Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1066

Cover Renegade Immortal 1

1066. เผาสวรรค์!

ณ เวลาเดียวกัน ข้างในดินแดนฟ้ากระจ่าง ชายชราผู้ซึ่งสังเกตหวังหลินได้ก่อนหน้านี้พลันเผยสีหน้าซับซ้อน เขาส่ายศีรษะพลางก้าวออกมา สายตามองเซียนสตรีฟ้ากระจ่าง มู่หมิงเหมยอย่างไม่แยแส

“อวตารร่างที่เก้าของเจ้าถูกทำลายเนื่องจากเกิดภัยพิบัติ แม้ภัยพิบัติจะมาถึงทำไมเจ้าถึงยังซ่อนตัวเอง?”

นางก้มศีรษะลงด้วยใบหน้าเย็นเยียบและขบคิด

“ตั้งแต่ที่ร่างอวตารตนที่เก้าของเจ้าถูกทำลายเพราะเขา ไม่ว่าเจ้าจะหลีกเลี่ยงมันอย่างไร ท้ายที่สุดก็ยังต้องเผชิญหน้ากับมัน…ตอนที่เจ้าช่วยสาวน้อย โจวลี่ ข้ารู้ความคิดเจ้าแล้วว่าเป็นเพราะร่างอวตารที่เก้านั่น” ชายชราถอนหายใจพลางมองขึ้นไปในความว่างเปล่า

“จดจำเอาไว้ เจ้าเป็นเซียนสตรีฟ้ากระจ่าง มู่ปิงเหมย เจ้าไม่ใช่หลิวเหมยจากดาวซูซาคุผู้มีลูกชายกับเซียนธรรมดา! เจ้ามีหน้าที่ในการทำภารกิจของดินแดนฟ้ากระจ่างและมีหน้าที่ในการต่อสู้กับคนนอกดินแดนปิดผนึก เขตแดนระหว่างดินแดนภายนอกและดินแดนภายในจะเปิดขึ้นในอีกไม่นาน…”

“เขาไม่ใช่เซียนธรรมดา…” ก่อนที่ชายชราจะเอ่ยจบ นางเงยศีรษะขึ้นและพูดอย่างใจเย็น ใบหน้างดงามยิ่งเพียงพอจะทำให้ผู้คนหัวใจเต้นแรงและยอมทำทุกอย่างให้นาง

“เจ้า…เจ้ายังดื้อรั้นอยู่ในภาพมายานั้นอยู่ใช่ไหม!?” ชายชราขมวดคิ้ว

“ข้าแค่บอกท่านว่าเขาไม่ใช่เซียนธรรมดา!” น้ำเสียงนางยังคงสงบนิ่งแต่อารมณ์หนักขึ้นเล็กน้อย

“ก็ดี ถึงแม้เขาจะไม่ใช่เซียนธรรมดา แม้ความคิดจะผ่านเข้ามาที่นี่ได้ผ่านวิธีการบางอย่าง ถึงบรรลุระดับสูงสุดขั้นที่สองได้ แล้วยังไงเล่า?” ชายชราเผยท่าทีดูถูก

“ท้ายที่สุด เขาก็ยังเป็นแค่เซียน!”

ชายชราไม่รู้ตัวว่าเซียนธรรมดาที่เขาพูดถึงนี้เป็นคนที่รอดชีวิตได้จากการตื่นของวิหคเพลิง สำนักวิหคเพลิงจะปกป้องเขาด้วยพลังอำนาจทั้งหมด ทั้งยังไม่รู้ด้วยว่าเซียนธรรมดาคนนี้มีสายเลือดของเทพโบราณ นี่ไม่ใช่พลังอำนาจที่เป็นมรดกตกทอด เขาได้รับมาหลังจากร่างกายตนเองพังทลายและก่อรูปขึ้นใหม่โดยมีพื้นฐานจากความทรงจำของตู่ซือ ร่างกายนี้เป็นรากเหง้าแห่งสายโลหิต

ทั้งยังไม่รู้ด้วยว่าเซียนธรรมดาคนนี้มีลูกปัดฝืนลิขิตฟ้า…

มู่ปิงเหมยมองชายชราและเอ่ยอย่างสงบนิ่ง “ครั้งนึงท่านก็เป็นแค่เซียนเท่านั้น”

