Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1159

Cover Renegade Immortal 1

1159. อำนาจ

พลังดั้งเดิมภายในระยะห้าสิบลี้ถูกดึงเข้ามาแต่มันยังไม่พอ!

ร่างท่อนบนหวังหลินสร้างขึ้นมาแล้วและท่อนล่างกำลังสร้างใหม่ พลังดั้งเดิมพรั่งพรูเข้าไปอย่างต่อเนื่องโดยถูกดึงออกมาจากพื้นที่รัศมีห้าร้อยลี้

วังวนยักษ์ปั่นป่วนพลังดั้งเดิมและหมอกดวงดาวในพื้นที่แต่การขยายยังไม่จบแค่นี้ หากเทียบกับแผ่นดินโม่หลัว ระยะห้าร้อยลี้มันเล็กน้อยมาก!

พันห้าร้อยลี้ สองพันห้าร้อยลี้ ห้าพันลี้ หมื่นห้าพันลี้…ห้าหมื่นลี้ แสนห้าหมื่นลี้…ห้าแสนลี้!!

สายหมอกและพลังดั้งเดิมภายในระยะห้าแสนลี้ของแผ่นดินโม่หลัวกำลังปั่นป่วนและพุ่งเข้าหาพื้นที่แถบนี้!

มีน้อยคนมากในทะเลเมฆาจะรู้ว่าสายหมอกดวงดาวนี้มาจากไหน ราวกับสายหมอกนี้คงอยู่มาเสมอ หากมองย้อนกลับไปคงจะรู้ว่าก่อนที่แดนสวรรค์จะล่มสลาย ตอนที่มีแดนสวรรค์โบราณ สายหมอกนี้ก็ยังมีอยู่

หมอกดวงดาวคืออะไรกันแน่เป็นคำถามที่ยากเกินอธิบายสำหรับเซียนในทะเลเมฆา พวกเขารู้แต่เพียงว่าเพราะสายหมอกนี้ทะเลเมฆาจึงเต็มไปด้วยอสูรดุร้าย!

หวังหลินไม่รู้ว่าสายหมอกดวงดาวคืออะไร แต่ขณะที่หมอกผสานเข้ากับกระดูกสร้างใหม่ของเขา หวังหลินเกิดความรู้สึกประหลาดแต่หาสาเหตุไม่ออก

ขณะที่พลังดั้งเดิมภายในระยะห้าแสนลี้พุ่งเข้าหา ขาทั้งสองหวังหลินก็เริ่มสร้างขึ้นใหม่ ความเร็วการเติบโตมากกว่าหายนะกระดูกเสียอีก ชั่วขณะต่อมาขาซ้ายก็ได้สร้างขึ้นแล้ว!

ขาขวาสร้างขึ้นมาเช่นเดียวกันในเวลาไม่นาน หลังจากกระดูกทั้งหมดในร่างสร้างขึ้นมาใหม่ หายนะกระดูกจึงหายไป!

ทว่าหายนะยังไม่จบสิ้น หลังจากกระดูกถูกฟื้นฟูกลับมา เริ่มปรากฏเส้นเอ็นและเลือดเนื้อขึ้นรอบๆกระดูก

ในจังหวะที่ปรากฏเลือดเนื้อ มันก็สลายไปทันที หายนะเลือดเนื้อมาถึงก่อนแล้ว เป้าหมายของมันคือขจัดร่างกายเขาให้สลายออกไป

หวังหลินเตรียมพร้อมเหตุการณ์นี้ไว้แล้ว เมื่อปรากฏหายนะเลือดเนื้อ ร่างอวตารปาดโลหิตจากมุมปากและเปิดมิติเก็บของ

ผลึกโลหิตขนาดเท่ากำปั้นที่เขาได้มาจากดินแดนเทพโบราณลอยออกมา หวังหลินใช้ไปแล้วบางส่วนเพื่อช่วยร่างดั้งเดิมให้รักษาร่องรอยพลังชีวิตเอาไว้ เขากำลังจะใช้ที่เหลือตอนนี้

