1061. จักรพรรดิเทพฉิงหลิน!!!
มหาสมุทรมหึมากระแทกลงไปราวกับต้องการทำลายทุกอย่างในโลก ดัชนีของเทียนหยุนตกลงมาจากฟากฟ้าเช่นเดียวกัน เป้ยหลัวอ้าแขน เงาปิศาจด้านหลังแยกออกไปจากร่างกาย กระพริบแสงวูบวบ ผืนธงจำนวน 24 เข้าล้อมรอบเงาปิศาจโบราณ
เมื่อปิศาจโบราณชี้ออกไป ผืนธงทั้งหมดปลดปล่อยแรงกดดันเหนือจินตนาการ เทพโบราณร่างมายาและเหล่ามารโบราณมากมายปรากฏ มีแม้กระทั่งอสูรดุร้ายจากยุคบรรพกาล
พวกมันเต็มไปทั่วท้องฟ้า!
วิชามากมายตกลงจากท้องฟ้าด้านนอกปราสาท ปรมาจารย์ชีกงกัดฟันแน่นและกำลังจะโจมตี แต่เมื่อตระหนักว่าหวังหลินอยู่ที่นี่จึงหยุดลงในทันที
ชายชุดดำไม่ได้เคลื่อนไหวตามไปด้วย แววตาแฝงความโลภมาก ข้างในปราสาทมีจักรพรรดิเทพฉิงหลินบาดเจ็บสาหัส แม้จะมีมารโบราณอยู่ที่นี่ พวกเขาก็ยังมีคนมากและไม่ขาดแคลนเซียนทรงพลัง ดังนั้นมารโบราณจึงไม่หวาดกลัว
‘ตราบใดที่ข้าได้โลหิตของฉิงหลินสามหยด ภารกิจของข้าก็จะสมบูรณ์ จากนั้นนายท่านก็จะช่วยข้าเพิ่มระดับบ่มเพาะได้มหาศาล!’
แม้กระทั่งชายชราบนน้ำเต้ายังเผยแววตาส่องสว่าง เขาหยุดโลงตีและก้าวถอยหลัง แววตาโลภมากเช่นเดียวกัน เขามาที่นี่กับเทียนหยุนดังนั้นจึงไม่เจอปัญหามากนัก เขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อหาความลับขั้นที่สามจากฉิงหลิน แต่เขามาเพื่อต้องการวิชาเทพ
พอวิชาของเทียนหยุน เป้ยหลัวและหวังเว่ยร่อนลงมา เกิดเสียงคึกคะนองไปทั่ว พื้นดินแตกร้าวจนดูราวกับกำลังล่มสลาย
เมื่อดัชนีของเทียนหยุนร่อนลงมา พื้นปฐพีพังทลาย แม้กระทั่งในถ้ำยังเริ่มสั่นเสือน ทั้งหมดเก้าชั้นได้รับผลกระทบ
จากนั้นพอเพิ่มกับเหล่าภาพมายามากมายที่ธงของเป้ยหลัวอัญเชิญขึ้นมา มันจึงไม่ได้สั่นแค่ถ้ำจักรพรรดิเทพแต่สั่นไปทั้งดินแดนวิญญาณปิศาจ!
พื้นดินพังทลายจนชั้นที่เก้าเปลี่ยนกลายเป็นซากปรักหักพัง เมื่อสามวิชาอันแข็งแกร่งตกลงไป เป้ยหลัวร้องคำรามเสียงแหบพร่า จากนั้นหมอกสีดำรอบปราสาททั้งหมดพุ่งเข้าใส่ทั้งสามคน
ตึงตัง ตึงตัง ตึงตัง!
คลื่นสะเทือนสั่นสวรรค์ดังไปทั่ว หวังหลินและหลิงเทียนโฮวรีบเหาะไปข้างหน้า ก่อนที่จะได้เข้าใกล้ทั้งสองพลันสัมผัสถึงแรงกระแทกเหนือจินตนาการจากข้างหน้า
ทว่าขณะที่เหล่าสรรพวิชาและหมอกสีดำเข้าปะทะกันจึงทำให้โลกเปลี่ยนสีสัน เทียนแท่งสุดท้ายในปราสาทชั้นที่แปดสั่นไหวไปหนึ่งคราจากนั้นจึงมอดดับ….
เมื่อเทียนมอดดับ แสงตรงกลางหน้าผากของชายวัยกลางคนบนบัลลังก์ก็หายไป พลังมารจำนวนมากพุ่งเข้าไปและครอบครองทั่วพื้นที่
พริบตานั้นเขาเงยศีรษะขึ้น แววตาสับสนหายไปแทนที่ด้วยเพลิงมารน่าหวาดกลัว ในตาซ้ายมีดาวแปดดวงหมุนถี่หยิบ เผยรอยยิ้มมืดมนและค่อยๆลุกขึ้น
เขานั่งอยู่ที่นี่มานานและระหว่างนี้ร่างกายไม่ได้เคลื่อนไหวไปไหนเลยแม้แต่นิ้วเดียว แต่ตอนนี้เขากลับขยับร่าง!
