1188. คัมภีร์เต๋า
สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยหญ้าและไม่มีหมอก ดังนั้นจึงสามารถเห็นระยะไกลได้ชัดเจน หวังหลินพุ่งผ่านเส้นทางในหุบเขา บางครั้งก็หยุดลงหลับตาราวกับกำลังสัมผัสเส้นทาง ชั่ววินาทีต่อมาเขาก็ลืมตาและมุ่งหน้าอีกครั้ง
เทือกเขาคล้ายผนังอยู่ห่างออกไปไกล ยิ่งเวลาผ่านไปหวังหลินก็ค่อยๆใกล้ขึ้น
หลังจากผ่านไปราวหนึ่งวันหวังหลินก็หยุดลงด้านนอกหุบเขาซึ่งอยู่ใกล้เทือกเขามากแล้ว เขาแค่ต้องผ่านหุบเขานี้ไปเพื่อให้ถึงตีนเทือกเขา
หวังหลินมองหุบเขาข้างหน้าแล้วเริ่มขบคิด หุบเขานี้ประหลาดมาก หลังจากสังเกตเล็กน้อยหวังหลินดวงตาส่องสว่าง แขนขวาสร้างเขตอาคมขึ้นมาชี้ใส่กลางหน้าผาก เส้นสีดำหนึ่งสายลอยออกมาเปลี่ยนกลายเป็นอักขระเขตอาคมบิดเบี้ยวลอยไป
เขตอาคมลอยขึ้นไปในอากาศ เรืองแสงสีดำไปทั่วบริเวณ
ขณะนั้นแสงสีเงินก็โผล่ออกมาจากหญ้าเบื้องหน้าเผยเป็นรูปแบบที่แปลกประหลาด มันเป็นรูปดอกท้อ พอหวังหลินเห็นเช่นนี้จึงพลันหรี่ตา
‘เขตอาคมสิบแปดดอกท้อ!’
เขตอาคมสิบแปดดอกท้อตรงหน้าไม่ได้อยู่ที่นี่มานาน มันพึ่งวางเอาไว้เมื่อหนึ่งวันก่อน เห็นได้ชัดว่าหญิงชราชุดเขียวเป็นคนวางเอาไว้ เขตอาคมสิบแปดดอกท้อถูกสืบทอดมาจากหนึ่งในสี่มหาเขตอาคมโบราณ เขตอาคมทำลายล้าง หากหวังหลินไม่ได้เข้าไปในดาราจักรทุกชั้นฟ้า เขาคงไม่สามารถทำลายเขตอาคมนี้ลงได้
ทว่าตอนที่เขาอยู่ในดาราจักรทุกชั้นฟ้า หวังหลินได้รับสืบทอดหนึ่งในสี่มหาเขตอาคมโบราณมานั่นคือเขตอาคมทำลายล้าง เขตอาคมสิบแปดดอกท้อสืบทอดมาจากเขตอาคมทำลายล้าง ดังนั้นการทำลายมันจึงไม่ยากสำหรับหวังหลิน
‘นางต้องทิ้งเขตอาคมนี้ไว้ที่นี่แน่ อาจเพื่อซุ่มโจมตีหรือไม่ก็ทำเตือน…’ หวังหลินดวงตาส่องสว่างและกำลังจะเคลื่อนไปข้างหน้า ทันใดนั้นหยุดชะงักมองดูเขตอาคมสิบแปดดอกท้อบนพื้นอย่างละเอียด
เขาเกิดความรู้สึกว่าหลายสิ่งหลายอย่างไม่ได้ง่ายๆ
หวังหลินแพร่กระจายสัมผัสวิญญาณออกมาและตรวจสอบใบหญ้าแต่ละนิ้ว สีหน้าท่าทางค่อยๆเคร่งเครียดขึ้นโดยเฉพาะตอนที่เห็นแสงสีดำห่างห่างเขตอาคมสิบแปดดอกท้อไปไม่ได้ หวังหลินคิดถึงควันสีดำที่นางเคยใช้ดูดซับพลังชีวิตมังกรได้ทันทีและตอนที่เข้าไปในค่ายกลผนึกสวรรค์เก้าขั้นด้วย
