Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1282

Cover Renegade Immortal 1

1282. เริ่มต้นโอกาสอันยิ่งใหญ่

ฉุยต้าวกรีดร้องโหยหวน และวินาทีนี้เปลวเพลิงที่มองไม่เห็นคล้ายจะเผาไหม้วิญญาณของเขา ทำให้เกิดความเจ็บปวดรุนแรงปะทุขึ้นมาในร่าง!

ลิ่มเจ็ดสีเป็นของพิเศษที่สร้างขึ้นเพื่อฆ่าเซียนขั้นที่สามโดยเฉพาะ! ความลึกลับของมันก็คือถูกราชันย์หล่อหลอมจนมีพลังอำนาจที่แม้แต่ตัวราชันย์เองก็ไม่เข้าใจ พลังนี้สามารถสร้างความเสียหายต่อเซียนขั้นที่สามในระดับที่เหนือจินตนาการ!

แม้แต่จ้าวแห่งดินแดนปิดผนึกยังต้องตายไปด้วยการโดนลิ่มเจ็ดสีทิ่มแทงมากกว่าเก้าสิบเล่ม! พลังไร้ขอบเขตของมันสร้างความเสียหายเกินจะเข้าใจได้

ตอนนี้ถ้าลิ่มเจ็ดสีไม่ได้เข้าสู่ฉุยต้าวไปจนหมด เขาคงไม่ถึงจุดวิกฤตความเป็นความตาย

อย่างไรก็ตามตอนที่ร่างอวตารของชายชราจากแดนสวรรค์วายุเข้ามาถึง ดัชนีอัศจรรย์ของเขาผลักลิ่มเจ็ดสีให้เข้าไปได้ลึกห้านิ้ว นี่ทำให้ฉุยต้าวแทบบ้าคลั่งและไม่อาจระงับมันได้

เขาใช้ระดับบ่มเพาะขั้นที่สามอันทรงพลัง ฉุยต้าวจึงระงับเอาไว้ด้วยกำลังได้ เขากำลังจะฆ่าหวังหลินและจากนั้นปิดด่านบ่มเพาะเพื่อฟื้นฟูตัวเอง

แต่เขาไม่เคยคิดว่าตอนที่วิชาของตนเองกำลังจะฆ่าหวังหลิน หินหยกของอาจารย์กลับปรากฏขึ้นมา!

หินหยกนี้ทำให้เขาตกตะลึงจนไม่น้อยไปกว่าเห็นลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าหรือเจออาจารย์ตนเอง! อย่างไรเสียไม่มีอันใดทำให้เขาสิ้นหวัง จนกระทั่ง…ดัชนีปรากฏ!

ฉุยต้าวคุ้นเคยกับดัชนีนี้มาก แค่ชำเลืองมองก็จำได้ว่ามันเป็น…ดัชนีของอาจารย์!

การค้นพบนี้ทำให้เขาแทบหมดความคิด เขาไม่มีเวลาอ้อนวอนขอความเมตตาต่อดัชนีที่กำลังลงมา ทำให้ลิ่มเจ็ดสีเจาะเข้าสู่กะโหลกอย่างสมบูรณ์!

นาทีนี้ตอนที่ลิ่มเจ็ดสีเข้าไปได้อย่างสมบูรณ์ มันก็เริ่มหลอมละลาย เรืองแสงเจ็ดสีทรงพลังเต็มไปทั่วสมอง!

ทวารทั้งหมดของฉุยต้าวเรืองแสงเจ็ดสี! ศีรษะเป็นเหมือนจุกขวดที่มีเจ็ดรูเรืองแสงเจ็ดสีออกมา!

