Skip to content

คู่แฝดแสบสุดขั้ว 9

Cover Kf

Chapter 9

พาเลขาออกงาน

พิมพิราย่อตัวไหว้อย่างอ่อนช้อย “สวัสดีค่ะคุณหญิง”

คุณหญิงสายสมรรับไหว้พร้อมกับมองลอดแว่น “สวัสดีจ้ะหนู”

แล้วพลเอกณรงค์ฤทธิ์ก็รีบแนะนำว่า “คุณหญิงครับ นี่คุณพิมพิราเลขาของผมครับ”

เมื่อแนะนำตัวกันเสร็จสรรพ คุณหญิงสายสมรก็ถามว่า “อ้าว แล้วคุณโรสล่ะคะท่าน?”

“อ๋อ… คือว่าคุณพิมพิรามาทำงานแทนช่วงที่คุณโรสลาคลอดน่ะครับคุณหญิง” พลเอกณรงค์ฤทธิ์บอก คุณหญิงสายสมรพยักหน้าหงึกๆ “อ๋อค่ะ”

แล้วคุณหญิงก็มองลอดแว่นอีกที

“เอ หนูนี่หน้าคุ้นๆ อยู่นะคะ เราเคยเจอกันมาก่อนรึเปล่าคะ?” คุณหญิงสายสมรถามด้วยความสงสัย ก็หญิงสาวตรงหน้าช่างคุ้นหน้าคุ้นตาซะเหลือเกิน!

พิมพิรารีบตอบว่า “ไม่เคยหรอกค่ะคุณหญิง”

“งั้นเหรอคะ งั้นก็ช่างเถอะคะ” คุณหญิงสายสมรพยักหน้า แล้วก็หันไปพูดกับพลเอกณรงค์ฤทธิ์ว่า “อุ้ยตายจริง! ขอโทษค่ะท่าน มัวแต่ชวนคุยเพลิน เชิญค่ะท่าน เชิญข้างในเลยค่ะ”

คุณหญิงเชื้อเชิญพลางเดินนำไปที่เก้าอี้ด้วยตัวเอง

“ครับคุณหญิง” พลเอกณรงค์ฤทธิ์เดินตามคุณหญิงสายสมรเข้าไปในงาน พิมพิราก็รีบเดินตามไปติดๆ

“เมื่อครู่นี้คุณน้องจิตตรีก็เพิ่งจะมาถึงเหมือนกันค่ะ แหมนี่นัดกันมารึเปล่าคะท่าน ถึงได้มาถึงไล่ๆ กันเลย” คุณหญิงสายสมรแซวยิ้มๆ พลเอกณรงค์ฤทธิ์ชะงักกึก! ‘หยึ๋ย…’

“นี่คุณจิตตรีก็มาด้วยเหรอครับคุณหญิง?”

“มาซิคะท่าน เพิ่งจะเดินเข้าไปเมื่อกี้นี้เองค่ะ” คุณหญิงสายสมรบอกยังไม่ทันจะขาดคำ เสียงแหลมๆ ดั่งเสียงเปรตจากนรกอเวจีก็ดังนำมาก่อนตัวเลยเชียว “ต๊าย…ตายคุณพี่ นี่คุณพี่ก็มางานนี้ด้วยเหรอคะไม่เห็นบอกจิตตรีเลยนะคะ”

จิตตรีเดินตรงเข้าไปต่อว่าพร้อมกับทำท่าจะเข้าไปควงแขน พลเอกณรงค์ฤทธิ์รีบหันไปกระซิบเรียกพร้อมกับขยิบตากับเลขา “คุณพะพิมครับ”

“อ้อ…ค่ะท่าน” พิมพิรารีบเดินไปยืนขนาบข้างกันไม่ให้จิตตรีเข้าใกล้เจ้านาย ‘หุๆๆๆ ยัยป้าคานทอง คราวนี้แหละฉันจะเอาคืนมั่งล่ะ…’

จิตตรีหน้าบึ้งทันควัน! ‘กรี๊ด!…นี่คุณพี่เอาอีนังนี่มาด้วยเหรอ!?’

