Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1060

Cover Renegade Immortal 1

1060. ดัชนีชะตาสวรรค์!

“ไปกันเถอะ!” หวังหลินกล่าวกระชับและเดินตามถนนที่ฝ่ามือเปิดทางไว้ให้ เกิดความรู้สึกว่าพุ่งแสดงพลังอำนาจที่แท้จริงของฝ่ามือนั่นแค่ส่วนเล็กๆเท่านั้น หากเขาสามารถใช้พลังเต็มที่ได้…ทั้งเก้าชั้นของถ้ำจักรพรรดิเทพคงแหลกเป็นจุลเพียงหนึ่งฝ่ามือ!

หลิงเทียนโฮวติดตามหวังหลินไปอย่างรวดเร็ว ความหวาดกลัวต่อหวังหลินเพิ่มพูนขึ้นพร้อมกับรู้จักหวังหลินน้อยลงเรื่อยๆ แม้จะรู้ว่าตนเองระดับบ่มเพาะสูงกว่า แต่หากสู้กันจริงๆเขารู้สึกว่าคงพ่ายแพ้โดยไม่ต้องสงสัย!

หวังหลินเคลื่อนไหวดุจสายฟ้าและมาถึงปราสาทครึ่งส่วนในเวลาไม่นาน เขาจ้องมองหลิงเทียนโฮซอย่างเยือกเย็นพลางนำเม็ดยาจำนวนมากโยนใส่ปาก ตบกระเป๋าและมีลำแสงสีเงินลอยออกมาเป็นร่างศพสตรี นางปกป้องหวังหลินและจ้องมองหลิงเทียนโฮวอย่างเย็นชา

หลิงเทียนโฮวหรี่ตาแคบ รู้สึกว่าหวังหลินยิ่งลึกลับและทรงพลังขึ้นเรื่อยๆ

‘ข้ามองเขาไม่ออกเลย ไม่ว่าจะเป็นระดับบ่มเพาะ วิชาเทพหรืออย่างอื่นใด ข้าอธิบายตัวเขาได้เพียงแค่สองคำคือ ‘ลึกลับที่สุด’! ’ ในชีวิตหลิงเทียนโฮวเขาใช้คำนี้กับเทียนหยุน และตอนนี้มีเพิ่มมาอีกหนึ่งคนแล้ว

หวังหลินไม่ได้ใช้เม็ดยาสีเขียวที่หวังเว่ยมอบให้แต่กลืนกินเม็ดยาอื่นเพื่อเติมเต็มพลังดั้งเดิมที่ประทับฝ่ามือใช้ไป พลังที่ใช้ไปไม่ได้น้อยไปกว่าตอนที่เขาใช้กระบี่เหล็กเลย

แต่หวังหลินพึ่งออกมาจากลาวา นอกจากพลังอัคคีดั้งเดิมในร่างกายแล้วเขายังมีพลังดั้งเดิมจำนวนมากที่ยังไม่ได้ดูดซึม อีกทั้งในระยะเวลาการบ่มเพาะหลายเดือนนั้น รอยสักวิหคเพลิงก็ดูดซับไปมากเช่นเดียวกัน

ระยะเวลาการบ่มเพาะหลายเดือนนั้นหวังหลินสังเกตได้ว่าพลังอัคคีดั้งเดิมที่รอยสักวิหคเพลิงดูดซับไปสามารถโยกย้ายมาสู่ร่างกายเขาได้ การค้นพบนี้ทำให้หวังหลินอยู่ในลาวาอย่างยาวนาน

หลังจากกลืนกินเม็ดยา หวังหลินไม่ได้ใช้พลังอัคคีดั้งเดิมในรอยสักวิหคเพลิงแต่ใช้พลังที่ร่างกายไม่ได้ดูดซับแทน เพิ่มเติมกับเม็ดยาที่พึ่งกลืนกินไป หวังหลินฟื้นคืนมาได้เล็กน้อย

เขามาถึงปราสาทแท่งเทียนซึ่งถูกทำลายไปครึ่งส่วนในเวลาไม่นานและเหลือเทียนที่กำลังเผาไหม้อยู่เพียงหนึ่งแท่งเท่านั้น ไม่มีใครอยู่ที่นี่ หวังหลินกวาดสายตาผ่านไปและเอ่ยขึ้น “เกิดอะไรขึ้นที่นี่กันแน่?”

