1213. วิชาเต๋า
ชายชราผมขาวไม่ได้เรียนรู้แก่นแท้ของวิชาประทับวิญญาณสงคราม เขาซ่อนเร้นตัวเองเข้าไปในสำนักเทพเจ้าและไม่ได้มีโอกาสเรียนรู้วิชาหลักของสำนักเทพเจ้า อย่างไรก็ตามพรสวรรค์เขานั้นน่าอัศจรรย์ยิ่ง หลังจากค้นคว้าวิชาและเห็นอยู่สองสามครั้ง เขาก็สามารถเรียนรู้ส่วนหนึ่งของมันได้
แม้จะไม่สามารถเปรียบเทียบกับวิชาประทับวิญญาณสงครามของจริงได้ มันมีสัดส่วนและมีพลังดั้งเดิมถึงสามในสิบส่วน อีกทั้งเขาก็บังคับใช้ด้วยระดับบ่มเพาะขั้นทลายสวรรค์ระดับปลาย ซึ่งทำให้แทบไม่ต่างกับของจริง!
ประทับวิญญาณสงครามของหวังหลินมาจากดินแดนสวรรค์พิรุณ หลังจากทำความเข้าใจอยู่หลายครั้งในที่สุดเขาก็สามารถใช้มันได้ เขาเรียนรู้ได้เพียงผิวเผินเท่านั้นแต่พลังอำนาจของคนประทับไว้ในแดนสวรรค์พิรุณถือว่าสั่นสะเทือนสวรรค์ยิ่ง ไม่เช่นนั้นมันคงไม่ปลดปล่อยกลิ่นอายมาหลายพันหลายหมื่นปีหรือทิ้งรอยแตกร้าวไว้บนพื้น
เป็นผลให้ถึงแม้ระดับบ่มเพาะของหวังหลินจะขาดแคลน ประทับวิญญาณสงครามของเขาก็แฝงพลังอำนาจแห่งสายฟ้าและพลังเทพโบราณไว้ด้วย ทำให้แทบจะแยกประทับจากของจริงไม่ออก!
วินาทีนั้นสองฝ่ามือสั่นสะเทือนสวรรค์เข้าปะทะกันดุจดินแดนเจ็ดสีกำลังล่มสลาย!
ตึงตัง ตึงตัง ตึงตัง ตึงตัง!
พื้นดินสั่นไหว ท้องฟ้าฉีกขาด การปะทะของสองฝ่ามือทำให้เกิดผลกระทบจนสามารถทำลายโลกใบนี้ได้ ดินแดนเจ็ดสีเริ่มล่มสลาย รอยแตกร้าวขนาดใหญ่ถูกฉีกขาดออกเป็นสองส่วน ทั้งดินแดนแห่งนี้ถูกแบ่งออกเป็นครึ่งส่วน!
เฉินเทียนจุนมองอยู่ไกลๆ ให้ความสนใจการต่อสู้นี้ตั้งแต่เริ่มต้น จิตใจเขาตกตะลึงอย่างสิ้นเชิงและไม่อาจเอ่ยอะไรออกมาได้ ลำคอแห้งผาก ความคิดสั่นสะท้าน ตัดสินใจว่าหากออกไปจากที่นี่ได้ทั้งที่มีชีวิต เขาจะไม่หาสถานที่ฝังศพตัวเองและไม่ยอมเสี่ยงอะไรอีกเลย!