ผลึกโลหิตลอยออกไปตกลงบนกระดูกหวังหลิน วินาทีนั้นมันก็แทรกซึมเข้าไปในกระดูก

ตอนที่หวังหลินนำผลึกโลหิตออกมา เหล่าอสูรดุร้ายทั้งหมดหยุดล่าถอย พวกมันหันมามองแผ่นดินและเริ่มร้องคำราม ในแววตาแฝงความบ้าคลั่งราวกับผลึกโลหิตคืออาหารชิ้นโปรด ตราบใดที่พวกมันได้กลิ่นจะยินยอมทำอะไรก็ได้เพื่อได้มา

เนื่องด้วยเสียงคำรามดำเนินต่อไป อสูรดุร้ายเหล่านี้จึงเปลี่ยนทิศทางและพุ่งหาแผ่นดินโม่หลัวทันที ท่ามกลางพวกมันมีทั้งอสูรระดับห้า ระดับหกและระดับเจ็ด ทั้งหมดดูเหมือนพุ่งลงไปด้านล่างอย่างบ้าคลั่ง

เซียนสำนักต้นกำเนิดตกตะลึงกับเหตุการณ์นี้ พวกเขาได้สติตอนที่พวกอสูรพุ่งลงไป

หลังจากร่างดั้งเดิมของหวังหลินดูดซับผลึกโลหิตไปแล้ว เส้นโลหิตหลายสายปรากฏเหนือกระดูก พลังดั้งเดิมและหมอกดวงดาวพรั่งพรูเข้าไป ร่างเนื้อเริ่มก่อตัวไปพร้อมกับเส้นโลหิต

นาทีนั้นเสียงคำรามของเหล่าอสูรดุร้ายเข้ามาในพื้นดิน ดวงตาร่างอวตารเผยจิตสังหาร ส่วนร่างดั้งเดิมเรืองแสงน่ากลัวไปด้วย

ร่างดั้งเดิมเกิดเสียงแตกร้าวพลางหดลงจากสามพันฟุตให้เหลือขนาดเท่าคนธรรมดา ร่างอวตารพุ่งออกไปและผสานเข้ากับร่างดั้งเดิมอีกครั้ง!

หวังหลินมองขึ้นและพุ่งออกไปจากพื้นดินพร้อมเสียงปะทุดังกึกก้อง!

เมื่อพุ่งออกมาจากใต้ดิน อสูรดุร้ายทั้งหมดพุ่งเข้าหาเขาอย่างบ้าคลั่ง แววตาหวังหลินกะพริบวาบเย็นเยียบพลางปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าอสูรคล้ายปลาหมึกและโยนกำปั้นขวาออกไป

ปัง!

ร่างอสูรตัวนั้นสั่นสะท้าน โลหิตสาดกระจายกลายเป็นหมอกโลหิต แม้แต่วิญญาณก็แตกสลายไปด้วย แต่ปรากฏพลังล่องหนขึ้นมาและเข้าไปในร่างหวังหลิน

พลังล่องหนนี้คือพลังชีวิตของอสูรดุร้ายและเป็นสิ่งที่หวังหลินต้องการมากที่สุด!

เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าร่างดั้งเดิมเริ่มก่อตัวเร็วขึ้นกว่าตอนที่พลังชีวิตเข้าสู่ร่างกาย หวังหลินรีบพุ่งไปด้านข้างอสูรอีกตัวและโยนกำปั้นใส่ เขาโยนกำปั้นออกไปรอบๆพร้อมเกิดเป็นภาพลวงตา หวังหลินทำให้เกิดสายฝนโลหิตตกลงบนแผ่นดินโม่หลัว!