พิมพิรายืนอยู่ข้างๆ เจ้านายทำหน้าที่เป็นไม้กันหมา เธอจิกสายตาเย็นชาใส่อีกฝ่าย

‘หนอยน่ะอีนี่…น่าตบให้คว่ำนัก!’ จิตตรีรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ แล้วยิ้มหวานให้อดีตพี่เขย “แหม…นี่ถ้าคุณพี่บอกจิตตรีซักคำล่ะก็…จิตตรีคงไม่ปล่อยให้คุณพี่ต้องมากับเลขาหรอกค่ะ”

ทั้งปากทั้งน้ำเสียงหวานหยด แต่ดวงตาฉายแววร้ายกาจจิกใส่เลขาหน้าหวาน ฉึก! ฉึก! ฉึก!…

พิมพิราก็จิกตามองตอบอย่างท้าทาย ‘ฉึก! ฉึก! ฉึก!…เชอะ! ยัยป้าคานทอง!’

พลเอกณรงค์ฤทธิ์แย้มยิ้มให้พร้อมกับพูดว่า “ขอบคุณครับคุณจิตตรี แต่ผมไม่อยากจะไปรบกวนเวลาอันมีค่าของคุณหรอกครับ”

‘เฮอะ…เรื่องอะไรจะบอกล่ะ นี่ถ้ารู้ว่าต้องมาเจอกันล่ะก็…จ้างให้ก็ไม่มาหรอกเฟ้ย!’

คุณหญิงสายสมรรีบเบือนหน้าไปแอบยิ้มขำที่เห็นจิตตรีถูกปฏิเสธ ก็พอจะรู้ข่าวมาบ้างว่าจิตตรีจ้องจะงาบอดีตพี่เขย แต่ก็ไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นจะๆ วันนี้เอง ก็ดูซิ…ฝ่ายหญิงอุตส่าห์ทอดสะพาน แทบจะเอาตัวใส่พานประเคนให้ ส่วนฝ่ายชายก็เอาแต่ตั้งท่าปฏิเสธ

ก็น่าเห็นใจท่านนายพลยิ่งนัก ถ้าจิตตรีจะมีนิสัยละม้ายคล้ายคุณหญิงจิตตราบ้าง ท่านนายพลก็คงจะสนใจอยู่หรอก แต่นี่…แตกต่างกันลิบลับ จนแทบจะไม่อยากเชื่อว่าเป็นพี่น้องกันจริงๆ ก็ไม่รู้ว่าได้บัตรเชิญไปยังไงเพราะตัวคุณหญิงไม่เคยคิดจะเชิญจิตตรีมาร่วมงานอยู่แล้ว คุณหญิงจึงรีบช่วยกันท่าให้

“เชิญท่านไปนั่งเถอะค่ะ นี่ก็ใกล้จะเริ่มการแสดงแล้วล่ะค่ะ” แล้วคุณหญิงสายสมรก็หันไปบอกกับจิตตรีว่า “ขอตัวก่อนนะคะคุณน้องจิตตรี”

คุณหญิงสายสมรรีบพาท่านนายพลกับเลขาไปนั่งที่เก้าอี้ด้วยตัวเอง จิตตรีได้แต่ยืนฟึ่ดฟัดกระฟัดกระเฟียด ‘หนอยแน่ะ!…อีคุณหญิง! เสือกไม่เข้าเรื่องจริงๆ!’

เมื่อส่งท่านนายพลกับเลขาไปนั่งที่เก้าอี้แถวหน้าแล้ว คุณหญิงสายสมรก็ขอตัวไปต้อนรับแขกต่อ

“นี่หล่อน พอจะรู้ไหมว่าเลขาของท่านณรงค์เป็นลูกเต้าเหล่าใครกัน?” คุณหญิงสายสมรถามกับบรรดาเพื่อนๆ ที่เป็นคุณหญิงด้วยกัน เพราะรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาคุณเลขาหน้าหวานมากๆ แต่ก็นึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหน?