มีหญิงชราชุดเขียวอยู่ในดินแดนแห่งนี้ด้วย นางลอยเหาะเหินออกมาด้วยร่างกายที่เหนื่อยอ่อนและสัมผัสได้ถึงการต่อสู้อยู่ไกลๆ ใบหน้าซีดเผือด แต่วินาทีนั้นความคิดหลายอย่างของนางต่อหวังหลินก็พลันมลายหายไป นางกลัวหวังหลิน
‘ระดับบ่มเพาะเขาคืออะไรกันนั่น?! เทียบกันแล้ว ข้าไม่อาจเปรียบได้เลย!’ นางอ้าปากค้างและแววตาเคารพยิ่งรุนแรงมากขึ้น
ตอนนี้ เนื่องด้วยสายฟ้าและเปลวเพลิง หมอกข้างในหุบเขาที่มีจ้าววิญญาณเมฆาอยู่ก็พลันจางลง เหล่าอสูรข้างในสั่นเทาและซ่อนตัวเอง ทำให้เขาสามารถหนีรอดมาได้ในที่สุด ขณะที่หนีออกมาเขาสัมผัสถึงพลังสั่นสะเทือนรุนแรงของดินแดนเจ็ดสีได้ เขารู้สึกถึงพลังดั้งเดิมและสายฟ้าซึ่งทำให้จิตใจหวาดหวั่นเนื่องจากสัมผัสถึงกลิ่นอายของหวังหลินได้ชัดเจน…
การปะทะกันของสองฝ่ามือวิญญาณสงครามได้ทำให้ดินแดนเจ็ดสีล่มสลายแบ่งเป็นสองส่วน นาทีนี้หวังหลินได้รับแรงกระแทกและถูกผลักกลับมา เขากระอักโลหิต ใบหน้าซีดเซียวทันที รอยสักสายฟ้าตรงกลางหน้าผากกำลังอ่อนแอลง
ประทับฝ่ามือนั่นแฝงพลังสายฟ้าจำนวนมากของเขาเอาไว้ด้วย
ชายชราผมขาวไม่ได้ดีกว่ากันนัก เขาถอยร่นและทุกก้าวจะเกิดรอยเท้าฝังลึก ใบหน้าซีดขาว โลหิตผุดออกมาจากมุมปากแต่มีสีหน้าดุร้ายยิ่งยวด เขาเตะขาขวาออกไปอย่างรุนแรง พุ่งตรงเข้าหาหวังหลิน
“รอยสักเผ่าสายฟ้ากระจาย ข้าจะผนึกเจ้าอีกครั้ง! ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะมีผนึกที่สามหลังจากข้าผนึกรอยสักเจ้าไปแล้วถึงสองธาตุ!!!” ชายชราพุ่งร่างเข้ามาดุจประกายสายฟ้า แขนขวาตีเข้ากลางหน้าผากตนเองอย่างรุนแรงและปรากฏรอยร้าวขึ้นอีกครั้ง อักขระเวทย์ที่สองเรืองแสงสีดำอันทรงพลังพลันลอยออกมา
หลังจากใช้ไปสองผนึก ชายชราแทบสูญสิ้นพลังชีวิต เขาดูเหมือนพึ่งปีนออกมาจากหลุมศพและส่งกลิ่นอายเน่าเหม็น
อักขระเวทย์พุ่งออกไปดุจประกายสายฟ้าและร่อนลงกลางหน้าผากหวังหลิน มันสร้างผนึกที่สองและกักขังรอยสักสายฟ้า
ชายชราเข้ามาใกล้พลางใบหน้าดุดัน ยกแขนขวาขึ้นและสร้างหอกพลังดั้งเดิมไปด้วย!
จริงๆแล้วหวังหลินไม่ได้มีรอยสักที่สาม แต่นอกจากสายฟ้าและเปลวเพลิงแล้วเขายังมีเจตนาแห่งการต่อสู้!
เขตแดนแห่งการต่อสู้ มรดกของจางซิงเย่!
หวังหลินยังไม่ได้ผสานเขตแดนนี้เลย วินาทีที่ชายชราเข้ามาใกล้ ดวงตาหวังหลินปลดปล่อยเจตนาต่อสู้อันบ้าคลั่ง แสงสีทองสว่างเรืองรองสุดขั้วโผล่ออกมาจากกลางหน้าผาก!
แสงสีทองยิงเข้าไปในท้องฟ้า ขณะเดียวกันคำว่า “ต่อสู้” ก็ปรากฏตรงกลางหน้าผากหวังหลิน! จากนั้นเจตนาต่อสู้เต็มไปทั่วโลกและหวังหลินก็ลุกขึ้น ราวกับเขาไม่ใช่หวังหลินแต่เป็นจางซิงเย่จุติลงมา!
ร่างกายและกระดูกสันหลังตั้งตรงจนสามารถค้ำจุนโลกได้ ไม่มีใครสามารถสะบั้นเขาให้ตกลงไปได้!
“การต่อสู้พึ่งจะเริ่ม!” ร่างหวังหลินถูกแสงสีทองล้อมรอบ เขาสะบัดแขนปรากฏภาพคำพูด “ต่อสู้” ขึ้นเบื้องหน้าและยิงเข้าหาชายชราผมขาว!
“เป็นไปไม่ได้!!” ชายชราผมขาวรู้สึกตกตะลึงยิ่งกว่าก่อนหน้านี้มหาศาล การต่อสู้กับหวังหลินแต่ละครั้งนั้นมันเกินเหลือเชื่อมากกว่าเดิม นี่มันไกลเกินจินตนาการเขาไปแล้ว!
