1201. องครักษ์
ความคิดหวังหลินเคลื่อนผ่านผู้เยาว์สามคนไปและออกไปไกล ไม่นานเขาก็เห็นยอดเขาแห่งหนึ่ง ภูเขาลูกนี้ไม่มีเขตอาคมล้อมรอบ แม้กระทั่งสายหมอกยังอยู่ห่างๆราวกับหวาดกลัว
พอความคิดหวังหลินมาถึงและกำลังจะเข้าไป สัมผัสวิญญาณทรงพลังยิ่งพุ่งออกมาปะทะกับความคิดหวังหลิน!
ในใจหวังหลินเกิดเสียงคำรามกึกก้องอย่างเงียบๆ ความคิดที่เดิมทีสับสนพลันสุขุมและเคร่งขรึม
“นานมาแล้วที่ข้าไม่ได้เจอเขตแดนบริสุทธิ์ขนาดนี้…” ข้อความสัมผัสวิญญาณส่งออกมาจากภูเขา วินาทีนั้นสัมผัสวิญญาณที่ทรงพลังยิ่งกว่าได้กวาดเข้าหา หวังหลิน
นาทีนั้นโลกพลันเปลี่ยนสี แม้กระทั่งแสงเจ็ดสียังล่าถอย สัมผัสวิญญาณเปลี่ยนกลายเป็นมือและพยายามจะคว้าจิตใจหวังหลินอย่างโหดเหี้ยมรุนแรง
ทว่าในจังหวะที่ยื่นออกมา ความคิดหวังหลินก็รีบถอนออก รอบด้านเปลี่ยนกลายเป็นไม่ใช่ความจริงราวกับทั้งโลกพร่าเลือน
เสียงประหลาดใจดังออกมาจากความว่างเปล่า ขณะเดียวกันชายชราผมขาวเดินออกมาจากยอดเขา มองไปยังความว่างเปล่าและพุ่งออกไป จากนั้นยกแขนขึ้นกระแทกไปข้างหน้า
เกิดเสียงดังกึกก้องรุนแรง ความคิดหวังหลินสั่นเทา ภาพลวงตาทั้งหมดล่มสลายและหายไปอย่างสิ้นเชิง
“เจ้ากล้าใช้ภาพมายาเบื้องหน้าข้าได้อย่างไร? เมื่อเจ้านำของขวัญมาถึงหน้าประตู ก็จงอยู่นี่! เขตแดนบริสุทธิ์นี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าเหล่าผู้รู้แจ้งนับร้อยเท่า!”
ขณะที่ชายชราเอ่ยออกมาก็ยิ่งเข้ามาใกล้ขึ้น แขนขวาดูเหมือนจะปกคลุมท้องฟ้ายื่นใส่หวังหลิน ฝ่ามือแฝงพลังดึงดูดทรงพลังที่ทำให้ความคิดหวังหลินต้องบิดเบี้ยวและถูกดึงเข้าไป
หวังหลินรีบผสานความคิดก่อตัวเป็นร่างมายา จ้องมองชายชราแต่ไม่ได้เอ่ยปาก หวังหลินสะบัดแขนขวาทำให้เจตนาแห่งเต๋าทั้งหมดที่เขาทิ้งเอาไว้ในดินแดนเจ็ดสีพุ่งเข้าหาตนเอง
เจตนาแห่งเต๋าเหล่านี้ไร้ขอบเขต ขณะที่พุ่งเข้ามา สายหมอกในดินแดนเจ็ดสีจึงปั่นป่วน แม้กระทั่งแสงเจ็ดสียังหมองลง จำนวนเจตนาแห่งเต๋าที่รวบรวมมาที่นี่มีจำนวนมากมายมหาศาลในพริบตา
หวังหลินสะบัดแขนขวาให้เจตนาแห่งเต๋าก่อตัวเป็นวังวนยักษ์ ทำให้ชายชราเผยสีหน้าเคร่งเครียดและหยุดแขนยักษ์เอาไว้