เมื่อเขาเห็นเขตอาคมของหญิงชรา หวังหลินรู้สึกว่ามันประหลาดแต่การสังเกตใกล้ๆถือว่าลำบากเกินไปดังนั้นเขาจึงมองไม่ออก ทว่าพอมีเขตอาคมเบื้องหน้าแล้วหวังหลินจึงคิดอยู่เล็กน้อยและเกิดความเข้าใจ
‘สร้างพลังชีวิตจากกลิ่นอายความตาย วิธีนี้คล้ายกับหนึ่งในสี่มหาเขตอาคมโบราณ เขตอาคมชีวิตและความตาย…’ หวังหลินย่อลงและขยับแขนขวา ดึงหญ้าบางส่วนออกมาจากพื้น ดวงตาหรี่แคบ
หญ้าบนพื้นแห้งเหี่ยวไปแล้วและไม่มีพลังชีวิตเหลืออยู่มากนัก อีกเพียงไม่กี่ชั่วโมงมันก็จะสูญเสียพลังชีวิตทั้งหมดและเขตอาคมที่นี่ก็จะเปิดใช้งานอย่างสมบูรณ์
“นางไม่มีเวลาพอจะทิ้งรายละเอียดเอาไว้เมื่อมีปรมาจารย์คังจงซื่ออยู่ด้วย จึงได้วางเขตอาคมง่ายๆเอาไว้ที่นี่ซึ่งจะดูดซับพลังชีวิตจากต้นพืช เมื่อพลังชีวิตทั้งหมดดูดซับไป เขตอาคมก็จะใช้งาน” หวังหลินพึมพำกับตัวเอง จากนั้นระมัดระวังหญิงชราชุดเขียวอย่างยิ่ง
‘ตอนนี้เขตอาคมสมบูรณ์ไปแล้วครึ่งส่วน ไม่ใช่ว่าข้าทำลายไม่ได้ เว้นแต่ว่า…’ หวังหลินยิ้มและก้าวถอยหลัง ฝ่ามือสร้างผนึกชี้ไปข้างหน้า แสงสีดำที่เกิดขึ้นจากหัวใจเขตอาคมทำลายล้างพลันแตกสลายเข้าไปเป็นละอองแสงร่อนลงบนพื้นหญ้า
‘ข้าจะไม่ทำลายเขตอาคมนี้ แต่ข้าจะทิ้งประทับและเขตอาคมของข้าเอาไว้แทนก่อนที่มันจะกระตุ้นอย่างสมบูรณ์ การทำเช่นนี้ข้าจะได้รับเขตอาคมมาโดยไม่ให้นางรู้ตัว…ด้วยเขตอาคมทำลายล้างและเขตอาคมชีวิตและความตายของข้า ทั้งสองมหาเขตอาคมนี้ หากปรมาจารย์คังจงซื่อก้าวเข้าไปไม่ระวัง เขาคงจะบาดเจ็บสาหัสแน่นอน!’ หวังหลินเดินผ่านทุ่งหญ้าอย่างระวัง ไม่ผ่อนคลายจนกว่าจะเข้าหุบเขาได้
หลังจากมองไปรอบๆ หวังหลินเห็นปลายสุดหุบเขาซึ่งเชื่อมต่อกับเทือกเขาคล้ายกำแพง ภูเขาแห่งนี้สูงชันราวกับหอคอย
หวังหลินปีนขึ้นไปบนภูเขาโดยไม่หยุดพัก พอคิดถึงเขตอาคมแห่งชีวิตและความตาย หวังหลินอดคิดถึงตอนที่ลี่หยวนบอกไว้ไม่ได้
“เมื่อโลกถือกำเนิด กฎปรากฏ หลังจากผ่านไปอย่างยาวนาน หนึ่งสายของมันแพร่กระจายกลายเป็นเขตอาคม! หรืออีกอย่างก็คือค่ายกล! พวกมันมีชื่อต่างกันแต่เป็นสิ่งเหมือนกัน ระดับสวรรค์ ระดับปฐพี ระดับลึกลับและระดับเหลืองคือสี่ระดับเขตอาคมที่มีมาช้านาน! ทว่ายังมีอีกหนึ่งระดับเหนือสี่ระดับที่กล่าวมา เราเรียกมันว่า ‘นามธรรม!’ ระดับนามธรรมนั้นแบ่งเป็นสี่มหาเขตอาคมโบราณ”
