1132. ปรมาจารย์หวู่จี
กาลเวลาคือกฏแห่งเวลาและมันยังเป็นกฏที่สิ่งมีชีวิตทั้งหมดทำได้แค่ไขว่คว้า การรู้แจ้งมันเป็นไปได้ยากยิ่ง ส่วนใหญ่เขตแดนจะมีกฏแห่งเวลาแฝงอยู่เพียงเล็กน้อย และทำความเข้าใจมันผ่านเขตแดนของตนเอง
ในดาวซูซาคุที่ผ่านมา หวังหลินเจอเพียงคนเดียวที่มีเขตแดนแห่งเวลา!
เวลานั้นหวังหลินสัมผัสถึงพลังอำนานของเขตแดนแห่งเวลา แม้กระทั่งหยุนเซว่จื่อก็ยังสงสัยเกี่ยวกับเขตแดนนี้
ต้องกล่าวว่าทั้งดาวซูซาคุ มีเพียงเขาที่มีเขตแดนแบบนั้น!
ขณะที่เสียงพึมพำของมังกรโลหิตดังกึกก้อง พลังอำนาจแห่งเวลาออกมาจากร่างกายมันขึ้นหลายเท่าตัว ทรงพลังยิ่งกว่าเขตแดนและกลายเป็นกฏไปแล้ว!
มันคือกฏที่มังกรโลหิตสร้างขึ้นด้วยวิชาของมัน!
กฏแห่งเวลาเข้าห่อหุ้มทั่วมิติว่าง เซียนฝ่ายทุกชั้นฟ้ากลุ่มหนึ่งมีประมาณสิบกว่าคน ตราบใดที่พวกเขาไม่เจอกับเซียนโบราณแข็งแกร่งเกินไป พวกเขาสามารถยืดหยันได้
แต่เมื่อพลังอำนาจแห่งเวลาผ่านเข้ามา คนที่อ่อนแอสุดสั่นสะท้าน เขาหน้าตาเหมือนอายุยี่สิบต้นๆถึงแม้ว่านั่นจะไม่ใช่อายุจริงๆ
ร่างกายเริ่มสั่นเทาหลุดจากการควบคุมพร้อมกับมีพลังงานเย็นปรากฏขึ้นในร่างกาย ริ้วรอยเริ่มเผยบนผิวหนังและทับซ้อนกันและกัน เขารู้สึกเหน็ดเหนื่อย พละกำลังอ่อนแรงลง
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในพริบตา เด็กหนุ่มเพียงแค่สับสนเพียงวินาทีเดียวแต่กลับมีเสียงร้องไห้ดังออกมาไกล เสียงร้องไห้แฝงความหวาดกลัวรุนแรง
เด็กหนุ่มตกตะลึง ต้องการหันศีรษะไปแต่ก็พบว่าร่างกายแข็งทื่อ แค่การหันหน้าก็ลำบากแล้ว
“ข้า…เกิอะไรขึ้นกับข้า?” วิสัยทัศน์พร่ามัวราวกับมีหมอกหนึ่งชั้นปิดบัง เขายกแขนขึ้นช้าๆเข้าลูบตาราวกับต้องการปัดหมอกนี้ให้ออกไป
แต่ดูเหมือนการขยี้ตาจะทำให้วิสัยทัศน์ชัดเจนขึ้น เขาเห็นเหล่าเซียนรอบตัวทั้งหมดถอยกลับ แววตาหวาดกลัวและหวาดหวั่น
เขาเห็นสาวน้อยที่มาด้วยกันมานานมีท่าทีตกตะลึงด้วย นางไม่นุ่มนวลเหมือนในอดีตอีกแล้ว
สิ่งที่เขาเห็นสิ่งสุดท้ายคือแขนขวา ซึ่งใช้ลูบตาตนเองและพลันตกตะลึง แขนนั้นเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นและเป็นจุดๆ
“นี่…” ร่างเด็กหนุ่มสั่นสะท้านอีกครั้งพลางยกแขนขึ้นไปสัมผัสใบหน้า อ้าปากออกมาราวกับต้องการจะออกเสียงแต่…แต่เสียงนั้นถูกฝังไปกับเขาโดยไม่มีโอกาสเห็นแสงตะวันอีก
