Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1063

Cover Renegade Immortal 1

1063. คำพูดของฉิงหลินก่อนจะถูกครอบงำ

ปรมาจารย์ชีกงจ้องหวังหลิน หลังจากระงับความโกรธมานาน เขาก็อดทนไว้ไม่ได้อีกแล้ว ลืมไปแล้วว่าไม่ควรจะสูญเสียสติง่ายๆแม้ระดับบ่มเพาะจะตกลง เขาพุ่งเข้าหาหวังหลิน

“ไอ้หนูน้อย ข้าจะถลกหนังเจ้าให้ตายคามือ!”

หวังหลินรีบถอย ดวงตาเปลี่ยนเป็นเย็นเฉียบ

ขณะที่ปรมาจารย์ชีกงไล่ตามหลังหวังหลินมา หมอกสีดำขยายตัวออกอีกครั้ง คราวนี้เทียนหยุนถูกโยนออกไป แม้จะดูซีดเซียวแต่ไม่ได้อยู่ในสถานะย่ำแย่ หมอกสีดำเปลี่ยนกลายเป็นลำแสงที่เคยโจมตีหวังเว่ย คราวนี้มันพุ่งใส่เทียนหยุน

เทียนหยุนดวงตาส่องสว่าง พุ่งตัวออกไป แขนขวาสัมผัสกลางหน้าผาก ลำแสงเจ็ดสีพุ่งออกไปเข้าปะทะกับแสงสีดำ

ปัง!

ทั้งสายแตกสลาย เทียนหยุนหยิบยืมแรงกระแทกให้ถอยกลับโดยไม่ลังเล

เหตุการณ์ฉับพลันนี้ทำให้ความคิดปรมาจารย์ชีกงต้องสั่นเทา ทว่ามันไม่ได้ทำให้เขายอมเลิกราสังหารหวังหลิน เขากระทั่งเร็วมากกว่าเดิม

ชายชราบนน้ำเต้าเห็นว่าแม้กระทั่งเทียนหยุนก็พ่ายแพ้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขาจึงล่าถอยแต่ก็สายเกินไป

หมอกสีดำหมุนปั่นถึงขีดสุด การต่อสู้สั่นสะเทือนผืนปฐพีดำเนินต่อไป จากนั้นเกิดเสียงดังอู้อี้พร้อมกับเป้ยหลัวถูกโยนออกมานอกสายหมอก โลหิตสาดกระจาย พลังปิศาจรอบเป้ยหลัวซึ่งกระจัดกระจายพลันรวมตัวกัน ดวงตาเต็มไปด้วยความเคียดแค้น

ด้านหลังเขา หมอกสีดำแคบลงอย่างรวดเร็วเปลี่ยนกลับเป็นปิศาจโบราณสวมเกราะ

แขนขวาปิศาจโบราณถือดาบสีดำยาวสามสิบฟุต พลางเคลื่อนไปข้างหน้าไม่ช้าไม่เร็ว พอก้าวที่สองก็มาถึงเบื้องหน้าชายชราบนน้ำเต้าเรียบร้อย

ชายชราหวาดกลัวและกำลังจะถอยหนี แต่ขณะถอยหนี ปิศาจโบราณก้าวผ่านเขาไป ดาบดำกวาดผ่านเข้าใส่อย่างลวกๆ

เกิดพลังแหลมคมจนชายชราต้องเปลี่ยนสีหน้า ไม่มีเวลาคิดมาก น้ำเต้าใต้ฝ่าเท้าเข้าป้องกัน ฝ่ามือขวากระแทกใส่น้ำเต้า

แต่ขณะที่วิชากำลังผุดออกมาจากน้ำเต้า ดาบดำกระพริบวาบ น้ำเต้าเกิดเสียงแตกร้าวและหักครึ่งส่วน ชายชรามองลงไปและตกตะลึงเมื่อพบว่าร่างตนเองก็ถูกตัดไปครึ่งส่วนแล้ว

แม้กระทั่งวิญญาณดั้งเดิมยังไม่มีเวลาหนี มันถูกดาบเล่มนั้นทำลายไปโดยที่ยังอยู่ในร่างกาย

เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในเสี้ยววินาที มารโบราณต้าเจียไม่หยุดแค่นั้น เขาผ่านชายชราบนน้ำเต้าไป ร่างกายพลันพังทลาย…

เหตุการณ์นี้ทำให้ทุกคนต้องสูดลมหายใจหนาวเหน็บ ชายชุดดำเต็มไปด้วยความหวาดกลัวยิ่งคนและรีบถอยหนี

ดาบดำมีหยดโลหิตไหลเยิ้ม มารโบราณเผยสีหน้าสยองขวัญและไล่ตามหลังเป้ยหลัวไป

“เป้ยหลัว ตอนนั้นข้าไม่ฆ่าเจ้าเพราะบรรพชนของเราครั้งนึงเคยเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกันแต่เมื่อเจ้ารนหาที่ตาย ข้าก็จะตอบสนองเจ้าเอง!”

“บัดซบเถอะ ตอนนั้นเราตกลงกันว่าข้าจะครอบงำร่างกายและเจ้าเอาความทรงจำไป หากเจ้าไม่เปลี่ยนข้อตกลง ร่างนั้นคงเป็นของข้า!” เป้ยหลัวร้องคำรามพลางถอยไปด้วย

มารโบราณสวมเกราะเผยรอยยิ้มขบขันพลางยกดาบขึ้นมา “แค่ข้าเร็วกว่าเล็กน้อย หากข้าลงมือทีหลัง ตำแหน่งของเราคงสลับกัน!” สะบัดดาบลงใส่เป้ยหลัว

“จงเผยร่างจิตวิญญาณปิศาจของเจ้าออกมา!”

ดาบยักษ์เล่มหนึ่งปรากฏขึ้นมาในโลก ราวกับสามารถแบ่งแยกท้องฟ้าออกเป็นครึ่งส่วนได้ เมื่อมารโบราณสับดาบลงไป เกิดเสียงดังคะนองไปทั่วฟ้า

ปราณดาบยาวหลายแสนฟุตปรากฏขึ้นกวาดใส่เป้ยหลัวทันทีจนสีหน้าเขาต้องเปลี่ยนไปมหาศาล ดาบเล่มนี้เร็วเกินจนเขาไม่มีเวลาหลบเลี่ยง มันร่อนมาถึงเบื้องหน้าเขาแล้ว

ปราณดาบแทงทะลุใส่ร่างเป้ยหลัวและร่อนลงบนพื้นดิน พื้นดินเกิดเสียงแตกร้าวและเกิดร่องลึกไม่รู้เท่าไหร่

ร่างเป้ยหลัวถูกหั่นครึ่งและกลายเป็นกองเศษเนื้อ แต่ขณะที่ร่างสลายไป ลำแสงสีเขียวลอยออกมาในอากาศและเปลี่ยนกลายเป็นปิศาจโบราณสูงพันฟุต!

นี่คือร่างจริงของปิศาจโบราณเป้ยหลัว หลังปรากฏขึ้นได้ไม่นานเขาก็ล่าถอยด้วยความเร็วสูงสุด มารโบราณพ่นลมหายใจเย็นและไล่ล่าไปพร้อมกับดาบในมือ ส่วนคนอื่นๆเขาไม่สนใจว่าเป็นภัยคุกคามเลย นอกจากปิศาจโบราณแล้วมีอีกคนที่เขาต้องให้ความสนใจเพราะมีกลิ่นอายเทพโบราณน่าสะอิดสะเอียนจนรับรู้ได้ยามที่ปรากฏตัว

ขณะไล่ล่าเป้ยหลัว มารโบราณมองหวังหลินจากระยะไกล

หวังหลินเคลื่อนไหวรวดเร็วพร้อมกับหลบเลี่ยงหมาบ้าเช่นปรมาจารย์ชีกง แต่ความเร็วเขายังช้ากับอีกฝ่ายไปไกลโข ในช่วงวินาทีวิกฤติ หวังหลินนำรอยสักร่วงโรยแห่งเผ่ารอยสักออกมาและวางไว้บนร่างกายเพื่อเพิ่มความเร็วขึ้นถึงขีดสุด

