Skip to content

คู่แฝดแสบสุดขั้ว 6

Cover Kf

Chapter 6

ข่าวลือดังไปถึงอเมริกา

“ทำไมล่ะครับคุณน้า? มีเรื่องไม่สบายใจอะไรเหรอครับ?” ปฐวีย้อนถามด้วยความเป็นห่วง จิตตรียิ้มกับตัวเองที่หลานชายตกหลุมพรางของเธออย่างง่ายดาย หุๆๆๆ

แล้วเธอก็รีบตีหน้าเศร้าทำเสียงอ่อยๆ ว่า “ก็เรื่องคุณพ่อเราน่ะซิจ๊ะ น้ากลัวว่าคุณพ่อของวีจะถูกหลอกน่ะจ้ะ”

“มีเรื่องอะไรเหรอครับคุณน้า?” ปฐวีผุดลุกขึ้นนั่ง จิตตรียิ้มกริ่ม หุๆๆๆ นังพิมพิราแกกระเด็นแน่!

แล้วเธอก็รีบสาธยายว่า “ก็แม่พิมพิราเลขาของคุณพ่อเราน่ะจ้ะ น้าว่าเขาต้องคิดไม่ดีกับคุณพ่อเราแน่ๆ เลย อย่างวันนี้นะจ๊ะ แม่นี่ก็แกล้งอ่อยทำนมหกโชว์ขาอ่อนให้คุณพ่อเราดูจนตาแทบจะเป็นกุ้งยิงแน่ะ น้าว่าแม่นี่ต้องคิดจะจับคุณพ่อเราอยู่แน่ๆ เลยล่ะจ้ะ นี่ขนาดน้านั่งอยู่ด้วยนะจ๊ะ แม่พิมพิรายังกล้าให้ท่าคุณพ่อเราขนาดนี้ แล้วนี่ถ้าอยู่กันสองต่อสองจะขนาดไหน น้าล่ะไม่อยากจะคิด…เอ่อ…อย่าให้น้าต้องเล่าต่อเลยนะมันกระดากปากน่ะจ้ะ”

เธอแกล้งทำเป็นกระดากปากไม่อยากจะพูดต่อ

“จริงเหรอครับคุณน้า!” ปฐวีย้อนถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ เพราะเท่าที่เห็น เลขาคนใหม่ของคุณพ่อก็ดูเป็นผู้หญิงสงบเสงี่ยมเรียบร้อย ไม่น่าจะกล้าทำอะไรก๋ากั่นไร้ยางอายอย่างที่คุณน้าของเขาเล่าให้ฟังเลย

“จริงซิจ๊ะตาวี น้าเห็นเต็มๆ สองตาน้าเลยนะจ๊ะ น้าก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันว่าเห็นหน้าใสๆ ซื่อๆ อย่างนั้น จะกล้าทำเรื่องไร้ยางอายอย่างให้ท่าผู้ชายต่อหน้าธารกำนัลได้ วีจ๊ะน้าล่ะไม่อยากจะพูดเลย แม่พิมพิราเลขาของคุณพ่อเราคนนี้นะร้ายกาจมากๆ เลยล่ะจ้ะ ให้ท่าออดอ้อนคุณพ่อเราสารพัดสารเพ จนน้าล่ะอายแทนจริงๆ แล้วไม่ใช่แค่นี้นะจ๊ะตาวี เดี๋ยวนี้นะเขาพูดกันให้แซดทั้งบริษัทว่าแม่พิมพิรากับคุณพ่อเราเนี่ยถึงขั้นขย่มกันสนั่นออฟฟิตแล้วนะจ๊ะ”

“อะไรนะครับคุณน้า!” ปฐวีอุทานลั่น ไม่อยากจะเชื่อว่าคุณพ่อที่เคารพรักของเขาจะกล้าทำอะไรแบบนั้นได้! นี่พ่อของเขากลายเป็นพวกโคแก่กินหญ้าอ่อน เป็นสมภารกินไก่วัดอย่างที่คุณน้าของเขาพูดมาจริงๆ หรือนี่!

จิตตรีรีบย้ำ “จริงๆ จ๊ะตาวี ตอนนี้นะทั่วทั้งออฟฟิต เขาพูดกันให้แซดว่าเห็นแม่พิมพิราขึ้นขย่มคุณพ่อเราในห้องประชุมแน่ะจ้ะ น้าล่ะอยากจะบอกคุณพ่อเราให้ระวังตัวป้องกันเอาไว้บ้าง น้าก็ไม่กล้า น้าก็ไม่รู้จะพูดยังไง เพราะถ้าน้าพูดไปเดี๋ยวคุณพ่อเราเขาก็จะหาว่าน้าเสือก ที่น้าพูดเนี่ยก็เพราะหวังดีนะจ๊ะ เพราะน้าเห็นว่าแม่พิมพิราเนี่ยเที่ยวมั่วไปหมด เดี๋ยวไปกับคนนั้นทีคนนี้ที น้าก็กลัวว่าเกิดพลาดพลั้งติดโรคมาคุณพ่อเราก็จะติดไปด้วยนะจ๊ะ ถ้ายังไงวีก็เตือนๆ คุณพ่อบ้างนะจ๊ะ แล้วเราก็อย่าเผลอไปบอกท่านล่ะว่ารู้จากน้าน่ะ น้าไม่อยากให้คุณพ่อเรามาว่าน้าน่ะจ้ะ”