“นอกจากเขตอาคมทำลายล้างของสี่มหาเขตอาคมโบราณแล้ว ยังมีเขตอาคมชีวิตและความตาย เขตอาคมวิญญาณโบราณและเขตอาคมกาลเวลาลี้ลับ! แม้กระทั่งเขตอาคมเทพส่วนใหญ่เองก็จะสืบทอดมาจากมหาเขตอาคมโบราณและแพร่หลายในปัจจุบัน”
หวังหลินเริ่มขบคิดพลางปีนขึ้นภูเขา
‘ตอนที่ข้าออกมาจากดาราจักรทุกชั้นฟ้า ลี่หยวนบอกว่าหากใครสามารถเรียนรู้มหาเขตอาคมโบราณทั้งหมดและผสานเข้าด้วยกันจะสามารถเข้าใจขอบเขตนามธรรมได้…นามธรรมคือขั้นสูงสุดของเขตอาคม! ทว่านานมาแล้วในอดีตตั้งแต่เขตอาคมแบ่งมาจากการถือกำเนิดของโลก ยังไม่มีใครสามารถรู้แจ้งขอบเขตนามธรรมได้’ หวังหลินถอนหายใจและไม่คิดเรื่องนี้อีก เขาเพ่งสัมผัสไปที่เส้นทางของปรมาจารย์คังจงซื่อแทน
ครึ่งวันผ่านไป หวังหลินยืนอยู่บนจุดสูงสุดของภูเขาใต้แสงเจ็ดสี แสงเจ็ดสีล้อมรอบตัวเอง มองไกลๆเขาดูเหมือนเทพเจ้า
เทือกเขาคล้ายกำแพงนี้เหมือนวงแหวนที่แบ่งเขตชั้นในออกจากเขตชั้นนอก สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยหมอกหนาแน่นจึงไม่สามารถเห็นได้ว่ามันหน้าตาแบบไหน
เหมือนทะเลสีดำที่เผยอันตรายซ่อนเร้นเอาไว้
หวังหลินมองตรงหน้า สัมผัสถึงปรมาจารย์คังจงซื่ออยู่ในสายหมอกได้ชัดเจน ดวงตาเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบพลางพุ่งลงไปที่ภูเขาหายตัวออกไปไกล
ปรมาจารย์คังจงซื่อสวมชุดเกราะมารศักดิ์สิทธิ์และระมัดระวังตัวเองมาก เขาต้องระวังทุกฝีก้าวขณะที่อยู่ในสายหมอก หญิงชราด้านข้างเขานางยังต้องห่อหุ้มควันสีดำไว้รอบกาย
รอบด้านเงียบสนิทมีแต่เพียงเสียงฝีเท้าเท่านั้น
‘ตอนนี้เซียนหลิวนั่นน่าจะตายแล้ว ผางเต๋อข่ายค้นวิญญาณได้ดี เขาต้องเก็บเกี่ยวได้ดีเยี่ยมแน่โดยเฉพาะประทับวิญญาณสงคราม มันเป็นหนึ่งในวิชาอันยิ่งใหญ่ของสำนักเทพเจ้าเลยทีเดียว’ ปรมาจารย์คังจงซื่อคำนวณเวลา พวกเขาร่วมมือกันบ่อยครั้งดังนั้นจึงรู้ความคิดกันผ่านสายตา
‘ผางเต๋อข่ายน่าจะอยู่ระหว่างทาง…’ ปรมาจารย์คังจงซื่อดวงตาส่องประกายไม่อาจมองเห็น
หญิงชราชุดเขียวไม่ได้พูดขึ้นเลยแต่ทันใดนั้นนางถามขึ้น “คังจงซื่อ ที่ที่ท่านพูดถึงอยู่อีกไกลแค่ไหน?”