“ไปตรงจดุที่ปราสาทอยู่ ภรรยาข้าอยู่ที่นั่น…นางตื่นขึ้นมาก่อนที่อาจารย์จะโดนครอบงำ ดังนั้นนางต้องได้ข้อความบางอย่าง” หวังเว่ยเอ่ยเสียงออกมาจากด้านหลังหวังหลิน อาการบาดเจ็บของเขาฟื้นฟูขึ้นมาสมบูรณ์แล้ว หลังจากเอ่ยขึ้นเขาก็ละตัวจากหวังหลินและพุ่งใส่ปรมาจารย์ชีกง

หวังหลินเปลี่ยนทิศทางทันทีโดยไม่หยุดชะงัก เข้ามาถึงเบื้องหน้าปราสาทที่พังทลายไปแล้วในพริบตา พอกวาดสัมผัสวิญญาณจึงพบฮู่จวนหมดสติ

พอมาอยู่ใกล้ฮู่จวน หวังหลินรวบรวมพลังอัคคีดั้งเดิมไว้ในฝ่ามือและชี้ใส่กลางหน้าผากนางโดยไม่ลังเล พลังอัคคีดั้งเดิมกวาดผ่านร่างกายและปลุกนางให้ตื่นขึ้น

“ผู้อาวุโส ได้โปรดรีบเปิดเส้นทางออกไปจากที่นี่!” หวังหลินไม่มีเวลาอธิบายและรีบส่งข้อความหาฮู่จวน

หลังจากฮู่จวนตื่น แววตาเกิดความสับสนงงงวยแต่นางก็ฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว นางลุกขึ้น สองฝ่ามือสร้างผนึกจากนั้นชี้ขึ้นใส่ท้องฟ้า เสียงดังสนั่นกึกก้องไปทั่ว เสาแสงหกต้นพุ่งลงมาภายในระยะร้อยฟุต

หวังเว่ยสร้างผนึกอยู่ไกลๆ กำเนิดม่านวารีเข้ากักขังปรมาจารย์ชีกง ในแววตาเผยจิตสังหารแต่เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เวลามาต่อสู้ เขาพ่นลมหายใจเย็นจากนั้นม่านวารีที่กักขังปรมาจารย์ชีกงพลันเปลี่ยนเป็นกระบี่นับไม่ถ้วนหดลงอย่างรวดเร็ว หวังเว่ยปรากฏตัวข้างฮู่จวนและหวังหลินโดยไม่รอผลลัพธ์ เสาแสงกระพริบวาบและทั้งสามคนก็หายตัวไปทันที

ในเวลาเดียวกัน ชายชุดดำก็มาถึงด้วยท่าทีตื่นตระหนก เขาพุ่งเข้าไปในเสาแสงและหายตัวไปด้วย

ร่างปรมาจารย์ชีกงถูกห่อหุ้มด้วยกระบี่วารี พวกมันทิ่มแทงใส่จนเขาร้องคำรามและเกิดพายุทรายสีเหลืองขึ้นพลางเข้าปะทะกับการโจมตีแต่ก็ต้องกระอักโลหิต ร่างกายสั่นสะท้านและปลุกจากสภาวะบ้าคลั่ง

ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นเบื้องหน้าคงดูน่าเหลือเชื่อต่อคนอื่นๆ เขาจะควบคุมจิตสังหารไม่ได้และโจมตีในสภาวะวิกฤติได้อย่างไร? หากประมาทเพียงนิดเดียวคงตายอยู่ที่นี่ไปแล้ว

แววตาปรมาจารย์ชีกงเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและขมขื่น ร่างกายกระพริบวูบวาบพุ่งตรงใส่เสาแสง ส่วนเทียนหยุนหายไปอย่างไม่คาดคิดและไม่รู้ว่าเขาหายไปไหน

‘ก่อนหน้านี้ข้าสังเกตว่าตัวเองสูญเสียการควบคุม แต่ตอนนี้ข้ามีสติ…ไม่คิดว่าทลายสวรรค์แรกจะมาถึงเร็วเพียงนี้…’ ปรมาจารย์ชีกงพุ่งเข้าไปในเสาแสงและหายวับไป

