Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1186

Cover Renegade Immortal 1

1186. ตามสมควร

“เจ้า?” ปรมาจารย์คังจงซื่อมองหวังหลิน ขณะนั้นแววตาบ้าคลั่งของเขาก็ค่อยๆซ่อนไป คิดขึ้นมาว่า ‘ร่างกายเขาประหลาดจริงๆ ก่อนหน้านี้เขาสามารถใช้ร่างกายสู้กับมังกรได้ บางทีเขาอาจจะสามารถทำลายค่ายกลด้วยพลังอำนาจของร่างกายได้’

“ก็ได้ ข้าต้องพึ่งสหายเซียนหลิวเสียแล้ว” ปรมาจารย์คังจงซื่อคำนับฝ่ามือและมีสีหน้ากลับเป็นปกติ

เซียนผางเยาะเย้ย คิดว่าถ้าแม้แต่ปรมาจารย์คังจงซื่อที่มีเกราะยังไปได้แค่เก้าก้าว เช่นนั้นเซียนหลิวจะก้าวไปได้เท่าไหร่?

หวังหลินมองก้อนหิน เดิมทีเขาจะไม่ลงมือแต่พอเห็นแววตาบ้าคลั่งของปรมาจารย์คังจงซื่อ เขาจึงเคลื่อนไหว แม้ที่นี่จะอันตรายแต่ก็เป็นสถานที่สำคัญที่ทำให้ปรมาจารย์คังจงซื่อสนใจอย่างมาก

หากพวกเขาเข้าไปไม่ได้ ปรมาจารย์คังจงซื่อคงไม่ปล่อยพวกเขาไปไหน แม้หวังหลินจะเตรียมการอย่างลับๆเอาไว้แล้วและไม่สนใจอะไร เขาต้องการรู้ว่าอะไรถึงทำให้ปรมาจารย์คังจงซื่อคลั่งได้ขนาดนี้

“ขอให้สหายเซียนจ้าวช่วยเปิดค่ายกลได้หรือไม่” หวังหลินคำนับฝ่ามือให้หญิงชราชุดเขียว เห็นได้ชัดว่านางรั้งมือเอาไว้ นางทำให้คังจงซื่อร้อนใจและให้เขาลองเองซึ่งเป็นผลทำให้เกิดการบาดเจ็บ

‘เราไม่เจอสมบัติเลยสักชิ้นและคนพวกนี้ก็เริ่มต่อสู้กันเองอย่างลับๆเพื่อทำให้ความแข็งแกร่งคนอื่นอ่อนแอ หากข้าต้องการเข้าร่วมความวุ่นวายนี้ ข้าก็ต้องทำแบบเดียวกัน…’ หวังหลินมีสีหน้าท่าทางเป็นปกติ ไม่มีใครมองออกว่าเขาคิดอะไรอยู่

หญิงชราชุดเขียวยกแขนขวาขึ้นมาโบกสะบัด เขตอาคมร่อนลงบนก้อนหินภูเขาทำให้มันโปร่งใสและเกิดระลอกคลื่น

หวังหลินก้าวมาถึงก้อนหินภูเขาและเดินเข้าไปข้างใน ไม่มีใครสังเกตว่าตอนที่เขาเข้าไป แขนขวาส่งเขตอาคมที่มองไม่เห็นขณะเดินเข้าไปด้วย

ณ ขณะนั้นหวังหลินพลันรู้สึกถึงแรงกดดันจากทุกทิศทาง แรงกดดันยิ่งหนาแน่นข้างหน้ามากขึ้น

เขาก้าวเดินอย่างเชื่องช้า หนึ่งก้าว สองก้าว สามก้าว! พอย่างก้าวที่สาม หวังหลินสัมผัสถึงแรงกดดันอันสูงส่งเหนือจินตนาการออกมาได้ แรงกดดันตรงหน้าเหมือนพายุรุนแรง ราวกับภูเขามากมายกำลังกดทับเพื่อไม่ให้เขาก้าวไปข้างหน้า

ทุกก้าวที่เพิ่มเข้าไปจะทำให้มีแรงกดดันเพิ่มขึ้น ยิ่งเขาก้าวเดินไปก็ยิ่งยากมากไปอีก หากเป็นเซียนธรรมดา ร่างกายคงไม่สามารถต้านทานแรงกดดันได้และย่อมแตกสลายอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตามหวังหลินมีร่างเทพโบราณ ดังนั้นจึงเล็กน้อยสำหรับเขา ทว่าวินาทีนั้นใบหน้าพลันซีดเผือดและหยุดลงในก้าวที่สาม หลังจากนั้นก็ยกเท้าขึ้นอีกครั้ง

ก้าวที่สี่ ก้าวที่ห้า ก้าวที่หก!