ดวงตาหมดพลังชีวิต ทั้งร่างแก่ขึ้นอย่างรวดเร็วเบื้องหน้าเหล่าพรรคพวก เส้นผมหลุดร่วง ฟันผุ กระดูกสลายจนดูเหมือนร่างกายไม่สามารถค้ำจุนผิวหนังได้ เขาตายพร้อมกับทั้งร่างกลายเป็นกองฝุ่น…ตายด้วยการแก่ชรา…
เหตุการณ์ประหลาดนี้ทำให้เซียนรอบด้านต้องเงียบสนิทเกินจินตนาการ ทว่าเวลาเป็นเรื่องโหดร้าย พวกเขาไม่มีเวลามาคิดอะไรมากก่อนที่สตรีอีกคนจะเผยอาการแก่ขึ้นอีกคน
ไม่นานนักความแก่ดูเหมือนจะเป็นเชื้อโรคร้าย เหล่าเซียนทั้งหมดเริ่มแสดงอาการเหมือนกัน
ราวกับสวรรค์ยกเลิกความเป็นเซียนให้พวกเขา ยกเลิกความสามารถในการมีชีวิตอยู่เป็นร้อย เป็นพันหรือเป็นหมื่นปี ราวกับจำนวนปีพวกนั้นตกลงมาใส่ร่างกายในครั้งเดียว
เซียนสิบกว่าคนพวกนี้เป็นแค่ส่วนเล็กๆ นาทีนี้ฉากเหตุการณ์เดียวกันเกิดขึ้นทั่วมิติว่าง ไม่ว่าจะเป็นเซียนที่ไหน ตราบใดที่อยู่ในมิติแห่งนี้ก็ไม่อาจหนีรอดไปจากกฏแห่งเวลาไปได้
มีแค่เพียงเซียนขั้นทลายสวรรค์เท่านั้นที่สามารถต่อต้านมันได้ ซึ่งที่นี่…ไม่ได้มีเซียนขั้นทลายสวรรค์มากนัก
ทุกครั้งที่มีเซียนตายในกฏแห่งเวลา กลิ่นอายที่มองไม่เห็นจะออกไปจากร่างกายและมุ่งหน้านเข้าหาใจกลางมิติว่าง
กลิ่นอายจำนวนมากมายเดินทางผ่านมิติว่างด้วยความเร็วที่ไม่อาจเทียบกับของเซียนได้ กลิ่นอายพวกนี้เป็นส่วนหนึ่งของสวรรค์อยู่แล้ว พวกมันจึงมาถึงมังกรโลหิตได้ในพริบตา
ยิ่งเซียนตายไปมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีกลิ่นอายเข้าไปในมังกรโลหิตมากขึ้น ไม่นานนักน้ำแข็งบนตัวมังกรก็เริ่มแตกสลาย ราวกับชีวิตใหม่ถูกเติมเข้าไป
แปดราชาแห่งสำนักซากศพไม่ได้รับผลกระทบจากกฏแห่งเวลาเลย พวกเขาเคลื่อนที่เข้าไปใกล้มังกรโลหิตมากขึ้นและมากขึ้น!
อีกทิศทางหนึ่งตรงข้ามกัน ปรมาจารย์จงเฉินไล่ตามชายชราชุดดำไปอย่าเคารพ แม้ชายชราผู้นี้จะไม่ได้ดูเคลื่อนไหวเร็วอะไรมากมาย แต่ทุกย่างก้าวเหมือนกับมิติว่างด้านล่างกำลังหดตัว ราวกับระยะทางอันไกลแสนไกลอยู่แค่เอื้อม…
เคล็ดนี้ไม่ใช่มิติที่ผสานเข้ากับโลกแต่เป็นการหดมิติว่างแทน! เขาไม่จำเป็นต้องผสานกับโลกเพราะเขาก็คือโลก แม้แต่ทั้งดินแดนก็อยู่แค่ระยะไม่กี่นิ้ว!