หลิงเทียนโฮวตามหลังมาด้วยแววตาหวาดกลัว “ตอนที่เราเข้ามาจากชั้นที่เจ็ด ที่นี่ไม่มีหมอกสีดำ แต่หลังจากเข้ามาในห้องโถงนี้และเปิดทางเข้าสู่ชั้นที่เก้า มีร่างเงามารสามตนพุ่งออกมาและทำให้พื้นที่เต็มไปด้วยหมอกดำ”

“เงามารทั้งสามประหลาดมาก ปรมาจารย์ชีกงได้รับบาดเจ็บสาหัสทันที หวังเว่ยบาดเจ็บจากการถูกเป้ยหลัวลอบโจมตี จากนั้นเทียนหยุนก็โจมตีและเข้าช่วยเป้ยหลัว…ส่วนฮู่จวนก่อนที่นางจะทำอะไรได้ กลับถูกดูดเข้าไปในชั้นที่เก้า…ข้าได้รับบาดเจ็บจากเงามารไปด้วยเช่นกัน ข้ามองรอบด้านได้ไม่ชัดเจนเนื่องจากสัมผัสวิญญาณทะลุทะลวงไม่ได้…”

หลิงเทียนโฮวอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นขณะที่หวังหลินรับฟัง สีหน้าค่อยๆเปลี่ยนไปขมวดคิ้ว หวังหลินไม่ได้ประหลาดใจที่เทียนหยุนช่วยเป้ยหลัว เทียนหยุนเข้ามาในดินแดนวิญญาณปิศาจหลายครั้งและหวังหลินไม่เชื่อว่าเขาจะไม่เคยติดต่อกับเหล่าปิศาจโบราณเลย

นอกจากนั้นตอนที่หวังหลินยังอยู่ในสำนักชะตาสวรรค์ เขาจำได้ว่ามีศิษย์พี่คนหนึ่งในกองกำลังสีม่วงใช้วิชาที่คล้ายคลึงกับวิชาปิศาจ จำได้ว่ามันลึกซึ้งมาก

ต่อมาเมื่อเผชิญกับเหตุการณ์อีกหลายอย่าง ยิ่งคิดก็ยิ่งยืนยันสิ่งที่เขาคาดเดา

หวังหลินเคยได้ร่างเศษมารมาเช่นกัน ร่างมันเหมือนกับหลิงเทียนโฮวแต่ว่าอ่อนเยาว์กว่า

หวังหลินยังมีร่างนั้นอยู่ในกระเป๋า เชื่อว่าหากนำมันออกมา หลิงเทียนโฮวคงเปลี่ยนสีหน้ามหาศาล กระทั่งเทียนหยุนก็อาจจะเป็นไปด้วย

“ปิศาจโบราณ มารโบราณ เทียนหยุนและหลิงเทียนโฮว ระหว่างพวกเขาต้องมีความสัมพันธ์ประหลาดบางอย่าง…” หวังหลินมองเศษซากปราสาทอย่างเงียบๆ โดยเฉพาะเทียนที่เผาไหม้อยู่แท่งสุดท้าย

“เราเปิดใช้ที่นี่อย่างไร?” หวังหลินต้องเข้าไปในชั้นที่เก้า ไม่ว่าจะเป็นโจวยี่หรือซือถูหนาน เขาก็ต้องเข้าไป แม้ซือถูหนานมาได้ไม่ไกลแต่หวังหลินเชื่อมั่นว่าด้วยระดับบ่มเพาะของซือถูหนาน เขาคงอยู่ดีในชั้นต้นๆ

อย่างไรก็ตามกับโจวยี่อยู่ในชั้นที่เก้าและความหวังในการรักษาพิษของซือถูหนานก็อยู่ชั้นที่เก้าด้วย ทั้งคู่ต่างเป็นผู้มีพระคุณ หวังหลินจะล้มเลิกได้อย่างไร? แม้เขาจะรู้ว่ามันมีอันตราย แต่หากยอมแพ้ต่ออันตราย เขาคงไม่ใช่หวังหลิน!