“ไม่ต้องห่วงหรอกครับคุณน้า ผมไม่มีทางหลุดปากแน่ๆ ครับ ขอบคุณนะครับที่เล่าให้ฟัง เดี๋ยวผมจะลองคุยกับคุณพ่อดูก่อนนะครับ” ปฐวีบอกหน้าเครียด จิตตรีได้ทีก็รีบตัดบทว่า “จ้ะตาวี งั้นก็แค่นี้นะจ๊ะ น้าต้องไปธุระแล้วล่ะจ้ะ”

“ครับคุณน้า ถ้างั้นก็สวัสดีครับ”

“จ้า สวัสดีนะจ๊ะ” จิตตรีบอกลาแล้วก็วางสายนั่งยิ้มกริ่มอารมณ์ดี “นังพิมพิรา มึงจะทนได้ซักเท่าไหร่เชียวเจอข่าวฉาวโฉ่บ่อยๆ เข้า มึงทนไม่ไหวก็ต้องลาออกจนได้ล่ะ หึๆๆๆ…”

ส่วนปฐวีพอวางสายแล้วเขาก็ร้อนอกร้อนใจ “นี่มันเกิดอะไรขึ้น? คุณพ่อไม่ใช่คนที่จะทำอะไรแบบนั้นแน่ๆ ต้องโทรไปถามให้รู้เรื่อง”

แล้วเขาก็ไม่รอช้า รีบกดโทรศัพท์หาคุณพ่อทันที

“หวัดดีไอ้เสือ เป็นยังไงบ้างล่ะเจ้าวี สบายดีไหม?” พลเอกณรงค์ฤทธิ์รับสายด้วยความดีใจ

“สวัสดีครับคุณพ่อ ผมสบายดีครับ” ปฐวีตอบแล้วก็ยิงคำถามอย่างไม่อ้อมค้อมว่า “เอ่อ…คุณพ่อครับ จริงรึเปล่าครับที่เขาพูดกันว่าคุณพ่อมีอะไรกับเลขาน่ะครับ”

พลเอกณรงค์ฤทธิ์นิ่งไป ‘แหมข่าวมันไวจริงๆ รู้ไปถึงหูเจ้าวีจนได้’

แล้วเขาก็ตอบลูกชายว่า “ก็จริงน่ะซิเจ้าวี”

“คุณพ่อ!” ปฐวีตกใจ ‘นี่คุณพ่อทำอย่างนั้นจริงๆ เหรอเนี่ย!’

“นี่หมายความว่าคุณพ่อกับเลขามีอะไรกันจริงๆ เหรอครับ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคุณพ่อจะทำเรื่องน่าบัดสีแบบนั้นได้ ทำไมคุณพ่อถึงกลายเป็นพวกสมภารกินไก่วัดซะเองแบบนี้ละครับ ถึงเขาจะสวยมาก แต่เขาอายุน้อยกว่าผมอีกนะครับ ผมไม่คิดเลยนะครับว่าคุณพ่อจะกลายเป็นพวกโคแก่กินหญ้าอ่อนแบบนี้ไปได้ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ” เขาพูดรัวๆ รู้สึกเสียใจและผิดหวังในตัวคุณพ่อมากมายนัก

“หยุดเลยนะเจ้าวีชักจะไปกันใหญ่แล้วนะ!” พลเอกณรงค์ฤทธิ์ตวาดใส่ลูกชายเสียงเข้มแล้วรีบพูดว่า “พ่อกับคุณพะพิมไม่ได้มีอะไรกันอย่างที่แกว่าหรอกนะ มันเป็นแค่ข่าวลือเท่านั้นแหละ”

ปฐวีงง “อ้าว…แล้วมันยังไงกันครับคุณพ่อ?”