พอย่างก้าวที่หกร่อนลงไป แรงกดดันเพิ่มพูนถึงระดับพื้นดินแตกสลาย ราวกับมีฝ่ามือนับไม่ถ้วนกดลงมาและมีวิชามากมายอยู่ข้างหน้าทำให้เขาเสมือนเรือใบกำลังแล่นอยู่ในทะเลพิโรธ

หวังหลินหน้าซีดเซียว ร่างกายสั่นเทาเล็กน้อยคล้ายกำลังจะถอย แต่นาทีนั้นพลังสายหนึ่งปรากฏขึ้นด้านหลังและป้องกันไม่ให้เขาถอย

ตอนนี้ด้านนอกก้อนหินภูเขา หญิงชราชุดเขียวจ้องหวังหลินและขบคิด

‘มีการเปลี่ยนแปลงในค่ายกล…’ ปรมาจารย์คังจงซื่อขมวดคิ้วพลางมองไปที่ร่างหวังหลิน ขบคิดอย่างละเอียด เริ่มคิดถึงก้าวที่หกและเงียบสนิท

เซียนผางเยาะเย้ยและคิดว่าอีกฝ่ายยกตัวเองสูงเกินไป คนผู้นี้มีแค่ระดับบ่มเพาะแต่ไม่ได้มีเล่ห์เหลี่ยม หากได้รับบาดเจ็บที่นี่คงไม่สามารถไปต่อได้

หวังหลินหยุดลงในก้าวที่หกอยู่เป็นเวลานานก่อนจะก้าวที่เจ็ด ยามก้าวที่เจ็ดเขาพลันกระอักโลหิตแต่ไม่ได้ถอย จากนั้นก้าวที่แปด

วินาทีที่ย่างลงก้าวที่แปด เกิดเสียงปะทุดังออกมาจากร่างหวังหลินราวกับเนื้อหนังและกระดูกถูกบีบแน่น โลหิตจำนวนมากพุ่งกระจายย้อมเสื้อผ้าสีขาวให้กลายเป็นสีแดงโลหิต

นาทีนี้ปรมาจารย์คังจงซื่อก็เคลื่อนไหวก้าวมาใกล้ขึ้น สายตาสังเกตหวังหลินดุจแสงสายฟ้า

หญิงชุดเขียวยืนขึ้นเช่นกัน ใบหน้าท่าทางเคร่งเครียด

ส่วนเซียนผางเยาะเย้ยในใจมากขึ้น

ร่างหวังหลินซึ่งอยู่ในหินภูเขาดูเหมือนจะบิดเบี้ยว เขายกเท้าขวา เกิดเสียงคำรามบางๆออกมาจากก้อนหินพร้อมกับเขาก้าวไปในก้าวที่เก้า!

ร่างหวังหลินสั่นสะท้านรุนแรง เส้นโลหิตบนใบหน้าปูดโปน ดวงตาแดงฉานแต่ก็ประคองตัวเองเอาไว้!

ปรมาจารย์คังจงซื่อความคิดสั่นเทาและร้องตะโกน “สหายเซียนหลิว อีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้น!”

หญิงชราชุดเขียวเผยท่าทีซับซ้อน นางมองอยู่นานแต่ไม่เห็นทีท่าว่าหวังหลินจะแกล้งทำ ทั้งหมดล้วนเป็นของจริงทั้งนั้น

‘ค่ายกลเปลี่ยนแปลงโดยไม่คาดคิด แม้เขาจะอยากกลับมาก็ทำไม่ได้’

“สหายคังจงซื่อและสหายจ้าว ข้าทำดีที่สุดแล้ว หากข้าบาดเจ็บสาหัส พวกท่านทั้งหมด…” หวังหลินเอ่ยน้ำเสียงอ่อนแรงออกมาจากข้างในก้อนหิน

“สหายเซียนหลิวสบายใจได้ ข้าจะไม่ลืมคำสัญญา!” ปรมาจารย์คังจงซื่อส่งข้อความออกไป

หวังหลินลังเลอยู่ในก้อนหินภูเขา ไม่นานนักเขาก็ยกเท้าและก้าวออกไปเป็นก้าวที่สิบ! ทั้งภูเขาร้องคำรามสั่นสะเทือนรุนแรง ก้อนหินจำนวนมากหลุดออกมาจากภูเขาและย้ำเตือนอสูรหมอกด้านบน

ค่ายกลผนึกสวรรค์เก้าขั้นแตกสลาย!

