Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1301

Cover Renegade Immortal 1

1301. ทัณฑ์สวรรค์มาถึงแล้ว

เหล่าเซียนนับพันยังคงนั่งอยู่นอกรอยแยกอวกาศถัดกับสำนักมาร พวกเขากำลังบ่มเพาะฟื้นฟูพลังดั้งเดิมของตัวเอง บางคนลืมตาขึ้นมามองไปยังรอยแยกอันมืดมิด

พวกเขาคุ้นชินกับชีวิตแบบนี้มาหลายปี

สมาชิกของสำนักมารทั้งสามคนที่ล้อมรอบด้วยแสงสีฟ้าต่างก็นั่งอยู่ไกลๆ มองไปยังรอยแยกอวกาศอยู่เป็นพักๆ

หวังหลินเข้าไปในรอยแยกได้เกือบหนึ่งเดือนแล้ว หนึ่งเดือนถือว่าเป็นช่วงเวลาสั้นมากสำหรับเหล่าเซียน บ่อยครั้งที่การฝึกฝนช่วงหนึ่งจะกินระยะเวลาหลายเดือน

ทว่าเซียนรอบด้านและเซียนทั้งสามจากสำนักมารต่างก็ไม่สามารถบ่มเพาะได้เป็นเวลานานนัก ด้วยเพราะรอยแยกอวกาศที่พวกเขาคุ้นเคยต่างก็ประหลาดยิ่ง

รอยแยกอวกาศเงียบสงัดเกินไป เงียบจนน่ากลัว ราวกับเป็นดินแดนแห่งความตายซึ่งมันหาได้ยากยิ่ง ตลอดหลายปีที่ผ่านมา พวกอสูรมักจะร้องคำรามอยู่ข้างในและพุ่งออกมา แต่ตอนนี้กลับเงียบสนิท

แม้รอยแยกจะเงียบสนิทแต่กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งอย่างต่อเนื่อง แม้จะบางเบาแต่มีอยู่ตลอด ราวกับมีการฆ่าล้างสังหารเกิดขึ้นในรอยแยกและทำให้โลกข้างในกลายเป็นขุมนรก!

ความเงียบและกลิ่นคาวเลือดทำให้เกิดแรงกดดันที่มองไม่เห็นเพิ่มขึ้นทุกวินาที แรงกดดันหนักหน่วงกดลงบนจิตใจเซียนทุกคนจนไม่สามารถทำให้สงบจิตใจลงได้

วินาทีนั้นลำแสงสีเขียวสายหนึ่งโผล่ออกมาจากรอยแยก เมื่อแสงสีเขียวปรากฏ สายตาทุกคนจ้องมองออกไปเผยให้เห็นเป็นชายชราในกลุ่มหกอัจฉริยะ

หลายวันก่อนเขาตัดสินใจลอยเข้าไปในรอยแยกเพื่อตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่มีใครหยุดเขาเพราะทุกคนต้องการรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างในกันแน่

ตอนนี้พอชายชรากลับมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกใจปนไม่เชื่อสายตา เมื่อสายตาทุกคนมารวมกันเขาจึงเอ่ยเสียงแหบพร่า

“มันเต็มไปด้วยซากศพ!! ซากอสูรทั้งหมด พวกมันเป็นเศษซากและถูกพลังสายหนึ่งผลักเข้าไปในส่วนลึกของรอยแยกอวกาศ…ข้าไม่ได้เข้าไปลึกเกินไปเพราะกลิ่นคาวเลือดหนาแน่น ข้าสัมผัสได้ว่ามีอสูรตายอยู่ข้างในมากเกินไปจนก่อตัวเป็นทะเลโลหิต…”

“มีอสูรอยู่ทุกระดับ แม้กระทั่งราชาอสูร…ทั้งหมดทุกสังหารในการโจมตีครั้งเดียว ร่างกายระเบิดแหลกเหลว!”

