1080. ข้าไม่จำเป็นต้องให้เจ้าช่วย
“เซียนสตรีฟ้ากระจ่าง!!” เทียนหยุนท่าทางเคร่งเครียดทันที เขารีบถอยหลังออกไปหลายก้าวแต่สายตาหันไปหาชายชราในอากาศ
“ลั่วหยุนต้าว!” เทียนหยุนขมวดคิ้ว “ดินแดนฟ้ากระจ่างต้องการมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย?”
ชายชรามองเทียนหยุน จากนั้นมองไปยังมารโบราณต้าเจียที่กำลังมืดมน สายตารำลึกถึงความทรงจำ
“เป้าหมายข้าก็คือเขา!” ชายชราถอนหายใจและก้าวเข้าหาต้าเจีย
ต้าเจียจ้องชายชราด้วยแววตาเต็มไปด้วยเพลิงมาร แขนขวาจับดาบกวัดแกว่งไปข้างหน้าพร้อมเอ่ยขึ้น “เจ้านั่นเอง! แสดงว่าเจ้าไม่ได้ตาย!”
“ข้าควรตายไปแล้วแต่ฉิงหลินช่วยข้าไว้ แม้ความแค้นจะล้ำลึกแต่เมื่อเขาช่วยข้าไว้ครั้งนึง ข้าก็เป็นหนี้เขา ข้าจะชดใช้หนี้ไว้กับเจ้า!” ชายชราก้าวเดินเข้าหามารโบราณ สีหน้าท่าทางสงบนิ่งราวกับมารโบราณไม่คู่ควรให้สนใจ
ต้าเจียร้องคำราม หมอกทมิฬโผล่ออกมาจากร่างกายจำนวนมหึมา เปลี่ยนกลายเป็นเงามารและอ้าปากพยายามกลืนกิน
พริบตานั้นทั้งต้าเจียและชายชราจึงถูกห่อหุ้มไว้ในเมฆหมอกสีดำ เสียงคำรามและเสียงการต่อสู้ดังสะท้อนไปทั่ว
มู่ปิงเหมยวางหวังหลินลงและพุ่งตรงเข้าหาเทียนหยุน
เทียนหยุนล่าถอยพลางขมวดคิ้วไปด้วย “เซียนสตรีฟ้ากระจ่าง ข้าไม่ได้ต้องการสร้างศัตรูกับดินแดนฟ้ากระจ่าง หวังหลินไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับเจ้า ไม่มีใครจะหยุดข้าได้”
“เจ้าไม่คู่ควรที่จะฆ่าเขา!” มู่ปิงเหมยส่ายศีรษะพลางลอยตัวขึ้นไปในอากาศ สะบัดแขนขวา ภาพมายาปรากฏขึ้นมาแต่ทั้งหมดกลายเป็นมู่หมิงเหมยอย่างไม่คาดคิด!
อย่างไรก็ตามมีอยู่เพียงแปดคนเท่านั้น!