หวังหลินกระอักโลหิตออกมามากขึ้น ขณะที่ค่ายกลแตกสลายไปพลังรุนแรงสายหนึ่งผลักหวังหลินให้ออกจากภูเขา ปรมาจารย์คังจงซื่อดวงตาส่องสว่างและเคลื่อนไปข้างหน้าทันที ยื่นแขนตรงเข้าหาด้านหลังหวังหลิน

พอสัมผัสหวังหลินได้ จึงส่งพลังดั้งเดิมและสัมผัสวิญญาณเข้าร่างหวังหลิน โคจรผ่านร่างหวังหลินหนึ่งรอบและรีบถอนออกมา

การฆ่าหวังหลินต่อหน้าหญิงชราชุดเขียวเป็นเรื่องไม่สะดวกนัก ไม่เช่นนั้นจะทำให้นางตื่นตัวและสร้างปัญหาที่ไม่จำเป็นในอนาคต

เป้าหมายของเขาคือการทดสอบเซียนหลิวว่าบาดเจ็บจริงหรือไม่ ตอนนี้เขาได้รับคำตอบแล้ว เขาจะไม่ก่อกวนคนที่บาดเจ็บสาหัสแล้วและไม่ถือว่าเป็นอันตรายอีก

ขณะนี้เองเสียงอสูรคำรามดังขึ้นมา อสูรคล้ายเหยี่ยวพุ่งออกมาจากภูเขาและพุ่งหาทุกคน

ปรมาจารย์คังจงซื่อคว้าหวังหลินเอาไว้และพุ่งตรงเข้าไปในอุโมงค์ที่ปรากฏขึ้นตอนค่ายกลแตกสลาย เซียนผางและหญิงชราชุดเขียวรีบติดตามเข้าไป

ทุกคนวิ่งผ่านอุโมงค์อยู่สักพัก หลังจากไม่ได้ยินเสียงคำรามแล้วจึงหยดลง

ปรมาจารย์คังจงซื่อวางหวังหลินลงและดูเสียใจ เขาคำนับฝ่ามือ “น้องหลิวยอมบาดเจ็บสาหัสเพื่อเปิดค่ายกล ข้าจะจดจำเรื่องนี้เอาไว้”

หวังหลินหน้าซีด บนมุมปากยังมีรอยเลือด เขาสะบัดแขนและเผยรอยยิ้ม “ค่ายกลนั่นประหลาดมาก หลังจากข้าก้าวไปครั้งที่หกกลับมีพลังงานบางอย่างด้านหลังข้า ข้าจึงเคลื่อนไปข้างหน้าได้เท่านั้น…”

“ไม่ว่าอะไรก็ตาม สหายเซียนหลิวเป็นคนร่วมด้วยช่วยเราเข้ามาที่นี่ได้!” ปรมาจารย์คังจงซื่อดูจริงใจและคำนับฝ่ามือต่อ พอเห็นว่าใบหน้าหวังหลินเหน็ดเหนื่อยจึงหยิบเม็ดยาออกมาส่งให้หวังหลิน

“น้องหลิวพักผ่อนและฟื้นฟูเล็กน้อย เมื่อเสร็จสิ้นเราถึงจะไปต่อ”

หวังหลินขบคิดและพยักหน้าอย่างเจ็บปวด เขารับยามาแต่ไม่ได้กินแต่นำยาของตัวเองออกมากลืนกินลงไปก่อนจะหลับตาฝึกฝน

เซียนผางดวงตาส่องสว่างและเผยความเย็นเยียบ ขณะนั้นปรมาจารย์คังจงซื่อมองเซียนผางและส่ายศีรษะเล็กน้อย

ใช้เวลาไม่นานหวังหลินก็ลืมตาและยืนขึ้น เอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “อาการบาดเจ็บของข้าไม่สามารถฟื้นฟูได้ในระยะเวลาอันสั้น เดินหน้าต่อเถอะ”

ปรมาจารย์คังจงซื่อมองหวังหลินและพยักหน้า หญิงชราชุดเขียวถอนหายใจอยู่ในใจแต่ไม่พูดอะไร

ทุกคนก้าวเดินผ่านอุโมงค์ต่อไป สถานที่แห่งนี้เงียบมาก มีเพียงสีฝีเท้าดังก้องเท่านั้น ผ่านไปไม่รู้นานแค่ไหนจึงปรากฏแสงห่างออกไปไกล ปรมาจารย์คังจงซื่อระงับความตื่นเต้นในใจและรีบเดินไปข้างหน้า

