Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1166

Cover Renegade Immortal 1

1166. คำโกหกของสวรรค์

ไม่มีเซียนคนใดในสำนักต้นกำเนิดสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นในลานทิศใต้ได้ ลานทิศใต้เป็นพื้นที่ต้องห้าม ดังนั้นจึงไม่มีศิษย์คนไหนกล้าเข้าไป แม้กระทั่งหลิวหยานเฟยและผู้อาวุโสคนอื่นๆจะเข้าไปได้ต้องถูกเรียกเท่านั้น พวกเขาไม่กล้าขัดคำสั่ง

หลังจากฆ่าอสูรระดับแปดได้ในพริบตาและไล่พวกสำนักเซียนระดับหกไป หวังหลินเป็นเหมือนบรรพชนของศิษย์สำนักต้นกำเนิด พวกเขาเต็มไปด้วยความเคารพและเทิดทูนต่อหวังหลิน

ลั่วหยุนคงจับจ้องหวังหลินด้วยสีหน้าท่าทางบิดเบี้ยวยิ่ง เขาตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เบื้องหน้าสายตาชายชุดขาวคนนี้เขาไม่สามารถก้าวข้างหน้าหรือถอยหลังได้ หากเขาก้าวไปข้างหน้าจะรู้สึกเหมือนโลกล่มสลาย แต่หากก้าวถอยหลังเต๋าของเขาจะล่มสลาย ราวกับเต๋าของเขาเป็นแค่ของเด็กเล่นเบื้องหน้าฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น

เหงื่อเม็ดโป้งผุดออกมาจากหน้าผาก ลั่วหยุนคงไม่เคยเจอคนที่มีเต๋าแบบนี้มาก่อน ทุกอย่างเป็นเหมือนภาพลวงตาแต่หากอีกฝ่ายต้องการ ทุกอย่างก็เป็นจริงได้

เขาเกิดความรู้สึกกระทั่งว่าโลกใบนี้สามารถเปลี่ยนไปได้ตามที่อีกฝ่ายต้องการ

‘หากเขานั่งอยู่ที่นี่ เขาก็คือเต๋า!’ ความคิดประหลาดเกิดขึ้นในใจลั่วหยุนคง

คำพูดของหลี่เฉียนเหมยดังออกมาในจังหวะนี้ น้ำเสียงนางไพเราะและบางเบา มีกระทั่งสัมผัสงดงามที่ทำให้ผู้คนใจเย็นลง ยามที่สายตาหวังหลินเลื่อนจากลั่วหยุนคงมาที่หลี่เฉียนเหมยลั่วหยุนคงถึงกับถอนสายใจอย่างโล่งอก ก้าวถอยหลายก้าวและสีหน้ามืดมัว

หวังหลินมองหลี่เฉียนเหมยด้วยความสงบนิ่ง ระดับบ่มเพาะของนางล้ำลึก แม้จะซ่อนระดับบ่มเพาะของตัวเองเอาไว้หวังหลินก็ยังมองออกว่านางเป็นเซียนขั้นทลายสวรรค์

“สหายเซียนเป็นใคร?” แววตาหวังหลินสงบนิ่งแต่ในใจเริ่มคิด

สายลมอ่อนโยนพัดลอยมาทำให้เส้นผมหลี่เฉียนเหมยสะบัดมาเบื้องหน้า นางดึงผมพวกนั้นไว้หลังหูพลางมองหวังหลินและเอ่ยขึ้นเบาๆ

“หลี่เฉียนเหมย สำนักทะลวงสวรรค์!”

จิตใจหวังหลินเกิดการเคลื่อนไหวแต่สีหน้าไม่เปลี่ยนไป “ทำไมสหายเซียนหลี่ถึงมาที่นี่?”

หลี่เฉียนเหมยหัวเราะพลางขยิบตาและยิ้มออกมา “ข้ามาถามพี่อาวุโสเพื่อช่วยขจัดความสงสัยของเฉียนเหมย”

“ทำไมข้าถึงควรขจัดข้อสงสัยให้เจ้า?” หวังหลินเอ่ยคำพูดสงบนิ่ง

หลี่เฉียนเหมยยังมีสีหน้าท่าทางสงบนิ่ง ขบคิดเล็กน้อยแล้วจึงตอบออกมา “เฉียนเหมยสามารถเล่นขลุ่ยให้ท่านฟังได้หนึ่งเพลง”

หวังหลินขมวดคิ้ว “ข้าไม่ต้องการ!”

เฉียนเหมยยิ้มและเอ่ยขึ้นอีก “เฉียนเหมยสามารถแก้ปัญหาของท่านกับสำนักเต๋าม่วงได้”

“ข้าไม่ต้องการ!”