‘ข้ากำลังรู้แจ้งเต๋า ความคิดข้ากระจายไปสุ่มสี่สุ่มห้า ข้าไม่ได้มีเจตนาจะรบกวนการบ่มเพาะของสหายเซียน!’ ร่างหวังหลินล้อมรอบด้วยเจตนาแห่งเต๋านับไม่ถ้วนทั้งยังมีเจตนาที่วุ่นวายรวมกันมากขึ้น พวกมันป้องกันภาพร่างหวังหลินซึ่งเกิดขึ้นจากความคิด
รูม่านตาของชายชราหดลงจ้องมองร่างเลือนลางของหวังหลิน เขาไม่เคยเห็นวิชาแห่งความคิดที่สามารถควบแน่นเจตนาแห่งเต๋าอันวุ่นวายได้ขนาดนี้มาก่อน
หลังจากขบคิดเล็กน้อย ชายชราพ่นลมหายใจเย็นและเอ่ยขึ้น “ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น อย่ากระทำซ้ำสอง!” เขาสะบัดแขนเสื้อและกลับเข้าสู่ภูเขา จากนั้นถอนสัมผัสวิญญาณออกไป
หวังหลินล่าถอย ด้วยการมีเจตนาแห่งเต๋ารอบๆจึงข้ามผ่านดินแดนและกลับคืนสู่ร่างที่อยู่ในหุบเขา
วินาทีต่อมาหวังหลินค่อยๆลืมตาขึ้น ในแววตากะพริบแสงเยือกเย็น หากชายชรานั่นตั้งใจจะรั้งเขาไว้ หวังหลินคงตอบแทนด้วยเจตนาแห่งเต๋าทั้งหมด
เขายืนขึ้นชี้ไปที่ท้องฟ้า เจตนาแห่งเต๋ามากมายพุ่งเข้าสู่หุบเขาจากทั่วทุกสารทิศ ควบแน่นกลายเป็นก้อนแสงสีดำในมือหวังหลิน
ผู้หลงทางทั้งหมดนอกหุบเขาพลันงุนงงสับสนอีกครั้งและกระจายตัว เหล่าผู้รู้แจ้งเริ่มพึมพำและลอยออกไป
แม้กระทั่งอสูรระดับสิบสองดูเหมือนจะมีสติขึ้นและร้องคำรามจากไป ทุกอย่างด้านนอกหุบเขากลับคืนสู่ปกติ ปรมาจารย์คังจงซื่อหน้าซีดและรีบถอยอย่างรวดเร็ว
หวังหลินยื่นแขนขวา เกิดเสียงปะทุดังออกมาจากแสงสีดำก่อนจะเปลี่ยนกลายเป็นผลึกทมิฬ หวังหลินถือเอาไว้และมองมันอยู่เล็กน้อย นี่คือสมบัติที่สร้างจากเจตนาแห่งเต๋าวุ่นวายจากเม็ดยาทั้งหมดนั่น มันคือสมบัติที่ทรงพลังมาก หากแตกสลายไป เจตนาแห่งเต๋าจะพรั่งพรูออกมาเพียงพอที่จะพังทลายจิตใจแห่งเต๋าได้แม้กระทั่งเซียนขั้นทลายสวรรค์
‘เขาคุ้มกันอะไรอยู่…’ หวังหลินเริ่มคิดถึงชายชรา เห็นได้ชัดว่าเหตุผลที่เขาไม่โจมตีเป็นเพราะกังวลอะไรบางอย่าง ชายชราคนนั้นเป็นเซียนขั้นทลายสวรรค์ระดับปลายแต่อยู่คนเดียวในภูเขา หากเขาบอกว่าไม่คุ้มกันบางอย่างหรือไม่ได้วางแผนบางอย่างไว้ หวังหลินคงไม่เชื่อ
‘มีเซียนผู้เยาว์สามคนนั่นด้วย ข้าเคยเห็นหนึ่งในนั้นมาก่อน ไม่คาดคิดว่าเขาจะมาปรากฏตัวที่นี่…’ หวังหลินขมวดคิ้ว
