1025. บรรพชนเผ่ารอยสัก
ทะเลโลหิตสีดำเคลื่อนตัวไปกับวังวน มองไกลๆมันเหมือนน้ำพุโลหิตที่ต้องการกลืนกินสรวรค์และปลดปล่อยกลิ่นเหม็นคาวออกมา
น้ำพุโลหิตดุจปากยักษ์อ้าเปิดออกและปีนขึ้นมาต่อเนื่อง ข้ามผ่านระยะระหว่างหวังหลินไปมากกว่าครึ่งทางเพียงชั่วพริบตา
หวังหลินกุมซือถูหนานพลางใช้พลังดั้งเดิมโคจรอย่างบ้าคลั่ง เปลวเพลิงล้อมรอบตัวเองไร้ที่สิ้นสุด ฝ่ามือสร้างผนึกให้กระบี่ยักษ์หลายสิบเล่มเข้าไปในเปลวเพลิง หมุนควงกระบี่ขึ้นเพื่อต่อต้านทะเลโ,หิตและกลิ่นของมัน
ขณะที่ทะเลเพลิงเผาไหม้ เกิดเสียงแตกร้างดังขึ้นมา กลิ่นอายปิศาจกำลังถูกทะเลเพลิงเผาไหม้อย่างต่อเนื่องจนไม่อาจเข้ามาใกล้ได้
หกกลิ่นอายปิศาจเข้าไปในร่างหวังหลินมันคงจะหยุดการไหลเวียนของพลังดั้งเดิมไว้ได้ แม้พลังดั้งเดิมหวังหลินจะมีเปลวเพลิงวิหคศักดิ์ เขาก็ไม่กล้าเสี่ยง
ใช้พลังโคจรและทะเลเพลิงจึงทำให้หวังหลินดิ้นรนขึ้นไปได้อีกพันฟุต เขาร้องคำรามและโยนซือถูหนานขึ้นไป
ร่างซือถูหนานถูกโยนผ่านหวังหลิน ขณะเดียวกันเขาก็ส่งพลังดั้งเดิมสายหนึ่งเข้าไปในร่างซือถู
พลังดั้งเดิมหวังหลินแฝงเปลวไฟของวิหคเพลิงศักดิ์สิทธิ์ด้วยและร้อนเป็นอย่างยิ่ง การบ่มเพาะของซือถูหนานได้รับผลกระทบจากกลิ่นอายปิศาจซึ่งเป็นพลังหนาวเย็นสุดขั้วแช่แข็งพลังดั้งเดิมไม่ให้เคลื่อนไหว
พอหวังหลินส่งพลังดั้งเดิมเข้าไป ความร้อนสุดขั้วสลายผนึกในพลังดั้งเดิมของซือถูหนาน การบ่มเพาะของซือถูหนานไม่ได้อ่อนแอและต้องขอบคุณการช่วยเหลือของหวังหลินจึงเกิดเสียงปะทุดังออกมาจาร่างกาย เขาบังคับตัวเองให้เหาะเหินขึ้นไปบนอากาศ
หากร่างพร่ามัวนั้นมีพลังสูงสุด เพียงแค่ทิ้งกลิ่นอายปิศาจหนึ่งสายไว้ ซือถูหนานและหวังหลินก็ไม่มีโอกาสหนีรอดแล้ว ทว่าร่างนางผนึกอยู่ที่นี่มานาน และหวังหลินมีเปลวเพลิงวิหคศักดิ์สิทธิ์ที่บริสุทธิ์ยิ่ง ดังนั้นจึงมีโอกาสเป็นอิสระได้
เส้นผมยาวของซือถูพริ้วไสว พลังดั้งเดิมกลับมาเป็นปกติ แม้จะยังมีปัญหาอยู่บ้างแต่ช่วงวิกฤติผ่านพ้นไปแล้ว ขณะที่เขากระโจนขึ้นไป แขนขวาสร้างผนึกโดยไม่ลังเลและยื่นลงมา!
แสงสีทองห้าสายพุ่งออกไปจากนิ้วเข้าหาหวังหลิน แสงสีทองก่อตัวเป็นตาข่ายจับหวังหลินเอาไว้
ซือถูหนานใช้พลังทั้งหมดในจังหวะนี้และโยนหวังหลินขึ้นไป!