หลี่เฉียนเหมยมองหวังหลินอย่างลำบากใจ “พี่เต๋าดูเหมือนจะเข้าใจผิดไป เฉียนเหมยพึ่งเจอพี่ลั่วและพึ่งมาด้วยกัน ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อสู้กับพี่เต๋า เฉียนเหมยจะไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องท่านกับสำนักเต๋าม่วง ข้าเพียงอยากจะถามท่านสามคำถามที่ข้ามีมานานแล้ว ข้าไม่มีเจตนาอื่น” หายากนักที่หลี่เฉียนเหมยจะอธิบายรายละเอียดแบบนี้ นางเห็นว่าหวังหลินคิดว่านางมาพร้อมกับลั่วหยุนคง ดังนั้นจึงอธิบายทุกอย่าง

หลังจากมองหลี่เฉียนเหมยเล็กน้อย หวังหลินขมวดคิ้วและถามออกไป “ข้อสงสัยแบบไหน?”

“มันเกี่ยวกับเต๋า” หลี่เฉียนเหมยยิ้ม

หวังหลินเอ่ย​“หนึ่งข้อสงสัยต่อของหนึ่งอย่าง”

ยามที่ลั่วหยุนคงได้ยินแบบนี้เขาถึงกับเผยรอยยิ้มบิดเบี้ยว เขาไม่คิดที่จะขอสิ่งของ ตนเองอยากจะฟังเพลงที่นางเล่นโดยมีเจตนาที่ดีมากกว่า

หลี่เฉียนเหมยตกตะลึงเช่นเดียวกัน นางหัวเราะและพยักหน้า “หากพี่เต๋าสามารถขจัดข้อสงสัยของเฉียนเหมยได้ นั่นถือว่าเป็นไปได้”

หวังหลินก้มศีรษะลงมองเม็ดยาระดับแปดในมือและเอ่ยขึ้นอย่างสงบนิ่ง “ถามมา!”

“พี่เต๋า คำถามแรกของเฉียนเหมย: สวรรค์คืออะไร?” หลี่เฉียนเหมยดวงตาส่องสว่าง คำตอบที่น่าพอใจที่สุดที่นางได้ยินคือลั่วหยุนคงที่บอกว่าสวรรค์คือกรงขัง ตอนนี้นางอยากจะรู้จริงๆว่าชายชุดขาวดูธรรมดาคนนี้จะตอบว่าอะไร

ไม่เพียงแต่นางจะคาดหวัง แม้แต่ลั่วหยุนคงก็เคร่งเครียดด้วย เขาอยากรู้ว่าคนที่มีเขตแดนแห่งเต๋าทรงพลังระดับนี้จะตอบคำถามว่าอะไร ลั่วหยุนคงคิดว่าคำตอบของตนเองสมบูรณ์แบบไม่เช่นนั้นเขาคงไม่เป็นคนแรกที่ทำให้หลี่เฉียนเหมยถามคำถามที่สอง

หลังจากได้ยินคำถามของหลี่เฉียนเหมย หวังหลินยิ้มออกมา เขามองหลี่เฉียนเหมยแต่ไม่ได้พูดออกไป

พอเห็นรอยยิ้มของหวังหลิน หลี่เฉียนเหมยงุนงงยิ่งแต่นางไม่ได้เร่งรีบ ดังนั้นจึงรอให้หวังหลินตอบ ลั่วหยุนคงขมวดคิ้ว เขาไม่รู้ว่าทำไมชายชุดขาวถึงยิ้มออกมาหลังจากได้ยินคำถามนี้ ที่ลั่วหยุนคงเห็นมันคือรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยการเยาะเย้ยและถากถาง

หวังหลินส่ายศีรษะและถามต่อ “ถามคำถามที่สอง”

ลั่วหยุนคงมองหวังหลินและเอ่ยขึ้นมา “ท่านไม่ได้บอกนางว่าสวรรค์คืออะไร!”

หวังหลินมองลั่วหยุนคงและเอ่ยอย่างลวกๆ “โอ้? แล้วเจ้าคิดว่าสวรรค์คืออะไร?”

“สวรรค์คือกรงขัง! การเปิดกะลาก็คือสวรรค์! ผิวน้ำคือสวรรค์!” คำพูดของลั่วหยุนคงนั้นสงบนิ่งเต็มไปด้วยความมั่นใจ

หลี่เฉียนเหมยยังคงขมวดคิ้วอยู่ข้างๆและยังขบคิด นางไม่สามารถมองหวังหลินออกได้ ตอนที่นางได้ยินคำพูดของลั่วหยุนคง นางจึงเอ่ยขึ้นเบาๆ “เฉียนเหมยถามคำถามนี้กับเซียนไปจำนวนมากแต่พี่ลั่วให้คำตอบที่น่าเชื่อถือที่สุด ทำไมพี่เต๋าถึงหัวเราะ? คำถามของเฉียนเหมยมีอะไรผิดพลาดกระนั้นหรือ?”