เมื่อชายวัยกลางคนลุกขึ้น พลังมารมหาศาลพุ่งออกมา เกิดรอยแตกร้าวในปราสาทขึ้นนับไม่ถ้วน จากนั้นปราสาทแตกสลายเป็นชิ้นๆกระจัดกระจายออกไปทุกที่
แม้กระทั่งหมอกสีดำด้านนอกยังเข้าไปในปราสาทพังทลายและเข้าหาชายวัยกลางคน ชุดเกราะสีดำพลันปรากฏขึ้นบนร่างกาย
วินาทีที่หวังเว่ยเห็นปราสาทพังทลายและเห็นร่างข้างใน สายตาเต็มไปด้วยความตกตะลึงและเจ็บปวด
“อาจารย์!!!”
เทียนหยุนรอมานานก็เพื่อวันนี้!
อีกด้านหนึ่ง เป้ยหลัวสูดลมหายใจเย็นเข้าไป แววตาปรากฏจิตสังหาร
‘เขาพึ่งครอบงำได้สำเร็จและมันยังไม่มั่นคง ข้าไม่อาจปล่อยให้รวบรวมพลังอำนาจได้!’
เมื่อชายวัยกลางคนยืนขึ้น กฏเกณฑ์ทั้งหมดกระพริบอย่างรุนแรงราวกับส่งเสียงขานรับและพังทลาย
สิ่งน่ากลัวก็คือดินแดนวิญญาณปิศาจซึ่งเปลี่ยนไปมหาศาล พลังมารซึ่งเคยถูกกวาดออกมาจากดินแดนวิญญาณปิศาจและหวนกลับเป็นดินแดนสวรรค์วิญญาณเทพ แต่ในตอนนี้พลังมารไร้ก้นบึ้งพุ่งออกมาปกคลุมน่านฟ้าเหนือดินแดน
เหล่าอสูรเทพที่พึ่งฟื้นตัวพลันถูกพลังมารกวาดผ่านไป พวกมันกลายเป็นอสูรดุร้ายกระหายเลือด
ไม่ใช่เพียงแต่ดินแดนวิญญาณปิศาจ แม้กระทั่งท้องฟ้ายังเต็มไปด้วยพลังมาร มันเปลี่ยนกลายเป็นร่างเงามารขนาดยักษ์ ส่งเสียงหัวเราะโอหัง!
เสียงหัวเราะเงียบงันแต่ปกคลุมทั้งพันธมิตรเซียน เป็นพลังอำนาจเหนือจินตนาการ สงครามในพันธมิตรเซียนดำเนินมาแล้วครึ่งปียังคงไปต่อ เหล่าเซียนตายไปแล้วมากมายแต่การต่อสู้อันโหดร้ายทำให้ดวงตาทั้งสองฝั่งแดงฉานจากการเข่นฆ่า
เหล่าเซียนทุกชั้นฟ้าจำนวนมากออกมาจากดินแดนของตัวเอง ฝ่ายพันธมิตรเซียนเคลื่อนย้ายเหล่าเซียนแทบทั้งหมดในเขตเหนืออกไป ทั้งเขตเหนือถูกปกคลุมไปด้วยกลิ่นคาวโลหิตหนาแน่น
แม้กระทั่งปรมาจารย์จงเฉินก็ยังเกือบบ้าคลั่งจากการสังหาร ทว่าขณะที่ทั้งสองฝ่ายจมดิ่งไปกับการเข่นฆ่าไร้จุดสิ้นสุดนี้ เสียงหัวเราะเงียบๆนั้นผ่านเข้าไป ปรมาจารย์จงเฉินตกตะลึงและกระทั่งผู้อาวุโสพันธมิตรเซียนที่กำลังต่อสู้กับเขาก็ตกใจกับสถานการณ์ด้วย
ไม่ใช่มีแค่พวกเขาเท่านั้น เหล่าเซียนรอบด้านทั้งหมดเริ่มสั่นเทาโดยไม่รู้เหตุผล
ณ กองบัญชาการพันธมิตรเซียนที่อยู่ห่างออกไปไกล ยังมีเหล่าเทพบางส่วนเหลือรอดแบบเดียวกับหวังเว่ยและฮู่จนวน พวกเขาเป็นแกนนำของพันธมิตรเซียนและกำลังจะมุ่งหน้าออกไปร่วมต่อสู้ในเขตเหนือ
แต่เมื่อเสียงหัวเราะเงียบงันผ่านเข้าสองรูหู สีหน้าเหล่าอดีตเทพพลันเปลี่ยนไปและสายตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“นี่…เสียงนี้มัน…”
“จักรพรรดิเทพฉิงหลิน!!!”
แม้กระทั่งชายวัยกลางคนจากห้องลับบนดาวที่อยู่ในส่วนลึกของกองบัญชาการพันธมิตรเซียนยังลืมตาตื่นขึ้นในทันที กระดิ่งบนผนังแตกสลายเสียงดังปัง
“จักรพรรดิเทพ!”
