Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 936

Cover Renegade Immortal 1

936. หาปลาเพื่อผลประโยชน์

เมื่อมองทั้งหมดนี้หวังหลินทำได้แค่ถอนหายใจ ยังจดจำถึงสายตาไม่ยอมอ่อนข้อและเสียงคำรามโอหังสั่นสะเทือนโลกครานั้นได้

อย่างไรก็ตามพอมองมันตอนนี้กลับไม่มีร่องรอยอดีตตัวมันเอง หากไม่ใช่เพราะหวังหลินสัมผัสได้ว่ามันคืออสูรสายฟ้าจากราชรถสังหารเทพ หวังหลินคงคิดว่ามันคืออสูรสายฟ้าผิดตัว

หวังหลินรู้สึกเสียใจพลางโบกแขนขวา อสูรสายฟ้ากลับเป็นลำแสงเข้าไปในกระเป๋า ส่วนฉวี่ลี่กั๋วถอยกลับมา เอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าเยินยอ “นายท่าน ฉวี่น้อยไม่ได้ออกมานานแล้ว โปรดอย่าให้ข้ากลับไปเลย ข้าเห็นว่าที่นี่ไม่มีอันตรายใดๆ ท่านจะปล่อยเวลาข้าเที่ยวเล่นได้หรือไม่?”

หวังหลินมองฉวี่ลี่กั๋วและเอ่ยเสียงเรียบ “ที่นี่อันตรายมากกว่าที่เจ้าคิด กลับเข้าไปข้างใน!” เช่นนั้นหวังหลินโบกแขน ฉวี่ลี่กั๋วโกรธขึ้นมาแต่ไม่กล้าพูดสิ่งใด อย่างไรนักมันก็สาปแช่งอยู่ในใจไว้แล้ว

จากที่เห็นภายนอก ฉวี่ลี่กั๋วไม่กล้าเผยความโกรธเกรี้ยวและถูกหวังหลินเก็บใส่กระเป๋า

หวังหลินเคลื่อนตัวผ่านอสรพิษพิฆาตจันทร์ สัมผัสวิญญาณล้อมรอบร่างกายและเคลื่อนไหวด้วยความระมัดระวังยิ่ง ทว่าเขาไม่เคยหยุดเคลื่อนไหวและเกือบทิ้งภาพติดตาไว้เบื้องหลัง

หวังหลินคุ้นเคยกับอสรพิษพิฆาตจันทร์ ดังนั้นจึงมุ่งหน้าไปตรงจุดที่ต้องการจะไปโดยไม่ต้องคิดอะไรมาก หากเป็นอดีตที่ผ่านมาหวังหลินคงไม่เคลื่อนไหวแบบนี้ อีกทั้งยังมีเจ้าอสรพิษตัวน้อยอยู่ข้างในจำนวนมาก

แต่ตอนนี้อสรพิษตัวน้อยพวกนั้นต่างก็ตายกันไปหมดแล้ว ทำให้อันตรายข้างในตัวอสรพิษลดน้อยลงไปมหาศาล

ขณะเคลื่อนร่างไปข้างหน้า ใบหน้าหวังหลินมืดมน สังเกตได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติในจังหวะที่ผ่านวังวนเข้าไป

แม้ว่าก่อนหน้านี้จะไม่ได้มีพลังดั้งเดิมมากนักแต่อย่างน้อยก็พอจะสัมผัสได้บ้าง ทว่าตอนนี้เขาไม่สามารถตรวจจับได้เลย

ทำให้หวังหลินต้องคิดหนัก หากเป็นแค่ปัญหาเดียวเขาคงไม่ต้องสนใจอะไรนัก แต่ไม่เพียงจะไม่รู้สึกถึงพลังดั้งเดิม กระทั่งพลังดั้งเดิมในตัวเองก็ค่อยๆหายไปอย่างช้าๆ

การค้นพบนี้ทำให้เขาตกตะลึงมหาศาล หวังหลินรีบตรวจสอบตัวเองและพบว่ามันไม่ใช่การหายไปแต่เป็นการถูกพลังล่องหนสายหนึ่งระงับเอาไว้ การระงับเอาไว้เช่นนี้เหมือนผนึกและแม้จะเชื่องช้าแต่ถ้าเขาอยู่ที่นี่นานพอ พลังดั้งเดิมทั้งหมดจะถูกผนึกอย่างสิ้นเชิง

‘นี่มันไม่เกี่ยวอะไรกับอสรพิษพิฆาตจันทร์ มันต้องเกี่ยวกับสถานที่ที่มันอยู่ หากข้างในอสรพิษเป็นแบบนี้ ข้ากลัวว่าถ้าอยู่ข้างนอกพลังดั้งเดิมคงหายไปเร็วมากกว่าเสียอีก!’