เปลวเพลิงสีฟ้าอันทรงพลังยิ่งนั้นทำให้เขาตกตะลึงไปแล้ว หลังจากผนึกเพลิงสีฟ้าด้วยวิชาผนึกสวรรค์ กลับปรากฏรอยสักสายฟ้าขึ้นมาโดยไม่คาดคิด เดิมทีเขาคิดว่าแค่ประทับวิญญาณสงครามคงสามารถฆ่าหวังหลินได้ แต่ไม่คาดคิดว่าหวังหลินก็มีประทับวิญญาณสงครามด้วย จากนั้นเขาก็คิดว่าหากใช้วิชาผนึกสวรรค์เพื่อผนึกสายฟ้าอีกครั้ง หวังหลินคงไม่มีพลังอำนาจพอจะต่อสู้กลับ แต่เขากลับคำนวณผิดอีกเพราะมีรอยสักต่อสู้ที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนปรากฏบนหวังหลิน!
เขาเกิดความรู้สึกว่าแม้จะยอมสละพลังชีวิตเพื่อผนึกรอยสักต่อสู้อีก คงมีอีกพลังปรากฏขึ้นมา!
ความรู้สึกนี้รุนแรงยิ่งและหวังหลินก็เข้าประชิดแล้วขณะที่เขาตกอยู่ในภวังค์ความคิดอันสั้น หวังหลินไม่ได้ใช้วิชาอันใดแต่กลับใช้ร่างเทพโบราณเพื่อเริ่มการกระหน่ำโจมตี
ร่างของหวังหลินเปล่งเจตนาต่อสู้ในระดับอันบ้าคลั่ง เจตนานี้ล้อมรอบหวังหลินเอาไว้และทำให้เขาเหมือนเทพแห่งสงคราม!
ชายชราผมขาวล่าถอย ร่างกายเขาด้อยกว่าแต่ระดับบ่มเพาะสูงกว่า ดังนั้นจึงใช้วิชาออกมาหลายอย่างในทันที ขณะที่ทั้งสองคนเริ่มต่อสู้ระยะประชิด ชายชรานำสมบัติจำนวนมากออกมาแต่สมบัติพวกนั้นก็ไม่อาจหยุดยั้งหวังหลินได้เลย กำปั้นหวังหลินร่อนลงใส่และเขากวาดขาขวาเข้ามาเพื่อบังคับให้ชายชราถอยหลัง
หายากนักที่ชายชราผมขาวจะเผชิญการต่อสู้แบบนี้ การต่อสู้ของเขามักจะใช้วิชาและสมบัติวิเศษเป็นส่วนใหญ่ แต่ทว่าทุกหมัดและเท้าของคนตรงหน้าแฝงพลังอำนาจสั่นสะเทือนฟ้าดินเอาไว้ด้วย หากโดนเข้ากับร่างเขา คงพังทลายแน่!
ยิ่งคิดก็ยิ่งเกิดความหวาดกลัว!
‘หากเขาไม่ตาย เขาจะกลายเป็นศัตรูอันยิ่งใหญ่ของเผ่าโบราณของข้าแน่นอน!!! ความสงบนิ่งที่เขามีอยู่ในระดับน่าหวาดกลัว!!’
รอยสักตรงกลางหน้าผากหวังหลินสว่างวาบ ภาพการสู้รบแต่ละฉากวนเวียนไปมาในสมองของเขาไม่หยุด ชีวิตของจางซิงเย่ช่างคู่ควรกับชื่อเขาที่แปลว่าการต่อสู้รบจริงๆ!
ตลอดชีวิตของเขา หลายการต่อสู้นับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ เขาไม่เคยถอยเลย เขามีประสบการณ์ล้นเหลือและเปลี่ยนมันให้กลายเป็นเขตแดนที่มีอยู่คำเดียวว่า ต่อสู้!
การต่อสู้ด้วยร่างกายคือประสบการณ์ การเข้าใจด้วยความคิดคือต้นตอของคำว่า “ต่อสู้” แล้วต่อสู้คืออะไร? ในมุมมองของจางซิงเย่นั้นมันคือจิตวิญญาณรูปแบบหนึ่ง เป็นความต้องการที่ไม่ยอมแพ้แม้แต่สวรรค์!
ข้าตายได้ แต่หลังจากข้าตาย ข้าจะกลายเป็นวิญญาณแห่งการต่อสู้!
ข้าตายได้ แต่หลังจากข้าตาย เจตนารมณ์ของข้าจะยังสั่นคลอนสวรรค์!
ข้าเป็นผู้กล้าทั้งในยามมีชีวิตและยามตาย เหล่าเซียนเช่นเราไม่เคยหวาดกลัวการต่อสู้!