ขณะเดียวกันชายชราผู้รับรู้ถึงหวังหลินในดินแดนฟ้ากระจ่างพลันมองขึ้นไป ราวกับสายตาสามารถแทงทะลุมองเข้าไปในดินแดนวิญญาณปิศาจได้ สีหน้าไม่เคยเคร่งเครียดมาก่อน ด้านข้างเป็นเซียนสตรีฟ้ากระจ่าง มู่ปิงเหมย นางตกตะลึงไปด้วย
‘เขาตื่นขึ้นแล้ว…ไม่สิ มันไม่ใช่เขา!’ ชายชราสีหน้าเปลี่ยนไป แฝงความเศร้า โล่งอกแต่ก็ผิดหวังปนไปด้วย
ณ พื้นที่เผาไหม้ซึ่งเป็นดินแดนต้องห้ามสำหรับพันธมิตรเซียน เป็นของสำนักวิหคเพลิงศักดิ์สิทธิ์แห่งสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์ มีก้อนหินสีขาวขนาดกว้างร้อยฟุตอยูในส่วนที่ลึกที่สุดของพื้นที่ดวงดาว ที่นี่เป็นแหล่งต้นตอของเปลวเพลิง ก้อนหินนี้มีรูปร่างไม่สม่ำเสมอและไม่ใช่สีแดง แต่เป็นสีขาวหิมะ
อย่างไรก็ตามอุณหภูมิจากก้อนหินนี้ถือว่าเหนือล้ำไปไกล แม้แต่หวังหลินในตอนนี้ก็คงถูกหลอมละลายหากเข้ามาใกล้ระยะพันฟุต กระทั่งวิหคเพลิงเขาก็ตายทันที
แม้กระทั่งเทพโบราณห้าดาวก็ไม่สามารถอยู่ภายในระยะพันฟุตได้นานนัก
ดูเหมือนก้อนหินธรรมดานี้คือต้นตอของพื้นที่เผาไหม้ในอวกาศ เพราะก้อนหินนี้พื้นที่ดวงดาวจึงเผาไปอย่างต่อเนื่องมานาน
ณ ขณะนี้บนก้อนหินมีชายชราผู้หนึ่งนั่งอยู่ เขาดูแก่ชรามาก ผิวหนังเหี่ยวย่น กลิ่นอายแห่งความตายเต็มไปทั่วร่าง มองไกลๆดูไม่เหมือนคนแต่เป็นกองซากศพ
แต่ไม่มีใครประเมินชายชราผู้นี้ต่ำไป เขาคือจักรพรรดิวิหคเพลิงศักดิ์สิทธิ์! ในอดีต ชื่อเสียงสั่นสะเทือนดวงดาว แต่ด้วยเหตุผลพิเศษบางอย่าง เขาไม่ได้เข้าแดนสวรรค์แต่อยู่ตรงนี้!
วินาทีนั้นชายชราลืมตาตื่นขึ้น มองออกไปและเผยความเศร้าโศก
‘สำนักวิหคเพลิงศักดิ์สิทธิ์ของข้าไม่สามารถยืนหยัดขึ้นมาอีกครั้งได้จริงๆหรือ…’
ณ ดาวดวงหนึ่งซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่ให้ความสนใจหรือเมินเฉย มันคือดาวเคราะห์เซียนระดับหกและถูกเรียกกันว่าดาวซูซาคุ!
บนดาวซูซาคุมีสถานาที่ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นทะเลหมอก เป็นที่ที่มีดินแดนเทพโบราณ ภายในทะเลโลหิตของดินแดนเทพโบราณ ชายผมแดงค่อยๆเงยศีรษะขึ้นและเผยแววตาดูถูกเหยียดหยาม
“มารโบราณแปดดาว…ไร้สาระ! อีกไม่กี่ร้อยปี ข้าต้าวเสินก็จะออกไปจากที่นี่ได้แล้ว ถึงตอนนั้นใครจะมาขัดขวางข้าได้?”
น้ำเสียงต้าวเสินดังสะท้อนออกไป ทะเลโลหิตหมุนปั่นรุนแรงดุจคลื่นโกรธเกรี้ยว! ดินแดนเทพโบราณถูกแยกออกไปจากอวกาศปกติซึ่งตู่ซือได้เปิดขึ้นมาเอง ร่างกายเขาถูกกักเก็บไว้ในมิตินี้
ร่างกายเขาใหญ่ยักษ์แค่ไหนอธิบายไม่ได้ แม้กระทั่งดาวเคราะห์เซียนยังดูเหมือนของเล่นเด็ก ผิวกายหยาบกร้าน กำปั้นใหญ่ส่งแรงกดดันสั่นสะเทือนปฐพีเต็มไปทั่วมิติว่าง
ทว่าขณะที่ทะเลโลหิตคึกคะนองตามคำพูดของต้าวเสิน นิ้วชี้ของตู่ซือพลันขยับเล็กน้อย…