“จิตขังวิญญาณ หล่อหลอมสวรรค์!” น้ำเสียงของมู่ปิงเหมยสงบนิ่งและทันทีที่นางเอ่ยจบ ร่างอวตารทั้งแปดคนสร้างผนึกทันที พลังดั้งเดิมอันแข็งแกร่งรวมเข้าด้วยกันก่อเกิดเป็นเสาพลังกระแทกลงไป
เทียนหยุนเผยสายตาประหลาดใจและพึมพำบางอย่าง เสาพลังดั้งเดิมที่กำลังตกจากท้องฟ้าจึงเริ่มสั่นเทา
มู่ปิงเหมยส่ายศีรษะ “วิชาชะตาสวรรค์ของเจ้าไร้ประโยชน์กับข้า!” แขนขวายื่นเข้าหาอากาศธาตุ พลังดั้งเดิมไร้ที่สิ้นสุดก่อตัวเป็นใบไผ่ แสงเจ็ดสีปลดปล่อยออกมา อักขระรูนจำนวนมากลอยออกมาล้อมรอบมู่ปิงเหมย
“แม้ข้าอยู่ที่ทลายสวรรค์แรกเท่านั้น แต่ไม่มีพลังดั้งเดิมในฟ้ากระจ่างสามารถหนีรอดจากการควบคุมของข้าไปได้ หากข้าไม่ต้องการให้เจ้ามีพลังดั้งเดิมอันใด เจ้าก็เอาไปไม่ได้แม้แต่เศษเสี้ยว!” มู่ปิงเหมยชี้ใส่อักขระรูนรอบตัว พลันแตกสลายและหายวับไป
วินาทีนี้พลังดั้งเดิมทั้งหมดของทั้งโลกเปลี่ยนไปมหาศาล รวบกันเข้าหาเสาพลัง
มู่ปิงเหมยจ้องเทียนหยุน “ผนึกพลังงานภายนอกของเทียนหยุนทั้งหมด!” เสียงสงบนิ่งแต่กลับแฝงน้ำเสียงไร้ข้อกังขา!
พลังดั้งเดิมรอบตัวเทียนหยุนทั้งหมดแยกออกไปจากเขาราวกับกำลังปฏิเสธ มันหายไปอย่างรวดเร็วและหมดสิ้นในพริบตา
มีเพียงพลังดั้งเดิมที่เทียนหยุนหล่อหลอมเอาไว้จึงไม่ได้รับผลกระทบ
อย่างไรก็ตามวิชานี้เหนือล้ำเกินจินตนาการของทุกคน แม้แต่เทียนหยุนยังมีสีหน้ามืดมน
“ข้าได้ยินมานานว่าภายในดินแดนฟ้ากระจ่าง เซียนสตรีฟ้ากระจ่างมีวิชาอันทรงพลัง ตำแหน่งนี้ถูกส่งต่อมาหลายรุ่นนับตั้งแต่ยุคบรรพกาล แม้แต่ตอนที่เหล่าเทพยังคงอยู่ ตัวตนของนางเทียบได้ดับปราสาทเทพ สำหรับแดนสวรรค์ทั้งสี่แห่ง แต่ละแห่งมีดาราจักรดวงดาวอยู่ด้านล่าง ลือกันว่ามีคนหนึ่งในแต่ละดาราจักรที่ได้รับมรดกจากแดนสวรรค์โบราณ!”
“เซียนสตรีของดาราจักรดวงดาวแต่ละแห่งควบคุมพลังงานที่ต่างกัน ตอนที่ข้าเข้าไปในดินแดนฟ้ากระจ่างเพื่อบ่มเพาะ ข้าได้ยินข่าวลือมากมายเกี่ยวกับเซียนสตรีฟ้ากระจ่าง วันนี้ข้าได้เห็นแล้วว่าข่าวลือเป็นเรื่องจริง”
มู่ปิงเหมยไม่พูดอะไรนักพลางชี้ใส่เสาพลังดั้งเดิม มันหดเล็กลงจนกระทั่งกลายเป็นกระบี่สั้นส่องแสงอร่าม
มู่ปิงเหมยเงยศีรษะขึ้นถือกระบี่สั้นและเคลื่อนไหวดุจผีเสื้อเข้าหาเทียนหยุน แม้แต่ตอนนี้นางก็ไม่ได้มองหวังหลินเป็นครั้งที่สอง ความรู้สึกซับซ้อนก่อขึ้นในใจทำให้นางไม่รู้ว่าจะเผชิญกับคนแปลกหน้าท่าทางคุ้นเคยนี้อย่างไรดี