“คือมันเป็นอย่างนี้นะเจ้าวี คือว่ามีคนปล่อยข่าวว่าเห็นพ่อกับคุณพะพิมมีอะไรกันที่ออฟฟิต ตอนนี้พ่อกำลังสืบหาตัวไอ้คนปล่อยข่าวอยู่น่ะลูก เจอตัวเมื่อไหร่พ่อจะจับมันฝังทั้งเป็นซะเลย! ให้สาสมกับที่มันทำให้พ่อต้องเสียชื่อเสียง ไอ้ชื่อเสียงพ่อน่ะไม่เท่าไหร่หรอกนะ แต่คุณพะพิมซิแย่ ชื่อเสียงเขาเสียหายป่นปี้ไม่เหลือชิ้นดีเลยล่ะ ถูกคนอื่นตราหน้าว่าเป็นผู้หญิงไม่ดี คิดจะเอาเต้าไต่เพื่อความสบายเพื่อหน้าที่การงาน พ่อล่ะสงสารเขาจริงๆ แล้วไอ้เรื่องอย่างนี้นะ ยิ่งไปพูดว่าไม่ได้ท๊ำ…ไม่ได้ทำก็เหมือนกับว่ายิ่งไปตอกย้ำว่าทำจริงๆ พ่อเลยไม่รู้จะทำยังไงนอกจากจะปล่อยให้เรื่องมันเงียบไปเอง”

“งั้นเหรอครับคุณพ่อ ผมค่อยโล่งใจหน่อยครับ ทีแรกผมก็หลงคิดว่าคุณพ่อทำอย่างงั้นจริงๆ ซะอีก” ปฐวีถอนหายใจโล่งอก

“อ้าว…เจ้าวีนี่แกเห็นพ่อเป็นพวกชอบกินไก่วัดรึไงห๊า! หนอยแน่ะไอ้ลูกคนนี้! รีบๆ กลับมาให้พ่อเตะซะดีๆ เล้ย”

ปฐวีเห็นท่าไม่ดีก็รีบตัดบทว่า “งั้นผมขอตัวก่อนล่ะครับคุณพ่อ ดูแลตัวเองดีๆ นะครับคุณพ่อ ระวังอย่าให้ไก่แก่แม่ปลาช่อนที่ไหนมางาบได้นะครับ แบบเอ๊าะๆ วัยกระเตาะก็ระวังๆ ไว้ด้วยนะครับ”

แล้วเขาก็รีบตัดสายทันที พลเอกณรงค์ฤทธิ์จึงได้แต่ด่าฝากลมฝากแล้ง “ไอ้ลูกคนนี้นี่!”

หลังจากไปบ้านของสมชายมาแล้ว พิมพิราก็เริ่มตะล้อมถามเรื่องของสมชายกับคนในออฟฟิตอย่างเนียนๆ ซึ่งคนที่ให้ข้อมูลได้ดีที่สุดก็คือสมศรีกับแก้ว

ครั้นพอรู้ว่าสมชายเป็นเสาหลักของครอบครัว ความคิดที่จะเอาเรื่องเอาราวกับสมชายจึงมลายหายไป แต่เธอก็ยังนึกไม่ออกว่าเธอไปเหยียบหัวเหยียบหางนายสมชายตั้งแต่เมื่อไหร่ถึงทำให้อีกฝ่ายปล่อยข่าวลือทำลายชื่อเสียงของเธอแบบนี้ ‘เฮ้อ…คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก’

จิตตรีกำลังโทรไปด่าสมชายยกใหญ่ “นี่แก! ไหนคุยนักคุยหนาไงว่านังนั่นมันจะต้องลาออกแน่ๆ จนป่านนี้ฉันยังไม่เห็นจะได้ข่าวว่ามันจะยื่นใบลาออกเลยนะยะ!”

“โธ่ คุณจิตตรีฮ้า สมชายจะไปทราบได้ยังไงล่ะฮ้าว่ามันจะหน้าด้านหน้าทนขนาดนี้น่ะ เป็นคนอื่นน่ะเหรอฮ้าเจอเข้าไปขนาดนี้ไม่เกิน 3 วันมันก็ลาออกไปแล้วล่ะฮ้า” สมชายรีบแก้ตัว แต่จิตตรีไม่ฟังเสียง จิกด่าฉอดๆ “หล่อนไม่ต้องมาแก้ตัวเลยนะยะ หนอย! ทำเป็นคุยนักคุยหนาที่แท้ก็ดีแต่ปากน่ะซิ ไหนหล่อนว่าแผนของหล่อนเหมือนยิงทีเดียวได้นกสองตัวไงล่ะยะ ทำให้นังนั่นมันลาออกแล้วทางของฉันจะสะดวกยังไงล่ะ ฉันไม่เห็นมันจะได้ผลเลยซักกะติ๊ด แถมเดี๋ยวนี้นะฉันเห็นมันแทบจะเป็นเงาตามตัวคุณพี่พอๆ กับไอ้นพแล้วนะยะ ฉันเห็นคุณพี่จะไปทางไหนก็ต้องเห็นไอ้อีสองตัวนี่ตามประกบไม่เคยห่างจนฉันไม่เคยมีโอกาสอยู่กับคุณพี่สองต่อสองเลยนะยะ แล้วอย่างนี้เมื่อไหร่ฉันจะได้เป็นเมียคุณพี่ซักทีล่ะยะไอ้โง่!”