ฉุยต้าวกรีดร้องโหยหวนดูบ้าคลั่งไปแล้ว เขาถอยกรูดอย่างรวดเร็ว สายตาเต็มไปด้วยความดิ้นรนพร้อมกับต่อต้านแสงเจ็ดสีในหัว ไม่ว่าจะดิ้นรนแค่ไหนมันก็ไร้ประโยชน์ ลิ่มเจ็ดสีเปลี่ยนกลายเป็นของเหลวในพริบตาและเต็มไปทั่วจิตใจ

ความเจ็บปวดบีบรัดหัวใจ ฉุยต้าวกรีดร้องอย่างเจ็บปวด แววตาดิ้นรนค่อยๆอ่อนแรงและเขาแทบจะหมดสติ

“อาจารย์ ท่านมอบเครื่องรางให้ข้าเพื่อป้องกันอันตรายสามครั้ง ตอนนี้ทั้งสามครั้งนั้นใช้ไปหมดแล้ว ท่านต้องมาฆ่าข้าแน่…เวรกรรม เวรกรรม เวรกรรม!!!” ฉุยต้าวยิ้มอย่างสังเวชแต่ใบหน้าดูโหดเหี้ยม

“ข้าจะไม่ยอมเชื่อฟัง! หลังจากท่านตาย ข้าก็บรรลุขั้นที่สามและกลายเป็นผู้ทรงอำนาจ ข้าปกครองสำนักเทพเจ้า ข้าแทนท่าน! เหล่าศิษย์เต๋าวารีพันห้าร้อยล้านคน จงระเบิดเพื่อข้าซะ!! ส่งเพลิงนรกานต์มาให้ข้าเพื่อต่อต้านลิ่มเทพเจ็ดสี!!!” ฉุยต้าวร้องคำรามโศกเศร้าพร้อมกับล่าถอยอย่างบ้าคลั่ง เขาทะลวงผ่านอวกาศและถอยกลับไปหาสำนักเทพเจ้า

ดาวเคราะห์เซียนยักษ์ติดตามเขาไปอย่างใกล้ชิด เหล่าศิษย์เต๋าวารีทั้งพันห้าร้อยล้านคนต่างก็พังทลาย เพลิงนรกานต์ที่มีแต่เพียงขั้นที่สามได้พุ่งเข้าสู่สมองของฉุยต้าวเพื่อต่อต้านแสงเจ็ดสี เสียงดังสนั่นกึกก้องอยู่ในร่างฉุยต้าวและหายไปพร้อมกับเขา

ฉุยต้าวบ้าคลั่งตลอดทาง เขาระงับการระเบิดในร่างกายและรีบหายตัวไป!

เสียงดังสนั่นค่อยๆอ่อนลงหลังจากเขาไป เหลือเพียงแต่เสียงเงียบๆเท่านั้น เงียบเสียจนไม่มีคนอื่นอยู่เลย!

หวังหลินค่อยๆหลับตา ทุกอย่างที่เขามีทำลายไปสิ้น เขาคิดกระทั่งทำลายตัวเองเพื่อพาฉุยต้าวไปด้วยกันด้วย อาการบาดเจ็บสาหัสยิ่งกว่าตอนที่อยู่ในดินแดนวิญญาณปีศาจเสียอีก!

พลังชีวิตเขาถูกใช้ไปหมดและแก่ชรา พอหลับตาลง วังวนทั้งสามกลับคืนสู่ร่างกาย ห้าแก่นแท้หมุนวนอยู่ในร่าง

ไม่ว่าอย่างไรพวกมันก็ไม่สามารถฟื้นคืนพลังชีวิตที่เสียไปได้

ขณะที่หลับตา วังวนหนึ่งปรากฏขึ้นกลางหน้าผากและมีลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าค่อยๆลอยออกมา พอมันปรากฏขึ้นจึงหลอมละลายและแพร่กระจายไปทั่วร่างเขา

นาทีนั้นหวังหลินดูเหมือนจะกลายเป็นหิน! เป็นรูปปั้นของชายชรา!

ขณะเดียวกันหินหยกที่กำลังลอยอยู่ข้างหน้าก็หลอมละลายและเข้าสู่กลางหน้าผาก หายไปอย่างไร้ร่องรอย

หลังจากนั้นไม่นาน ห่างออกไปไม่ไกลตรงที่ที่ตรีศูลพังทลาย มีก้อนแสงผลึกอยู่ แสงนั้นเข้าไปใกล้หวังหลินและหายเข้าไปในแขนขวา