แล้วก็ได้คำตอบกลับมาทันทีว่า “อ้าว นี่หล่อนจำไม่ได้เหรอจ๊ะ? ก็เด็กคนนี้ไงที่รำถวายพระพรเมื่อตอนงานห้าธันวาน่ะ เด็กคนนี้แหละที่ฉันชี้ให้หล่อนดู แล้วหล่อนยังให้คนไปทาบทามจะส่งเข้าประกวดมิสไทยแลนด์เวิลด์ปีนี้ไงล่ะ แหมลืมง่ายจังนะหล่อนนี่”

เพื่อนที่เป็นคุณหญิงด้วยกันจีบปากจีบคอบอก คุณหญิงสายสมรนึกขึ้นได้ “ต๊าย! ถึงว่าซิ ว่าหน้าคุ้นๆ แต่เสียดายจังที่เด็กคนนั้นไม่ยอมเข้าประกวด นี่ถ้าเด็กคนนั้นยอมเข้าประกวดล่ะก็…รับรองว่าคว้ามงกุฏปีนี้มาครองแน่ๆ เลยเชียว”

แล้วคุณหญิงสายสมรก็มองไปทางพิมพิราอย่างแสนเสียดาย

จนกระทั่งใกล้จะถึงเวลาเปิดม่านคุณหญิงจึงรีบไปนั่งที่เก้าอี้ของตัวเอง แขกทุกคนที่มาในงานต่างพากันตบมือ เมื่อพิธีกรหนุ่มรูปหล่อกับพิธีกรสาวสวยเดินขึ้นไปบนเวที

หลังจากพิธีกรกล่าวเปิดงานจบ การแสดงก็เริ่มขึ้น พิมพิรานั่งดูการแสดงอย่างตื่นเต้นและมีความสุข ก็เธอเพิ่งจะมีโอกาสได้นั่งดูใกล้ๆ ติดหน้าเวทีขนาดนี้เป็นครั้งแรกในชีวิต พลเอกณรงค์ฤทธิ์ก็คอยลอบมองเลขาสาวบ่อยๆ ‘โห คงจะชอบมาก ถึงขนาดนั่งดูไม่กะพริบตาเลยแบบนี้แฮะ’

เขาแทบจะไม่ได้ดูการแสดงบนเวทีเลย เพราะใบหน้าหวานๆ ตรึงสายตาของเขาไว้จนไม่อยากจะหันไปมองอย่างอื่น

จิตตรีซึ่งนั่งอยู่แถวที่สิบนับจากหน้าเวที พอมองเห็นกริยาท่าทางและสายตาของพลเอกณรงค์ฤทธิ์ที่เอาแต่มองนังเลขานั่น เธอก็อยากจะลุกไปกระชากแม่เลขาหน้าหวานมาตบๆๆ ให้หายโมโห แต่ก็ทำไม่ได้

‘หนอย!  อีนังพิมพิรา มึงจงใจแต่งตัวยั่วคุณพี่ชัดๆ มันน่าจับตบให้เลือดกลบปากนักเชียว! แล้วดูคุณพี่ซิ เอาแต่มองมันอยู่นั่นแหละ! โธ่โว้ย! ทีกูไม่เห็นมองมั่งเล้ย! คุณพี่นะคุณพี่!ง จิตตรีนั่งเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันกรอดๆ

จนกระทั่งการแสดงปิดม่านลง แขกที่มาในงานต่างพากันทยอยกลับ จิตตรีอยากจะแล่นไปหาคุณพี่ณรงค์ซะเดี๋ยวนั้น ก็ทำไม่ได้เพราะติดแขกคนอื่นๆ ที่ยืนออกันอยู่ ‘โอ้ย! ไอ้อีพวกนี้ก็แม่ง!…จะรีบๆ เดินออกไปให้มันเร็วๆ หน่อยไม่เป็นกันรึไงวะ! มัวแต่ชักช้ายืดยาดกันอยู่ได้ เซ็งจริงๆ เลยโว้ย!’

ครั้นจะก้าวข้ามเก้าอี้ตะกายไปหาก็กลัวว่าคนอื่นจะเอาไปนินทา เธอจึงจำใจต้องรออยู่อย่างนั้น ‘โว๊ย!’