หวังหลินมองหลี่เฉียนเหมย ผ่านไปสักพักเขาก็เอ่ยตอบ “มีสวรรค์ด้วยหรือ?”

หลังจากเขาตอบ หลี่เฉียนเหมยตกตะลึงอยู่กับที่ นางถามคำถามไปหลายคนแต่ไม่มีใครตอบแบบนี้ แม้แต่ลั่วหยุนคงยังต้องหรี่ตาและมองขึ้นไปบนฟ้าโดยไม่รู้ตัว

ลั่วหยุนคงพ่นลมหายใจเย็น “ไร้สาระ สวรรค์อยู่รอบๆตัวเรา ต้องไร้สาระแบบไหนถึงได้บอกว่ามีสวรรค์ด้วยหรือ!”

หลี่เฉียนเหมยขบคิดเล็กน้อยและเอ่ยออกมา “ที่ไหนถึงจะไม่มีสวรรค์?”

หวังหลินไม่ได้ตอบแต่ยกแขนขวาขึ้นแบะโบกสะบัด สายลมพัดผ่านลานกว้างปรากฏเป็นวงกลมบนพื้นรอบหลี่เฉียนเหมยและลั่วหยุนคง ราวกับมีคนวาดวงกลมหนึ่งวงรอบพวกเขา

“นี่คือวงกลมที่มีสวรรค์ที่เจ้าทั้งสองคิดว่ามีอยู่ เพราะเจ้าเชื่อว่ามันมีสวรรค์ สวรรค์จึงมีอยู่ ลองคิดว่าตัวเองเป็นมดที่ดิ้นรนทะลวงออกมาจากสวรรค์ กรงขังของเจ้าอันไหน นี่คือความเชื่อและความศรัทธาของเจ้า ถึงแม้เจ้าจะเดินออกมาจากวงกลม แล้วยังไงเล่า?”

หวังหลินส่ายศีรษะ สะบัดแขนขวาจากนั้นก่อเกิดวงกลมขึ้นอีกหนึ่งวงล้อมรอบอันเก่า

“เมื่อเจ้าออกมาก็ยังมีอีกหนึ่งสวรรค์ จากนั้นวงโคจรแห่งเวรกรรมดำเนินต่อไปไม่รู้จบจนกระทั่ง…กระทั่งสวรรค์ในใจเจ้าถูกสวรรค์ลบออกไป และนี่คือคำโกหกของสวรรค์! ข้าคิดเรื่องนี้ได้เมื่อหลายร้อยปีก่อน แล้วทำไมถึงต้องมีสวรรค์?”

หลังจากหวังหลินพูดจบ เขาก็นั่งลงและไม่พูดอีก

ลั่วหยุนคงร่างกายสั่นเทารุนแรงราวกับมีคนตีเข้ากลางศีรษะ สองหูอื้ออึงราวกับมีสายฟ้านับไม่ถ้วนระเบิดขึ้นในใจและก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว เขาก้าวออกมาจากวงแรกแต่ก็ยังอยู่ในวงที่สอง เขาจ้องมองวงกลมสองวงที่หวังหลินเอ่ยขึ้นสะท้อนในจิตใจ

‘คำโกหกของสวรรค์…’

ใบหน้าค่อยๆเริ่มซีดเผือด จิตใจเริ่มสับสนอลหม่าน เต๋าที่เขาบ่มเพาะมาตลอดชีวิตเริ่มแตกร้าว เขาต้องการหักล้างคำพูดชายชุดขาวแต่เขาไม่มีพลังอำนาจ

สองวงกลมนอกร่างเขาดูเหมือนขยายออกไปไม่มีที่สิ้นสุดและท้ายที่สุดก็กลายเป็นสวรรค์ในใจ เป็นกรงขัง เขาใช้ความพยายามทั้งหมดเพื่อออกไปจากกรงขังแรกเพียงเพื่อรู้ว่าเขายังอยู่ในอีกวง…

ความรู้สึกประหลาดนี้ทำให้เขาหน้าซีด โลหิตผุดออกมาจากมุมปาก เผยรอยยิ้มต่อต้านตัวเอง

หลี่เฉียนเหมยค่อยๆหลับตาและความคิดสั่นไหว คำพูดของหวังหลินดุจอักขระที่เต้นอยู่ในใจนางและค่อยๆสลักไว้ในใจ