สมชายทนฟังจิตตรีด่าไม่ไหวจึงด่าสวนกลับไปบ้างว่า “นี่อีแก่หนังเหี่ยว! ถ้ามึงฉลาดนักมึงก็หาทางเอาเองเถอะโว้ย แต่ปากหมาด่าไม่เลือกอย่างนี้ อย่าคิดนะว่าท่านจะเอามึงทำเมียน่ะ ฝันไปเหอะ! แล้วมึงก็ไม่ต้องโทรหากูอีกนะอีแก่เหนียงยาน!”

ด่าเสร็จก็ตัดสายฉับ! “ชิ!”

จิตตรีกรี๊ดลั่นบ้าน “กรี๊ด! ไอ้สมชายยยยยย—”

ตอนบ่าย หลังจากเคลียร์งานหมดแล้ว พลเอกณรงค์ฤทธิ์ก็เรียกสมชายมาพบ

“สวัสดีฮ่ะท่าน” สมชายยกมือไหว้อ่อนช้อย ยิ้มประจบ พลเอกณรงค์ฤทธิ์มองสมชายหน้าตาถมึงทึง

ปัง! เขาตบโต๊ะเสียงดังลั่น แล้วตวาดว่า “คุณสมชาย! ทำไมคุณถึงเที่ยวปล่อยข่าวว่าผมมีอะไรกับคุณพิมพิราห๊า!? คุณทำแบบนี้ทำไมห๊า!?”

สมชายตกใจหน้าซีดตัวสั่นรีบปฏิเสธว่า “ปะ…เปล่านะฮ้าท่าน สม…สมชายไม่เคยพูดนะฮ้า”

พลเอกณรงค์ฤทธิ์จ้องเขม็ง หน้าตาดุดันถมึงทึงน่ากลัว “คุณไม่ต้องมาปฏิเสธเลยนะ ผมมีหลักฐานทั้งพยานบุคคลทั้งภาพจากกล้องวงจรปิดเพียบว่าคุณเป็นคนปล่อยข่าวว่าผมมีอะไรกับคุณพิมพิรา คุณยังจะกล้าปฏิเสธอีกรึ! หรือจะต้องให้ผมเอาภาพจากกล้องวงจรปิดมาเปิดแล้วเรียกพวกพยานมาพูดต่อหน้า คุณจะเอาอย่างงั้นก็ได้นะ ผมจะไล่คุณออก! แล้วก็ให้ทนายจัดการฟ้องเรียกค่าเสียหายที่ทำให้ผมต้องเสียชื่อเสียง”

เพียงแค่ได้ยินคำว่า ‘ไล่ออก’ สมชายก็เข่าอ่อนทรุดลงกับพื้นน้ำตานองหน้า “ท่านฮ้า ฮือๆๆๆ ท่านอย่าไล่สมชายออกเลยนะฮ้า ฮือๆๆๆ สมชายผิดไปแล้วฮ้า ท่านยกโทษให้สมชายด้วยนะฮ้า ฮือๆๆๆ สมชายทำไปก็เพราะคุณจิตตรีมาจ้างให้สมชายช่วยใส่ร้ายคุณพะพิมเพื่อให้คุณพะพิมทนไม่ไหวขอลาออกฮ้า ฮือๆๆๆ”

“อะไรนะ! จิตตรีจ้างคุณให้ทำอย่างนั้นเหรอ!?” พลเอกณรงค์ฤทธิ์ถามอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน พิมพิราก็ตกใจอึ้งงันไป! ตกตะลึงไปเหมือนกัน นึกไม่ออกจริงๆ ว่าเธอไปทำอะไรให้คุณป้าคานทองคนนั้นเกลียดนักหนา ถึงขนาดต้องจ้างคนมาดิสเครดิตเธอแบบนี้!?

สมชายรีบพูดทันที ‘ไหนๆ เรื่องมันก็มาถึงขนาดนี้แล้ว แม่จะแฉให้หมดเล้ย!…’

“จริงๆ ฮ้าท่าน คุณจิตตรีมาจ้างให้สมชายปล่อยข่าวจริงๆ นะฮ้า แกจ้างสมชายตั้ง 2 หมื่นเชียวนะฮ้า สมชายอยากได้ตังค์ไปรักษาแม่น่ะฮ้า สมชายก็เลยทำฮ้า ฮือๆๆๆ สมชายผิดไปแล้วฮ้า ท่านอย่าไล่สมชายออกเลยนะฮ้า ฮือๆๆๆ ถ้าท่านไล่สมชายออกแล้วสมชายจะเอาตังค์ที่ไหนเลี้ยงแม่ล่ะฮ้า ฮือๆๆๆ สมชายต้องหาตังค์เลี้ยงแม่เลี้ยงหลาน ถ้าสมชายตกงานแม่กับหลานๆ ของสมชายต้องแย่แน่ๆ ฮ้า ฮือๆๆๆ ท่านฮ้า อย่าไล่สมชายออกเลยนะฮ้า ฮือๆๆๆ จะให้สมชายกราบแทบเท้าสมชายก็ยอมฮ้า  ฮือๆๆๆ”

