1168. พื้นที่ลึกลับเบื้องหลังเขตระดับเก้า
แผ่นดินเพิ่งหลายมีชื่อเสียงมากในเขตระดับห้า ชื่อเสียงส่วนใหญ่มาจากสำนักหยกสมบัติ!
สำนักหยกสมบัติคือสำนักอันดับหนึ่งในเขตระดับห้า พวกเขามีเซียนจำนวนมากและมีเซียนเฒ่าจำนวนมากตามไปด้วย แผ่นดินที่พวกเขาอยู่เรียกกันว่าเพิ่งหลายแต่มันก็ถูกเรียกว่าแดนสวรรค์เพิ่งหลายไปด้วย
ขนาดของเพิ่งหลายกว้างใหญ่มากกว่าโม่หลัวหลายสิบเท่า เรียกเพิ่งหลายว่าแผ่นดินคงไม่เหมาะเพราะมันมีขนาดกว่าครึ่งดาวเคราะห์เซียน!
ในทะเลเมฆามีดาวเคราะห์เซียนอยู่น้อยมากและต่างก็หายากยิ่ง มีแต่สำนักที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่สามารถเป็นเจ้าของ
แม้แต่สำนักหยกสมบัติก็ไม่มีคุณสมบัติครอบครองดาวเคราะห์เซียนที่สมบูรณ์ พวกเขาครองได้เพียงครึ่ง! พวกเขาได้มาครึ่งดวงเพราะบรรพชนผู้หนึ่งเมื่อสองหมื่นปีก่อนที่ทำคุณงามความดีเอาไว้มากจึงถูกสำนักภูตระดับเก้ามอบให้
แม้กระทั่งตอนนี้ยังไม่มีเซียนระดับสูงกว่าคนใดโลภอยากได้ดาวเคราะห์เซียนที่สำนักหยกสมบัติตั้งอยู่
หากมองทะลุหมอกดวงดาวเข้าไป เพิ่งหลายดูเหมือนฟัน มีม่านพลังป้องกันหลายชั้นเรืองรองอยู่รอบๆ ผลักหมอกดวงดาวให้ออกไปและทำให้เพิ่งหลายส่องประกาย
นอกจากสำนักหยกสมบัติแล้ว ชื่อเสียงส่วนหนึ่งของเพิ่งหลายคือการประมูลที่เกิดขึ้นทุกสามสิบปี ทุกครั้งจะมีเซียนจำนวนมากรวมถึงเซียนที่มีชื่อเสียงจากเขตระดับสูงกว่าอยู่บ้าง หลายสิ่งหลายอย่างช่างมีชีวิตชีวา
การประมูลกินเวลามากกว่าสามเดือน นั่นหมายความว่ามีรายชื่อสมบัติครอบคลุมไปถึงเม็ดยา สูตรยาและอสูรวิญญาณ มีทรัพยากรให้แก่เหล่าเซียนหลายระดับซึ่งรวมไปถึงการแลกเปลี่ยนหยกสวรรค์หรือผลึกต้นกำเนิด การค้าร่างกายและเตาหลอม
มีการเสี่ยงโชคด้วยการใช้อสูรวิญญาณของตัวเองเข้าต่อสู้ด้วย แน่นอนว่าสิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือเขตอิสระเพิ่งหลายและการประมูลสินค้าของตัวเอง
เขตอิสระเพิ่งหลายเป็นสถานที่ที่อยู่ในสำนักหยกสมบัติซึ่งเหล่าเซียนสามารถเดิมพันการต่อสู้ถึงชีวิตได้อย่างอิสระ ผู้ชนะจะริบสมบัติทั้งหมดของผู้แพ้
การประมูลบนเพิ่งหลายกำลังจะเปิด ดังนั้นจึงมีลำแสงหลายสายมุ่งหน้าไป เนื่องด้วยเรื่องสูตรยาและหินหยกจึง ครั้งนี้จึงมีเซียนหลายคนจากเขตระดับหก แม้แต่เซียนจากเขตระดับแปดก็มาด้วย
ท่ามกลางดวงดาวมีลำแสงอยู่สองสาย หนึ่งชายหนึ่งหญิง ชายนั้นสวมชุดสีขาวดูสงบนิ่งมาก ถึงแม้จะมีภูเขาพังทลายอยู่เบื้องหน้า สีหน้าเขาคงไม่เปลี่ยนไปเพราะเขาคือหวังหลิน
สตรีด้านข้างงดงามยิ่งและสวมชุดสีขาวหิมะเช่นเดียวกัน เรือนผมสีฟ้าพลิ้วไหวไร้แรงลมทำให้นางใบหน้างดงามจนทำให้ใครต่อใครหัวใจเต้นรัว นางปลดปล่อยกลิ่นอายเงียบสงบและงดงามราวกับนางฟ้าที่จุติลงมาบนโลกมนุษย์ หากสบสายตานางคงอดรู้สึกเขินอายไม่ได้
