Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1149

Cover Renegade Immortal 1

1149. ควบคุมและเคลื่อนกำลัง

แผ่นดินแห่งนี้บนแผนที่ดวงดาวนามว่าวานรเผย มีภูเขามากมายทั้งปรากฏและหายไปในสายหมอก เสียงคำรามของอสูรดุร้ายก็ออกมาจากภูเขาเหล่านั้น

เหล่าเมืองรกร้างนั้นถูกซ่อนไว้ทุกที่ในสายหมอกอย่างเงียบๆแสดงให้เห็นว่าในอดีตแผ่นดินนี้มันเคยรุ่งเรืองแค่ไหน

ทว่าตอนนี้มันเป็นแค่ซากปรักหักพัง ชื่อเสียงในอดีตเลือนหาย ที่เหลืออยู่เป็นแค่ร่องรอยแห่งกาลเวลา

ท่ามกลางเหล่าอสูรดุร้าย มีพวกที่อยู่กันเป็นกลุ่มและมีพวกที่ชอบอยู่โดดเดี่ยวด้วย

ตอนนี้ภูเขาลูกหนึ่ง เสียงคำรามของอสูรรุนแรงที่สุดจนแม้แต่สายหมอกก็ซ่อนไว้ไม่ได้

ภูเขาแห่งนี้เป็นสีดำสนิท ยอดภูเขาสูงแทงเหมือนกระบี่ทะลุเข้าไปในท้องฟ้า วานรยักษ์สูงประมาณร้อยฟุตกำลังเคลื่อนไหวอยู่ในภูเขา พุ่งเข้าหายอดเขาอย่างสิ้นหวัง

มีวานรยักษ์สีดำตัวหนึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิเหมือนมนุษย์ มันสูงไม่น้อยกว่าพันฟุต แขนหนาเท่าต้นสนเก่าแก่หลายคนโอบ

ตรงที่มันนั่งอยู่มีเพียงต้นไม้สีม่วงยักษ์ขนาดเท่าลูกวัว ต้นไม้แทบแห้งเหี่ยวไปหมดราวกับมันอยู่มานานเกินไป ทว่ามันไม่ได้ตายแค่มีใบไม้ร่วงหล่นจำนวนมากเท่านั้น

เรื่องประหลาดก็คือใบไม้ของต้นไม้เป็นสีขาวหิมะ เส้นใบเห็นได้ชัดมากราวกับสร้างขึ้นจากผลึก มีผลไม้ขนาดเท่าสองกำปั้นผสมกันเป็นสีขาวและดำช่างดูน่าประหลาด

วานรยักษ์ลืมตาขึ้นมาส่องสว่างเจิดจ้าดุจเปลวเพลิงสองจุด ดวงตาเรืองรองดุร้ายแทงทะลุผ่านสายหมอก ร่อนลงบนร่างสีขาวที่ถูกอสูรดุร้ายจำนวนมากล้อมรอบเอาไว้ในระหว่างยอดเขา

เมื่อมันมองหวังหลิน หวังหลินสะบัดแขนปรากฏสายลมสีดำทมิฬขึ้นมาปลิดชีวิตวานรยักษ์หลายสิบตัวในทันที หวังหลินเงยศีรษะขึ้นมาและพบกับสายตาเย็นเยียบ

กรรร!

เสียงร้องคำรามสั่นสะเทือนสวรรค์ผุดออกมาจากยอดเขา อสูรดุร้ายรอบตัวหวังหลินเพิ่มมากขึ้น คลื่นกลิ่นเหม็นพัดใส่หวังหลิน พวกมันต้องการฉีกกระชากร่างเขาเป็นชิ้นๆและกลืนกินวิญญาณ

หวังหลินมองอสูรดุร้ายเบื้องหน้าด้วยท่าทีสงบนิ่ง เขาพุ่งไปข้างหน้าและเปลี่ยนเป็นลำแสงพุ่งหายอดเขา

ในท้องฟ้ามีอสูรยุงมากกว่าสิบตัวร้องคำราม รอบๆตัวมีอสูรคล้ายเหยี่ยวส่งกลิ่นอายดุร้ายและเริ่มต่อสู้เป็นตายกับอสูรยุง