ไม่มีใครเข้าในความคิดนางเพราะนางยังคงสับสน…นางรู้แค่ว่าไม่อาจยืนอยู่เฉยๆมองหวังหลินตายไปต่อหน้าต่อตา ไม่อาจนิ่งเฉยโดยที่คนอื่นพยายามฆ่าหวังหลิน
ยิ่งความรู้สึกซับซ้อนมากขึ้นยิ่งทำให้หัวใจเจ็บปวด…ด้วยเหตุนี้นางจึงไม่ยอมให้ใครฆ่าหวังหลิน
ความคิดนี้เกาะกุมหัวใจนางมานานและเต็มไปทั่ว หลายครั้งแล้วที่นางตื่นขึ้นจากการบ่มเพาะยามค่ำคืน นางยืนอยู่โดดเดี่ยวบนยอดเขาสูงสุดในดินแดนฟ้ากระจ่าง ความรู้สึกเจ็บปวดนั้นคงทำให้นางรู้สึกเหมือนหัวใจกำลังหลั่งเลือด การคิดแบบนั้นทำให้นางแทบสูญเสียการควบคุม
นางผ่านความรู้สึกเช่นนี้มานานหลายปี…วันนี้เมื่อมาเห็นหวังหลิน ความรู้สึกและความเจ็บปวดเข้าเกาะกุมในใจจนเต็ม
นางไม่กล้าก้มศีรษะมองหวังหลินผู้ยังคงหมดสติ
นาง…ไม่กล้าเลย
นางเพียงถือกระบี่สั้นพุ่งใส่เทียนหยุนด้วยความรู้สึกซับซ้อนเท่านั้น เหมือนมันเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้จิตใจสงบลงได้
เทียนหยุนสีหน้ามืดมน แม้จะรู้เรื่องเกี่ยวกับเซียนสตรีฟ้ากระจ่างแต่ไม่คิดว่านางจะสามารถผนึกพลังดั้งเดิมของโลกได้ นั่นหมายความว่าวิชาชะตาสวรรค์ไม่มีผลกับนาง
วิชาชะตาสวรรค์เป็นหนทางในการสื่อสารกับโลก การสื่อสารนี้ทำให้เขาได้รับกฏไร้ตัวตนมาใช้งาน!
เทียนหยุนพ่นลมหายใจเย็นพลางกวัดแกว่งตรีศูล ลำแสงสามเส้นพุ่งใส่มู่ปิงเหมย
หวังหลินลืมตาขึ้นมาบนพื้น เขาเห็นมู่ปิงเหมยกำลังต่อสู้กับเทียนหยุน สองดวงตาเผยท่าทีอันซับซ้อนยิ่งพร้อมกับความเจ็บปวดที่ไม่อาจลบเลือน
ไม่คิดว่าจะเจอนางเข้าจริงๆ พอเป็นแบบนี้เมื่อไหร่ที่หวังหลินคิดถึงหลิวเหมย พลันรู้สึกเจ็บปวดมากกว่าทุกอย่าง หัวใจเจ็บปวดทุกครั้งที่คิดถึงความขมขื่นในร่างหวังผิง
ขณะนั้นหวังหลินนั่งสมาธิลงและสูดหายใจลึก เขาไม่มีวิชาอะไรแล้วและดูเหมือนไม่มีสิ่งใดต่อสู้กับโชคชะตาได้
‘ข้ายังมีอีกหนึ่งวิชา!’ หวังหลินมองอวกาศที่ปรากฏขึ้นตอนที่พายุกระบี่ทำลายท้องฟ้าของดินแดนวิญญาณปิศาจ พลังดั้งเดิมอันทรงพลังโผล่ออกมาจากข้างนอก ล้อมรอบดินแดนแห่งนี้
‘แม้โล่ห์ฟ้าครามหักครึ่ง มันไม่ได้หายไป วิชาช่วยชีวิตของเทพโบราณแปดดาวกักเก็บไว้ข้างใน แม้ข้าไม่รู้พลังอำนาจของมัน แต่ไม่อ่อนแอแน่นอน!’ หวังหลินขบคิด ดวงตาขวาส่องประกายสีฟ้า โล่ห์ฟ้าครามปรากฏร่างเงาอันเลือนลาง
อย่างไรโล่ห์นี้ถูกแบ่งออกเป็นครึ่งส่วนและผสานเข้ากับดวงตาของหวังหลินอย่างรวดเร็ว แม้ไม่ได้ผสานกัน วิชาเทพโบราณแปดดาวที่เก็บเอาไว้ข้างในก็ยังใช้ได้ ความต้องการของมันก็คือ…มีพลังเทพโบราณเพียงพอ!