“อีกแค่ไม่กี่วันเราก็จะถึงแผ่นดินเพิ่งหลาย เฉียนเหมยมาที่เพิ่งหลายเมื่อห้าร้อยปีก่อนกับสหายร่วมสำนัก มันมีชีวิตชีวายิ่งและข้ามีความประทับใจที่ดีเยี่ยม” นางเผยแววตารำลึกถึงความหลังและยิ้มออกมา
หวังหลินอยู่ข้างๆ มองไปข้างหน้าอย่างเงียบๆ ปกติแล้วเขาคงไม่มาที่นี่กับหลี่เฉียนเหมยและไม่สนใจในการประมูลนี้ ทว่าหลังจากได้ยินคำพูดของหลี่เฉียนเหมย หวังหลินขบคิดเล็กน้อยและถูกยั่วยวนมา
ทะเลเมฆาเต็มไปด้วยหมอกดวงดาว หากไร้ซึ่งแผนที่ที่ชัดเจนมันแทบเดินทางไม่ได้ ยิ่งเขตระดับสูงยิ่งเห็นได้ชัด การจะออกเดินทางจากเขตระดับห้าไปที่เขตระดับแปด จำเป็นต้องใช้แผนที่ดวงดาวจำนวนมาก
ในทะเลเมฆานั้นแผนที่ดวงดาวที่ครอบคลุมหาได้ยากมาก ส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นใช้เองดังนั้นจึงจำเป็นต้องเก็บรวบรวมมาจำนวนมาก จากนั้นต้องยืนยันความแม่นยำเพื่อให้แผนที่ครอบคลุมมากขึ้น
เหตุผลที่เขายอมมาเป็นเพราะต้องการได้แผนที่ดวงดาว อย่างไรก็ตามแผนที่ดวงดาวเป็นของที่มีมูลค่ามาก มีน้อยคนนักที่อยากจะแลกเปลี่ยน อีกทั้งแผนที่ดวงดาวคือความลับสูงสุดของแต่ละสำนักเลยทีเดียว
นี่พอจะเข้าในใจ มีสำนักน้อยมากที่กล้าบอกว่ามีแผนที่ดวงดาวครอบคลุมดาราจักรอันกว้างใหญ่ในสายหมอกดวงดาวแห่งนี้ อีกทั้งยังมีอีกหลายที่ที่ไม่มีเซียนคนใดเดินทางไปถึงมาก่อน
เช่นนั้นหน้าที่ของแผนที่ดวงดาวจึงสำคัญมาก บนแผ่นดินที่ไม่มีใครรู้จัก ข้อมูลเรื่องอสูรดุร้ายและสมุนไพรถือว่าเป็นข้อมูลที่ทรงคุณค่า มีเซียนน้อยมากหรือสำนักไม่กี่แห่งที่ควบคุมข้อมูลนี้
หากไร้แผนที่ดวงดาวคงเดินทางได้ยาก แม้แต่การพัฒนาสำนักยังได้รับผลกระทบ หนทางเดียวในการได้ทรัพยากรมาคือการออกไปแผ่นดินป่าที่ทุกคนรู้จัก
ดังนั้นสำนักเดี่ยวหลายแห่งจึงส่งคนออกไปสำรวจดวงดาวจำนวนมาก อย่างไรก็ตามการค้นหาทิศทางในสายหมอกเป็นเรื่องยากและมีอสูรอยู่ภายในนับไม่ถ้วน บางครั้งการสำรวจพื้นที่ถือเป็นค่าใช้จ่ายมหาศาล เป็นผลให้การแลกเปลี่ยนแผนที่ดวงดาวให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า อย่างไรก็ตามมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความโลภ ดังนั้นถึงแม้จะเป็นการแลกเปลี่ยนแต่ยังมีข้อมูลเท็จหรือข้อมูลที่นำทางให้ไปเจอพื้นที่อันตรายอยู่ด้วย เป็นผลให้การแลกเปลี่ยนแผ่นที่ดวงดาวค่อยๆถอยลง
ทุกสำนักจึงแนะนำให้ออกไปสำรวจด้วยตัวเอง การได้แผนที่ดวงดาวที่ปลอดภัยมีค่ามากกว่าการแลกเปลี่ยนของหลอมที่อาจทำให้พวกเขาต้องจ่ายด้วยเลือดเสียอีก
สำหรับหลี่เฉียนเหมย นางมีค่ายกลเคลื่อนย้ายเฉพาะในสำนักสู่สำนักย่อยแต่ละแห่ง หลังจากนางใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายไม่กี่ครั้งก็มาถึงเขตระดับห้า