‘แต่ในเมื่อที่นี่เกี่ยวข้องกับราชันย์ การที่เขาปรากฏตัวถือว่ามีเหตุผลพอเข้าใจได้’ หวังหลินมองไปบนท้องฟ้าด้วยท่าทีสงบนิ่ง ดวงตาเรืองแสงลึกลับราวกับแฝงเต๋าแห่งสวรรค์
‘ตอนที่เขตแดนข้าเห็นคัมภีร์บนโครงกระดูก มันพังเสียหายไปแล้ว ข้าเพียงต้องรวบรวมอีกเล็กน้อย จากนั้นข้าก็สามารถบรรลุขั้นชำระสวรรค์ระดับกลางได้’ หวังหลินสูดลมหายใจลึก สายตาตกลงบนเขตอาคมด้านนอก เขาลุกขึ้นและเดินออกไป
หวังหลินปรากฏตัวด้านนอกหุบเขาพร้อมกับเกิดระลอกคลื่นเขตอาคมดังสนั่น มองไปยังตำแหน่งที่คังจงซื่อหนีไปและพุ่งออกหาราวกับสายฟ้า
‘คังจงซื่อฟื้นฟูได้และค้นพบข้า เขาเกลียดข้าเข้ากระดูก ข้าไม่สามารถปล่อยให้หนีได้แน่นอน อีกทั้งข้ายังต้องการเรียนรู้ว่าของเหลวสีดำคืออะไร รวมไปถึงวิธีออกไปจากที่นี่อีก’ ในแววตาหวังหลินกะพริบเย็นเยียบและไล่ตามไป
คังจงซื่อพุ่งออกไปตลอดทาง ใบหน้าซีดเผือดตลอดเวลา จิตใจเต็มไปด้วยความโกรธ เขาคิดว่าอาการบาดเจ็บของตนเองฟื้นฟูแล้วและสามารถฆ่าเซียนหลิวได้ง่ายๆ อย่างมากก็แค่ใช้ความพยายามเพิ่มอีกนิดทำลายเขตอาคม แต่เมื่อมาถึงระยะหมื่นฟุต จิตใจแห่งเต๋าของเขาถูกจับได้และความคิดแทบพังทลาย
โดยเฉพาะตอนที่อยู่ภายในเต๋าแห่งความวุ่นวายไร้ที่สิ้นสุด เขาเหมือนเรือที่โดดเดี่ยวในทะเลเกรี้ยวกราด ยามที่ความคิดหวังหลินกวาดผ่านเข้ามา ความคิดเขาสั่นเทา คาดเดาว่าหวังหลินได้รับการรู้แจ้งและเพิ่มพูนเขตแดนและบางทีระดับบ่มเพาะกำลังจะเพิ่มขึ้นด้วย!
พอคิดเช่นนี้จิตใจของคังจงซื่อเกิดความรู้สึกเย็นเยียบ ก่อนที่ระดับบ่มเพาะ หวังหลินจะเพิ่มขึ้น เขาใช้ทุกสิ่งอย่างและจบลงด้วยการบาดเจ็บสาหัสทั้งคู่ ตอนนี้หวังหลินทะลวงระดับ เขาคงตายโดยไม่ต้องสงสัยแม้จะสู้ก็ตาม!
ปรมาจารย์คังจงซื่อรู้สึกขมขื่นและร้องคำรามใส่ท้องฟ้า เขาเตรียมการมาหลายปีแต่ยอมรับว่าล้มเหลวโดยไม่มีสถานที่พักหายใจ หากเป็นเช่นนี้ต่อไปคงเหมือนกับเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่ไปด้วย
‘ข้าจะไม่ยอม!’ ปรมาจารย์คังจงซื่อเต็มไปด้วยความเกลียดชังฝังลึก เขาเกลียดหวังหลินจนถึงจุดที่อยากกินเลือดกินเนื้อ!
