Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1202

Cover Renegade Immortal 1

1202. ปลูกฝังเต๋า

ลำแสงสายฟ้าด้านหน้าปรมาจารย์คังจงซื่อพุ่งออกมาเหมือนการต่อสู้ครั้งแรก มันมาพร้อมกับอำนาจมหาศาลและปะทะกับพลังดั้งเดิมในพริบตา

เสียงดังสนั่นกึกก้องไปทั่วสารทิศ พลังดั้งเดิมไร้ขอบเขตพลันหายไป ลำแสงแทงทะลุผ่านเข้าหาหวังหลิน ดวงตาหวังหลินส่องสว่างและชกกำปั้นใส่อย่างรุนแรง

หวังหลินเปิดใช้พลังเทพโบราณ ภาพมายาเทพโบราณตนหนึ่งปรากฏด้านหลังหวังหลินเป็นเงาตะคุ่มขนาดมหึมาและมันก็โยนกำปั้นออกไปพร้อมหวังหลิน

กำปั้นปะทะกับอักขระแสงสายฟ้าในทันทีและเกิดเสียงเปรี๊ยะดังลั่น

โลกพลันเปลี่ยนสีสัน! อักขระแสงสั่นสะท้านและพังทลายทันที แต่พลังสายฟ้าข้างในได้เปลี่ยนกลายเป็นลำแสงสายฟ้านับไม่ถ้วนตกใส่หวังหลิน

สายตาปรมาจารย์คังจงซื่อเต็มไปด้วยความชั่วร้าย พอได้โอกาสโจมตีจึงใช้วิชาที่ทรงพลังที่สุด เขาเกลียดหวังหลินมากเสียจนอยากให้หวังหลินตายในทันที

‘สายฟ้าและลำแสง…’ หวังหลินเผยท่าทีดูถูก ดวงตาขวากะพริบแสงวูบวาบปรากฏวังวนขึ้นตรงกลางหน้าผาก วิญญาณมังกรสายฟ้าโบราณลอยออกมาร้องคำรามเข้าใส่ประกายสายฟ้าในท้องฟ้าเหล่านั้น!

กรรรร!

มังกรสายฟ้าโบราณมีพลังอำนาจเหนือสายฟ้า! ด้วยเสียงคำรามนี้ เกิดแสงกะพริบในตาขวาหวังหลินและแพร่กระจายทั่วร่างกาย ไม่นานนักพื้นที่ภายในระยะหลายพันฟุตรอบตัวเองก็กลายเป็นทะเลสาบสายฟ้า

สายฟ้าที่ตกลงมาจากฟากฟ้าพลันหยุดชะงัก จากนั้นรวมกับสายฟ้ารอบๆ หวังหลินก่อตัวเป็นคุกนรกสายฟ้าอันไร้ขอบเขต

หวังหลินราวกับเทพสายฟ้าที่อยู่ในทะเลสาบสายฟ้า!

เพียงแค่สูดลมหายใจเข้า สายฟ้านับไม่ถ้วนพลันควบแน่นเข้าไปในตาขวา

ฉากเหตุการณ์นี้ทำให้ปรมาจารย์คังจงซื่อซีดเผือด เขาตกตะลึงอย่างสิ้นเชิง

ห่างออกไปไม่ไกล เฉินเทียนจุนมีเม็ดเหงื่อปกคลุมเต็มหน้าผาก ใบหน้าซีดเซียวและสายตาตกตะลึง

หวังหลินไม่หยุดแค่นี้ หลังจากดูดซับสายฟ้า พลันเกิดอักขระแสงสายฟ้าจางๆในดวงตาและพุ่งออกมาเหมือนการโจมตีก่อนหน้า ตรงเข้าหาปรมาจารย์คังจงซื่อ

คังจงซื่อรีบถอย ฝ่ามือสร้างผนึก วิญญาณโลหิตเจ็ดดวงรีบปลดปล่อยแสงสีแดงโลหิตเข้มข้นและล้อมรอบปรมาจารย์คังจงซื่อเพื่อขวางกั้นสายฟ้านั้นเอาไว้!