หวังหลินยกแขนขวาขึ้นมากำหมัดและส่งกำปั้นออกไป วินาทีถัดมาดวงตาส่องประกายเจิดจ้า

“พลังของเทพโบราณไม่ได้รับผลกระทบ! เช่นนั้นข้าอาจจะได้เปรียบที่นี่อยู่บ้าง!”

หวังหลินมุ่งตรงไปข้างหน้าพร้อมกับครุ่นคิดไปด้วย

‘ผนึกนี่คล้ายกับยันต์เซียนของเผ่าละทิ้งอมตะ…’ หวังหลินควบคุมพลังดั้งเดิมในร่างกายอย่างระมัดระวัง ชั่วขณะต่อมาเขาก็มาถึงตรงจุดที่กระดูกอยู่

หลังจากสังเกตมันหวังหลินใบหน้าเคร่งเครียด เดิมทีกระดูกอสรพิษปลดปล่อยพลังปราณจำนวนมาก ทว่าตอนนี้มันหายไปหมดแล้ว

‘ดูเหมือนผนึกไม่ได้ระงับเพียงแค่พลังดั้งเดิม แต่ยังรวมถึงพลังปราณด้วย! สิ่งใดก็ตามที่เซียนสามารถดูดซับได้จะถูกผนึก! แต่ข้ามีร่างเทพโบราณ มันจึงไม่เกี่ยวข้องกับข้า!’ แววตากระพริบเย็นเยียบพร้อมกับเดินเข้าไปตามทางเดิน

‘เมื่อที่นี่ส่งผลกระทบต่อเหล่าเซียน มันก็ต้องส่งผลคล้ายกันกับคนอื่นๆด้วย ยิ่งอยู่ที่นี่นานเท่าไหร่ ข้ายิ่งได้เปรียบ!’ หวังหลินมุ่งตรงไปตำแหน่งที่เขาพบร่างเด็กเทพโบราณ

ขณะเคลื่อนไหว เสียงดังสนั่นกึกก้องโผล่ออกมาจากข้างหน้า ในไม่นานนักหวังหลินก็รู้สึกว่าที่หยั่งเท้าไม่มั่นคงราวกับอสรพิษกำลังเคลื่อนไหว

หวังหลินเคลื่อนร่างไปพลางเกาะผนังเนื้อไปด้วย เสียงดังขึ้นและบางครั้งก็เกิดคลื่นกระแทกจากวิชาออกมาทำให้หวังหลินต้องหยุดชะงัก

สีหน้าลังเลเล็กน้อย วินาทีถัดมาเขาก็จมเข้าไปในผนังเนื้อด้านข้าง หวังหลินเคลื่อนไหวดุจปลาแหวกว่ายเป็นวงกลม ก่อนจะเคลื่อนไปข้างหน้าอีกครั้งอย่างช้าๆ

แพร่กระจายสัมผัสวิญญาณออกมาและสังเกตสิ่งรอบตัวอย่างละเอียด ถัดมาสัมผัสวิญญาณของหวังหลินก็แคบลง หยุดยื่นเข้าไปในผนังเนื้อแต่สังเกตการณ์ด้านนอกอย่างใกล้ชิดแทน

หลังจากมองอยู่สักพักหวังหลินจึงล่าถอยจนไปอยู่ใกล้กระดูกอสรพิษอีกครั้ง ดวงตาส่องสว่างพลางคิดขึ้นกับตัวเอง ‘ข้าสู้กับคนที่เข้ามาไม่ได้เลยสักคน แต่ข้ายังมีความได้เปรียบอยู่ ยิ่งพวกเขาใช้พลังดั้งเดิมไปมากเท่าไหร่ ข้ายิ่งได้เปรียบมากขึ้นเท่านั้น!’

