจะแก่ชราจนดูเหมือนผู้เฒ่าพันปี

สัมผัสวัฏจักรการเกิดใหม่กำลังเรียกหาเขารุนแรงยิ่งขึ้น ทว่าสีหน้าท่าทางหวังหลินไม่ได้เปลี่ยนไปเลย ร่างกายกระพริบวูบวาบร่อนลงบนพื้นดินที่เต็มไปด้วยพลังชีวิต หลังจากร่อนลงมาถึงหวังหลินสูดหายใจลึกและนั่ง ต้าซานก้าวออกมาจากเงาและนั่งห่างออกไปหลายฟุต ดวงตาต้าซานเยือกเย็น ถ้าหากมีการเคลื่อนไหวอันเล็กน้อยที่เป็นอันตรายต่อหวังหลิน เขาจะโจมตีทันที

หวังหลินถอนหายใจครั้งใหญ่ ยกแขนขวาขึ้นมาสร้างผนึก แสงสีดำเริ่มก่อตัวบนนิ้วชี้ คราแรกแสงสีดำอ่อนแอมากแต่ในไม่ช้ามันก็เข้มแข็งขึ้น

“ดัชนีแห่งความตาย…” หวังหลินมองแสงสีดำบนนิ้วชี้ ตอนที่เขาเห็นขั้นที่สามหวังหลินรู้ว่ามันคงใช้เวลาเกินไปที่จะปรับแต่งมัน ดังนั้นเขาจึงล้มเลิกไป

ทว่าหลังจากได้ยินสิ่งที่เซี่ยงหยุนตงพูดขึ้นเขาจึงจำเป็นต้องใช้พลังชีวิตจำนวนมากเพื่อช่วยลี่มู่หวาน หวังหลินจึงคิดถึงดัชนีแห่งความตายทันที!

วิชานี้ใช้หนทางอันโหดเหี้ยมกลืนกินชีวิตทั้งหมดและเปลี่ยนไปเป็นพลังปราณให้แก่ผู้ใช้ เมื่อดัชนีร่อนลงใส่ ชีวิตทั้งหมดจะพังทลาย

ดวงตาหวังหลินส่องสว่าง ลดนิ้วลงและประทับลงบนพื้น พริบตานั้นแสงสีดำแพร่กระจายออกไปเป็นวงกลมโดยมีหวังหลินเป็นจุดศูนย์กลาง

มันปกคลุมพื้นที่ห้าร้อยลี้ในพริบตา ต้นไม้สูงตระหง่านภายในพื้นที่บริเวณค่อยๆแห้งเหี่ยว ใบไม้มากมายร่วงหล่นลง กิ่งก้านแตกระแหงและท้ายที่สุดต้นไม้ก็พังทลาย กระทั่งใบไม้ที่หล่นลงมายังเลือนหายไป

ควันสีขาวจำนวนมากลอยออกมาจากต้นไม้เหล่านั้น ควันสีขาวลอยขึ้นอยู่ชั่วครู่ก่อนจะรวมตัวกันเข้าหาหวังหลิน

ไม่ใช่เพียงแค่ต้นไม้สูงตระหง่านเท่านั้น แม้กระทั่งใบหญ้าก็ยังแห้งเหี่ยว พลังชีวิตแต่ละจุดเปลี่ยนกลายเป็นควันสีขาวรวมกันเข้าหาหวังหลิน

เพียงพริบตา พลังชีวิตทั้งหมดภายในระยะห้าร้อยลี้ก็แตกดับ พลังชีวิตทั้งหมดพุ่งออกมา

หากมองจากเบื้องบนพวกเขาคงเห็นฉากเหตุการณ์ประหลาดนี้ได้ในทันที ทั้งพื้นที่รัศมีห้าร้อยลี้แห้งเหี่ยว ระเบิดกลายเป็นควันขาวรวมกันไปรอบตัวหวังหลินราวกับมีชีวิต

หวังหลินถูกห้อมล้อมด้วยควันสีขาวหนนาแน่นจนไม่อาจมองเห็นร่างเขาได้ชัดเจน แววตาหวังหลินกระพริบสายฟ้าวูวาบพลางสูดหายใจลึก!