หวังหลินเสี่ยงตัวเองลงมาช่วยซือถูหนานและดิ้นรนเหาะขึ้นไป ตอนที่เขาโยนซือถูหนานไปจึงอดไม่ได้ที่จะหยุดไปหนึ่งจังหวะซึ่งทำให้ทะเลโลหิตอยู่ห่างจากเขาเพียงพันฟุตเท่านั้น กลิ่นคาวโลหิตพุ่งเข้าใส่ใบหน้าและเข้าไปในรูจมูก
ทะเลโลหิตเต็มไปด้วยวิญญาณเศร้าโศกพร้อมกับร่างกายยืดออกมาจากวังวน พวกมันจ้องหวังหลินราวกับต้องการดึงเขาเข้าไปในทะเลโลหิตเพื่อที่จะไม่สามารถกลับเข้าไปในวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่ได้ตลอดกาล
หวังหลินเห็นรูปลักษณ์น่าเกลียดของวิญญาณพวกนั้นจึงทำให้หนังศีรษะด้านชา กลิ่นอายปิศาจผุดออกมาจากวังวนมากขึ้นและแพร่กระจายหาหวังหลิน
วินาทีนี้ตาข่ายของซือถูหนานก็มาถึงและล้อมรอบหวังหลินเอาไว้ ซือถูหนานร้องคำรามและดึงขึ้นไป หวังหลินหยิบยืมพลังสายนี้เพื่อหนีรอดออกมาจากทะเลโลหิต ด้วยแบบนี้ทั้งสองคนจึงช่วยกันและกัน ค่อยๆห่างจากทะเลโลหิตออกมาไกล
เรื่องนี้เกิดขึ้นเฉพาะระหว่างหวังหลินและซือถูหนานเท่านั้น คนอื่นๆคงทำแบบนี้ไม่ได้ แม้จะดูง่ายแต่หากไม่ได้เข้าใจกันอย่างถ่องแท้ เชื่อใจกันที่สุดและมีจังหวะช่องว่างอันสมบูรณ์แบบ แม้จะเกิดความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยก็ทำให้พวกเขาหนีรอดไม่ได้แล้ว
นอกจากนี้ระหว่างเจออันตราย ทุกคนก็แทบจะคิดถึงตัวเอง มีไม่กี่ครั้งที่จะเสี่ยงตัวเองไปช่วยคนอื่น ซึ่งทำให้มีไม่เซียนไม่มากสามารถทำแบบนี้ได้
หากซือถูหนานตกอยู่ในอันตราย หวังหลินคงทำทุกอย่างที่สามารถช่วยได้ หากหวังหลินตกอยู่ในปัญหา ซือถูหนานก็ช่วยอย่างไม่ลังเลเช่นเดียวกัน! แม้นั่นจะหมายถึงการไปเผชิญอันตรายใหญ่หลวงก็ตาม
ขณะที่หวังหลินและซือถูหนานช่วยกันและกัน ร่างหลิงเทียนโฮวก็ตกลงไปเนื่องจากกลิ่นอายปิศาจรุกรานร่างกาย
ทว่าระดับบ่มเพาะของหลิงเทียนโฮวแข็งแกร่งมากกว่าของซือถูหนาน ดังนั้นขณะที่เขาตกลงไประดับบ่มเพาะฟื้นฟูขึ้นเล็กน้อยแต่ก็ยังใกล้กับทะเลโลหิตมาก หากเขาใช้ระดับบ่มเพาะได้เต็มที่ก็จะสามารถหลบหนีได้ แต่ตอนนี้โอกาสมันน้อยนิดยิ่ง!