‘เขาแย่งของข้าไปทั้งหมด และยังมีแม่นางจ้าวด้วย หากนางไม่พยายามขโมยไปจากข้า เซียนหลิวนั่นคงไม่มีโอกาส…ช่างมันเถอะ! ช่างมันเถอะ!’ คังจงซื่อสีหน้า บิดเบี้ยว ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธ ทว่ากลับยิ่งมืดมนและทำอะไรไม่ได้
‘ข้าไม่อยากได้มันอีกแล้ว หากอยากได้ก็เอาไปหมดเลย ข้าจะออกไปจากที่นี่และปิดผนึกอย่างสมบูรณ์ซะ ข้าจะทำลายรอยแยกเจ็ดสีจนขังพวกเจ้าทั้งหมดไว้ตลอดกาล! เพียงเท่านั้นความโกรธในใจข้าถึงจะทุเลาลง! เซียนหลิวนั่นต้องค้นวิญญาณของผางเต๋อข่ายตอนที่เขาสังหารไป กระนั้นผางเต๋อข่ายก็ไม่รู้วิธีออกจากที่นี่จริงๆ เขารู้แค่สิ่งที่ข้าต้องการให้รู้เท่านั้น!’
‘พวกเจ้าทั้งหมดจะถูกขังไว้ที่นี่ตลอดกาล!’ คังจงซื่อรีบพุ่งเข้าหาเขตชั้นนอก เขาเคลื่อนไปตามเส้นทางที่ไม่ได้เดินทางก่อนหน้านี้ เข้าหาเส้นทางปกติที่ออกไปจากที่นี่
เขามาเส้นทางนี้สองครั้งแล้วดังนั้นจึงคุ้นเคยดี หากไม่ใช่เพราะกังวลว่าจะไปเจอผู้หลงทาง เขาคงเคลื่อนตัวได้เร็วขึ้น
อย่างไรก็ตามขณะที่กำลังพุ่งไปข้างหน้า ร่างกายสั่นเทาและหันกลับมาทันที ร่างหวังหลินปรากฏตัวไกลๆและมีจิตสังหารล้อมรอบ นี่ยิ่งทำให้จิตใจของคังจงซื่อรู้สึกเย็นวาบ
เขารีบเร่งความเร็วขึ้นและพุ่งออกไป
ขณะที่หวังหลินจ้องมองร่างปรมาจารย์คังจงซื่อ ฝ่ามือสร้างผนึกปรากฏภาพมายาเตาหลอมเทพโบราณขึ้นเบื้องหน้า ดวงตาพลันส่องสว่างชี้ใส่คังจงซื่อ
“สลับตำแหน่ง!” เมื่อเอ่ยออกมา ลำแสงปรากฏขึ้นรอบตัวคังจงซื่อทันที เขาหายวับไปและสลับที่กับหวังหลิน
คังจงซื่อรู้สึกเพียงทัศนวิสัยพร่าเลือนและเมื่อรู้สึกตัวอีกครั้งสีหน้าท่าทางก็เปลี่ยนไป ตำแหน่งของหวังหลินและคังจงซื่อสลับกัน เขาใช้จังหวะที่คังจงซื่องุนงงจากวิชา พุ่งเข้ามาในระยะใกล้
หวังหลินยกแขนขวาขึ้นมากดลงใส่อากาศ แขนซ้ายชี้ใส่หลังแขนขวาอย่างรวดเร็ว พลังดั้งเดิมพรั่งพรูเข้าไปในฝ่ามือ จากนั้นยิงใส่ปรมาจารย์คังจงซื่อ
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในพริบตา รวดเร็วเกินกว่าจินตนาการถึง ปรมาจารย์คังจงซื่อไม่เคยคิดว่าหวังหลินจะมีสมบัติแบบนี้! พอตระหนักได้ พลังดั้งเดิมอันทรงพลังก็เข้ามาใกล้แล้ว
รูม่านตาหดเล็กลงพลางกรีดร้อง ใบหน้าบิดเบี้ยว วิญญาณโลหิตแรกกำเนิด เจ็ดดวงปรากฏขึ้นมาควบแน่นอยู่ในอักขระแสงพร่ามัวกลางหน้าผาก อักขระปลดปล่อยแสงแพรวพราวพุ่งเข้าใส่พลังดั้งเดิมที่กำลังเข้ามา
เสียงดังสนั่นกึกก้องสั่นสะเทือนปฐพี ในถ้ำแห่งหนึ่งห่างออกไปไม่ไกล เฉินเทียนจุนเดินออกมาและอ้าปากค้างเฝ้าดูการต่อสู้ระหว่างหวังหลินและปรมาจารย์คังจงซื่อ