ส่วนพลเอกณรงค์ฤทธิ์พอการแสดงจบลง เขาก็หันไปลาคุณหญิงสายสมรซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ ทันที “เอ่อ…คุณหญิงครับ ผมเห็นจะต้องรีบกลับก่อนล่ะครับ”

“อ้าว…ทำไมรีบกลับนักล่ะคะท่าน?” คุณหญิงสายสมรถามด้วยความสงสัย พลเอกณรงค์ฤทธิ์เหลือบตาไปมองทางอดีตน้องภรรยาแล้วก็อึกอักๆ  “เอ่อ…เอ่อ…คือว่าผม…”

คุณหญิงสายสมรหันไปมองตาม พอเห็นจิตตรี เธอก็พยักหน้าเข้าใจ “อ๋อ…เข้าใจแล้วล่ะค่ะ”

แล้วคุณหญิงก็หันไปพูดกับท่านนายพลว่า “ท่านมีธุระก็เลยจะรีบกลับ ไม่เป็นไรค่ะท่าน ไว้โอกาสหน้าท่านมีเวลาว่างค่อยอยู่คุยกันก็ได้ค่ะ เชิญท่านเถอะค่ะ”

“งั้นผมลาเลยนะครับคุณหญิง ขอบพระคุณมากครับ” พลเอกณรงค์ฤทธิ์รีบขอตัวกับคุณหญิง พิมพิราก็รีบยกมือไหว้ลา “สวัสดีค่ะคุณหญิง”

คุณหญิงสายสมรรับไหว้พร้อมกับยิ้มให้ แล้วพลเอกณรงค์ฤทธิ์ก็รีบชวนพิมพิรากลับทันที “กลับกันเถอะครับคุณพะพิม”

“ค่ะท่าน”

พลเอกณรงค์ฤทธิ์พาพิมพิราเดินออกไปทางด้านหลังเวทีโดยเร็ว เพราะเคยเดินเข้าเดินออกจนรู้ทาง กว่าจิตตรีจะหลุดจากแถวเก้าอี้ที่นั่งออกมาได้ พลเอกณรงค์ฤทธิ์กับพิมพิราก็นั่งรถออกจากโรงละครไปแล้ว แม้ว่าจิตตรีจะเที่ยวเดินตามหาจนทั่วเธอก็ไม่มีทางเจอ ‘เอ…เห็นอยู่เมื่อกี้นี้นี่หว่า…ไปไหนซะแล้วล่ะ?’

“ชอบไหมครับคุณพะพิม?” พลเอกณรงค์ฤทธิ์เอี้ยวตัวหันไปถามเลขาซึ่งนั่งอยู่ที่เบาะหลัง พิมพิรารีบตอบว่า “ชอบค่ะท่าน สนุกมากเลยค่ะ ขอบคุณนะคะที่ชวนพะพิมมาด้วย”

พลเอกณรงค์ฤทธิ์ยิ้มรับคำขอบคุณจากเลขาสาว แล้วเขาก็หันกลับไปมองถนนต่อ

เมื่อถึงอพาร์ทเม้นต์ พิมพิราก็รีบลงจากรถอย่างว่องไว “ขอบคุณค่ะท่าน ราตรีสวัสดิ์ค่ะ”

เธอไหว้ท่านประธานเหมือนเช่นเคย พลเอกณรงค์ฤทธิ์ลดกระจกลงแล้วยิ้มให้ “ราตรีสวัสครับ”

แล้วพิมพิราก็หันไปลานายนพ “ขอบคุณค่ะน้านพ ขับรถกลับดีๆ นะคะ”

“ครับคุณพะพิม” นพยิ้มรับ พลเอกณรงค์ฤทธิ์เลื่อนกระจกขึ้นแล้วหันไปสั่งนายนพว่า “ไปได้แล้ว”

นพจึงขับรถออกจากอพาร์ทเม้นต์ โดยที่พิมพิรายืนรอส่งจนกระทั่งรถเบนซ์คันงามลับตาไป เธอจึงเดินขึ้นห้อง

เช้าวันอาทิตย์ นพเดินเข้าไปในครัว พอเห็นนิ่มนวลนั่งอยู่ เขาก็ชวนคุยว่า “ป้านิ่ม ผมว่ามันชักจะยังไงๆ แล้วนะป้า”

นิ่มนวลกำลังนั่งห่อแป้งทำสาคูไส้หมูอยู่กับฟองจันทร์ นิ่มนวลจึงเงยหน้าไปถามอย่างสงสัยว่า “ไอ้ชักจะยังไงๆ ของเอ็งนี่มันยังไงล่ะไอ้นพ?”