หวังหลินเคลื่อนตัวไปข้างหน้า อสูรทั้งหมดที่ขวางทางถูกเขาสะบัดแขนระเบิดกลายเป็นหมอกโลหิตทั้งหมด ยื่นแขนออกไปเปิดมิติเก็บของให้กระบี่เหินลอยออกมา กระบี่เหินลอยเป็นวงรอบหวังหลินเป็นค่ายกลกระบี่ เขาไล่สังหารไปตามรายทางขึ้นไปบนภูเขาโดยไม่หยุดชะงักเลย

มองไกลๆจะเห็นเส้นสีขาวเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงสุดจนกลายเป็นสายโลหิตเข้าใกล้ยอดเขา

วานรยักษ์ที่กำลังนั่งอยู่ตรงนั้นเผยสายตาดุดันและยืนขึ้น ทั้งภูเขาสั่นเทาและมันพุ่งลงหาหวังหลินทันที มันไม่ได้ช้าไปกว่าหวังหลินเลย พริบตาเดียวทั้งสองก็กำลังจะปะทะกัน

วานรทมิฬกระแทกแขนขวาลงไปอย่างจัง ทว่าร่างหวังหลินหายวับไปอย่างไร้ร่องรอยทำให้เจ้าวานรพลาดเป้า มันเห็นหวังหลินปรากฏตัวอีกครั้งด้านข้างต้นไม้ยักษ์บนยอดเขา

รูม่านตาเจ้าวานรยักษ์หดเล็กลงและร้องคำราม มันกวัดแกว่งแขนขวาส่งลมกรรโชกคล้ายเป็นส่วนหนึ่งกับโลกใบนี้เข้าหาหวังหลิน

หวังหลินส่งแขนขวาลงไปบนต้นไม้ยักษ์และตบใส่เบาๆ ต้นไม้ยักษ์หายวับไปพร้อมกับรากมันตกอยู่ในมิติเก็บของหวังหลิน

นาทีที่สายลมกรรโชกมาถึง หวังหลินใช้แขนซ้ายสร้างผนึกชี้ไปข้างหน้า พลังสังหารหลายเส้นสายปรากฏขึ้นมาก่อเกิดเป็นพายุสังหารรอบตัว พลังสังหารส่งเสียงคร่ำครวญพุ่งเข้าหาสายลมกรรโชก

เสียงดังสนั่นกึกก้อง สายลมกรรโชกพังทลายในทันที พลังสังหารไม่หยุดแค่นั้นก่อนจะกระแทกเข้าใส่เจ้าวานรยักษ์

วานรยักษ์ส่งเสียงคำรามสั่นสะเทือนสวรรค์ พลังสังหารปะทะใส่ร่างกายมันทำให้โลหิตสาดกระเซ็น ร่างปลิวขึ้นไปบนอากาศ

หวังหลินเงยศีรษะขึ้นพลันดวงตาส่องสว่าง ร่างเคลื่อนไหวดุจอุกกาบาตและเข้าใกล้วานรยักษ์ในพริบตา ชี้จุดใส่ร่างวานรยักษ์หลายครั้ง!

ทุกครั้งที่ดัชนีร่อนลงไป เจ้าวานรยักษ์จะส่งเสียงคำรามโหยหวนและสั่นเทา ทุกครั้งที่ดัชนีหวังหลินประทับจะเกิดหลุมใหม่ขึ้นบนร่างวานร โลหิตจำนวนมากสาดออกมาย้อมรอบด้านให้แดงฉาน

พลังดั้งเดิมหลายเส้นสายเข้าสู่วานรยักษ์ผ่านดัชนีของหวังหลินและก่อเป็นผนึก

หวังหลินถอนดัชนีกลับมาและเอ่ยเสียงเย็นชา “เจ้าจะยอมกลายเป็นอสูรวิญญาณของข้าไหม?” เขาอยู่แผ่นดินป่าแห่งนี้มาเจ็ดวันแล้ว สังหารอสูรไปมากมายและรวบรวมสมุนไพรไปจำนวนมาก

อสูรบางตัวสามารถใช้วิชาและต่อสู้กับเซียนได้ มีอสูรระดับห้าหลายตัวที่สามารถเทียบเคียงได้กับเซียนขั้นส่องสวรรค์แต่พวกมันก็ถูกหวังหลินสังหารนำวิญญาณไปอยู่ดี