หวังหลินดวงตาส่องสว่าง แม้จะไม่ได้บรรลุขั้นชำระสวรรค์ระดับกลางได้จริงๆ แต่การทะลวงผ่านเขตแดนได้ทำให้เขาใช้วิชาได้รุนแรงยิ่งขึ้น เขาต่างจากครั้งแรกที่ต่อสู้กับปรมาจารย์คังจงซื่ออย่างสิ้นเชิง

เมื่อลำแสงสายฟ้าพุ่งออกไป หวังหลินยื่นมือเปิดมิติเก็บของ แสงเจ็ดสีผุดออกมาจากรอยร้าวและปรากฏลิ่มเจ็ดสี หวังหลินคว้าเอาไว้และโยนมันออกไป!

แสงเจ็ดสีเปลี่ยนกลายเป็นลำแสงเจ็ดสีสายหนึ่งและลอยหวีดหวิวเข้าหาปรมาจารย์คังจงซื่อด้วยความเร็วสูงสุด

ปรมาจารย์คังจงซื่อถูกล้อมรอบด้วยแสงโลหิต เมื่อลำแสงมาถึง แสงโลหิตดูเหมือนจะปะทุเสียงเดือดปุดๆ พังทลายอย่างต่อเนื่องและหายไป

คังจงซื่อล่าถอยต่อไป แขนขวาเปิดมิติเก็บของ ทว่าวินาทีนั้นสัมผัสถึงอันตรายรุนแรง ลำแสงเจ็ดสีสายหนึ่งเข้ามาใกล้เข้าในพริบตาผ่านการแตกสลายของ แสงโลหิต

ใบหน้าคังจงซื่อเปลี่ยนเป็นซีดเซียว แสงเจ็ดสีนี้เร็วเกินไป มันแทงทะลุผ่านจนโลหิตสาดกระจายจากหน้าอก วิญญาณดั้งเดิมกำลังจะหนีแต่ส่งเสียงกรีดร้องโหยหวน ลิ่มเจ็ดสีเจาะเข้าหน้าอกของวิญญาณดั้งเดิม

วิญญาณเผยท่าทีตื่นตระหนกแต่ในไม่นานก็เกิดอาการบ้าคลั่ง หวังหลินปรากฏตัวด้านหลังคังจงซื่อทันทีและวางแขนลงบนศีรษะเขา ใช้โอกาสนี้ตอนที่วิญญาณอีกฝ่ายบาดเจ็บสาหัสและกำลังบ้าคลั่งอยู่เพื่อค้นวิญญาณ

หวังหลินได้รับความทรงจำจากคังจงซื่ออย่างรวดเร็ว วิญญาณเขาสั่นเทาและบ้าคลั่งรุนแรง หลังจากนั้นต่อมาความบ้าคลั่งก็พุ่งขึ้นถึงขีดสุดและส่งเสียงคำราม เส้น สีแดงแพร่กระจายออกมาจากหน้าอกและกระจายไปทั่วทั้งร่าง

หวังหลินถอนมือออกมาและไม่สนคังจงซื่อ เขาหันไปมองมิติเก็บของของคังจงซื่อและเก็บทุกอย่างมา ตอนนั้นคังจงซื่อก็บ้าคลั่งไปแล้ว

เขาเอามือกุมศีรษะ สายตาดุจอสูรร้าย จากนั้นชี้ไปที่ท้องฟ้าและร่างกายสั่นเทา ร้องคำรามจากลำคอก่อนที่ร่างกายจะแห้งเหี่ยวอย่างรวดเร็ว นาทีนั้นเขาก็หายไปและเปลี่ยนกลายเป็นลูกปัดโลหิตหนึ่งชิ้น

ลูกปัดนี้เรืองแสงสีแดงโลหิตและปกคลุมแสงเจ็ดสีทั้งหมดในท้องฟ้า โลกมืดมัวพร้อมทั้งลูกปัดยิงไปที่ท้องฟ้า

หวังหลินดวงตาส่องสว่าง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาใช้ลิ่มเจ็ดสี จากประสบการณ์ส่วนตัวในการบังคับให้ลิ่มเจ็ดสีออกมา มันจะดูดซับพลังชีวิตทั้งหมดตอนบ้าคลั่ง จากนั้นคนที่โดนก็จะตาย

แต่เขาไม่คาดคิดว่าจะมีลูกปัดโลหิตเกิดขึ้นระหว่างการตายด้วย!