สถานที่ที่หวังหลินเห็นด้วยสัมผัสวิญญาณคือพื้นที่เปิดกว้างราวพันฟุต ที่แห่งนั้นเต็มไปด้วยอสรพิษพิฆาตจันทร์ และทั้งหมดกำลังถอยร่น

และมีสองคนอยู่ตรงนั้น

หวู่ต้าวซานใบหน้าซีด เสื้อคลุมสีม่วงฉีกขาด เขาตกอยู่ในสภาวะย่ำแย่ อย่างไรก็ตามเขายืนปลดปล่อยกลิ่นอายทรงพลังคล้ายกระบี่ชักออกจากฝักและไม่ยอมให้ใครเข้ามาใกล้

ด้านหลังเขาเป็นผนังเนื้อกำลังเปิดอยู่ มันคือทางเข้าที่ที่เทพโบราณอยู่ตรงนั้น

ตรงข้ามกับหวู่ต้าวซานคือเย่มู่จื่อชุดเขียว แม้ใบหน้าจะซีดเล็กน้อย สายตายังคงสงบเยือกเย็น

ระหว่างทั้งสองมีความผันผวนจากวิชาเต็มไปทั่วพื้นที่ ชัดเจนว่าเกิดการต่อสู้รุนแรงขึ้น แม้สัมผัสวิญญาณของหวังหลินจะอยู่ในห้องนั้นเพียงพริบตาเดียว มันก็ไม่สามารถหลบหนีจากทั้งสองไปได้ อย่างไรก็ตามไม่ว่าหวู่ต้าวซานหรือเย่มู่จื่อก็สนใจหวังหลิน

“เด็กน้อย เรามีพลังดั้งเดิมอยู่ที่นี่อย่างจำกัด เป้าหมายของข้าไม่ใช่เจ้าเทพบัดซบนั่น เช่นนั้นทำไมเจ้าถึงมาขัดขวางข้าที่นี่แทนที่จะไปช่วยซวนเป่าสู้กับฉิงชุ่ย? ไม่ใช่ว่าเจ้ากำลังคิดจะทำเรื่องบัดซบด้วยงั้นหรือ!?” เย่มู่จื่อพูดกับหวู่ต้าวซาน

หวู่ต้าวซานไม่ตอบสนอง เขาเพียงแค่จ้องมองเย่มู่จื่ออย่างเย็นเยียบ ยกแขนขึ้นมา ฟองห้าสีลอยขึ้นเหนือฝ่ามือ

สายตาจ้องมองฟองน้ำและเอ่ยสงบนิ่ง “ข้าไม่สนว่าซวนเป่ากำลังทำอะไรตอนนี้ แต่ตราบใดที่ข้าอยู่ที่นี่ ไม่มีใครจะเข้าไปได้!”

เย่มู่จื่อชุดเขียวใบหน้ามืดมน ก้าวออกมาพลางพ่นลมหายใจเย็น แขนขวาสร้างผนึก ท่อนไม้ยักษ์ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า มันกินพื้นที่แห่งนี้เต็มไปหมดและกระแทกไปข้างหน้า

‘ข้าไม่สามารถเสียพลังดั้งเดิมตรงนี้มากเกินไป ข้าต้องจบการต่อสู้นี้ให้เร็วที่สุด จากนั้นเข้าไปในส่วนลึกของอสรพิษและจบงานที่หัวหน้าผู้อาวุโสมอบให้!’

ท่อนซุงยักษ์เบื้องหน้าชายชราชุดเขียวพุ่งออกไป วินาทีนั้นหวู่ต้าวซานสะบัดแขน ฟองน้ำห้าสีลอยออกไปเข้าปะทะกับท่อนซุง

ฟองน้ำระเบิดเสียงดังปัง!

ท่อนซุงยักษ์สั่นเทาและแตกสลายไปพร้อมกับฟองน้ำ

แววตาเย่มู่จื่อกระพริบเย็นเยียบ โบกแขนขวาเศษท่อนซุงขนาดเท่านิ้วมือพุ่งออกไป ชั่วขณะนั้นเขาร้องตะโกน “หนึ่งท่อน หนึ่งเขตแดน!”