รวมถึงตรงจุดที่ผีเสื้อของราชรถสังหารเทพโดนทำลายไป มีแสงเจ็ดสีอยู่เลือนลาง ผีเสื้อเจ็ดสีก่อตัวขึ้นมาและดิ้นรนกระพือปีก มันทะยานเข้าหาหวังหลินอย่างช้าๆและสลายกลายเป็นละอองแสงเจ็ดสีเข้าสู่ร่างหวังหลิน

มีกระบี่สั้นสีขาวและดำทั้งสองเล่มด้วย พวกมันก่อร่างเป็นภาพเงาราวกับมีพลังลึกลับนำพวกมันกลับมามีชีวิต พวกมันเปลี่ยนกลายเป็นกวางสีขาวและดำก่อนจะเข้าสู่ร่างหวังหลิน

ทุกสิ่งทุกอย่างจบสิ้นลง

สติสัมปชัญญะของหวังหลินถูกจมดิ่งไปในความมืดมิดและเขาค่อยๆหลับใหล

ร่างกายที่กลายเป็นหินภายใต้พลังลึกลับของลูกปัดฝืนลิขิตฟ้า ลอยละล่องไปท่ามกลางดวงดาวอย่างช้าๆ

เขตระดับห้าล่มสลาย ตอนนี้มันเต็มไปด้วยรอยแยกอวกาศและสายลมหนาวเย็นโผล่ออกมาจากข้างใน มีวังวนที่ซุกซ่อนไว้จำนวนมากด้วย หวังหลินลอยทะลุผ่านเขตระดับห้า

เวลาผ่านไปหลังจากนั้นไม่รู้นานแค่ไหน อาจจะเป็นหนึ่งวัน สิบวันหรืออาจจะเป็นเดือน…หวังหลินเปลี่ยนกลายเป็นรูปปั้นของชายชราและเร่ร่อนในเขตระดับห้า บางครั้งเขาก็เจอวังวนและถูกโยนออกไปไกล บางครั้งก็เจอรอยแยกอวกาศจึงทำให้เกิดรอยแตกร้าวขึ้นทั่วร่าง

ในเขตระดับห้ามีสตรีนางหนึ่ง นางมาถึงก่อนหน้านี้ไม่รู้นานแค่ไหน พอนางมาถึงสนามรบที่หวังหลินและฉุยต้าวสู้กัน หยาดน้ำตาไหลลงตามใบหน้า

“ข้าสายไปใช่ไหม…” นางกัดริมฝีปากจนเลือดออก มองดูข้างหน้าอย่างเศร้าใจ ตอนนี้ราวกับหัวใจนางตายไปแล้ว

กลิ่นอายแห่งความตายล้อมรอบร่างนางและอาลัยอาวรณ์

“เจ้าต้องการช่วยเขาไหม…” น้ำเสียงเก่าแก่ดังออกมาจากดวงดาวและถึงหูของนาง

ร่างนางสั่นเทา

“เขาไม่ได้ตาย แต่เขาก็ตาย เจ้าต้องหารูปปั้นหินที่เขากลายร่างไป จากนั้นข้าจะสอนวิธีช่วย บางที…มันสามารถทำให้เขากลับมาได้ แต่วิธีนี้มีสิ่งแลกเปลี่ยนครั้งใหญ่…” น้ำเสียงนั้นอ่อนแอลงจนรู้สึกราวกับไม่อยู่ตรงนั้น

ทว่าคำพูดเขาทำให้แววตานางส่องสว่างด้วยความมุ่งมั่น นางพยักหน้าเบาๆพลางปาดน้ำตาบนใบหน้าและเริ่มค้นหาไปทั่วเขตระดับห้าที่ล่มสลาย

วันเวลาผ่านไป สามวัน สิบวัน สิบเก้าวัน…จนกระทั่งสามสิบวันต่อมา…

ในมุมหนึ่งของเขตระดับห้า นางเห็นรูปปั้นของชายชราคนหนึ่งที่เต็มไปด้วยรอยร้าว นางกอดรูปปั้นนั้นเอาไว้ทั้งน้ำตา แต่ไม่มีเสียงใดออกมาจากรูปปั้น

นางกอดเอาไว้และเช็ดน้ำตา ค่อยๆจากไปยังสถานที่ที่ไม่มีใครหาเจอ สู่แผ่นดินป่าแห่งหนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่ใจเขตใดสักที่ในทะเลเมฆา