ตำแหน่งแสงคือทางออกของอุโมงค์ พอเห็นข้างนอก ปรมาจารย์คังจงซื่อจึงเริ่มหัวเราะ

ข้างนอกอุโมงค์มีหุบเขาขนาดใหญ่เต็มไปด้วยพืชพันธุ์นานาชนิดและยังได้กลิ่นเจือจางของดอกไม้ซึ่งทำให้ผ่อนคลาย ด้านหลังหุบเขาเป็นเทือกเขาขนาดใหญ่เหมือนกำแพงเมือง ภูเขาพวกนี้สูงมากและปิดตัวจากโลกภายนอก

“หลังเราผ่านเทือกเขามา เราจะเข้าสู่พื้นที่ชั้นในของดินแดนแห่งนี้! ถ้ำของซือหม่าโม่ไม่ได้อยู่ในภูเขา แต่อยู่ในหุบเขาเบื้องหน้า” ปรมาจารย์คังจงซื่อหัวเราะพลางเหาะเหินเข้าหาด้วยก้าวย่างรวดเร็ว หญิงชราชุดเขียวติดตามไป อีกสองคนก็เหาะเหินตามติด

หวังหลินหน้าซีด แสงเจ็ดสีรุนแรงยิ่งขึ้น เขาสูดหายใจลึกและตามไป เซียนผางเยาะเย้ยและอยู่ไม่ไกลจากหวังหลิน

ใช้เวลาไม่นานทั้งสี่คนก็มาถึงหุบเขาแห่งหนึ่งใต้การนำทางของปรมาจารย์คังจงซื่อ พอเข้ามาในหุบเขาได้ไม่นานจึงเห็นถ้ำแห่งหนึ่งเบื้องหน้า

ผนังถ้ำถูกปกคลุมอยู่ในกองหญ้าจนเห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้ใช้มานาน ถ้ำแห่งนี้ไม่ได้ใหญ่และมีขนาดสามห้องเท่านั้น พื้นดินยุ่งเหยิงด้วยเม็ดยาที่กระจายไปทุกที่ ส่วนใหญ่กลายเป็นหินและร่วนซุย

ความคิดของปรมาจารย์คังจงซื้อไม่ได้ตกอยู่ที่ถ้ำ เขามองหญิงชราชุดเขียวและเอ่ยขึ้น “ข้าจะไม่เอาอะไรจากที่นี่ ทุกอย่างเป็นของสหายเซียนจ้าวและสหายเซียนหลิว”

หญิงชราชุดเขียวส่งสัมผัสวิญญาณแพร่กระจายออกมาและส่ายศีรษะ “สหายเซียนหลิวทุ่มเทมากที่สุด ข้าจะเอาไปได้อย่างไร? ให้สหายเซียนหลิวเอาไปเถอะ”

หวังหลินมองไปรอบๆและถอนหายใจ “ข้าไม่สามารถไปต่อกับพวกท่านทั้งสองได้ สถานที่แห่งนี้เงียบสงบและเหมาะแก่การฟื้นฟู”

“สหายเซียนบาดเจ็บสาหัส การฟื้นฟูอยู่ที่นี่สักสองสามวันน่าจะดีกว่า หลังจากข้าและสหายเซียนจ้าวกลับมาเราจะช่วยตามที่สัญญาเอาไว้ จากนั้นเราก็ค่อยกลับด้วยกัน” ปรมาจารย์คังจงซื่อยิ้ม

“ขอบคุณมาก” หวังหลินพยักหน้า

“อย่างไรก็ตาม แม้สถานที่แห่งนี้จะเงียบสงัด มันก็ยังอันตรายที่อาจจะมีอสูรดุร้ายออกมา สหายผาง ข้ามีสิ่งหนึ่งอยากจะร้องขอ” ปรมาจารย์คังจงซื่อขบคิดเล็กน้อยก่อนจะมองไปที่เซียนผาง

“หากสหายเซียนหลิวฟื้นฟูอยู่ที่นี่คนเดียวข้าคงรู้สึกกังวล ข้าขอให้สหายเซียนผางอยู่ป้องกันเขาได้หรือไม่ ส่วนข้าและสหายเซียนจ้าวจะหามาตอบแทนให้ จะว่าอย่างไร?”

เซียนผางดวงตาส่องสว่างและเอ่ยออกมา “ตามที่เห็นสมควรเถอะ!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!