หลิงเทียนโฮวหลังเลและเอ่ยถาม “เจ้าต้องการจะลงไปจริงๆหรือ?”

หวังหลินพยักหน้า

หลิงเทียนโฮวขบคิดเล็กน้อย จากนั้นแววตาเผยร่องรอยบ้าคลั่งและพึมพำ “ช่างมันเถอะ เจ้าใช้เวลาบ่มเพาะน้อยกว่าข้าอีกแต่ก็ยังกล้าเข้าไป อสูรที่ข้ารักถูกทำลายเพราะไอ้บัดซบนั่น ข้าบ่มเพาะเขตแดนทรราชย์ตลอดชีวิตและข้าไม่ยอมจากไปแบบนี้แน่! เทียนหยุนกล้าเข้าไป แล้วทำไมข้าต้องกลัว?” เขาก้าวไปข้างหน้าและมุ่งหน้าเข้าหาเทียน เคลื่อนตัวเข้าหาโดยอ้างอิงจากความทรงจำที่ฮู่จวนทำเอาไว้

เชิงเทียน 99 แท่งเริ่มเคลื่อนไหวอย่างช้าๆและเกิดเสียงดังสนั่นออกมา พวกมันก่อตัวเป็นรูปทรงค่ายกลขนาดใหญ่

แสงชั่วร้ายระเบิดออกมาจากเชิงเทียนและส่องแสงเจิดจ้า ปรากฏแสงวงกลมขึ้นมาตรงใจกลางและมีหมอกสีดำหนาแน่นผุดออกมา

หลิงเทียนโฮวกัดฟันแน่นและพุ่งเข้าไปในแสงวงกลมเป็นคนแรก หวังหลินสูดหายใจลึก เก็บร่างศพเงินกลับไปก่อนจะก้าวเข้าไปในวงกลมแสง

ขณะที่หวังหลินและหลิงเทียนโฮวเข้าไปในชั้นที่เก้า ณ ปราสาทใจกลางชั้นที่เก้าซึ่งเป็นตำแหน่งเดียวกับชั้นที่แปด ร่างหน่งปกคลุมอยู่ในหมอกสีดำพลางเงยศีรษะขึ้นเผยอาการดิ้นรน กลางหน้าผากเหลือแสงเพียงหนึ่งเดียว ควันสีดำไร้ก้นบึ้งพยายามโจมตีเพื่อกลืนกินละอองแสงสุดท้าย

นอกปราสาทเกิดเสียงดังคะนองพร้อมกับเสียงคำรามโกรธเกรี้ยว เห็นได้ชัดว่ามีการต่อสู้อันรุนแรงเกิดขึ้นด้านนอก

ด้านนอกปราสาทตอนนี้แทบทุกคนต่างก็บาดเจ็บ พวกเขาล้อมรอบปราสาทเอาไว้ เงามารนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาและโจมตีเหล่าเซียน ไม่ว่าพวกเขาจะโจมตีมากมายแค่ไหน เหล่าร่างเงามารพวกนี้ก็ไม่หายไป

หากถูกบังคับให้ตกอยู่ในสถานการณ์ล่อแหลม เหล่าเงามารจะสลายตัวกลายเป็นพลังทำลายล้างน่าหวาดกลัว ซึ่งทำให้ผู้คนรอบด้านต้องพัวพันไปในการต่อสู้

ปรมาจารย์ชีกงใบหน้าซีดและนั่งลงห่างออกไปไม่ไกล กระอักโลหิตสีดำออกมา จี้จุดบนร่างกายเพื่อระงับอาการบาดเจ็บ

ด้านข้างเป็นชายชุดดำใบหน้าซีดเผือดเป็นอย่างยิ่ง เขานั่งลงบ่มเพาะแต่สายตายังคงจับจ้องตรงออกไป

เทียนหยุนสะบัดแขนเสื้อ ทุกครั้งที่ทำจะส่งการโจมตีอันทรงพลังจำนวนมากออกไปทำลายทุกอย่างที่เข้ามาหา ส่วนหวังเว่ยนั้นใบหน้ามืดมน พลางมีม่านวารีรอบตัวเองโจมตีอย่างบ้าคลั่ง