บนแผ่นดินนี้มีอสูรดุร้ายมากมายเพราะมีน้อยคนจะค้นเจอสถานที่แห่งนี้ ตอนที่นางมาถึง เหล่าอสูรเริ่มร้องคำรามแต่ก็เงียบลงในวินาทีถัดมา ดูเหมือนกลิ่นอายจากร่างของนางทำให้พวกอสูรสั่นเทาและไม่กล้าขึ้นเสียง

ในพื้นที่ทิศเหนือของแผ่นดินป่า นางมาถึงหุบเขาพร้อมด้วยรูปปั้นหิน ปีนขึ้นไปบนหุบเขา มองดูรูปปั้นอย่างเงียบๆพร้อมกับนั่งลงด้วยกัน

ทุกวันนางจะยืนอยู่เบื้องหน้ารูปปั้นหิน กัดปลายนิ้วและปาดใส่รูปปั้นด้วยเลือด รูปปั้นนี้ขรุขระมากดังนั้นนิ้วนางจึงเจ็บปวดรุนแรง ทว่าพอนางมองที่ดวงตาของรูปปั้น ราวกับนางไม่รู้ว่าความเจ็บปวดคืออะไร

รูปปั้นนี้ขนาดใหญ่เท่ากับคนผู้หนึ่ง โลหิตชโลมเอาไว้มาพักใหญ่และแผลของนางก็ฟื้นตัวได้ครึ่งทาง

หลังจากทำเช่นนี้หลายครั้ง ความเจ็บปวดจึงเหมือนการทรมาน!

วันแล้ววันเล่าผ่านไป ความเจ็บปวดย่ำแย่ยิ่งกว่าการทรมาน!

ทุกครั้งที่นางปาดโลหิตใส่รูปปั้น รูปปั้นจะดูดซับโลหิตเอาไว้ มันส่องแสงสว่างราวกับกำลังฟื้นคืนพลังชีวิตและดูแก่น้อยลง! ในตอนเริ่มต้น หลังจากใช้โลหิตชโลมลงไป มันใช้เวลาทั้งวันเพื่อดูดซับ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความเร็วก็เพิ่มขึ้นและโลหิตมักจะหายไปในเวลาสิบชั่วโมง ทำให้นางชโลมมันใหม่อีกครั้ง

หนึ่งเดือน สองเดือน…สี่เดือน…เจ็ดเดือน…หนึ่งปี!

ตลอดปีที่ผ่านมา นางชโลมทั่วทั้งรูปปั้นหินด้วยเลือดโดยไม่พลาดไปแม้แต่จุดเดียว ขณะที่นางชโลมรูปปั้นนั้น นางช่างดูงดงามยิ่ง…

หนึ่งปีที่ผ่านมา รูปปั้นส่องสว่างขึ้นและสว่างยิ่งขึ้น รูปลักษณ์ของมันค่อยๆเปลี่ยนจากชายชรามาเป็นหนุ่มเยาว์วัย มีเพียงใบหน้านางที่ซีดลงเรื่อยๆ โลหิตที่เสียไปนั้นมีพลังดั้งเดิมที่ทำให้นางดูเหมือนดอกไม้บานสะพรั่ง ซึ่งมันกำลังเหี่ยวแห้งลง

“เขาสูญเสียพลังชีวิต หากเป็นแค่พลังชีวิตธรรมดามันก็สามารถฟื้นคืนมาได้ แต่ที่เขาเสียไปคือพลังชีวิตของจิตใจ วิญญาณดั้งเดิมและวิญญาณตนเอง หากเจ้าต้องการฟื้นคืนชีพเขา เจ้าต้องหล่อเลี้ยงด้วยพลังชีวิต…”

นางมองดูรูปปั้นอย่างเงียบๆ สายตามองดูชั่วกาลนาน…

ขณะที่เขากำลังหลับใหล หวังหลินกำลังพบกับความฝันหนึ่ง…เป็นความฝันที่เป็นหนึ่งในโอกาสครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตเขาและเกี่ยวข้องกับลูกปัดฝืนลิขิตฟ้า…

……………………..

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!