ชายชราเผยรอยยิ้มขมขื่น ไม่รู้จะพูดอะไรไปชั่วขณะ

“ท่านผ่อนคลายเถอะ ข้าจะไม่หลบหนีหน้าที่ของเซียนสตรีฟ้ากระจ่าง แต่ท่านไม่ควรมายุ่งเรื่องส่วนตัวของข้าและท่านไม่มีสิทธิ์มาแทรกแซงด้วย ข้าไม่จำเป็นต้องให้ใครคนอื่นมายุ่งเกี่ยวเรื่องระหว่างเรา!” น้ำเสียงเด็ดเดี่ยวและปฏิเสธการประนีประนอม

ชายชราถอนหายใจและไม่พูดเรื่องนี้อีก เขามองท้องฟ้าและเอ่ยขึ้นมา “ร่างของสหายข้าถูกครอบงำไปแล้ว ดังนั้นข้ากำลังจะออกเดินทาง เจ้าจะไปด้วยไหม?”

นางขบคิดเล็กน้อยและเผยใบหน้าซับซ้อน อย่างไรก็ตามท้ายที่สุดนางก็มีท่าทีมุ่งมั่นและพยักหน้า “ข้าไป!”

ณ ชั้นที่เจ็ดของถ้ำจักรพรรดิเทพ ลาวาทั้งหมดควบแน่นเข้าไปในมังกรเพลิง มันเงยศีรษะขึ้นจ้องมองทุกคนด้านล่าง แรงกดดันที่มองไม่เห็นพลันแพร่กระจายออกมาทันที

จมูกมังกรส่งคลื่นความร้อนสองสายพร้อมกับแรงกดดัน มันมีเขาสองข้างสีแดงและส่งความร้อนออกมาอย่างรุนแรง

ร่างกายดุจอสรพิษขดตัวขึ้น ทำให้เจ้ามังกรนี้มีกลิ่นอายคล้ายกับมองลงมาจากนอกโลก

สายตาโกรธเกรี้ยวกวาดผ่านผู้คนเบื้องล่างและจ้องมองหวังหลิน มันรู้สึกถึงกลิ่นอายคุ้นเคยจากร่างกายอ่อนแอและตัวเล็กๆของหวังหลินผู้นี้ ทั้งยังมีกลิ่นอายของพลังอัคคีดั้งเดิมด้วย

หวังหลินความคิดสั่นเทายามที่เจ้ามังกรเพลิงมองลงมา เขาไม่ได้โค้งศีรษะแต่ล่าถอยอย่างช้าๆ เจ้ามังกรถอนสายตาและจับจ้องปรมาจารย์ชีกง ปิศาจโบราณเป้ยหลัวและมารโบราณต้าเจีย มันร้องคำรามและพุ่งเข้าใส่ทั้งสามคน

หวังหลินถอนหายใจอย่างโล่งอกและรีบถอยร่น กระจายสัมผัสวิญญาณออกมาจนเห็นชั้นที่เจ็ดกลายเป็นทะเลเพลิง เปลวเพลิงเผาไหม้อย่างหนาแน่น เป้ยหลัวดวงตาส่องสว่างและหยุดหนีโดยไม่คาดคิด หันกลับมา ฝ่ามือสร้างผนึก ศีรษะปิศาจยักษ์สีเขียวปรากฏขึ้นด้านหลังและพุ่งใส่มารโบราณต้าเจีย

ปรมาจารย์ชีกงสร้างผนึกก่อเกิดพายุทรายสีเหลืองเป้นม่านพลังรอบตัวร้อยฟุตเพื่อขัดขวางเปลวเพลิง อย่างไรก็ตามตอนนี้ระดับบ่มเพาะเขาไม่สามารถทนรับเปลวเพลิงได้นานนัก เมื่อทรายเข้าปะทะกับเปลวเพลิงจึงเกิดเสียปะทุ ทรายแตกร้าวและพังทลาย

ส่วนต้าเจีย ดวงตาเย็นเยียบเต็มไปด้วยความกระหายเลือด ก้าวเท้าออกมาร้องหัวเราะเสียงแหบ “ทำไมเจ้าหยุดวิ่งหนีเสียเล่า? ก็แค่จิตวิญญาณมังกรเพลิงที่เป็นองครักษ์ จะมากล้ากัดเจ้านายมันได้อย่างไร?”