เดิมทีนางคิดว่าความงุนงงสับสนในเต๋าของนางเป็นเสมือนก้อนเมฆ ไม่มีใครที่นางถามระหว่างทางทำให้มันกระจ่างขึ้นมาได้ มีเพียงคำพูดของลั่วหยุนคงที่เสมือนแสงทำให้ก้อนเมฆสลายได้เล็กน้อย

ทว่าตอนนี้นางเข้าใจแล้วว่าความเข้าใจแห่งเต๋าของลั่วหยุนคงเป็นแค่เรื่องไร้สาระ! นางตกอยู่ในคำโกหกของสวรรค์และไม่สามารถดึงตัวเองออกมาได้

น้ำเสียงหวังหลินเป็นเสมือนพายุ เปลี่ยนกลายเป็นมือล่องหนที่มองไม่เห็นสองข้าง กวาดผ่านความงุนงงสับสนและก้อนเมฆในใจนางทั้งหมดจนเผยให้เห็นท้องฟ้าสีคราม!

หลี่เฉียนเหมยลืมตาขึ้นพร้อมกับขนตาสั่นไหวเล็กน้อย นางมองหวังหลินอยู่นานและเผยความชื่นชม

หลี่เฉียนเหมยโค้งตัว “พี่เต๋าสามารถเอ่ยชื่อท่านได้หรือไม่?”

“หลิวจื่อฮ่าว” น้ำเสียยังคงนิ่งเฉยไร้การสั่นคลอน

“คำตอบของพี่หลิวทำให้เฉียนเหมยเข้าใจ เฉียนเหมยอยากจะถามคำถามที่สอง ข้าหวังว่าพี่หลิวสามารถขจัดความสงสัยของเฉียนเหมยให้กระจ่างได้…” หลี่เฉียนเหมยมองหวังหลินด้วยแววตาส่องประกาย

“สำหรับคำถามแรก ข้าอยากได้หนึ่งในเม็ดยาระดับสูงที่สุดที่เจ้ามี!” หวังหลินมองหลี่เฉียนเมย

หลี่เฉียนเหมยกะพริบตาและเผยรอยยิ้ม รอยยิ้มเล็กๆของหญิงสาวทำให้นางมีเสน่ห์มากแต่ในตอนนี้ลั่วหยุนคงกำลังคิดอย่างเจ็บปวดดังนั้นเขาจึงไม่เห็น หวังหลินเห็นแต่เขาไม่สนใจ

“พี่หลิวคาดผิดแล้ว เม็ดยาส่วนใหญ่ของเฉียนเหมยต่างก็สมบูรณ์ไปครึ่งส่วนและจำเป็นต้องกลับไปหลอมที่สำนัก เม็ดยาที่ข้ามีสูงที่สุดคือระดับสิบเท่านั้นและมันไม่ใช่เม็ดยามรณะแยกวิญญาณ แต่เป็นเม็ดยาฟื้นฟู ในเมื่อพี่หลิวขอ ข้าก็จะยกให้ท่าน” หลังจากหลี่เฉียนเหมยเอ่ยขึ้นมา นางยื่นแขนขวาเปิดมิติเก็บของ ส่งเม็ดยาหนึ่งให้หวังหลิน

หวังหลินขมวดคิ้วพลางรับเม็ดยาก่อนจะมองมันและเก็บกลับไป

“คำถามที่สองของเฉียนเหมย: สวรรค์คืออะไร?” หลี่เฉียนเหมยดวงตาเปล่งประกาย จิตใจเต้นกระดอนพลางรอคำตอบของหวังหลิน

นางไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนแม้แต่ตอนที่กำลังรอคำคอบของลั่วหยุนคงซึ่งไม่ได้มีระดับการคาดหวังแบบนี้

หลังจากได้ยินคำถามที่สองของหลี่เฉียนเหมย หวังหลินเงยศีรษะขึ้นมองบนท้องฟ้าสีคราม เอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าแฝงความเศร้า “คำถามแรกถามเกี่ยวกับข้อจำกัดของเต๋า คำถามที่สองกำลังถามเกี่ยวกับอำนาจแห่งสวรรค์…”

หลังจากเขาเอ่ยขึ้นมา ดวงตาหลี่เฉียนเหมยเป็นประกายยิ่งขึ้นและจับจ้องไปบนหวังหลิน เขาเป็นคนแรกที่นางเจอซึ่งสามารถเดาความหมายที่แตกต่างเบื้องหลังคำถามเดียวกันนี้ได้!

ลั่วหยุนคงสูดหายใจลึกและระงับความวุ่นวายในใจ หลังจากได้ยินคำพูดของหวังหลิน เขาถึงกับตกตะลึงแต่แล้วก็เข้าใจว่าทำไมเขาไม่มีคุณสมบัติตอบคำถามที่สามแม้จะรู้สึกว่าคำตอบของเขาสมบูรณ์แบบ

…………………………..

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!