คำพูดของชายชราทำให้สีหน้าเซียนทั้งหมดรอบด้านเปลี่ยนไปมหาศาล แม้จะพอคาดการณ์ได้ พวกเขาก็ยังตกตะลึงอยู่ดี

“ต้องเป็นเพราะเซียนที่เข้าไปช่วยหลี่เฉียนเหมยเมื่อหนึ่งเดือนก่อนแน่ ระดับบ่มเพาะของเขาล้ำลึกจึงสามารถทำให้เกิดหายนะแบบนั้นในรอยแยกได้! เพียงแต่… เพียงแต่ทั้งหมดนี้มันน่าตกตะลึงเกินไป ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งอย่างไรก็ตัวคนเดียว เขาล้างบางขนาดนั้นได้อย่างไร?”

“แม้กระทั่งผู้อาวุโสของสำนักมารก็มิอาจเทียบกับเซียนคนนั้นได้ ผู้อาวุโสกระทั่งโดนซ่อนอาการบาดเจ็บด้วยฝีมือเขา แต่ไม่ว่าความแข็งแกร่งน่าตกตะลึงแค่ไหน ข้าไม่คิดว่าเขาจะทำเรื่องทั้งหมดนั้นได้ อีกทั้งข้างในมีอสูรดุร้ายมากนัก เขาเพียงแค่ตัวคนเดียวแท้ๆ!”

“เป็นไปได้ว่ามีจักรพรรดิอสูรตนใหม่ถือกำเนิด หรือกำเนิดอสูรรูปร่างมนุษย์ พวกมันต่อสู้กันเองหรืออาจจะเป็นจักรพรรดิอสูรอันลึกลับ!”

หลังจากเซียนรอบด้านได้ยินสิ่งที่ชายชราพูด จึงเกิดเสียงอึกทึก พวกเขามองไปที่รอยแยกและตื่นตัวขึ้น

คนทั้งสามจากสำนักมารต่างมีสีหน้าเคร่งเครียดไปด้วย หนึ่งในนั้นนำหินหยกออกมารายงานกลับไปที่สำนักมาร แต่ทันใดนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ขึ้นในอวกาศด้านนอกรอยแยก!

เนื่องด้วยอวกาศอันมืดมิดมีกลุ่มก๊าซส่องสว่าง การมืดขึ้นเพียงเล็กน้อยจึงไม่ส่งผลกระทบต่อทัศนวิสัยของเหล่าเซียน ทุกสิ่งยังคงเห็นได้

ทว่าทุกอย่างดูเหมือนจะมืดลง แรงกดดันทรงพลังโผล่ออกมาจากทุกทิศทางและรวมเข้าด้วยกัน เกิดเสียงแตกร้าวดังกึกก้องออกมา

ราวกับอวกาศเองกำลังโดนแรงกดดันนี้บีบรัด!

เซียนกลุ่มหนึ่งที่มีระดับบ่มเพาะต่ำลงไปพลันหน้าซีดทันที เสียงปะทุดังออกมาจากร่างกายราวกับกระดูกเสียดสีเข้าด้วยกัน พวกเขากระอักโลหิตและตกอยู่ในอาการบาดเจ็บ!

“นี่คือ!?!”

“นี่มันอะไร!?!” สีหน้าเซียนหลายพันคนเปลี่ยนไป พวกเขาแพร่กระจายพลังงานเพื่อต่อต้าน จากนั้นมองขึ้นทันที!

พวกเขาเห็นก้อนเมฆปรากฏขึ้นในอวกาศด้านบน ก้อนเมฆที่ไม่ควรปรากฏขึ้นในอวกาศกลับปรากฏขึ้นมา!

ก้อนเมฆเป็นสีม่วงและไร้ขอบเขต ปรากฏขึ้นมาจากอากาศเบาบางและห่อหุ้มพื้นที่ดวงดาวแห่งนี้ ก้อนเมฆยังคงเคลื่อนไหวและรวมตัวกันอย่างบ้าคลั่ง

ขณะที่ก้อนเมฆรวมกัน แรงกดดันรุนแรงขึ้นส่งเสียงดังสนั่นออกมาภายใน เสียงคำรามสั่นสะเทือนสวรรค์และทำให้อวกาศสั่นสะเทือน

ราวกับในก้อนเมฆมีรอยอยกสู่อีกโลกหนึ่งและมีตำหนักขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมา ตำหนักแห่งนี้สร้างขึ้นจากหยกสีขาวและดันออกมาภายนอกอย่างต่อเนื่อง!