ปิศาจโบราณเป้ยหลัวซึ่งกำลังถูกไล่ล่า พลางร้องคำรามโกรธเกรี้ยว เมื่อเห็นค่ายกลเคลื่อนย้ายออกจากสถานที่แห่งนี้ได้เปิดขึ้นเขาจึงพุ่งเข้าไปโดยไม่ลังเล แต่ขณะที่เข้าไปใกล้ เจ้ามารโบราณที่กำลังไล่ล่าพลันเผยแววตาเหี้ยมโหด ปล่อยดาบในมือไปและอ้าแขนทันที

“มารกลืนวิญญาณ!” เกราะรอบตัวปลดปล่อยหมอกสีดำไร้ขอบเขตและเต็มไปทั่วโลกอีกครั้ง หมอกสีดำเปลี่ยนกลายเป็นภูเขายักษ์พยายามกลืนกินเป้ยหลัวที่กำลังหลบหนี

เป้ยหลัวร้องเสียงโหยหวนก่อนที่ร่างกายจะแตกสลายเสียงดังปัง ร่างครึ่งนึงถูกกลืนกินเข้าไปและครึ่งส่วนที่เหลือมีขนาดเท่าคนธรรมดา จากนั้นหายวับเข้าไปในค่ายกลเคลื่อนย้าย

หมอกสีดำดูดซับร่างจิตวิญญาณครึ่งส่วนของเป้ยหลัวอย่างรวดเร็ว จากนั้นสายหมอกห่อหุ้มรอบต้าเจียและเปลี่ยนกลายเป็นมังกรพุ่งเข้าใส่ค่ายกลเคลื่อนย้ายและกระแทกท้องฟ้า

ท้องฟ้าถูกบี้จนเปิดออก เขาพุ่งตัวขึ้นไป

“ไม่มีใครจะหนีรอดไปได้!!”

ส่วนหวังหลินและคู่รักเซียนเทพเมฆา ทั้งสามคนปรากฏตัวขึ้นในปราสาทชั้นที่แปด ฮู่จวนรีบเอ่ยขึ้นมา “ตอนที่อาจารย์พูดกับข้าก่อนหน้านี้ เขาบอกเพียงประโยคเดียว!”

“อารามแดนสวรรค์พิรุณ ผลึกวิญญาณดั้งเดิม โลหิตของฉิงซวง!”

หวังเว่ยหรี่ตาแคบ ก่อนที่จะทันได้พูดอะไร ชายชุดดำและปรมาจารย์ชีกงโผล่ออกมาจากค่ายกลเคลื่อนย้าย ขณะเดียวกันเป้ยหลัวที่เหลือแต่ร่างจิตวิญญาณก็ปรากฏขึ้นมาเช่นเดียวกัน

วินาทีนั้นพื้นที่ที่ทุกคนยืนอยู่ก็พังทลาย พลังมารผุดออกมาจากรอยร้าว เมื่อพื้นดินแตกสลายอย่างสิ้นเชิง พลังมารก่อตัวเป็นมังกรพุ่งออกมา อ้าปากพยายามกลืนกินทุกคน

ในเสี้ยววินาทีนี้ หวังหลินทวนซ้ำคำพูดของฮู่จวนอยู่ในใจ โลหิตของฉิงซวง…โลหิตของฉิงซวง!

ในจังหวะมังกรมารเข้ามาถึง หวังหลินตบกระเป๋า เจดีย์เทพปรากฏขึ้นมา ไม่มีเวลามาสนว่าเจดีย์มีค่าแค่ไหนแล้ว หวังหลินตีฝ่ามือทำให้มันพังทลาย ร่างฉิงซวงปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขา

‘ข้าขอโทษ!’ หวังหลินลอบขอโทษโจวยี่ ใช้เวลาที่มีทั้งหมดแทงใส่นิ้วชี้ของฉิงซวงและปาดหยดโลหิตออกมา จากนั้นโยนโลหิตเข้าใส่มังกรมารเบื้องหน้าพวกเขา!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!