ขณะนั้นเทียนหยุนซึ่งอยู่เหนือวังวนพลันขมวดคิ้วก่อนจะถอนหายใจ เขาโบกแขนและทำแบบเดียวกับที่หวังหลินทำลงไป พุ่งตัวลงดุจอุกกาบาต
เขารวดเร็วมากกว่าหวังหลินและพริบตานั้นก็มาถึงหลิงเทียนโฮว คว้าเอาไว้และลอยตรงขึ้นไป
ทะเลโลหิตร้องคำราม ร่างพร่ามัวโผล่ออกมาจากใจกลาง มันยกแขนขวาและค่อยๆยื่นออกไป
เทียนหยุนเปลี่ยนท่าทาง ลำแสงสีเทาผุดออกมาจากระหว่างคิ้ว ปรากฏเทียนหยุนขุดเทา ฝ่ามือสร้างผนึก เสียงหวีดหวิวแหลมคมโผล่ออกมาจากภายในวังวน
พลังสังหารมากมายปรากฏจากความว่างเปล่าและล้อมรอบพื้นที่ มองไกลๆมันมีพลังสังหารหลายเส้นมากและตื่นตัวเป็นอย่างยิ่ง
พลังสังหารรวมกันจากทุกทิศทางโดยมีเทียนหยุนชุดเทาชี้ออกไป พวกมันควบแน่นกลายเป็นหนึ่งสายพุ่งเข้าใส่ร่างพร่ามัว
ในจังหวะเทียนหยุนชุดเทาปรากฏ ปรมาจารย์ชีกงซึ่งกำลังนำสตรีวัยกลางคนและสตรีชุดชมพูถือไปด้วย เขาหรี่ตาแคบและพึมพำ “ชุดเทา…”
เทียนหยุนชุดเทาสีหน้ามืดมนและเยือกเย็นสุดขั้ว ชี้แขนขวาและเอ่ยเพียงคำเดียว
“ทลาย!”
พลังสังหารหนึ่งสายนั้นพลันแตกสลาย! เสียงสั่นสะเทือนปฐพีดังกึกก้อง การระเบิดของพลังสังหารได้สร้างพลังสะท้อนส่งเทียนหยุนและหลิงเทียนโฮวขึ้นไป
ทะเลโลหิตถูกผลักดันกลับไปด้วยพลังระเบิดทรงพลังนี้ ดวงวิญญาณข้างในกรีดร้องโหยหวนและตายรอบสอง
หลิงเทียนโฮวขบคิดเงียบๆ ตอบกลับการช่วยเหลือของเทียนหยุนด้วยสายตาเยือกเย็น
เทียนหยุนเมินเฉยหลิงเทียนโฮว ขณะที่พุ่งขึ้นไปพลันเกิดเสียงกรีดร้องแหลมออกมาจากวังวน ร่างนั้นพุ่งออกมาด้วยความเร็วเหนือจินตนาการและข่วนเข้าใส่เทียนหยุนชุดเทา
เสียงกรีดร้องแฝงพลังอันน่าหวาดกลัว หวังหลินและซือถูหนานได้รับผลกระทบจึงกระอักโลหิตและเร่งความเร็วของตัวเอง
ส่วนคนอื่นๆพวกเขาต้องเหาะขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง ใช้พลังดั้งเดิมเข้าต้านผลกระทบ
เทียนหยุนชุดเทาหรี่สายตาพลางจ้องมองร่างพร่ามัวที่กำลังพุ่งเข้าใส่เขา ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีแดง เผยรอยยิ้มเหยียดหยันก่อนจะชี้ลงไปและเอ่ยออกมา “สังหาร กลายเป็นโลก!”
หลังเอ่ยขึ้นมา เสียงดังคะนองออกมาจากความว่างเปล่าที่ทุกคนอยู่ จากนั้นพลันเกิดรอยร้าวขนาดใหญ่ขึ้นเหนือวังวน!
พลังสังหารหลายเส้นสายผุดออกมาจากรอยร้าวอย่างบ้าคลั่ง พวกมันมีมากเกินไป มากกว่าก่อนหน้านี้หลายเท่า!
พลังสังหารผุดขึ้นมาในเวลาอันสั้นแต่กลับเต็มทั่วพื้นที่! หมื่นสาย แสน ล้าน สิบล้าน ร้อยล้านสาย!
พลังสังหารหนึ่งร้อยล้านสายปรากฏขึ้นเหนือวังวนฝังเทพ พวกมันมีมากเกินไป หากไม่ใช่เพราะพวกมันสามารถผสานเข้าด้วกยันได้ คงไม่อาจนับได้ว่ามีทั้งหมดที่นี่เท่าไหร่!