นี่คือวิธีธรรมดาที่สำนักระดับแปดและสูงขึ้นไปใช้กันในทะเลเมฆา มันเหมือนการกระจายเมล็ดพันธุ์ไปในเขตระดับต่ำกว่า พวกเขาช่วยเหลือหรือปรับโครงสร้างใหม่ให้กับสำนักย่อยหลายแห่ง ยอมให้สำนักย่อยเติบโตและมีหน้าที่ใหญ่ที่สุดคือเป็นตำแหน่งเคลื่อนย้าย ทำให้ผู้คนของสำนักหลักเคลื่อนที่ไปในเขตที่แตกต่างกันได้และเลี่ยงปัญหาการขาดแคลนแผนที่ดวงดาว
มีค่ายกลเคลื่อนย้ายแบบนี้ด้วยในสำนักต้นกำเนิด
อย่างไรก็ตามทุกครั้งที่ค่ายกลเคลื่อนย้ายเปิดใช้งาน มันจะข้ามพื้นที่ดวงดาว จึงจำเป็นต้องใช้หินหยกสวรรค์หรือผลึกดั้งเดิมจำนวนมากไปกระตุ้น ดังนั้นเมื่อไม่มีการอนุญาตจากสำนักหลัก การเปิดใช้งานถือว่าเป็นไปไม่ได้
ระหว่างทางหวังหลินกำลังขบคิด เขาแกล้งทำเป็นฟังคำพูดของหลี่เฉียนเหมยแต่ไม่ได้พูดคุยกับนาง
หลี่เฉียนเหมยโกรธกริ้วมาก ระหว่างทางชายข้างๆนางคนนี้เหมือนเป็นใบ้และไม่เคยพูดอะไรสักคำ มีแต่นางที่พูดเหมือนกำลังพูดกับตัวเอง
ขณะที่ทั้งสองเหาะเหินจึงเงียบไปด้วย
หวังหลินมองหลี่เฉียนเหมย ขบคิดเล็กน้อยจึงเอ่ยขึ้นมา “เขตระดับเก้าลึกลับสำหรับเรามาก ข้าสงสัยว่าในนั้นมีสำนักอยู่กี่แห่ง?”
คำถามเขาไม่มีอะไรน่าสงสัย ในทะเลเมฆานั้นเนื่องด้วยมีหมอกดวงดาวมันจึงสร้างม่านระหว่างเหล่าเซียนเอาไว้ ดังนั้นข้อมูลจำนวนมากจึงไม่แพร่กระจายออกไป เขตระดับเก้าอยู่สูงเกินไปด้วยและเป็นตัวตนอันลี้ลับ
บันทึกของสำนักต้นกำเนิดมีคำอธิบายง่ายๆถึงเขตระดับเก้า พวกเขารู้แต่เพียงว่ามันมีสำนักเทพเจ้าอยู่ หวังหลินค้นพบเรื่องเกี่ยวกับสำนักทะลวงสวรรค์หลังจากได้รับหินหยกมาและค้นในความทรงจำของนางเฒ่าพิษ นอกจากนี้แล้วสำนักระดับห้าก็ไม่ได้รู้จักสำนักระดับหกมากนัก
หลี่เฉียนเหมยได้ยินหวังหลินพูดคุย ขบคิดเล็กน้อยนางจึงตอบคำถามหวังหลิน
“ในเขตระดับเก้ามีทั้งหมดสี่สำนัก ชื่อว่าสำนักเทพเจ้า สำนักภูต สำนักมารและสำนักทะลวงสวรรค์ สำนักทะลวงสวรรค์ที่เฉียนเหมยอยู่นั้นอ่อนแอที่สุด ส่วนสำนักเทพเจ้าแข็งแกร่งที่สุด! สำนักภูตลึกลับที่สุด! ส่วนสำนักมาร…” หลี่เฉียนเหมยขบคิดเล็กน้อยและจึงเอ่ยกระซิบ
“สำนักมารตั้งอยู่ในเขตส่วนลึกที่สุดของเขตระดับเก้าและเข้าไปได้ยากมาก อสูรทรงพลังทั้งหมดรวมกันอยู่ที่นั่น ครั้งนึงอาจารย์บอกว่ามีอสูรน่าสะพรึงกลัวที่สามารถเปลี่ยนร่างมนุษย์ได้…แต่ด้วยมีสำนักเทพเจ้าอยู่รอบๆ สำนักมารจึงไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก!”
“โอ้?” หวังหลินสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย “อสูรดุร้ายที่สามารถเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ได้?”