แล้วเขาก็คลานกะดุ๊บๆ เข้าไปกราบแทบเท้าท่านประธานน้ำตานองหน้า แต่พลเอกณรงค์ฤทธิ์ก็ไม่ใจอ่อน “คุณไม่ต้องมาขอร้องอ้อนวอนผมหรอกนะ ยังไงๆ ผมก็จะไล่คุณออก เพราะคุณทำให้ผมต้องเสียชื่อเสียง แถมยังทำให้บริษัทคู่แข่งเอาเรื่องนี้ไปพูดจนผมเกือบจะเสียลูกค้า แล้วไม่ใช่แค่ผมที่เสียหาย คุณทำให้คุณพิมพิราต้องเสียชื่อเสียงไปด้วย ข่าวลือของคุณทำให้ใครต่อใครเข้าใจคุณพิมพิราผิดๆ จนถูกคนอื่นพูดจาดูถูกเหยียดหยามแสดงท่าทีรังเกียจ การกระทำของคุณมันเลวทรามต่ำช้ามากๆ นี่ถ้าหากผมเอาคุณเข้าคุกได้ล่ะก็…ผมไม่ปล่อยคุณไว้แน่!”

สมชายกลัวจนตัวสั่น ก้มลงกราบแล้วกราบอีกท่านประธานก็ไม่ใจอ่อนเสียที เขาจึงหันไปอ้อนวอนพิมพิราแทน ‘ตอนนี้ต้องทำยังไงก็ยอมทุกอย่างแล้ว ขอเพียงให้ท่านประธานใจอ่อนทีเถอะ…’

“ฮือๆๆๆ คุณพะพิมฮ้า คุณช่วยพูดกับท่านให้หน่อยนะฮ้า ฮือๆๆๆ อย่าให้ท่านไล่พี่สมชายออกเลยนะฮ้า ถ้าพี่ตกงาน แม่ของพี่ต้องลำบากแน่ๆ เลยฮ้า ฮือๆๆๆ แม่พี่แก่แล้วต้องเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลทุกเดือนๆ ฮือๆๆๆ ไหนจะค่ากินค่าอยู่ค่าหยุกค่ายา ฮือๆๆๆ น้องสาวของพี่ก็ตายไปแล้ว แถมมันยังทิ้งหลานไว้ให้พี่เลี้ยงอีกตั้งสองคน น้องเขยพี่มันก็ตายไปตั้งนานแล้วล่ะฮ้า ฮือๆๆๆ หลานสองคนวัยของพี่วัยกำลังกินกำลังนอนเลยล่ะฮ้า ฮือๆๆๆ ถ้าพี่ตกงานแล้วพี่จะเอาตังค์ที่ไหนเลี้ยงแม่เลี้ยงหลานล่ะฮ้า ฮือๆๆๆ คุณพิมพิราช่วยพูดกับท่านให้พี่ด้วยนะฮ้า อย่าให้ท่านไล่พี่ออกเลยนะฮ้า จะให้พี่กราบก็ได้ฮ้า ฮือๆๆๆ” เขารีบคลานไปกราบแทบเท้า จนพิมพิราตกใจ “อุ๊ย!”

แม้ว่าเธอจะรู้สึกเกลียดสมชายมาก แต่ก็อดสงสารไม่ได้ ยิ่งพอมาเห็นท่าทางร้องไห้คร่ำครวญกราบท่านประธานกับเธอปะหลกๆ อย่างไม่เหลือศักดิ์ศรี เธอก็อดที่จะสงสารไม่ได้จนต้องหันไปพูดกับท่านประธานว่า “ท่านคะ เห็นกับความขยันของคุณสมชายลงโทษอย่างอื่นแทนได้ไหมคะ อย่าให้ถึงกับไล่ออกเลยนะคะ”

สมชายมองทั้งสองสีหน้าอ้อนวอนสุดฤทธิ์

“ไม่ได้หรอกครับคุณพะพิม แค่ไล่ออกนี่มันยังน้อยไปด้วยซ้ำครับ ชื่อเสียงผมเสียหายยังไม่เท่าไหร่หรอกครับ แต่นี่ทำให้คุณพะพิมเสียชื่อเสียงไปด้วยผมยอมไม่ได้จริงๆ คุณต้องถูกคนอื่นดูถูกดูแคลนพูดจาเหยียดหยามแสดงท่าทางรังเกียจไปทั้งออฟฟิตอย่างนี้ แล้วจะให้ผมยอมได้ยังไงครับ ยังไงๆก็ต้องไล่ออกครับ” พลเอกณรงค์ฤทธิ์ยืนยันเสียงแข็ง “ยังไงก็ต้องไล่ออก!”