พอเห็นลูกปัดโลหิตพุ่งเข้าไปในท้องฟ้า หวังหลินพุ่งตามไปโดยไม่ลังเล เขาเข้าไปใกล้และคว้าเอาไว้ ลูกปัดเริ่มดิ้นรนทันทีราวกับต้องการจะเป็นอิสระ มีพลังรุนแรงสายหนึ่งข้างในทำให้ความคิดหวังหลินสั่นไหวและดึงเขาออกไป

หวังหลินท่าทางเปลี่ยนไป แต่วินาทีนั้นลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าซึ่งไม่มีปฏิกิริยาอะไรมานานมาก พลันควบแน่นในวิญญาณดั้งเดิม หมุนวนอย่างรวดเร็วและมีพลังดึงดูดลึกลับเข้าไปในแขนขวา ลูกปัดโลหิตสั่นสะท้านและหยุดการดิ้นรน มันเข้าไปในแขนขวาหวังหลินและเข้าสู่ลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าที่อยู่ในวิญญาณดั้งเดิมทันที

จากนั้นแสงเจ็ดสีจึงรวมกันในแขนขวาหวังหลินพร้อมกับก่อเกิดลิ่มเจ็ดสีขึ้นมาใหม่

เหตุการณ์ประหลาดนี้ทำให้ความคิดจิตใจหวังหลินตกตะลึง แต่เขาไม่ได้เผย สีหน้าอันใด เก็บลิ่มเจ็ดสีเอาไว้ สายตาตกลงบนเฉินเทียนจุน

เฉินเทียนจุนพึ่งเป็นพยานการรู้เห็นว่าหวังหลินสังหารปรมาจารย์คังจงซื่อ เมื่อหวังหลินมองเข้ามา ใบหน้าพลันซีดเผือด เขาก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัวและคำนับฝ่ามือไปทางหวังหลิน

“พลังอำนาจของน้องหลิวช่างสั่นสะเทือนสวรรค์ ข้าขอชื่นชม! คังจงซื่อโหดเหี้ยมมากที่พาเราทั้งหมดมานี่ โชคดีที่เขาตายด้วยน้ำมือของสหายเซียนหลิว เขาสมควรแล้ว สหายเซียนหลิวทำได้เยี่ยมมาก!”

หวังหลินเข้าไปใกล้เฉินเทียนจุนและคำนับฝ่ามือเล็กน้อย

เฉินเทียนจุนมองหวังหลินอย่างระมัดระวัง อธิบายออกมาก่อนที่หวังหลินจะได้ถามคำถามอื่น “ข้าออกมาก่อนหน้านี้แต่หลังจากเดินทางกลับไปในเส้นทางเดิมจนถึงแท่น ข้าพบว่าข้าไม่สามารถออกไปจากดินแดนเจ็ดสีได้ จากนั้นข้าก็เผชิญกับอสูรดุร้ายตัวหนึ่งและได้รับบาดเจ็บสาหัส ข้าพบสถานที่แห่งนี้และเริ่มฟื้นฟูตัวเอง”

หวังหลินเอ่ยถามขึ้นด้วยท่าทีสงบนิ่ง “การหนีจากอสูรระดับสิบสองต้องไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับสหายเซียนเฉิน”

เฉินเทียนจุนรีบเอ่ยออกมาอย่างกังวล “ข้าเป็นคนพิเศษ ข้ามีความเข้าใจในเรื่องอสูรเป็นอย่างดี จึงหนีรอดออกมาได้”