อสูรดุร้ายพวกนั้นต้องการกลืนกินผลึกโลหิตที่หวังหลินดูดซับ แต่ก่อนที่มันจะทำได้สำเร็จ พวกมันทั้งหมดระเบิดกันไปทีละตัว เสียงดังสนั่นคับฟ้าไปทั่ว

หวังหลินก้าวเท้าปรากฏตัวด้านข้างอสรพิษยักษ์ตัวหนึ่ง ขณะที่มันอ้าปากจะกลืนกินหวังหลิน กำปั้นหวังหลินร่อนลงบนปากมันเรียบร้อยแล้ว เสียงปะทุดังกึกก้องจากนั้นพลังชีวิตเจ้าอสรพิษเข้าสู่ร่างหวังหลินและปากมันก็ระเบิดกระจุย

เพียงช่วงเวลาสั้นๆเหล่าอสูรดุร้ายมากกว่าร้อยตัวตายตกกันไป หลังจากดูดซับพลังชีวิตพวกมันมาได้ หวังหลินเกิดความรู้สึกอบอุ่นในร่างกาย ดวงตาจึงส่องสว่างและพุ่งออกไปอีกครั้ง

เหล่าอสูรระเบิดกันไปทีละตัว ตอนที่เซียนรอบด้านที่กำลังซ่อนตัวอยู่เห็นแบบนี้พวกเขาต่างก็ตกตะลึงกันไปหมด โดยเฉพาะลี่เซียงตงและพรรคพวก แต่หลิวหยานเฟยดีกว่าคนอื่นเพราะนางเตรียมการว่าจะเกิดอะไรขึ้น

กระนั้นลี่เซียงตงก็เริ่มตกตะลึง สองผู้อาวุโสด้านข้างอ้าปากค้างเป็นแถว

“อาจารย์ลุง…เขา…เขาคืออาจารย์ลุง…นั่นมันอสูรระดับหกแต่กลับถูกอาจารย์ลุงสังหารในหมัดเดียว!”

วินาทีนั้นเสียงคำรามอสูรตัวหนึ่งดังออกมาไกล ตรงปลายเส้นขอบฟ้ามีอสูรรูปร่างสิงโตขนาดสองพันฟุตคลุมทั้งตัวด้วยหนามแหลมพุ่งออกมา

อสูรรอบด้านทั้งหมดกระจายตัวราวกับไม่อยากเข้าไปใกล้

“อสูรสิงโตกระบี่ระดับแปด!” ลี่เซียงตงขมวดสายตา สองผู้อาวุโสลอบอุทาน แม้แต่หลิวหยานเฟยยังสูดหายใจลึกและเผยท่าทีเคร่งเครียด

หวังหลินพลันเงยศีรษะขึ้นมา ดวงตาเปล่งประกาย เบื้องหน้าสายตาเซียนทุกคน เขาพุ่งออกไปในท้องฟ้าเข้าหาเจ้าอสูรระดับแปดทรงอำนาจตัวนี้ดุจก้อนอุกกาบาต

หวังหลินเคลื่อนที่เร็วยิ่งกว่าสายฟ้า ยามที่เข้าไปใกล้เจ้าสิงโต หวังหลินเตะเท้าซ้ายเข้าใส่อย่างรุนแรง

เสียงคำรามสั่นสะเทือนสวรรค์ดังกึกก้องพร้อมกับร่างเจ้าอสูรทรงอำนาจตัวนั้นสั่นเทาและระเบิดกลายเป็นหมอกโลหิต พลังชีวิตจำนวนมากเข้าไปในร่างหวังหลิน เขายืนอยู่ตรงนั้นดุจเทพเจ้า มีความสุขกับพลังชีวิตจำนวนมหาศาลของอสูรระดับแปด!

รอบด้านเงียบกริบ ความโลภจากอสูรดุร้ายรอบด้านพลันหายไปและถูกความกลัวเข้าแทนที่ เซียนทั้งหมดจ้องมองฉากเหตุการณ์นี้อย่างแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง

“ระดับแปด…” ลี่เซียงตงตกตะลึง ความคิดขาวโพลน สองผู้อาวุโสด้านข้างตกตะลึงตาค้าง

…………………………

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!