พิมพิราหันไปมองสมชายซึ่งนั่งร้องไห้อยู่แทบเท้าเธอ ถึงแม้ว่าเธอจะนึกโกรธที่ถูกเขาให้ร้าย ก็สะใจมากที่เขาจะถูกไล่ออก แต่ครั้นนึกถึงอีก 3 ชีวิตที่เขามีหน้าที่หาเลี้ยงอยู่ ความมีมนุษยธรรมในใจเธอทำให้ไม่อาจทนเห็นเขาถูกไล่ออกได้ ‘เอาน่า…ถือว่าเห็นแก่คนแก่กับเด็กอีกสองคนที่เขาต้องดูแลล่ะกัน’

“ท่านคะ พะพิมขอร้องเถอะค่ะ อย่าไล่เขาออกเลยนะคะ ถ้าท่านไล่เขาออกแล้วเขาจะเอาตังค์ที่ไหนเลี้ยงครอบครัวล่ะคะ ลำพังเงินเดือนก็ไม่พอจะเลี้ยงครอบครัวอยู่แล้วนะคะ ตอนกลางคืนเขาก็ไปรับจ้างแต่งหน้าให้คณะคาบาเร่ที่บาร์อยู่ทุกคืน วันหยุดก็ไปเป็นลูกจ้างอยู่ร้านเสริมสวย เห็นแก่ความกตัญญูของเขาเถอะนะคะ”

สมชายมองหน้าพิมพิราอย่างอึ้งๆ งงๆ ‘เอ่อ…ชีรู้ได้ไงว่ากูต้องทำงานงกๆ น่ะ’

เสียงหวานๆ ยังช่วยพูดขอร้องต่อไปว่า “ถ้าท่านไล่เขาออก ครอบครัวเขาต้องลำบากแน่ๆค่ ะท่าน พะพิมพูดตรงๆ นะคะ พะพิมรู้สึกสะใจมากค่ะที่ท่านไล่เขาออก แต่พอนึกถึงว่าครอบครัวเขาจะเป็นยังไงถ้าเขาตกงาน พะพิมจึงอยากจะขอร้องท่าน ขอให้ท่านเห็นแก่คนแก่คนเฒ่ากับเด็กตัวเล็กๆ ที่เขาต้องหาเลี้ยงด้วยเถอะค่ะ ท่านอย่าไล่เขาออกเลยนะคะ พะพิมขอร้องล่ะค่ะ”

“คุณพะพิมอย่ามาขอร้องแทนคนเลวอย่างนี้ให้เสียเวลาเลยครับ ยังไงๆ ผมก็จะไล่ออกครับ” พลเอกณรงค์ฤทธิ์บอกเสียงแข็งปรายตามองสมชายด้วยสายตาดุดัน สมชายร้องไห้โฮทันที “ฮือๆๆๆๆๆๆ…”

พิมพิราเห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้ เธอเดินเข้าไปก้มลงกราบท่านประธาน “ท่านคะ พะพิมขอร้องล่ะค่ะ”

“เฮ้ย!” พลเอกณรงค์ฤทธิ์ตกใจที่จู่ๆ พิมพิราก็เข้ามากราบเขา เขารีบดึงเธอให้ลุกขึ้น “คุณพะพิมครับ อย่าทำอย่างนี้ครับ ลุกขึ้นเถอะครับ”

แต่พิมพิราก็ยังไม่ยอมลุกขึ้น “ท่านคะ”

สมชายได้แต่มองพิมพิราตาค้างหยุดร้องไห้ทันควัน “อึก…”

พลเอกณรงค์ฤทธิ์ถอนใจเฮือก “เฮ้อ…ผมไม่ไล่มันออกก็ได้ครับ ลุกขึ้นเถอะครับ”

“ขอบคุณค่ะท่าน” พิมพิรารีบไหว้ยิ้มดีใจ พลเอกณรงค์ฤทธิ์ถอนใจอีกครั้ง “เฮ้อ…ผมยอมแพ้คุณเลย”

แล้วเขาก็ค่อยๆ ประคองเธอให้ลุกขึ้น พิมพิราลุกขึ้นยืนแล้ว พลเอกณรงค์ฤทธิ์ก็ปล่อยแขนเธอแล้วหันไปพูดกับสมชายว่า “ผมไม่ไล่คุณออกก็ได้คุณสมชาย แต่ในเมื่อคุณเป็นคนปล่อยข่าว คุณก็ต้องไปแก้ข่าวให้ได้ภายใน 3 วัน ถ้าภายใน 3 วันคุณแก้ข่าวไม่ได้ผมไล่คุณออกแน่!”

สมชายมองท่านประธานอย่างงงๆ เพราะสมองมัวแต่คิดว่า ‘ทำไมพิมพิราถึงยอมช่วยกูถึงขนาดนี้ ขนาดยอมกราบขอร้องท่านประธานอย่างเมื่อกี้นี้!?”