หวังหลินไม่มีความบาดหมางอะไรกับเฉินเทียนจุนและไม่ได้ต้องการต่อสู้แย่งสมบัติอันใด เขาคำนับฝ่ามือและกำลังจะจากไป

“สหายเซียนหลิว รอเดี๋ยว ข้ามีบางอย่างจะถาม” เฉินเทียนจุนยังคงลังเล แต่พอเห็นหวังหลินกำลังจะจากไปจึงกัดฟันแน่นและตัดสินใจ

“อะไรเล่า?” หวังหลินมองกลับมา

“ตอนที่สหายเซียนหลิวค้นวิญญาณของคังจงซื่อ เจ้า…เจ้าเจอวิธีออกจากที่นี่ไหม?” เฉินเทียนจุนมองหวังหลินด้วยความกังวล

หวังหลินขบคิดเล็กน้อยและพยักหน้า

เฉินเทียนจุนถอนหายใจอย่างโล่งอกและนอบน้อมมากขึ้น เขาคำนับฝ่ามืออย่างจริงใจ “โปรดช่วยข้าด้วยสหายเซียนหลิว ตราบใดที่เจ้าสามารถพาข้าออกไปจากที่นี่ได้ ไม่ว่าเงื่อนไขอะไรก็ตามข้ายินดีตกลง!”

หวังหลินกวาดสายตาผ่านใบหน้าเฉินเทียนจุนและส่ายศีรษะ “ข้าไม่มีแผนจะออกไปจากที่นี่เร็วๆนี้”

เฉินเทียนจุนลังเลและกระซิบ “ไม่มีปัญหา เพียงแค่พาข้าไปด้วยตอนที่สหายเซียนหลิวจากไป ไม่ต้องเร่งรีบ หากมีอะไรให้ข้าช่วยเหลือได้โปรดบอกมาเลย”

หลังจากกล่าวจบ เขาได้เห็นท่าทีสงบนิ่งของหวังหลินราวกับหวังหลินไม่ยอมตกลง จึงรีบเอ่ยขึ้นมา “สหายเซียนหลิว ด้วยความเข้าใจเรื่องอสูรดุร้ายและวิชาจากสำนักอสูรรบ ข้าสามารถช่วยสหายเซียนหลิวรวบรวมผลึกดั้งเดิมจากเหล่าอสูรหมอกที่นี่ได้ ข้าประมาณไว้ว่าที่นี่มีอสูรหมอกอย่างน้อยนับร้อยตัวและมีผลึกดั้งเดิมนับไม่ถ้วน หากสหายเซียนสัญญาว่าจะพาข้าออกไปจากที่นี่ ข้าจะขอเสี่ยงรวบรวมผลึกดั้งเดิมทั้งหมดนั่น! หลังจากเราออกไปได้ ถือว่าเป็นรางวัลใหญ่ทีเดียว!”

หวังหลินเอนเอียง ขบคิดเล็กน้อยจึงพยักหน้าและส่งหินหยกให้แก่เฉินเทียนจุน

“หลังจากรวบรวมผลึกดั้งเดิมเสร็จสิ้น ท่านส่งข้อความมาหาข้า” หลังจากนั้นหวังหลินก็ไม่มองเฉินเทียนจุนอีกและจากไป

เฉินเทียนจุนมองหวังหลินหายลับไปเหนือเส้นขอบฟ้า เขาถอนหายใจอย่าง โล่งอก ตนเองไม่ได้โกหก เขาต้องการออกไปจากที่นี่จริงๆ เดิมทีเขาคิดว่าไม่มีโอกาสแล้ว แต่หลังจากเห็นปรมาจารย์คังจงซื่อตาย เขารู้ว่าโอกาสในการออกไปจากที่นี่อยู่ในมือหวังหลิน

‘การเก็บผลึกดั้งเดิมนั้นอันตรายมาก ข้าจำเป็นต้องเตรียมการ’ เฉินเทียนจุนสูดหายใจลึก ถือหินหยกแน่นราวกับมันคือความหวัง จากนั้นกลับไปที่ถ้ำตนเอง