ต้าเจียสร้างผนึกด้วยฝ่ามือและชี้ออกไป “ให้ข้าแสดงวิชาของฉิงหลินให้เจ้าเห็น เผาสวรรค์!”

เปลวเพลิงทมิฬปรากฏขึ้นตรงจุดที่ชี้ออกไป มันเริ่มแพร่กระจาย อุณหภูมิสูงเต็มไปทั่วชั้นเจ็ด

แม้แต่ท้องฟ้ายังถูกห่อหุ้มอยู่ในเปลวเพลิงทมิฬ พริบตานั้นท้องฟ้าก็กลายเป็นสีดำเพียงเพราะเปลวเพลิง ไม่เพียงแต่มันจะเผาไหม้ทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ยังรุกรานพลังปิศาจจนทำให้วิญญาณดั้งเดิมแตกสลายได้ทีเดียว

วินาทีนั้นเปลวเพลิงทมิฬเข้าปกคลุมท้องฟ้า มังกรเพลิงร้องคำราม เปลวเพลิงจากร่างกายมันเข้าต่อสู้กับเปลวเพลิงทมิฬในท้องฟ้า

ต้าเจียเผยท่าทีเยาะเย้ย พลางใช้แขนขวาชี้ใส่มังกรเพลิง เปลวเพลิงทมิฬทั้งหมดตกลงมาดุจอุกกาบาตและล้อมรอบมังกรเพลิงเอาไว้

วินาทีนั้นเปลวเพลิงก็เข้าปกคลุมรอบมังกรจนเป็นฉากเหตุการณ์สั่นสะเทือนสวรรค์ ราวกับเจ้ามังกรกำลังปลดปล่อยพลังอันชั่วร้าย

มังกรเพลิงร้องครำามเจ็บดปวด ส่งคลื่นเสียงโกรธเกรี้ยวดังสะท้อนไปทั่ว มันดิ้นรนพุ่งใส่มารโบราณ ทว่าเมื่อมันเข้าใกล้ ต้าเจียกดแขนขวาลงไปก่อเกิดพลังที่มองไม่เห็นขึ้นมา พอมังกรเพลิงอยู่ในระยะร้อยฟุต ต้าเจียก็จับมังกรเพลิงไว้ได้

ไม่ว่ามังกรเพลิงจะดิ้นรนอย่างไรก็ไม่อาจหนีรอดไปได้ เป้ยหลัวสูดลมหายใจเย็นเข้าปอดทันที

“ก็เจ้าใช้ร่างอวตารของฉิงหลินและพลังที่มองไม่เห็นในร่างกายเขาได้น่ะสิ!” เป้ยหลัวตกตะลึงกับสถานการณ์ตรงหน้า เขารู้ได้ว่าการครอบงำของต้าเจียหมายความว่าเป็นส่วนหนึ่งกับความคิดจิตใจด้วย

เป้ยหลัวละทิ้งเจตนาโจมตีทั้งหมดออกไป เกิดความรู้สึกขมขื่นขึ้นในใจ เขาเข้าใจความแข็งแกร่งของตนเอง แม้จะได้คนอื่นมาช่วยแต่ก็ไม่มีพลังอำนาจพอจะเผชิญกับร่างฉิงหลินที่ถูกครอบงำได้

“ข้ายอมจ่ายทุกอย่างและต่อสู้กับฉิงหลินในร่างกายตนเองมาตลอดหลายหมื่นปี ทั้งหมดนี้ก็เพื่อความทรงจำและรดับบ่มเพาะของฉิงหลิน แต่ยิ่งสำคัญไปกว่านั้นก็เพื่อร่างกายนี้!” มารโบราณจับมังกรเพลิงพลางเคลื่อนตัวไปข้างหน้า เสียงหัวเราะโอหังดังออกมา

“ปิศาจโบราณ เจ้าและข้าเป็นศัตรูคู่แค้นในดินแดนด้านนอก แต่ตอนนี้เจ้าเป็แค่มดแมลงเบื้องหน้าข้า เมื่อข้าครอบงำร่างฉิงหลินได้เสร็จสมบูรณ์ ข้าจะเป็นเจ้าของร่างฉิงหลิน ร่างกายที่สามารถทะลวงกฏทั้งหมดและเข้าสู่ที่ไหนก็ได้!”