หลี่เฉียนเหมยพยักหน้า “อสูรดุร้ายสามารถทำความเข้าใจสวรรค์และบ่มเพาะเต๋าได้ ดังนั้นทำไมพวกมันจะไม่สามารถบ่มเพาะร่างมนุษย์ได้เล่า? แต่ว่านะพวกอสูรแบบนี้มีอยู่ไม่มากนัก มีอยู่น้อยมาก”
“มีอยู่ไม่กี่เรื่องที่ท่านและเซียนส่วนใหญ่ไม่รู้ แม้แต่สำนักทะลวงสวรรค์เองก็รู้ความลับแค่บางอย่างหลังจากเข้าสู่เขตระดับเก้า”
หลี่เฉียนเหมยสีหน้าเคร่งเครียด ขบคิดเล็กน้อยจึงเอ่ยกระซิบ “เมื่อนานมาแล้วในเขตระดับเก้ามีเพียงสำนักเดียวเท่านั้น นั่นคือสำนักเทพเจ้า!”
“หลังจากสำนักเทพเจ้าปกครองทะเลเมฆามานานหลายปี การแพร่ระบาดครั้งแรกของอสูรดุร้ายจึงได้อุบัติขึ้น ตอนนั้นมีอสูรสามตัวที่มีร่างมนุษย์ พวกเขาบอกว่ามาจากดาราจักรอีกแห่ง…”
“เมื่อไร้สำนักเทพเจ้า การแพร่ระบาดของอสูรดุร้ายจึงกระจัดกระจายไปทั่วทะเลเมฆา ท้ายที่สุดมันก็ถูกสำนักเทพเจ้าหยุดเอาไว้จึงไม่ได้แพร่กระจายและมีคนนอกไม่มากที่รู้เรื่องนี้ สงครามครั้งนั้นได้ทำให้เกิดผู้เสียชีวิตอย่างใหญ่หลวง หลังจากระงับอสูรดุร้ายได้ สำนักเทพเจ้าได้ส่งคนกลุ่มหนึ่งออกไปตั้งฐานในส่วนลึกของเขตระดับเก้า ตรงนั้นมีรอยแยกอวกาศที่เชื่อมต่อเข้ากับดาราจักรลึกลับ อสูรทรงพลังบางตัวออกมาจากตรงนั้น การหยุดอสูรดุร้ายไม่ให้แพร่กระจายออกไปพวกเขาได้ทำการต่อสู้ตรงนั้นมานานหลายหมื่นปี แม้แต่ตอนนี้ยังมีการต่อสู้กันอยู่เรื่อยๆ”
“ส่วนหนึ่งของสำนักเทพเจ้าได้ยอมละทิ้งอิสระของตัวเองและอยู่ภายในส่วนลึกของเขตระดับเก้าเพื่อเป็นแนวการป้องกันแรก อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาผ่านไปเหล่าศิษย์สำนักเทพเจ้าพวกนั้นแยกตัวเป็นอิสระและเริ่มเรียกตัวเองว่าสำนักมาร พวกเขาหยุดรับคำสั่งจากสำนักเทพเจ้าแต่ก็ยังป้องกันตำแหน่งนั้นจากคลื่นการโจมตีของอสูรดุร้าย”
น้ำเสียงหลี่เฉียนเหมยช่างงดงามยิ่งแต่เนื้อหาเหล่านั้นช่างน่าตกตะลึง หวังหลินมีสายตาเคร่งเครียด ไม่คิดว่าดาราจักรทะเลเมฆาซ่อนความลับแบบนี้เอาไว้
“สำนักเทพเจ้ากังวลถึงเรื่องนี้ พวกเขาหวาดกลัวสำนักมารและบุกรุกอสูรดุร้าย ตอนแรกช่วยยกระดับสำนักภูตผีซึ่งใช้วิชาจับวิญญาณได้ดีมากให้กลายเป็นสำนักระดับเก้า จากนั้นยกระดับสำนักทะลวงสวรรค์ให้กลายเป็นระดับเก้าไปด้วย ทั้งหมดนี้เพื่อเตรียมรับการระบาดรอบสองที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา!” หลังจากนางเอ่ยจบ นางมองหวังหลินและเอ่ยขึ้นเบาๆ
“เรื่องนี้สำคัญมาก ข้าหวังว่าพี่หลิวจะไม่ไปบอกคนอื่น”
หวังหลินขบคิดเงียบๆและพยักหน้า จากนั้นมองออกไปไกลราวกับสามารถมองทะลุไปถึงเขตระดับเก้า เขาเห็นรอยแยกอวกาศที่สำนักมารระงับเอาไว้มาหลายหมื่นปีและเห็นดาราจักรลึกลับอยู่ข้างใน…
‘ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้มีเหตุมีผล…หากสิ่งที่หลี่เฉียนเหมยพูดเป็นเรื่องจริง เช่นนั้นดาราจักรลึกลับนั้นคือที่ไหน…’
…………………..