สิ่งที่หวังหลินสืบทอดมาคือเจตนาแบบนี้และประสบการณ์ต่อสู้จำนวนมาก วินาทีนี้เขาเคลื่อนไหวดุจสายลม เสียงดังสะเทือนกึกก้องไม่มีที่สิ้นสุด ชายชราผมขาวตกตะลึงยิ่งกว่าเดิม
ชายชราผมขาวใช้ฝ่ามือสร้างผนึก รวบรวมพลังดั้งเดิมเอาไว้จำนวนมาก เขาไม่สนว่าจะสิ้นเปลืองแค่ไหนและสร้างรอยแตกเบื้องหน้า หยิบยืมแรงกระแทกมาเพื่อแยกตัวเองจากหวังหลิน ใบหน้าซีดเซียวและปรากฏร่องรอยหวาดกลัว ยามที่หวังหลินเข้าประชิดอีกครั้ง เขายกแขนขึ้นมาสร้างผนึกและหลับตา ระลอกคลื่นที่มองไม่เห็นดูเหมือนกระจายออกมาจากร่างเขาข้ามผ่านไปทั่วดินแดนเจ็ดสี
“เรียกขานเต๋าที่หลงทาง เต๋ารู้แจ้งและเหล่าดวงวิญญาณหลงทางทั้งหมด ข้าจะหลอมวิญญาณเต๋าของเจ้า!” วินาทีที่ชายชราพูดประโยคนี้ เหล่าผู้หลงทาง ผู้รู้แจ้งที่หายไปเนื่องจากเปลวเพลิงและสายฟ้าทั้งหมดพลันปรากฏตัวทุกหัวมุมของดินแดนเจ็ดสี
พวกเขาปรากฏตัวและพังทลายในทันที เหล่าผู้หลงทางทั้งหมดเผยแววตากระจ่างชัด แต่เนื่องจากความกระจ่างนี้พวกเขาได้เปลี่ยนกลายเป็นฝุ่นผงและสลายไป
ขณะที่สลายไปเหล่าวิญญาณเต๋าล่องลอยออกมาจากตำแหน่งนั้น พวกมันลอยขึ้นไปในท้องฟ้าและมุ่งหน้าเข้าหาชายชราผมขาว
เหล่าผู้รู้แจ้งที่หายไปนั้นมีเจตนาแห่งเต๋าจำนวนมากแพร่กระจาย พวกมันเปลี่ยนกลายเป็นวิญญาณเต๋าและลอยเข้าหาชายชรา
เหล่าอสูรร้ายในเขตชั้นนอกที่กำลังดิ้นรนอยู่ในเปลวเพลิงพลันแตกดับไปทีละตัว วิญญาณพวกมันลอยออกมาและถูกดึงเข้าหาชายชรา
“เผ่าโบราณอันสูงส่ง ให้ข้ายืมพลังเจ้าเพื่อสลายเต๋าของเขา!”
วิญญาณเต๋านับไม่ถ้วนในดินแดนเจ็ดสีได้รวมกันเบื้องหน้าชายชราผมขาว วิญญาณทั้งหมดผสานกันเป็นหนึ่ง จากนั้นแสงสีเหลืองเต็มไปทั่วโลก กำลังห่อหุ้มหวังหลิน
“สลายเต๋า!” ชายชราเอ่ยน้ำเสียงดุดันกึกก้องทั้งยังใช้พลังทั้งหมดของตัวเอง นอกจากวิชาผนึกสวรรค์แล้ว นี่คือวิชาที่ผู้คนหวาดกลัวมากที่สุด มันทำให้เผ่าทำลายผนึกกลายเป็นเผ่าพันธุ์โบราณระดับสูง เป็นรองเพียงเหล่าเทพโบราณ มารโบราณและปีศาจโบราณเท่านั้น!
ไม่ใช่เพราะวิชาเซียนหรือความสามารถ แต่เป็นวิชาเต๋าอันหายาก!
ใครก็ตามที่ถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีเหลือง จะทำให้เต๋าทั้งหมดที่มีพลันสูญสลายไป! ชายชราผมขาวไม่ได้ใช้วิชานี้ได้อย่างเต็มที่และสามารถเรียกใช้ได้แค่สามวินาทีเท่านั้น! เพียงแค่สามวินาทีก็กินพลังชีวิตเขาไปมากกว่าเก้าในสิบส่วนแล้ว อย่างไรก็ตามเพื่อการทำตามคำสั่งของท่านราชันย์ให้สำเร็จลุล่วง เขาจึงไม่ลังเล!
ผู้ชนะตัดสินกันตรงนี้!