หวังหลินสูดลมหายใจเย็นเยียบเมื่อเห็นฉากเหตุการณ์ตกตะลึงเบื้องหน้า เสียงเทียนหยุนชุดเทาที่เคยเอ่ยเสียงเย็นเยียบและสงบนิ่งดังออกมาในหัวหวังหลิน
‘หากมีพลังสังหารร้อยล้านเส้น แม้ดาวเคราะห์ระเบิดข้าก็อยู่รอดปลอดภัย!’
หวังหลินไม่เคยเห็นพลังสังหารหนึ่งร้อยล้านสายมาก่อน ตอนนี้พอมาเห็นด้วยตัวเองจึงเกิดความรู้สึกตกตะลึงมิอาจอธิบายออกมาได้
แม้วังวนฝังเทพจะมีขนาดใหญ่ มันก็ยังเล็กกว่าพลังสังหารนับไม่ถ้วนพวกนี้ ขณะนั้นพลังสังหารรวมตัวกันภายใต้การควบคุมของเทียนหยุนชุดเทา
วังวนที่เกิดขึ้นจากพลังสังหารร้อยล้านเส้นพลันปรากฏขึ้นเบื้องหน้าทุกคน มันมีพลังทะลวงทุกอย่างในเส้นทางและบีบรัดกลิ่นอายหวาดกลัวที่ปรากฏต่อทุกคน
“ฆ่าล้างสังหาร!” เทียนหยุนชุดเทาร้องตะโกน วังวนพุ่งเข้าใส่ร่างพร่ามัวที่อยู่ในนั้น
ตึงตัง ตึงตัง ตึงตัง ตึงตัง!
คลื่นดังสนั่นกึกก้องไม่มีหยุด ภายใต้ผลกระทบไร้ที่สิ้นสุดนี้ ทะเลโลหิตจึงพังทลาย แม้แต่วังวนฝังเทพก็เริ่มสั่นสะท้าน
หวังหลินและซือถูหนานหยิบยืมพลังผลกระทบนี้ พวกเขาพุ่งออกไปจากวังวนและมองเบื้องล่างด้วยใบหน้าซีดขาว
แม้กระทั่งชายชราบนน้ำเต้ายังเผยสายตาหวาดกลัว ชายชุดดำที่มีรอยสักมังกรระหว่างคิ้วพลันหรี่ตาแคบ
‘เทียนหยุน…’
ปรมาจารย์ชีกงสูดหายใจลึกจ้องมองเทียนหยุนชุดเทา เขาไม่เคยลืมเลือนว่าคนผู้นี้เดินเข้ามาในพันธมิตรเซียนได้อย่างไร เขาเอาชนะเซียนทรงพลังมากมายนับไม่ถ้วน แม้แต่สมาชิกของสภาผู้อาวุโสบางคนก็ไม่ใช่คู่มือเขา
ตอนนั้นเขากระทั่งสังหารผู้อาวุโสคนนึงและกลายเป็นสมาชิกสภาผู้อาวุโสด้วยกำลังบังคับ!
‘สิ่งที่น่ากลัวก็คือพลังแห่งกฏอันน่าหวาดหวั่นนั่นได้ทำให้เขาล่วงรู้ทุกอย่าง แม้ตอนสังหารจะน่ากลัว แต่กลับเป็นสายตาที่มองทะลุทุกอย่างนั้นทำให้เขาเป็นที่สนใจของพันธมิตรเซียน…’ ปรมาจารย์ชีกงมองดูเทียนหยุนชุดเทาและร่างเทียนหยุนดั้งเดิมที่ช่วยหลิงเทียนโฮวเอาไว้
‘เป็นเพราะพี่ใหญ่กลัวเขาจึงได้สังเวยชีวิตตัวเอง แลกกับให้การทลายสวรรค์ครั้งที่สามมาถึงก่อนเพื่อที่เขาจะร่ายวิชาทรงพลังที่สุดให้หลิงเทียนโฮวใช้ทำลายเต๋าแห่งจิตใจ สร้างตำหนิในจิตใจแห่งเต๋าระหว่างการทำลายสวรรค์ทั้งที่สองของเขา ซึ่งทำให้จิตใจแห่งเต๋าแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ไม่อาจรวมกันได้!’