พลเอกณรงค์ฤทธิ์ตวาดไล่ “เอ้า! ยังไม่รีบไปอีก มัวแต่นั่งทำหน้าซื่อบื่ออยู่นั่นแหละ”

สมชายรีบคลานเข้าไปกราบท่านประธานยกใหญ่ “ขอบพระคุณฮ้าท่าน ขอบพระคุณฮ้า ขอบพระคุณจริงๆฮ้า”

จากนั้นเขาก็รีบออกจากห้องไป

เมื่อสมชายไปแล้ว พลเอกณรงค์ฤทธิ์ก็หันไปบ่นพิมพิราว่า “คุณพะพิมไม่น่าไปช่วยคนอย่างมันเลย มันเป็นคนปล่อยข่าวทำให้คุณต้องอับอายไปทั้งออฟฟิต คุณยังจะไปช่วยมันทำไมก็ไม่รู้ มันน่าไล่ออกไปให้พ้นๆ เลยไอ้คนอย่างนี้ ไม่รู้จะไปช่วยมันทำไม”

พิมพิรายิ้มให้เจ้านายแล้วก็พูดว่า “ก็นึกว่าทำบุญทำทานเถอะค่ะท่าน ถ้าลำพังตัวเขาล่ะก็ ท่านจะไล่ออกจะฟ้องเรียกค่าเสียหายยังไง พะพิมก็ไม่สนหรอกค่ะ แต่นี่พะพิมสงสารแม่กับหลานๆ เขาน่ะค่ะ ถ้าเขาตกงานซะคน แล้วคนอื่นๆ จะกินจะอยู่กันยังไงล่ะคะ อีกอย่างสร้างมิตรดีกว่าสร้างศัตรูนี่คะ”

“แล้วคุณไปรู้มาจากไหนล่ะครับว่ามันเป็นคนหาเลี้ยงครอบครัวอย่างที่มันพูดน่ะครับ มันอาจจะยกมาอ้างเพื่อเรียกคะแนนสงสารจากผมจากคุณก็ได้นะครับ” พลเอกณรงค์ฤทธิ์ย้อนถาม พิมพิรายิ้มกว้างแล้วก็ตอบว่า “พะพิมรู้ว่าเขาเป็นคนปล่อยข่าว พะพิมก็เลยอยากจะรู้ว่าเพราะอะไรเขาถึงต้องมาปล่อยข่าวดิสเครดิตพะพิมอย่างงั้นด้วย ทั้งๆ ที่พะพิมไม่เคยมีเรื่องกับเขาเลย  พอถามคนนู้นทีคนนี้ที พะพิมถึงได้รู้ว่าเขาต้องเลี้ยงแม่กับหลานอีกสองคน น้องสาวก็ถูกรถชนตายไปได้ซักสองปีกว่าๆ ส่วนน้องเขยก็ตายไปตั้งนานแล้ว เขาก็เลยต้องรับภาระเลี้ยงแม่เลี้ยงหลาน ตอนกลางวันทำงานที่ออฟฟิต พอกลางคืนก็ไปรับจ้างแต่งหน้าทำผมอยู่ในบาร์ พอวันหยุดก็ไปเป็นลูกจ้างร้านเสริมสวยอีก ทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อตตั้งแต่เช้ายันค่ำ แต่พะพิมก็ยังหาสาเหตุที่เขาปล่อยข่าวไม่ได้ เพิ่งจะได้รู้ก็วันนี้แหละค่ะว่าเพราะอะไร”

นัยน์ตาหวานเขียวปั๊ดทันทีเมื่อนึกถึงต้นเหตุ ‘หนอย…ยัยคุณป้าคานทอง…เดี๋ยวหล่อนได้เจอหนักแน่!’

พลเอกณรงค์ฤทธิ์รีบขอโทษแทน “ผมต้องขอโทษด้วยครับที่จิตตรีทำอย่างนี้ ผมไม่คิดเลยว่าเขาจะร้ายกาจถึงขนาดจ้างคนมาใส่ร้ายคุณอย่างนี้น่ะครับ ผมขอโทษจริงๆ ที่ทำให้คุณเดือดร้อนไปด้วย”

“ไม่เป็นไรค่ะท่าน ท่านไม่ได้ทำอะไรผิดซักหน่อยนี่คะ” พิมพิรายิ้มให้ พลเอกณรงค์ฤทธิ์รีบบอกว่า “เห็นทีผมคงต้องทำอะไรบ้างแล้วล่ะครับ มันชักจะล้ำเส้นเกินไปแล้ว!”