มีอยู่สองเหตุผลว่าทำไมเขาจึงโจมตีอย่างบ้าคลั่ง หนึ่งก็คืออาจารย์ของเขา ฉิงหลิน และอีกหนึ่งก็คือฮู่จวนซึ่งถูกดูดเข้าไปในชั้นที่เก้า เป็นโอกาสให้เป้ยหลัวลอบโจมตีและมีเทียนหยุนช่วยเหลือจึงทำให้หวังเว่ยได้รับบาดเจ็บ แต่หวังเว่ยมีเม็ดยาจำนวนมาก เขานำออกมาบางส่วน ไม่สนเป้ยหลัวและเทียนหยุนพลางพุ่งเข้าไปในชั้นที่เก้าเพื่อหาฮู่จวน

เป้ยหลัวอยู่อีกด้านหนึ่ง พลังปิศาจเต็มไปทั่วร่างกายก่อตัวเป็นเพลิงปิศาจทรงพลังล้อมรอบ ด้านหลังมีเงามารตนหนึ่งปรากฏแต่เงานี้แทบเป็นรูปเป็นร่างและส่งกลิ่นอายมารอันทรงพลังออกมา

เมื่อไหร่ที่ยกแขนขวาขึ้น วิชามากมายจะส่งออกไปโจมตีเหล่าเงามารและร้องตะโกน “ต้าเจีย ข้ารู้ว่าวิชาเงามารของเจ้าใช้พลังมารมากที่สุด ข้าอยากเห็นว่าเจ้าจะสิ้นเปลืองไปได้มากแค่ไหน!”

เสียงตอบเป้ยหลัวช่างเป็นเสียงแหบพร่าหนาวเย็นจนจิตใจทุกคนต้องสั่นสะท้าน น้ำเสียงไร้ตัวตนและมีแรงกดดันชั่วร้ายอยู่ด้วย

“เป้ยหลัว เมื่อข้าครอบงำได้สำเร็จ เจ้าจะรู้ว่าตอนนี้ข้ามีพลังมารมากมายแค่ไหน!”

หลังได้ยินเสียง หวังเว่ยดวงตาแดงก่ำ สองฝ่ามือเคลื่อนไหวปรากฏแสงสีฟ้าเบื้องหน้า พริบตาเดียวมันเปลี่ยนกลายเป็นทะเลเดือดพล่านเต็มไปทั่วท้องฟ้าเหมือนมหาสมุทรของจริง หวังเว่ยร้องคำราม จากนั้นท้องทะเลพุ่งลงมาจากฟ้าเข้าใส่หมอกสีดำนอกปราสาท

ชายชราบนน้ำเต้าต่างก็โจมตีเช่นเดียวกัน พลางใช้วิชามากมายและพุ่งเข้าใส่หมอกสีดำเพื่อเริ่มการเข่นฆ่าเงามาร

โจวยี่ก็อยู่ที่นี่แต่อ่อนแอมากกว่าก่อน มองหมอกสีดำเบื้องหน้าด้วยสายตากระวนกระวาย แต่พลังปิศาจในตัวเขาแข็งแกร่งเกินไป การเป็นร่างจิตวิญญาณนั้นยากยิ่งที่จะต่อต้านพลังมารได้

ขณะนี้หวังหลินและหลิงเทียนโฮวก็มาถึง ชั้นที่เก้าไม่ได้ใหญ่นัก นอกจากปราสาทแล้วไม่มีอะไรอื่นเลย พอมาถึงจึงได้เห็นการต่อสู้อันรุนแรงเบื้องหน้าอย่างไม่เคยมีมาก่อน

เงาของปิศาจโบราณเป้ยหลัวและคลื่นรุนแรงของหวังเว่ยเป็นสิ่งที่สังเกตเห็นได้มากที่สุด วินาทีนี้เทียนหยุนเผยแสงประหลาดพลางชี้ใส่ท้องฟ้าและเอ่ยขึ้น “ดัชนีชะตาสวรรค์!”

สิ้นเสียงเอ่ย วังวนอลังการงานสร้างปรากฏขึ้นในทะเลที่หวังเว่ยสร้าง จากนั้นเกิดแรงกดดันทรงพลังตกลงมาจากเบื้องบน ดัชนียักษ์โผล่ออกมาจากสายน้ำและกดทับใส่ปราสาทอย่างรุนแรง!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!