หวังหลินมีความคิดในการจัดการกับการสะสมพลังเทพโบราณมาก่อน นั่นคือการแยกร่างอวตารและร่างดั้งเดิมและให้ร่างดั้งเดิมฝังตัวเองที่ไหนสักแห่งเพื่อค่อยๆดูดซัยพลังเทพโบราณไปพร้อมกับโล่ห์ฟ้าคราม
แต่วิธีนั้นนานเกินไป เดิมทีหวังหลินมีแผนทำเรื่องนี้หลังออกไปจากดินแดนวิญญาณปิศาจ แต่ตอนนี้เขาค้นพบวิธีลัดได้แล้ว!
อย่างไรก็ตามแม้มันจะเป็นวิธีลัด แต่ก็มากับราคาที่ต้องจ่ายไปมหาศาล
หวังหลินมองหลิวเหมยกำลังต่อสู้กับเทียนหยุน ดวงตายึดมั่นและเด็ดเดี่ยว
‘ข้าไม่จำเป็นต้องให้นางช่วย และข้าไม่ต้องการติดค้างหนี้กับนาง!’
ดวงดาวเทพโบราณทั้งห้าดวงปรากฏตรงกลางหน้าผากและหมุนอย่างรวดเร็ว พลังเทพโบราณจำนวนมากโผล่ออกมาเข้าสู่โล่ห์ฟ้าครามในตาขวา
แสงสีฟ้าโผล่ออกมาจากดวงตา ส่องแสงเจิดจ้าจนพร่าเลือน!
ราคาของการใช้พลังเทพโบราณเพื่อเติมเต็มโล่ห์ฟ้าครามเป็นราคาที่แพงยิ่งสำหรับหวังหลิน แม้ดาวบนหน้าผากไม่ได้แตกสลาย แต่การใช้พลังเทพโบราณทั้งหมดได้ทำให้ดาวที่ห้าหมองหม่นและดูซีดมาก
อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่ดาวเทพโบราณไม่แตกไป มันสามารถฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ได้!
เนื่องจากโล่ห์ฟ้าครามต้องการพลังเทพโบราณจำนวนมาก ขณะที่ตาขวาหวังหลินส่องแสงเจิดจ้ายิ่งขึ้น พลังเทพโบราณยิ่งเข้าไปสู่ตาขวาและดาวที่สี่หมองหม่นเช่นเดียวกัน
แสงสีฟ้าระเบิดออกมาจากแขนหวังหลิน เข้าห่อหุ้มบริเวณจนแม้แต่มู่ปิงเหมยและเทียนหยุนก็ยังสังเกตเห็นถึงแสงสีฟ้าได้
ดวงดาวกลางหน้าผากหมุนติ้วอย่างรวดเร็ว ดาวที่สามหมองหม่น ตามมาด้วยดาวที่สอง ท้ายที่สุดดวงดาวสุดท้ายจืดจางอย่างช้าๆ
ทว่าในพริบตานี้ แสงสีฟ้าพุ่งออกมาจากตาขวาดุจกระบี่แทงเข้าไปในท้องฟ้า เขามองเสากว้างห้าสิบลี้ที่โผล่ขึ้นมาในอากาศเนื่องจากวิชาของเทียนหยุน เสานั้นส่งเสียงดังคะนองทันที มันไม่สามารถทนต่อสายตาของหวังหลินได้และพังทลายลงไป!