“ด้วยร่างนี้ ข้าสามารถย้อนรอยถึงบรรพชนข้าและกลายเป็นมารโบราณเก้าดาว เมื่อข้าบรรลุเก้าดาว ข้าสามารถเข้าสู่หอคอยมารโบราณและได้รับพลังที่แท้จริงของเหล่าบรรพชน!”

ต้าเจียหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง มังกรเพลิงดิ้นรนหลบหนีแต่ก็ถูกต้าเจียโยนทิ้งข้างๆ

“วิชาของฉิงหลิน เผาสวรรค์ ต้มมหาสมุทร!” เปลวเพลิงชั่วร้ายในดวงตาต้าเจียพลันขยับเคลื่อนไหว ชั้นเจ็ดเต็มไปด้วยพลังมารหนาแน่นจนดูเหมือนเป็นรูปเป็นร่าง จากนั้นเพียงพริบตาเดียวมันก็เปลี่ยนก่ลายเป็นมหาสมุทรทมิฬ

ขณะที่คลื่นโหมกระหน่ำ หวังหลินเต็มไปด้วยความตกตะลึงและถูกขังไว้ในมหาสมุทร ไม่เพียงแค่เขาเท่านั้นแต่ปรมาจารย์ชีกงก็ถูกขังไว้ข้างในนี้ด้วย แม้กระทั่งเป้ยหลัวก็ไม่เว้น

ห่างออกไปไกล มังกรเพลิงร้องคำรามอยู่ในมหาสมุทร แต่ในแววตาเกิดความหวาดกลัว

มหาสมุทรเริ่มเดือด ควันชั่วร้ายลอยขึ้นไปในอากาศ ฟองฟอดผุดขึ้นมาในทะเลเดือดจากความร้อนสูง

นี่คือวิชาเผาสวรรค์ ต้มมหาสมุทรซึ่งเป็นการทำให้มหาสมุทรเดือดพล่านจนหายไปอย่างสมบูรณ์ ทั้งยังทำให้คนถูกขังไว้ข้างในจนต้องดิ้นรน

หวังหลินพบว่าเมื่อเวลาผ่านไป ต้าเจียยิ่งทรงพลังมากขึ้น ตอนอยู่ชั้นที่เก้า ต้าเจีบพบว่าวิชาพวกนี้ใช้ยากมากแต่ตอนนี้เขาสามารถใช้วิชาของจักรพรรดิเทพได้แล้ว

พอคิดถึงวิชานับไม่ถ้วนของจักรพรรดิเทพฉิงหลิน หวังหลินรู้สึกหนังศีรษะด้านชา ทว่าตอนนี้ไม่มีเวลามาคิดเรื่องนี้ ขณะที่คลื่นมหาสมุทรโหมกระหน่ำ เปลวเพลิงมาในท้องฟ้าจึงตกลงมาอย่างต่อเนื่องกลายเป็นหยดน้ำโปรยปรายจำนวนมาก

ปรมาจารย์ชีกงเห็นมหาสมุทรกำลังจะเดือดจึงเผยรอยยิ้มทนทุกข์ เปลวเพลิงจากท้องฟ้ากำลังเข้ามาใกล้ พลันตีเข้าหน้าผาก ร่างกายพังทลาย!

คลื่นกระแทกรุนแรงแพร่กระจายออกมาและก่อเกิดวังวนขึ้นในมหาสมุทร ทั้งยังผลักดันเปลวเพลิงมารที่กำลังตกลงมาให้ออกห่างไป

วินาทีที่ร่างกายระเบิด ดวงวิญญาณดั้งเดิมของปรมาจารย์ชีกงจึงพลันพุ่งออกไป

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!