“นั่นซิน้านพ ชักจะยังไงเรื่องอะไรเหรอน้า?” ฟองจันทร์ถามอีกคน นพเลื่อนเก้าอี้นั่งลงแล้วก็หันไปตอบว่า “ก็คุณท่านน่ะซิป้านิ่ม เดี๋ยวนี้นะท่านชวนคุณพะพิมไปไหนมาไหนด้วยตลอดเลยน่ะซิป้า ขนาดวันนี้เป็นวันอาทิตย์ ท่านยังชวนคุณพะพิมไปดูที่ดินด้วยกันเลย”

“ก็ท่านไปดูที่แล้วชวนคุณพะพิมไปด้วย แล้วมันแปลกตรงไหนล่ะไอ้นพ ท่านไปติดต่อเรื่องธุรกิจแล้วเอาเลขาไปด้วย ข้าก็ไม่เห็นมันจะแปลกยังไงเลย” นิ่มนวลพูดไปก็ปั้นลูกสาคูไปด้วย นพเลยรีบพูดให้ฟังว่า “จะไม่แปลกได้ไงล่ะป้า ก็ท่านขับรถไปเองน่ะซิ นี่แหละที่ผมว่ามันชักจะยังไงๆ แล้วน่ะซิป้า”

“อะไรนะ! ท่านน่ะเหรอขับรถไปเอง ไอ้ธงไม่ได้ขับรถให้ท่านเหรอ!?” นิ่มนวลหันถามเสียงสูง ละมือจากการทำของว่างทันที

“ขับเขิบที่ไหนล่ะป้า ไอ้ธงมันยังนอนตูดโด่งอยู่เลย ผมไปรอจะขับรถให้ท่าน ท่านก็บอกว่าไม่ต้องเพราะท่านจะขับรถเอง อย่างนี้ป้าว่ามันไม่แปลกเหรอ”

นิ่มนวลได้ฟังก็พยักหน้าเห็นด้วย “เออ…แปลกจริงๆ ด้วยซิ เอ…ท่านนึกยังไงของท่านหว่า ถึงอยากจะขับรถเอง”

เธอเปรยอย่างสงสัย นายนพก็รีบพูดว่า “ท่านก็คงนึกอยากจะอยู่กับคุณพะพิมตามลำพังบ้างน่ะซิป้า”

“น้านพจะบอกว่าท่านชอบคุณเลขาเหรอน้า?” ฟองจันทร์นั่งฟังอยู่ถามแทรกขึ้นมา นิ่มนวลรีบหันไปดุหลานสาวทันที “เอ๊ะ นังฟองนี่ชักจะพูดจาเลอะเทอะใหญ่แล้วนะ ชอบเชิบอะไรกัน คุณเลขาแกเพิ่งจะยี่สิบกว่าๆ อ่อนกว่าคุณวีอีก ท่านจะไปชอบได้ยังไงล่ะ นังคนนี้นี่จะหาว่าท่านเป็นพวกวัวแก่กินหญ้าอ่อนรึไงห๊ะ”

นพรีบบอก ก่อนที่ฟองจันทร์จะถูกป้าดุมากไปกว่านี้ “ก็ไม่แน่นะป้า ผมเป็นผู้ชายด้วยกัน ผมดูออกนะป้า ว่าท่านชอบคุณพะพิมแน่ๆ ไม่งั้นท่านคงไม่ชวนไปไหนมาไหนด้วยหรอกป้า แล้วเวลาท่านมองคุณพะพิมนะป้า ตางี้หวานเยิ้มจนน้ำตาลหกเลยล่ะ ถ้าไม่ชอบ ท่านไม่มองอย่างงั้นหรอก ไม่เชื่อป้าคอยดูซิ”

“น้านพว่าท่านชอบคุณพะพิมจริงๆ เหรอ” ฟองจันทร์ชะโงกหน้าเข้าไปถาม นพรีบย้ำ “ก็เออซิวะ”

พอได้ฟังอย่างนั้น ฟองจันทร์ก็ลุกขึ้นกระโดดดีอกดีใจใหญ่ “เย้! ถ้าคุณท่านชอบคุณเลขาจริงๆก็ดีซิจ๊ะ ไชโยๆๆ”

“ดีใจอะไรของเอ็งห๊านังฟอง?” นิ่มนวลหันไปถามหลานสาว ฟองจันทร์หยุดกระโดดแล้วหันไปตอบว่า “ก็ดีใจที่คุณนายจิตตรีอดที่จะมาเป็นคุณผู้หญิงของบ้านนี้ซิป้า ป้าไม่ดีใจรึไงล่ะ?”