ควันสีขาวทั้งหมดคล้ายกับเจอทางเปิด มันก่อตัวเป็นวังวนและจุดปลายสุดอยู่ที่ปากหวังหลิน!

ควันสีขาวนับไม่ถ้วนเข้าไปในร่างหวังหลินและรวมกันอยู่ในร่างเขา มันเปลี่ยนกลายเป็นพลังชีวิตและหล่อเลี้ยงทั้งร่างกาย ขณะเดียวกันก็ฟื้นฟูพลังชีวิตทั้งหมดที่หวังหลินใช้ไป

ขณะดูดซับ อักขระโลหิตเริ่มกระพริบและลอยออกมาจากร่างกายสามนิ้ว ทว่ามันยังมีร่องรอยแสงปกคลุมร่างหวังหลินก่อตัวเป็นการปกป้องและซ่อนเขาเอาไว้

ครึ่งชั่วโมงต่อมา ควันสายสุดท้ายเข้าไปในร่างหวังหลิน จากนั้นควันก็หายไปอย่างสิ้นเชิง พื้นที่ระยะห้าร้อยลี้เป็นสีเหลือง พื้นดินแห้งเหือด พลังชีวิตทั้งหมดหายไป

สิ่งประหลาดก็คือภายนอกระยะห้าร้อยลี้ ทุกอย่างเป็นปกติและเห็นอย่างชมชัด ราวกับพื้นที่ทั้งสองคือโลกที่แตกต่างกัน

“วิชาที่บรรพชนตระกูลเซี่ยงใช้ต้องคล้ายกับดัชนีแห่งความตายซึ่งทำให้พวกเขาดูดซับพลังชีวิตมาใช้กับตัวเองได้ เขาประมาทเกินไปและไม่คิดว่าข้าจะมองมันออก!” หวังหลินเหยียดยิ้ม

“พลังชีวิตครึ่งนึงของข้าจะถูกกลืนกินง่ายๆได้อย่างไร? แค่วันเดียวข้าก็นำมันคืนมาได้หมด! ข้าสามารถกลืนกินพลังชีวิตได้เช่นกัน!” แววตาหวังหลินกระพริบเย็นเยียบ แสงสีดำแผ่ขยายออกไปอย่างรวดเร็ว

พันลี้ พันห้าร้อยลี้…พริบตาเดียวมันก็ล้อมรอบพื้นที่สองพันห้าร้อยลี้

ใบหญ้าแห่งเหี่ยว ต้นไม้ล่มสลายภายในพื้นที่ระยะสองพันห้าร้อยลี้ กระทั่งอสูรปิศาจบางตัวยังไม่อาจรอดไปได้ อสรพิษยาวมากกว่าร้อยฟุตถูกแสงสีดำห่อหุ้มทันที ตอนที่แสงสีดำผ่านมา ร่างมันสั่นเทาและถูกแยกออกจากกันทันที ควันสีขาวจำนวนมากลอยออกไปและรวมกันเข้าหาหวังหลิน

แสงสีดำขยายไม่หยุดยั้ง ดำเนินต่อไป สามพันลี้ สี่พันลี้…ห้าพันลี้!

ภายในระยะห้าพันลี้ ชีวิตทั้งหมดแตกสลาย พลังชีวิตไม่มีที่สิ้นสุดคล้ายก่อตัวเป็นพายุและใจกลางพายุคือหวังหลิน

ควันสีขาวจำนวนมากเข้าไปในร่างหวังหลิน อักขระรูนสีแดงตรงหน้าลอยขึ้นไปจนกระทั่งห่างสิบนิ้ว หวังหลินลืมตาขึ้น แขนซ้ายคว้าอักขระรูนและดึงเข้ามา