วานรยักษ์ตัวนี้เป็นอสูรระดับห้าเช่นกันแต่มันมีร่างกายเหนียวมาก แม้จะถูกหวังหลินทำร้ายไปหลายครั้งมันแค่บาดเจ็บสาหัสและไม่ตาย แม้กระทั่งเหล่าอสูรระดับห้ามันถือว่าอยู่ในจุดสูงสุดและสามารถบรรลุระดับหกเวลาไหนก็ได้ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมหวังหลินต้องการเลี้ยงดูมัน

หวังหลินได้รับคำตอบเป็นเสียงร้องคำรามรุนแรงยิ่งขึ้นพร้อมกำปั้นจากแขนซ้ายเจ้าวานร กำปั้นของมันสร้างพายุกรรโชกและแฝงกลิ่นอายจางๆของกำปั้นเทพโบราณ นี่แสดงให้เห็นว่าเจ้าวานรตัวนี้แข็งแกร่งแค่ไหน

หวังหลินขมวดคิ้ว เขาไม่ได้ผสานเข้ากับร่างดั้งเดิมดังนั้นร่างกายจึงไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนเจ้าวานรทมิฬ หวังหลินพ่นลมหายใจเย็นและกำลังจะหลบเลี่ยงแต่วินาทีนั้นด้วยเหตุผลบางอย่าง ฉากเหตุการณ์ที่ชายชรากำลังใช้ฝ่ามือเข้าขัดขวางท่อนแขนเทพโบราณปรากฏขึ้นในใจ!

หวังหลินขบคิดเงียบๆพลางเผชิญหน้ากับสายลมกรรโชก เขาสงบนิ่งมาก พลังดั้งเดิมทั้งหมดในร่างเคลื่อนเข้าหาฝ่ามือและรวมกันจนทำให้เกิดเสียงดังสนั่น เขาหลับตาลง ฉากเหตุการณ์ที่ชายชราหยุดแขนของต้าเสินฉายขึ้นมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า หวังหลินค่อยๆรู้สึกเข้าใจ

ดั่งเช่นตอนที่เขารู้แจ้งจากประทับฝ่ามือในแดนสวรรค์พิรุณ บนแผ่นดินป่าแห่งนี้ ในสายหมอกนี้ เขากำลังเผชิญสถานการณ์เดียวกันกับที่ชายชราต่อสู้กับต้าเสิน

หวังหลินเคยเห็นขั้นที่สามมาก่อนและได้รับประสบการณ์ขั้นที่สามด้วยการช่วยเหลือของฉิงหลิน ทั้งหมดนี้ทำให้หวังหลินได้เริ่มรับรู้ความเข้าใจต่อวิชาที่ชายชราใช้ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นของขั้นที่สาม

สายลมกรรโชกพัดเสื้อผ้าหวังหลินกระพือไปด้านหลัง เจ้าวานรยักษ์จับสองแขนกำลังจะกระแทกหวังหลิน หวังหลินลืมตาขึ้นมาวางฝ่ามือตนเองบนแขนวานรเบาๆซึ่งมาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว

พลังรุนแรงผุดออกมาจากแขนและปะทะกับพลังดั้งเดิมในฝ่ามือหวังหลิน เสียงดังสนั่นคับฟ้า เสื้อผ้าพลิ้วไหวรุนแรงในสายลม เส้นผมสีขาวพลิ้วไปด้านหลัง ทว่าร่างกายไม่เคลื่อนไหวเลยสักนิ้วเดียว!

ร่างวานรยักษ์สั่นเทาไปด้วย มันรู้สึกเหมือนท่อนแขนปะทะกับสายหมอกและไม่รู้สึกสัมผัสเลยด้วยซ้ำ ร่างกายมันสั่นเทาแทนและรู้สึกเจ็บปวดอธิบายไม่ได้ทันที

หวังหลินดวงตาส่องสว่างขึ้นพร้อมกับการกระทำของชายชราเล่นซ้ำไปมาตลอดเวลาอยู่ในใจจนกระทั่งแทบกลายเป็นธรรมชาติ เขายกแขนซ้ายขึ้นโดยไม่รู้ตัวและชี้ใส่หลังฝ่ามือขวา!