“ดีใจกะผีซิ เกิดท่านคว้าคุณเลขามาทำเมียจริงๆ ชาวบ้านชาวช่องมันคงเอาท่านไปนินทากันสนุกปากล่ะว่า ท่านเป็นพวกวัวแก่กินหญ้าอ่อน เป็นสมภารกินไก่วัดแน่ๆ” นิ่มนวลตอบสะบัดๆ นพเลยแกล้งแหย่ว่า “งั้นป้าก็ยุให้ท่านคว้าคุณนายจิตตรีมาทำเมียซิ จะได้ไม่มีใครนินทาดี”

“หนอยไอ้นพนี่!” นิ่มนวลหันมาเงี้อมะเหงกใส่ ฟองจันทร์ก็ผสมโรงด้วยอีกคน “น้านพยุไปคนเดียวเถอะ ฟองไม่เอาด้วยคนนึงล่ะ ถ้าคุณนายจิตตรีมาเป็นคุณผู้หญิงของบ้านนี้วันไหน ฟองขอลากลับไปอยู่บ้านนอกดีกว่า”

นพรีบโบกมือ “เฮ้ย! น้าก็แค่พูดเล่นเท่านั้นแหละนังฟอง น้าก็คิดเหมือนเอ็งนั่นแหละโว๊ย ถ้าต้องมีนายผู้หญิงเป็นคุณนายจิตตรีล่ะก็…น้าก็ขอลาออกกลับไปทำไร่ทำนาดีกว่า ไม่อยู่ให้ยัยคุณนายแกจิกด่า เช้ายันค่ำหรอกเฟ้ย อีกอย่างท่านคงไม่ตาถั่วไปคว้าก้อนกรวดอย่างคุณนายจิตตรีหรอกว่ะ ก็ในเมื่อท่านมีเพชรน้ำงามอย่างคุณพะพิมให้เปรียบเทียบอยู่ทั้งคน จริงไหมจ๊ะป้า?”

เขาหันไปถามนิ่มนวล นิ่มนวลรีบพูดสะบัดๆ ตอบ “ไม่รู้โว้ย เรื่องของเจ้านายท่าน ขี้ข้าอย่างพวกเราไม่เกี่ยว แต่ถ้าท่านเกิดหน้ามืดตามัวเอาคุณนายจิตตรีทำเมียเมื่อไหร่ข้าก็ขอลาออกเมื่อนั้นแหละว่ะ เอ้า!…นังฟองรีบๆ ปั้นเข้าซิ มัวแต่คุยแล้วเมื่อไหร่มันจะเสร็จล่ะ ไอ้นพก็ไม่ต้องชวนคุยแล้ว เอ็งก็อย่านั่งเฉยๆ รีบมาช่วยข้าปั้นลูกสาคูเร็วๆ เลย”

พอถูกป้าดุ ฟองจันทร์ก็เลิกคุยแล้วหันไปช่วยปั้นลูกสาคูทันที ส่วนนพก็ถูกใช้ให้ช่วยปั้นลูกสาคูด้วยอีกคน

พิมพิราแต่งตัวด้วยชุดลำลองลงมายืนคอยตั้งแต่ก่อนถึงเวลานัด พอเห็นรถเบนซ์สีน้ำเงินเลี้ยวเข้ามา เธอก็รีบเดินไปหาทันที แต่เมื่อมองไปที่เบาะหน้าข้างคนขับซึ่งว่างเปล่า ‘เอ๊ะ! แล้วท่านล่ะ?’

ครั้นมองไปที่คนขับ เธอก็ต้องแปลกใจ ‘เอ๊ะ! น้านพไปไหนทำไมปล่อยให้ท่านขับรถเองแบบนี้ล่ะ?’

เธอเปิดประตูหน้าฝั่งคนนั่ง แล้วก็รีบยกมือไหว้ท่านประธาน “สวัสดีค่ะท่าน น้านพไปไหนล่ะคะ?”