เสียงดังสนั่นรุนแรงยิ่งขึ้น เสียงสายฟ้าแปลบปลาบผ่านก้อนเมฆ อวกาศสั่นสะเทือนรุนแรงราวกับกำลังพังทลาย!

แรงกดดันรุนแรงยิ่งขึ้น ก้อนเมฆไร้ก้นบึ้งแพร่กระจายไปเรื่อยๆ พริบตาเดียวมันก็ครอบคลุมเขตระดับเก้าเกือบทั้งหมด!

เหล่าเซียนหลายพันคนสั่นสะเทือนและตะลึงงันเมื่อมองไปยังก้อนเมฆด้านบน ความหวาดกลัวผุดขึ้นมาจากดวงวิญญาณทันที ไม่รู้ว่าใครล่าถอยไปก่อน เหล่าเซียนหลายพันคนรีบทะยานหนีอย่างรวดเร็ว ต้องการออกห่างจากก้อนเมฆเหล่านี้!

“ทัณฑ์สวรรค์!!! นี่มัน…คือทัณฑ์สวรรค์!!!”

เสียงร้องโศกเศร้าดังออกมาจากฝูงชน ยามที่เซียนรอบด้านได้ยินเช่นนี้ สีหน้าทั้งหมดซีดเผือด รีบถอยอย่างยิ่งไม่คิดชีวิต!

“ทัณฑ์สวรรค์ มันเป็นทัณฑ์สวรรค์จริงๆ!” เซียนทั้งสามจากสำนักมารสั่นเทาและเกิดแววตาหวาดกลัว พวกเขาล่าถอยโดยไม่ลังเล

เกิดเสียงคำรามสั่นสะเทือนเลือนลั่นออกมาจากก้อนเมฆและสั่นพื้นที่ดวงดาว เซียนหลายร้อยกระอักโลหิตและสลบทันที

เสียงเปลี่ยนกลายเป็นคลื่นกระแทกและแพร่กระจาย พริบตาเดียวมันสั่นสะเทือนไปทั้งเขตระดับเก้า หมอกหนาแน่นในเขตนี้พังทลายในพริบตา อสูรดุร้ายที่ซ่อนอยู่ภายในทั้งหมดต่างก็ส่งเสียงร้องคำรามด้วยความตื่นตระหนก

ราวกับเกิดเหตุการณ์วันสิ้นโลกขึ้นในเขตระดับเก้าและเริ่มเกิดความโกลาหล!

พอก้อนเมฆปรากฏขึ้นมาและเกิดเสียงดังสนั่นสะเทือน เหล่าผู้อาวุโสในสำนักมารต่างก็ตื่นขึ้นจากการบ่มเพาะ สีหน้าแต่ละคนเปลี่ยนไปมหาศาลและเหาะเหินทะยานออกมาจากดาวเคราะเซียน

ผู้อาวุโสของสำนักมารออกมาทั้งสิบหกคน พอเห็นก้อนเมฆจึงหรี่ตาแคบกันทั้งหมด

“นี่…นี่มันทัณฑ์สวรรค์แบบไหนกัน!?!”

ขณะที่เหล่าผู้อาวุโสตกอยู่ในอาการตกตะลึง น้ำเสียงเก่าแก่ดังออกมาจากสำนักมาร “นี่มันวิบากไร้จุดจบ!” ราวกับเขาเองก็กังวลเกี่ยวกับทัณฑ์สวรรค์นี้เป็นอย่างยิ่ง

พอผู้อาวุโสทั้งสิบหกคนได้ยินเสียงนี้ พวกเขามองไปที่สำนักด้วยความเคารพ “ขอคารวะ ผู้อาวุโสระดับสูง!” ลำแสงสายหนึ่งพุ่งออกมาจากสำนักมารและเปลี่ยนกลายเป็นชายวัยกลางคน แม้เขาจะดูเยาว์วัยแต่เปล่งกลิ่นอายเก่าแก่ราวกับอยู่มานานมาก