จึงไม่รีบเร่งนักพลางก้าวไปข้างหน้าทีละก้าวด้วยจังหวะมั่นคง ปรมาจารย์จงเฉินยิ่งเคารพมากขึ้น ขณะที่ติดตามชายชราไปจึงอยู่ภายในระยะของวิชาลึกลับนี้เช่นเดียวกัน
พลังอำนาจของกฏที่ห่อหุ้มมิติว่างทำให้หวังหลินสัมผัสได้เช่นเดียวกัน ทว่าร่างกายเขาสร้างขึ้นจากหิน อายุของหินก้อนนี้จึงไม่อาจคาดคำนวณได้
พลังแห่งกฏที่ล้อมรอบตัวเขา ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปแค่ไหน หินก็ยังเป็นหิน…
หวังหลินเห็นเซียนรอบด้านสูญสลายไปภายใต้กฏแห่งเวลา และเลือนหายไปอย่างไร้ร่องรอย
“หากเราสูญเสียตัวตนแห่งการเป็นเซียน ไร้วิชา…เราก็แค่คนธรรมดา…” หวังหลินรู้สึกเศร้าในใจแต่ไม่ได้ชะลอตัวลง
“ถ้าร่างดั้งเดิมข้ามาที่นี่…ข้าก็คงเป็นเหมือนพวกเขาและกลายเป็นส่วนหนึ่งของมิติว่าง…น่าเสียดาย เหล่าเซียนที่บ่มเพาะมาเป็นร้อย เป็นพันและเป็นหมื่นปีก็ยังเทียบไม่ได้กับเศษก้อนหิน…”
หวังหลินส่ายศีรษะ การเห็นทุกอย่างเบื้องหน้าทำให้เขาเกิดความเข้าใจใหม่กับคำว่า “เต๋า”
มังกรโลหิตดูดซับกลิ่นอายเซียนจำนวนมากที่ตายไปด้วยพลังแห่งกฏ ในที่สุดก้อนน้ำแข็งบนร่างก็สูญสลาย
ร่างใหญ่ยักษ์พวยพุ่งขึ้นมาร้องเสียงคำราม! วังวนขนาดหมื่นฟุตปรากฏขึ้นและดังสนั่น
น้ำเสียงหนึ่งค่อยๆโผล่ออกมาจากมิติว่างและแพร่กระจายไปทั่ว
“หวู่ รอข้าก่อน!” ขณะนั้นชายชราชุดดำหยุดกึก สายตาเคร่งขรึม ปรมาจารย์จงเฉินเงียบสนิท นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาได้ยินเสียงนี้ แต่คราวนี้น้ำเสียงโอหังยิ่งกว่า
ความโอหังต่อกฏและดูถูกต่อสวรรค์…อย่างไรก็ตามพลังอำนาจของหอกด้านนอกดาวซูซาคุเป็นสิ่งยืนยันว่าคนผู้นี้คู่ควรต่อการโอหัง!
แปดราชาแห่งสำนักซากศพพลันหยุดชะงักมองไปตรงวังวนไกลๆและเงียบลง แต่ในไม่นานความโลภอีกหลายระดับและแสงชั่วร้ายปรากฏขึ้นในแววตา
หวังหลินได้ยินเสียงคำรามนี้เช่นเดียวกัน ร่างกายหยุดชะงักและมองขึ้นไป แววตาเผยความไม่ยอมแพ้ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งแค่ไหนหรือถนนจะยากเย็นเพียงใด ตราบใดที่ต้าเสินต้องการสังหารหวังหลิน เขาจะไม่มีวันยอมแพ้!
“มีหลายคนต้องการสังหารข้า แต่ข้าก็ยังอยู่รอดมาได้…” หวังหลินเยาะเย้ยและเดินทางต่อไป
นี่เป็นเรื่องจริง
คนกลุ่มที่กล่าวมานี้ไม่ใช่กลุ่มเดียวที่รอดชีวิต ยังมีเซียนขั้นทลายสวรรค์บางส่วนที่รอดมาได้ หลังจากขบคิดเพียงเล็นน้อย ทั้งหมดจึงเข้ามาใกล้ตำแหน่งแห่งนี้
เซียนที่เหลืออยู่ด้านนอกมิติว่างได้รอดจากกฏแห่งเวลาด้วยความโชคดีและรอดชีวิตไปได้
อีกสถานที่หนึ่งที่อยู่ด้านนอกมิติว่าง มันคือสถานที่ที่ไม่ได้อยู่ในดินแดนเทพโบราณ เพราะ…มันคือดินแดนเทพโบราณ…
ฟังดูอาจจะขัดแย้งกันเล็กน้อย แต่ความจริงแล้วดาวซูซาคุก็แค่ทางเข้าสู่ดินแดนเทพโบราณ รอยแยกอวกาศไม่ได้เป็นของมิติแห่งนี้เพียงมีขนาดใหญ่มาก ใหญ่พอจะใส่ร่างเทพโบราณแปดดาวไว้ได้!
ไม่ว่าจะเป็นมิติว่างหรือด่านทดสอบ ความจริงทั้งหมดนั้นอยู่ในร่างเทพโบราณ…แค่ตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นหวังหลิน แปดราชาแห่งสำนักซากศพ หรือชายชราชุดดำ ทั้งหมดนั้นอยู่ในส่วนหน้าอกของเทพโบราณ
ณ มิติว่างอันเงียบเชียบซึ่งร่างเทพโบราณนอนอยู่มานานหลายทศวรรษ หากซูมเข้าไปในดาวที่สี่ของจำนวนแปดดาว ก็จะเห็นว่ามีคนผู้หนึ่งนั่งอยู่ตรงนั้น!
เขาคือนักปราชญ์วัยกลางคน ดูธรรมดาแต่แฝงกลิ่นอายโอหังยิ่ง ราวกับนั่งนิ่งไม่เคลื่อนไหวอยู่ที่นี่มานานมาก
ชื่อเขา คือ ปรมาจารย์หวู่จี…