พลเอกณรงค์ฤทธิ์ยิ้มให้ ‘กะแล้วเชียวว่าต้องถามแบบนี้’

แล้วเขาก็ตอบว่า “ผมให้นพเขาหยุดพักผ่อนน่ะครับ วันอาทิตย์ทั้งทีเขาก็คงอยากหยุดงานบ้าง ผมก็อยากขับรถเองบ้างเหมือนกันครับ เชิญครับคุณพะพิม”

“อ๋อ ค่ะท่าน” พิมพิราพยักหน้าเข้าใจ แล้วเธอก็รีบเข้าไปนั่งในรถ เมื่อเลขาขึ้นรถแล้วพลเอกณรงค์ฤทธิ์ก็ขับรถออกจากอพาร์ทเม้นต์

“กินอะไรมารึยังครับคุณพะพิม” เขาถามขณะขับรถ พิมพิราละสายตาจากถนนหันไปตอบว่า “พะพิมทานนมกับขนมปังปิ้งมาแล้วค่ะ ขอบคุณค่ะท่าน”

“เหรอครับ งั้นเราก็ไปดูที่กันเลยนะครับ”

‘เฮ้อ…ว่าจะชวนไปกินข้าวเช้าซักหน่อย อดเลยเรา’ เขาแอบทำหน้าผิดหวัง แล้วก็รีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ

“ค่ะท่าน” พิมพิรารับคำด้วยน้ำเสียงปกติ เธอเก็บซ่อนความสงสัยไว้อย่างมิดชิด ‘เอ พักนี้ท่านทำตัวแปลกๆ เดี๋ยวชวนไปนั่น เดี๋ยวชวนไปนี่เรื่อยเลย แถมยังชอบแอบมองบ่อยๆ ท่านคิดอะไรกับเรารึเปล่าเนี่ย?’

พลเอกณรงค์ฤทธิ์ขับรถไปเรื่อยๆ จนถึงที่ดินเปล่าเนื้อที่ 7 ไร่กว่าๆ ริมถนนลาดพร้าว เขาก็เลี้ยวรถเข้าไปจอดบนที่ดินผืนนั้นทันที เมื่อเจ้านายลงจากรถ พิมพิราก็รีบลงจากรถตาม แล้วมองไปรอบๆ

“คิดว่ายังไงครับคุณพะพิม”

พิมพิราทำหน้างงเมื่อจู่ๆ ก็เจอคำถามแบบนี้ ‘คิดอะไรยังไงของท่านเนี่ย มันหมายความว่ายังไงล่ะหว่า? ถามแบบนี้แล้วใครจะไปตอบได้ล่ะคะ’

“คิดอะไรล่ะคะท่าน?” เธอย้อนถาม พลเอกณรงค์ฤทธิ์มองใบหน้าหวานๆ ที่กำลังทำหน้างงๆ เขาก็นึกขี้นได้ว่าเธอยังไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับโปรเจ็กค์ใหม่ที่เขาวางแผนเอาไว้

“อ๋อ ขอโทษทีครับ ผมลืมไปว่า ยังไม่ได้บอกคุณเรื่องโปรเจ็กค์ใหม่ คือผมกำลังจะสร้างคอนโดตรงนี้น่ะครับ คุณคิดว่ายังไงบ้างครับ”

พิมพิราพยักหน้า “อ๋อค่ะ”

แล้วเธอก็มองไปรอบๆ ที่ดิน บางส่วนมีต้นไม้ใหญ่ๆ บางส่วนก็เป็นพงหญ้ารกๆ ส่วนด้านหน้าที่จอดรถอยู่นี้ เป็นพื้นที่โล่ง เพราะถูกใช้เป็นที่จอดรถของคนแถวๆนี้ พอมองจนทั่วแล้ว เธอก็หันไปพูดกับท่านประธานตามความคิดของตัวเอง “เอ่อ ถ้าจะสร้างคอนโด พะพิมเสียดายต้นไม้ต้นใหญ่ๆที่อยู่ตรงนู้นน่ะค่ะ”

เธอชี้ไปที่ต้นไม้แล้วก็พูดต่อว่า “กว่าจะโตได้ขนาดนั้นคงต้องใช้เวลาเป็นสิบๆ ปีมั้งคะ แต่ถ้าไม่ตัดออกก็สร้างไม่ได้ เพราะอยู่แถวๆ ตรงกลางทั้งนั้นเลย แล้วท่านคิดว่ายังไงล่ะคะ?”