ชายวัยกลางคนมองไปที่ก้อนเมฆพลางเอ่ยออกมา “ทัณฑ์สวรรค์มีหลายรูปแบบ มีทั้งสายฟ้า วิญญาณ อำนาจและแบบอื่นๆ มีเพียงวิบากไร้จุดจบเท่านั้นที่น่าหวาดกลัวที่สุด มันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาและลือกันว่ามีพลังอำนาจเทียบเท่าสวรรค์เอง มันจะฆ่าล้างผลาญโดยไม่ต้องสงสัยแน่! ข้าสงสัยเหลือเกินว่าเซียนคนใดที่ไปกระตุ้นทัณฑ์สวรรค์นี้โดยไม่คาดคิด!”

“ครั้งหนึ่งจ้าวสำนักกล่าวว่าสิ่งมีชีวิตทั้งหมดนั้นจำเป็นต้องผ่านวิบากไร้จุดจบให้ได้ ข้าไม่คาดคิดว่าจะมาเห็นมันในวันนี้! จงเปิดค่ายกลสำนักและปล่อยให้เซียนทั้งหมดเข้ามาข้างใน ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะโดนทัณฑ์สวรรค์นี้ทำลายไปหมด!” ชายวัยกลางคนจ้องมองก้อนเมฆ สีหน้าท่าทางเคร่งเครียดยิ่ง

คำพูดเขาเป็นเหมือนคำสั่ง ผู้อาวุโสทั้งสิบหกคนแพร่กระจายสัมผัสวิญญาณและทะยานไปหาดาวเคราะห์เซียนทันที สมาชิกสำนักมารส่วนใหญ่ทะยานออกมาและนำทางเหล่าเซียนที่สนามรบให้เข้าสู่สำนัก

ศิษย์สำนักมารเป็นเหมือนกองทัพ เมื่อมีคำสั่งจึงเคลื่อนพลอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ พวกเขาใช้วิธีการบางอย่างและชี้นำทางเซียนทั้งหมดเข้าสู่สำนักมารได้อย่างรวดเร็ว

เมื่อไม่มีเซียนคนใดอยู่นอกสำนักมาร ค่ายกลสำนักจึงเปิดใช้งาน เสียงำรามดังสนั่นดูเหมือนจะแข่งขันกับทัณฑ์สวรรค์ ไม่นานนักดาวเคราะห์ของสำนักมารทั้งหมดจึงถูกล้อมรอบด้วยค่ายกล

“ไม่มีคนไหนในสำนักมารที่ไปกระตุ้นทัณฑ์สวรรค์ ดังนั้นด้วยการเปิดใช้ค่ายกลนี้จึงไม่มีอันตรายใดเกิดขึ้นกับสำนัก! ข้าอยากจะเห็นเสียจริงว่าใครกันที่ไปกระตุ้นทัณฑ์สวรรค์ไร้จุดจบนี้ขึ้นมาโดยไม่คาดคิด!” ดวงตาของชายชราเรืองแสงสว่างราวกับสายตาสามารถมองทะลุอวกาศไปยังรอยแยกได้

ก้อนเมฆแพร่กระจายอย่างบ้าคลั่ง ในเวลาเพียงไม่นานมันก็ห่อหุ้มเขตระดับเก้าทั้งหมดเอาไว้ แสงและสายฟ้าในก้อนเมฆล้วนหนาแน่นและสั่นสะเทือนเซียนทุกคนที่พบเห็น

ขณะที่ก้อนเมฆแพร่กระจายออกไป รอยแยกสู่อีกโลกหนึ่งก็กว้างขึ้นไปเรื่อยๆ ตำหนักสีขาวขนาดใหญ่ออกมาได้ครึ่งทาง!

ผู้อาวุโสระดับสูงของสำนักมารจึงหรี่ตาแคบที่ได้เห็นอารามสีขาวภายในก้อนเมฆ เขาเห็นว่ามีรูปปั้นเป็นคนนั่งอยู่ด้านหน้าของตำหนัก มีกระบี่หินสองเล่มถูกแทงเข้าไปในพื้นเบื้องหน้ามันอีกที

………………………………

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!