‘หากไม่เป็นเช่นนั้น วันนี้เทียนหยุนคงมีระดับที่แข้งแกร่ง หากไม่อยู่ระดับสามก็คงห่างไม่ไกลแน่!’
ข้างในวังวนฝังเทพ เมื่อทะเลโ,หิตพังทลาย สตรีพร่ามัวข้างในจึงโบกแขนขวา รอยสักสีแดงม่วงกระพริบอยู่ระหว่างคิ้ว
วังวนสังหารโหดเหี้ยมพลันหยุดชะงักและพลังสังหารหลายล้านสายพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอย
การเปลี่ยนแปลงฉับพลันนี้ทำให้ความคิดทุกคนต้องสั่นเทา
ดวงตาเทียนหยุนชุดเทาส่องสว่าง เขาขมวดคิ้วและกำลังจะใช้อีกวิชา แต่ทว่าเทียนหยุนร่างดั้งเดิมที่ช่วยหลิงเทียนโฮวพลันเอ่ยสงบนิ่ง “กลับมา!”
เทียนหยุนชุดเทามองกลับไปที่ร่างดั้งเดิมและจ้องมองเยือกเย็น ทว่าเขาก็ล่าถอยไปพลางขบคิดไปด้วย จากนั้นหายเข้าไปกลางหน้าผาก
เทียนหยุนลอยออกมาจากวังวนขึ้นไปกลางอากาศ นอกจากคนที่ถูกดูดไปก่อนหน้านี้แล้ว ทุกคนที่นี่ยังอยู่ดี
แต่ไม่มีใครพูดกันเลย ทั้งหมดมองไปยังสตรีที่กำลังลอยตัวออกมาจากวังวน!
เมื่อนางเข้ามาหวังหลินจึงเห็นชัดเจนว่าเท้านางถูกขังด้วยของที่เหมือนเส้นเอ็นสีแดงเข้ม นางลอยตัวขึ้นไปในท้องฟ้า เส้นเอ็นถูกดึงตั้งตรง
เซเบิลดวงดาวหายวับออกมาจากวังวนและร่อนลงบนเส้นเอ็นรอบเท้าของนาง มันสูดดมอยู่สองสามครั้งก่อนที่ดวงตาส่องสว่างและนอนอยู่ด้านบนอย่างไม่คาดคิด
นางหยุดลงห่างจากทุกคนสองร้อยฟุต มองขึ้นไปด้วยดวงตากลวงโบ๋ราวกับกำลังมองทุกคน ในรูดวงตายังมีเลือดสีดำผุดออกมาไหลลงบนแก้ม
“ยังมีลูกหลานเผ่ารอยสักอยู่หรือไม่?” น้ำเสียแหบพร่าดังออกมาจากปากนางและแฝงพลังลึกลับเอาไว้
แม้น้ำเสียงจะแหบพร่าแต่กลับไพเราะยิ่งนัก คล้ายจะสะท้อนและอ้อยอิ่งอยู่ในหู
ทันทีที่เผชิญกับคำถามของนาง ทุกคนเงียบสนิท ผ่านไปสักพักปรมาจารยีกงเผยท่าทีเคารพและเอ่ยออกมา “ยังมีเผ่ารอยสักดำรงอยู่อีกมากนัก”
นางขบคิดเงียบๆและถอนหายใจ นางดิ้นรนออกมาจากส่วนลึกของสระฝังเทพเพื่อถามเรื่องนี้เท่านั้นและเห็นอยู่คนเดียว
ดวงตากลวงโบ๋คล้ายจะจ้องมาบนหวังหลิน
“อัญเชิญองครักษ์เทพในเงาเจ้าออกมา”
หวังหลินขบคิดเงียบๆ ต้าซานปรากฏขึ้นออกมาจากเงา จ้องมองนางด้วยท่าทีเยือกเย็น
“นานมากแล้วที่ข้าไม่เจอสมาชิกเผ่าของข้า…” สายตานางเต็มไปด้วยความโศกเศร้า โบกแขนขวา ต้าซานลอยเข้าหานางตามความประสงค์