หวังหลินกลับไปที่ถ้ำในหุบเขา นำผลึกดั้งเดิมจำนวนมากออกมา วางเขตอาคมจำนวนมากเอาไว้รอบตัวและเริ่มดูดซับพลังดั้งเดิม พลังดั้งเดิมพุ่งเข้าหาเขาจากทุกทิศทาง เขาบ่มเพาะวิธีนี้เพื่อบรรลุขั้นชำระสวรรค์ระดับกลาง

‘แม้สถานที่แห่งนี้จะอันตรายแต่ก็เป็นสถานที่ในการบ่มเพาะที่ดีที่สุด จากความทรงจำของคังจงซื่อ มีรูปปั้นหินที่เขาใช้สร้างร่างกายใหม่กลับมาด้วย บางทีข้าสามารถดูดซับพลังบางส่วนจากมันได้ ที่นี่ยังมีอีกสามรูปปั้นจากเขตชั้นนอก พวกมันมีพลังอำนาจและข้อมูลเกี่ยวกับเขตชั้นนอกที่ข้าต้องการ’

‘ยังมีสตรีชุดเขียวที่มีเขตอาคมแห่งชีวิตและความตาย และยังมีเขตอาคมแห่งกาลเวลาของซือหม่าโม่ด้วย…’

ณ ดวงดาวไร้ขอบเขตมีดาราจักรแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างไกลจากทุกชั้นฟ้า ฟ้ากระจ่าง อัญเชิญนทีและทะเลเมฆา แม้ทั้งสี่ดาราจักรรวมกันก็เทียบกับความกว้างใหญ่ของดาราจักรดวงดาวแห่งนี้ไม่ได้

ที่นี่ถูกผู้คนของดินแดนปิดผนึกเรียกกันว่าดินแดนภายนอก…

ผู้คนของดินแดนภายนอกเรียกสถานที่แห่งนี้ว่าดาราจักรแรกเริ่ม…

ภายในดาราจักรแรกเริ่มมีสถานที่ลี้ลับในพื้นที่ต้องห้ามแห่งหนึ่ง ที่นี่ไม่มีสัญญาณแห่งชีวิตและมีแสงเจ็ดสีหลายจุดลอยอยู่ ทั้งยังมีเศษหินหยกที่มีชื่อหนึ่งสลักในแสงแต่ละจุด…

ฉิงชุ่ย เทียนหยุน ปรมาจารย์จงซวน เต๋าวารี ซือหม่าโม่ ปรมาจารย์คังจงซื่อ…

ณ ตอนนี้หินหยกที่มีชื่อปรมาจารย์คังจงซื่อสลักเอาไว้พลันแตกสลายกลายเป็นเศษผง เสียงถอนหายใจดังออกมา วินาทีนั้นวันเวลาเริ่มไหลย้อนคืนและเศษหินหยกกลับคืนเป็นหินหยกก้อนหนึ่งราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ทว่ามีชื่อหนึ่งสลักเอาไว้บนหินหยกที่คืนรูปกลับมาว่า “หวังหลิน…”

“ในดินแดนแห่งเมล็ดพันธุ์เต๋า จิตวิญญาณเต๋าจะก่อเกิดในอีกไม่นาน…มาใช้วิญญาณเขาเพื่อทำให้เต๋าเกิดขึ้นมาสำเร็จ” น้ำเสียงพึมพำดังขึ้นมาราวกับกำลังพูดกับตัวเองหรือส่งไปในดวงดาว

ณ ส่วนลึกของดินแดนเจ็ดสีที่ภูเขาซึ่งความคิดหวังหลินผ่านไป ชายชราผมขาวนั่งอยู่ที่นี่ ด้านหลังเป็นถ้ำแห่งหนึ่ง ลำแสงเจ็ดสีโผล่ออกมาจากถ้ำและมีเสียงร้องไห้คร่ำครวญมากมาค่อยๆดังออกมา

ชายชราเงยศีรษะขึ้นและมองขึ้นไปบนท้องฟ้า หลังจากนั้นสักพักเขาก็พยักหน้าเงียบๆ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!