หลังเอ่ยขึ้นมา ท่อนซุงสีเขียวพลันสั่นเทาและขยายตัวทันที จากนั้นควันสีเขียวแพร่ไปทั่วบริเวณ

เมื่อควันสีเขียวเต็มไปทั่ว ราวกับพื้นที่แห่งนี้แยกตัวออกจากโลก ราวกับควันที่ก่อขึ้นมาสร้างดินแดนของตัวเอง มันสร้างผนึกล้อมรอบหวู่ต้าวซาน

เย่มู่จื่อใช้โอกาสนี้เคลื่อนร่างผ่านหวู่ต้าวซานไป เขาพุ่งเข้าไปในหลุมและหายตัววับ

หวู่ต้าวซานถูกล้อมรอบด้วยควันสีเขียว แต่หลังจากเย่มู่จื่อจากไปเพียงแค่สามลมหายใจ แรงระเบิดโผล่ออกมาในควันเขียว หวู่ต้าวซานสร้างฟองน้ำและเป่าพวกมันขึ้นไป

การระเบิดของฟองน้ำแต่ละอันทำให้ควันสีเขียวบางส่วนแตกสลาย ผ่านไปสามลมหายใจควันสีเขียวทั้งหมดก็สลาย เขามองหลุมที่เย่มู่จื่อพุ่งเข้าไปและเผยรอยยิ้ม พลางก้าวเข้าไปข้างใน

หวังหลินยืนอยู่ใกล้กับกระดูกอสรพิษพิฆาตจันทร์ ตัดสินใจนั่งลง ตบกระเป๋านำกระบี่เล่มหนึ่งลอยออกมา ฝ่ามือสร้างผนึกแบ่งสัมผัสวิญญาณส่วนหนึ่งเข้าไปในกระบี่ ชี้นิ้วให้กระบี่เหินพุ่งไปข้างหน้า

สัมผัสวิญญาณของหวังหลินล้อมรอบกระบี่และให้มันเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างช้าๆ มันลอยเข้าไปในหลุมอย่างไม่ลังเลและเคลื่อนไปข้างหน้าต่อไป

‘ตอนนี้สัมผัสวิญญาณของข้าอยู่ในกระบี่ หากมันถูกทำลายก็ไม่ส่งผลกระทบอะไร อีกทั้งคนไหนก็ไม่สามารถทำลายดวงดาวเพียงแค่กระทืบเท้าด้วยนี่? นอกจากผู้อาวุโสฉิงชุ่ย ข้าเป็นเพียงแค่มดเท่านั้น’

‘อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่รู้ว่าพลังเทพโบราณของข้าไม่ได้รับผลกระทบที่นี่…ปล่อยให้พวกเขาสู้กันไปก่อน เมื่อไม่มีพลังดั้งเดิมเหลืออยู่แล้ว ข้าที่เป็นมดในสายตา อาจได้เปรียบ!’

หวังหลินควบคุมกระบี่เหินและเริ่มขบคิด

กระบี่เหินค่อยๆพุ่งเข้าไปในหลุม แรงผันผวนเหล่าวิชาเซียนระเบิดโผล่ออกมาจากข้างหน้าและทำให้หวังหลินควบคุมกระบี่ได้ยากยิ่ง โชคดีที่พลังระงับนั้นยังคงอยู่จึงทำให้เขาพอจะควบคุมให้มันบินไปข้างหน้าได้

หลังจากนั้นไม่นานกระบี่สัมผัสวิญญาณหวังหลินก็ออกมาจากหลุม สิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้าหวังหลินคือวังวนยักษ์ที่กำลังหมุนอย่างช้าๆและปลดปล่อยแรงดึงดูดไร้ก้นบึ้งออกมา

หวังหลินรู้ว่าร่างเทพโบราณคนนั้นอยู่ในวังวน! ตรงนี้ไม่มีร่องรอยของฉิงชุ่ย เย่มู่จื่อและคนอื่นๆ หวังหลินขบคิดเล็กน้อย จากนั้นควบคุมกระบี่เหินพุ่งตรงเข้าไปในวังวนโดยไม่ลังเล!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!