เธอหันไปถาม

“ผมก็เสียดายต้นไม้พวกนั้นเหมือนกันครับ แต่ถ้าไม่ตัดออกก็สร้างคอนโดไม่ได้อย่างที่คุณพูดนั่นแหล่ะครับ ก็ยังคิดๆ อยู่ว่าจะทำยังไงดี?”

“เอ่อ…แล้วท่านคิดโครงการไว้ยังไงบ้างล่ะคะ?”

พลเอกณรงค์ฤทธิ์นึกถึงแบบที่เขาคิดไว้คร่าวๆ แล้วก็พูดว่า “ผมก็กะว่าจะสร้างเป็นคอนโดห้องขนาดสี่สิบตารางเมตร สูงซักสามสิบชั้น มีที่จอดรถสำหรับทุกห้อง มีฟิตเนส มีสระว่ายน้ำ แล้วก็มีสวนหย่อม ขายซักห้องละห้าล้านน่ะครับ”

พอได้ยินว่ามีสวนหย่อม พิมพิราก็รีบเสนอว่า “งั้นท่านก็ให้เขาขุดต้นไม้ใหญ่ๆ พวกนั้นไปไว้ตรงสวนหย่อมซิคะ ได้อนุรักษ์ต้นไม้พวกนั้น แถมยังช่วยประหยัดงบที่จะต้องซื้อต้นไม้มาแต่งสวนหย่อมด้วยค่ะ”

“เออ จริงซินะ ความคิดคุณเข้าท่าดีผมชอบ”

พิมพิรายิ้มแป้น ที่ท่านประธานชอบไอเดียของเธอ พลเอกณรงค์ฤทธิ์มองใบหน้าหวานๆ รอยยิ้มสวยๆ อยู่นานอย่างพึงพอใจ จนพิมพิรารู้สึกเขิน เธอรีบหลบสายตาเบนมองไปทางอื่น พลเอกณรงค์ฤทธิ์หันไปมองรอบๆ ที่ดินอีกครั้ง แล้วเขาก็บอกกับพิมพิราพร้อมกับเปิดประตูรถให้ “คุณพะพิมครับ ขึ้นรถเถอะครับ”

“ค่ะท่าน” พิมพิรารีบเข้าไปนั่งในรถอย่างว่องไว เมื่อเลขานั่งเรียบร้อย พลเอกณรงค์ฤทธิ์ก็ปิดประตูให้ แล้วเดินอ้อมไปนั่งประจำที่คนขับ แล้วเขาก็หันไปถามเธอว่า “คุณพะพิมครับ เอ่อ…คือว่าหลังจากดูที่แล้ว คุณมีธุระที่ไหนรึเปล่าครับ?”

“ไม่มีค่ะท่าน ก็พะพิมไม่รู้ว่าท่านจะมาดูที่นานไหม วันนี้พะพิมก็เลยไม่มีนัดไม่มีธุระที่ไหนค่ะ”

เมื่อเลขาสาวบอกเช่นนั้น พลเอกณรงค์ฤทธิ์ก็แอบดีใจ เขารีบชวนเธอว่า “งั้นถ้าคุณว่าง คุณไปเดินห้างกับผม ช่วยผมเลือกเสื้อซักสามสี่ตัวได้ไหมครับ?”

“ได้ค่ะท่าน” พิมพิราตอบพร้อมกับยิ้มให้

จากนั้นพลเอกณรงค์ฤทธิ์ก็ขับรถออกจากที่ดิน ซึ่งในอนาคตจะกลายเป็นคอนโดตามที่เขาวางแผนไว้ เขาขับรถมุ่งหน้าไปสยามพารากอน ระหว่างทาง เขาก็ชวนพิมพิราคุยไปตลอดทาง

เมื่อถึงสยามพารากอน เขาก็จอดรถแล้วชวนพิมพิราไปทานข้าวเที่ยงด้วยกัน “เดี๋ยวเราไปกินข้าวกันก่อนนะครับ”

“ค่ะท่าน”

“แล้วคุณพะพิมอยากกินอะไรล่ะครับ” พลเอกณรงค์ฤทธิ์ถาม พิมพิรานิ่งคิดครู่หนึ่งแล้วก็ตอบว่า “อืมห์ เกี๊ยวซ่าค่ะท่าน”

“ถ้างั้นเราไปร้านฟูจิดีไหมครับ?” เขาชวน พิมพิรารีบพยักหน้าเห็นด้วย “ค่ะท่าน”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!