เขากำมือแน่นตาวาวดุดันแล้วก็บอกเธอว่า “คุณพะพิมครับ ผมจะออกไปข้างนอกนะครับ  ถ้ามีอะไรด่วนก็โทรบอกนะครับ”

“ค่ะท่าน”

แล้วพลเอกณรงค์ฤทธิ์ก็เดินจ้ำอ้าวออกจากห้องไป พิมพิราจึงหันไปเก็บของบนโต๊ะเจ้านายให้เรียบร้อย เมื่อเธอออกไปก็เห็นสมชายนั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงานของเธอ สมชายรีบลุกไปหาพิมพิราทันที “คุณน้องฮ้า พี่ผิดไปแล้วฮ้า พี่มันเลว พี่มันชั่วที่ไปร่วมมือกับอีแก่เหนียงยาน พี่ขอโทษจริงๆ นะฮ้า พี่ไม่น่าหลงผิดเห็นกงจักรเป็นดอกบัวเลย นี่ถ้าไม่ได้คุณน้องช่วยพูดกับท่านล่ะก็ พี่คงตกงานแน่ๆ ฮ้า  ขอบคุณคุณน้องมากๆ นะฮ้า ขอบคุณจริงๆ ฮ้า พี่จะไม่ลืมพระคุณของคุณน้องเลยฮ้า ถ้ามีอะไรให้พี่ช่วยล่ะก็ คุณน้องบอกพี่ได้เลยนะฮ้า พี่จะช่วยคุณน้องทุกอย่างเลยฮ้า ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟฝ่าดงระเบิดที่ไหนคุณน้องก็สั่งมาได้เลยนะฮ้า”

พิมพิรามองสมชายอย่างงงๆ ‘อะไรของเขาหว่า…?’

แต่ยังไม่ทันที่จะพูดอะไร สมชายก็พูดขึ้นว่า “อุ้ย! ต้องรีบไปแก้ข่าวให้คุณน้องก่อนฮ้า งั้นพี่ไปก่อนนะฮ้า อ้อ…นี่เบอร์มือถือของพี่นะฮ้า ถ้าคุณน้องมีอะไรจะใช้พี่ก็โทรได้ทุกเวลาเลยนะฮ้าไม่ต้องเกรงใจฮ้า”

เขายัดนามบัตรตัวเองใส่มืออีกฝ่ายแล้วก็รีบเดินไปทันที พิมพิราได้แต่มองตามกระเทยร่างยักษ์อย่างงงสุดขีด ‘เฮ้อ…ให้มันได้งี้เด่ะ!’

แล้วเธอก็เอานามบัตรใส่ไว้ในลิ้นชักโต๊ะอย่างไม่ใส่ใจแล้วก็ลงมือทำงานที่ยังค้างอยู่ต่อ

พลเอกณรงค์ฤทธิ์ออกจากบริษัทด้วยความโกรธ เขาสั่งนพว่า “ไปบ้านคุณจิตตรี!”

“อะไรนะครับท่าน! ผมฟังผิดไปรึเปล่า!?” นพหันไปมองเจ้านายพร้อมกับแคะหูตัวเองใหญ่ พลเอกณรงค์ฤทธิ์จ้องหน้าลูกน้องแล้วสั่งอีกทีว่า “เอ็งฟังไม่ผิดหรอก ไปบ้านคุณจิตตรี”

นพจ้องหน้าเจ้านายเหมือนถูกผีหลอก ‘ท่านไปโดนเสน่ห์มนต์ดำที่ไหนมาหว่า!?’

พลเอกณรงค์ฤทธิ์รีบอธิบายอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “ฉันจะไปเฉ่งที่เธอเสือกจ้างไอ้สมชายมาปล่อยข่าวเรื่องฉันกับคุณพะพิมโว้ย! เอ็งรีบๆ ขับรถไปเลยไอ้นพ!”

“ครับท่าน” นพรีบขับรถไปตามคำสั่งทันที ก็เจ้านายกำลังโกรธขืนชักช้า เดี๋ยวความโกรธมาลงที่เขาแทนล่ะยุ่งเลย

เมื่อไปถึงบ้านจิตตรี นพก็รีบลงไปกดกริ่งหน้าบ้าน เดือนเดินมาเปิดประตูพร้อมกับถามด้วยความสงสัยว่า “อ้าว…น้านพ ลมอะไรหอบมาจ๊ะน้า?”

ก็ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นคนจากบ้านเดชารงค์มาที่นี่เลย มีแต่เจ้านายของเธอนั้นแหละที่เป็นฝ่ายไปหา

“ลมโมโหน่ะซินังเดือน แล้วนี่คุณนายจิตตรีอยู่รึเปล่าล่ะ?”

“อยู่จ้ะน้า เพิ่งจะกลับมาถึงสักพักนี่แหละจ้ะ” เดือนตอบพร้อมกับชะเง้อมองไปที่รถเบนซ์ นพรีบสั่งแทนเจ้านายว่า “งั้นเอ็งไปบอกเจ้านายเอ็งทีว่าท่านมาหา รีบๆไปเลย”

“จ้ะน้า” เดือนรีบวิ่งเข้าบ้านไปทันที นพรีบเดินกลับไปรายงานเจ้านายว่า “ท่านครับ อยู่ครับท่าน”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!