หวังหลินบีบอักขระรูนทันที วินาทีที่อักขระรูนถูกนำออกไป ร่างหวังหลินกระพริบปกคลุมในลำแสง เขากลายเป็นคนแก่ชราและมีกลิ่นอายล้อมรอบทันที

ททว่าทั้งหมดนั้นก็หวนกลับมาในจังหวะเดียว พลังชีวิตรอบด้านถูกหวัวหลินดูดซับ ร่างแห้งเหี่ยวพลันฟื้นคืนสู่ความรุ่งโรจน์และเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว

ณ ตอนนี้ในส่วนตะวันตกของดาราจักรพันธมิตรเซียน ห่างไกลจากดาวเคราะห์ร้างที่หวังหลินอยู่ มีดาวเคราะห์เซียนอยู่ดวงหนึ่ง ดาวเคราะห์เซียนแห่งนี้อยู่ส่วนลึกของฝั่งตะวันตกและใกล้จุดตัดกับฝั่งใต้

มองไกลๆแล้วมันเป็นดาวเคราะห์เซียนกึ่งไร้ประโยชน์และไม่ได้มีพลังปราณมากนัก

ปราณกระบี่หลายเส้นโคจรอบดาวเคราะห์เซียน บนปราณกระบี่พวกนั้นมีเซียนอยู่จำนวนหนึ่ง พวกเขามีสีหน้ามืดมน ดวงตาเยือกเย็นโคจรรอบดาวเคราะห์และสังเกตการณ์รอบด้าน

กลิ่นอายกดขี่แพร่กระจายออกไปอย่างต่อเนื่อง

เหล่าเซียนบนปราณกระบี่พวกนั้นไม่ได้มีระดับบ่มเพาะสูงส่ง พวกเขาเป็นขั้นวิญญาณแรกกำเนิดเท่านั้น ทว่าจิตสังหารจากแต่ละคนแข็งแกร่งยิ่ง แม้สัมผัสวิญญาณแต่ละคนกระจัดกระจาย แต่กลับแฝงความกังวลอยู่ในนั้น

ไม่นานนักปราณกระบี่สายหนึ่งลอยออกมาจากดาวเคราะห์เซียน คนข้างในนั้นเป็นหยิงชรา แม้ใบหน้านางเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น กลับเห็นได้ว่านางสวยสดงดงามตอนที่ยังเยาว์วัย หากหวังหลินอยู่ที่นี่เขาคงรู้สึกคุ้นเคยกับนาง

สายตาหญิงชราเต็มไปด้วยความกังวล เมื่อนางเข้าไปใกล้ เซียนคนหนึ่งเข้ามาและเอ่ยอย่างเคารพ “คารวะอาจารย์ลุง ไป๋เชว่!”

หญิงชราพยักหน้าพลางมองออกไปไกล “เจ้าต้องระมัดระวัง หากมีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นเจ้าต้องรายงานทันที ตอนนี้คือช่วงสงครามและดาวซูซาคุเราอยู่ใกล้เกินไปกับพวกเซียนทุกชั้นฟ้า มันเป็นช่วงความเป็นความตาย!”

ร่างเซียนคนนั้นสั่นเทา ก้มศีรษะรับทราบ

นางถอนหายใจ กำลังจะเอ่ยขึ้นแต่สีหน้าพลันเปลี่ยนไป ดวงตาส่องประกายจ้องมองออกไปไกล ซึ่งทำให้เซียนคนอื่นสนใจ พอพวกเขามองออกไป สีหน้าแต่ละคนเปลี่ยนเป็นซีดขาวแต่จิตสังหารเข้มข้นรวมกันอย่างรวดเร็ว

ปราณกระบี่หลายเส้นลอยออกมาจากดวงดาวระยะไกล เหล่าเซียนหลายร้อยมุ่งหน้าเข้าหาดาวซูซาคุ คนที่กำลังนำทางอยู่ตรงนั้นคือเด็กหัวโต เขาลอยข้ามผ่านเข้ามาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!