“ไม่ไกล มันน่าจะอยู่ข้างหน้า” ขณะนั้นเขาพลันหยุดชะงัก ในเวลาเดียวกันหญิงชราชุดเขียวก็หยุดด้วยและมองข้างหน้าอย่างระมัดระวัง
ข้างในสายหมอกเบื้องหน้าพวกเขามีรูปปั้นยักษ์พร่ามัวซ่อนตัวอยู่ รูปปั้นดูเหมือนกำลังเคลื่อนไหว ขณะที่สายหมอกปั่นป่วนดูเหมือนมันจะเปลี่ยนแปลงไปด้วย
ทั้งสองมองหน้ากันเองและค่อยๆเดินเข้าหา ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงด้านล่างรูปปั้นยักษ์และมองขึ้นไป
รูปปั้นหินนี้สูงมากกว่าพันฟุตแกะสลักเป็นชายคนหนึ่งข้างใน เขากำลังมองขึ้นไปบนฟ้า ขบคิดและมีเหมือนรอยสายฟ้าตรงกลางหน้าผาก
“นี่มัน…” หญิงชราตกตะลึงจ้องมองอักขระกลางหน้าผากของรูปปั้นและมีสีหน้าเปลี่ยนไป
ทันใดนั้นน้ำเสียงหนึ่งทะลุออกมาจากสายหมอกหนาแน่น มันประหลาดยิ่งและมีพลังทะลุทะลวงดวงวิญญาณ มันดูเหมือนจะไกลแต่ก็ใกล้ด้วยจึงบอกไม่ได้ว่ามาจากไหน
‘จงรู้ว่า ผู้จองจำแห่งเต๋าสวรรค์ สรรพสัตว์ทั้งหมดต้องทุกข์ทรมานกับภัยพิบัติที่ไม่อาจวัดได้ เพียงแค่คิดก็พันธนาการในส่วนลึกของจิตใจ รอคอยเส้นทางแห่งการฝึกฝน…’
‘จงรู้ว่า ทุกชีวิตต้องก้าวต่อไปและแก้ไขปัญหาตามยุคสมัยใหม่ หลีกหนีอำนาจแห่งสวรรค์และได้หนทางแห่งชีวิต รอคอยเส้นทางแห่งการฝึกฝน…’
‘จงรู้ว่า ผนึกอำนาจแห่งสวรรค์ สลักไว้ในวันมืดมิด ทุกชีวิตไม่รู้เต๋าที่แท้จริง หุบเหวลึกจะบิดเบือนเต๋าที่แท้จริงตลอดกาล รอคอยเส้นทางแห่งการฝึกฝน…’
ข้อความน่าขนลุกเช่นนี้ดังสะท้อนผ่านสายหมอกและเต็มไปทั่วบริเวณ
คังจงซื่อหน้าซีดทันทีและมองไปรอบๆด้วยความกลัว หญิงชราชุดเขียวสูดหายใจลึก คำพูดประหลาดพวกนี้คงอยู่ในใจและดังสะท้อนต่อเนื่อง ทำให้วิญญาณของนางสั่นเทาโดยไม่คาดคิดและจิตใจแห่งเต๋าไม่มั่นคง
“พวกมันเป็นใคร…ประโยคพวกนี้หมายความว่าอะไร…” หญิงชราชุดเขียวมองปรมาจารย์คังจงซื่อ
“พวกเขาคือผู้รู้แจ้ง…” หลังพูดจบ สายหมอกเบื้องหน้าก็ปั่นป่วนและมีเงาร่างหนึ่งโผล่ออกมา มันพุ่งผ่านทั้งสองคนเร็วมาก
น้ำเสียงประหลาดเข้าสู่จิตใจแต่ละคนอย่างชัดเจน
“ปรมาจารย์คังจงซื่อ ผู้รู้แจ้งคืออะไรกันแน่?” หญิงชราหน้าซีด ข้อความพวกนั้นดังสะท้อนในจิตใจนาง นางกำลังเริ่มรู้สึกเหมือนไม่สามารถทนได้อีกต่อไป
“ผู้หลงทางสูญเสียเต๋าของตนเองและเร่ร่อนไปในดินแดนเจ็ดสี ค้นหาเหมือนคนตาบอด…ผู้รู้แจ้งมีเต๋า แต่เนื่องจากเห็นคัมภีร์เต๋า จิตใจแห่งเต๋าจึงแตกสลายและไม่สามารถสร้างขึ้นมาใหม่ได้ พวกเขาแค่ลอยอยู่ในสายหมอกนี้และค้นหาไปตลอดกาล อาจจะตายไปแล้วและเป็นแค่วิญญาณเต๋าที่เกิดขึ้นมาจากความต้องการ!” ปรมาจารย์คังจงซื่อกระซิบขึ้นฟังคำพูดพวกนั้น
“คัมภีร์เต๋า?” หญิงชราหรี่ตาแคบ
ปรมาจารย์คังจงซื่อเงยศีรษะขึ้น สายตาร้อนรน “ใช่แล้ว มันคือคัมภีร์เต๋า! ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้ก่อนจะมาที่ดินแดนเจ็ดสี แต่หลังจากเข้ามาที่นี่ข้าก็ได้พบเบาะแสหลายอย่างนับไม่ถ้วน โลกใบนี้มีคัมภีร์เต๋าที่ลือกันว่าสร้างขึ้นมาจากโลหิตแห่งสวรรค์…”
“พวกมันพูดถึงเรื่องอะไร…ใช่คัมภีร์เต๋าหรือ?” นางสูดลมหายใจเย็นเข้าปอด สิ่งที่นางได้ยินตอนนี้ช่างน่าหวาดกลัวเกินไป