ทุกครั้งที่ปลายนิ้วร่อนลงไป พลังดั้งเดิมรวมกันจากในโลกและควบแน่นในฝ่ามือ พอชี้ครั้งที่สามใบหน้าหวังหลินจึงแดงเล็กน้อยแต่ดวงตาส่องสว่างและร้องคำราม

ตึงตัง ตึงตัง ตึงตัง!

วานรยักษ์ถอยทันที โลหิตจำนวนมากพุ่งออกมาจากท่อนแขน รอยประทับฝ่ามือตราตรึงไว้บนแขนมันอย่างชัดเจนพร้อมกับรอยแตกร้าวสามแห่ง รอยแตกร้าวเริ่มแพร่กระจายออกไปบนแขนวานรยักษ์

รอยแตกร้าวแพร่กระจายไปอย่างต่อเนื่อง เสียงดังสนั่นและโลหิตสาดกระจายทุกที่

หวังหลินดวงตาสว่างเจิดจ้า เขาไม่ได้มองวานรยักษ์แต่มองแขนขวาที่แฝงความเข้าใจ หวังหลินไม่รู้ว่ามันชื่อวิชาอะไรแต่รู้สึกเลือนลางเหมือนคว้าอะไรบางอย่างได้ ตอนนี้เขาไม่ได้ใช้พลังดั้งเดิมของตัวเอง แต่ใช้พลังในโลกเพื่อควบคุมมันแทน!

การควบคุมพลังดั้งเดิมของโลกด้วยกำลังจำเป็นต้องใช้พลังดั้งเดิมจากทุกทิศทางเพื่อสร้างเป็นการโจมตีอันเกรี้ยวกราด!

เสียงร้องโศกเศร้าขัดความคิดหวังหลิน ดวงตาเจ้าวานรยักษ์เต็มไปด้วยความหวาดกลัว มันมองรอยแตกร้าวสามแห่งที่กำลังแพร่กระจายในร่าง เจ้าวานรรู้สึกเหมือนกำลังจะถูกฉีกกระชากเป็นชิ้นๆ

ในจังหวะอันตราย วานรยักษ์เริ่มเรืองแสงสีขาว ภายใต้แสงสีขาวนั้นปรากฏวิญญาณมายาขึ้นเหนือศีรษะมัน

วิญญาณมายาพร่าเลือนแต่ดูเหมือนวานรที่มีรูปร่างมนุษย์ ดูเหมือนมันต้องการพุ่งออกไปจากร่างวานรและหนีไป!

พอเห็นเช่นนี้ดวงตาหวังหลินส่องสว่าง

“วิญญาณควบแน่นเป็นจิตวิญญาณ!” ตามที่หินหยกบอกกล่าว มันคือวิชาที่มีเพียงอสูรระดับหกเท่านั้นที่สามารถใช้ได้ ไม่คาดคิดว่าเจ้าวานรยักษ์ตัวนี้จะทะลวงผ่านได้ในชั่วจังหวะความเป็นความตาย

หวังหลินก้าวไปข้างหน้าและมาถึงเบื้องหน้าเจ้าวานรยักษ์ในพริบตา จากนั้นกระแทกแขนขวาลงไป วิญญาณเจ้าวานรถูกผลักดันกลับไปในร่าง

หวังหลินจ้องดวงตาวานรยักษ์และเอ่ยสงบนิ่ง “กลายเป็นอสูรวิญญาณของข้าซะ”

ร่างเจ้าวานรสั่นเทา ดวงตาหวาดกลัว มันมีสติปัญญาอยู่แล้วและเข้าใจคำพูดหวังหลิน จากนั้นพยักหน้า

หวังหลินใช้แขนขวาตีใส่วานรยักษ์ รอยแตกร้าวบนร่างมันหายไปทันที ขณะเดียวกันแขนขวาสร้างเป็นผนึกควบคุมอสูรประทับบนวานรยักษ์ ผนึกร่อนลงตรงกลางหน้าผากมันและหายไปทันที

นาทีนี้เจ้าอสูรยุงสังหารอสูรรูปร่างวิหคในท้องฟ้าไปหมดแล้วและกำลังบินวนอยู่ข้างๆวานรยักษ์ หวังหลินนั่งลงบนไหล่วานรและมองไปข้างหน้า

วานรยักษ์ส่งเสียงร้องคำรามพุ่งออกไปไกลดุจอุกกาบาต!

…………………………

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!