1333. นี่คือชีวิต
วันเวลาเคลื่อนผ่านบนดาวเคราะห์เผ่าสายฟ้ากระจาย พริบตาเดียวหวังหลินก็อยู่ที่นี่มาร่วมหนึ่งเดือนแล้ว
ระหว่างเดือนนี้เขาไม่ได้กลับไปที่ถ้ำจากมรดกเลย แต่เลือกบ่มเพาะในสำนักสายฟ้าสวรรค์ ตลอดเดือนที่ผ่านมาฉวี่ลี่กั๋วและจงต้าหงเริ่มเก็บรวบรวมสิ่งของจำนวนมากที่สามารถแลกเป็นผลึกสายฟ้าได้ โดยที่สำนักสายฟ้าสวรรค์เป็นจุดศูนย์กลาง
ด้วยทุกอย่างที่เก็บรวบรวมมา หวังหลินสามารถแลกเปลี่ยนผลึกสายฟ้าได้แสนก้อน
ฉวี่ลี่กั๋วไม่ค่อยได้ออกมาจากมิติเก็บของ ดังนั้นจึงตื่นเต้นมากและเริ่มวางแผนออกไปนอกสำนักสายฟ้าสวรรค์ ตัวเขาเองไม่ชอบทำอะไรคนเดียวดังนั้นจึงมักจะนำศิษย์สำนักขั้นพื้นฐานลมปราณสิบคนออกไปอยู่บ่อยๆ เคลื่อนไหวเหมือนตั๊กแกน ใช้กลวิธีบางอย่างเพื่อฉกชิงสิ่งของของเซียนขั้นแกนลมปราณที่พบเจอ
เพียงหนึ่งเดือน มีสมาชิกสำนักเผ่าสายฟ้าสวรรค์อยู่ใต้อำนาจเขาเกือบร้อยคน ฉวี่ลี่กั๋วสั่งพวกเขาให้สร้างบัลลังก์ไม้ไผ่ยักษ์ขึ้นมาขนาดกว้างพันฟุตและส่องแสงสว่างเจิดจ้า ฉวี่ลี่กั๋วนั่งบนยอดพร้อมกับเซียนสตรีสาวสี่คนขนาบข้าง ทำตัวโอหังยิ่ง!
เซียนหลายสิบคนแบกบัลลังก์นี้ไปข้างหน้า รอบด้านมีเหล่าเซียนอีกหลายสิบ
ขณะที่เคลื่อนตัวไปข้างหน้า ฉวี่ลี่กั๋วเลือกเซียนขั้นแกนลมปราณมาสองคนเป็นพิเศษโดยร้องคำรามไม่มีหยุด
“ปู่ฉวี่อยู่นี่แล้ว ท่านสมสง่า งดงาม เหนือล้ำ หล่อเหลาและไร้เทียมทาน!”
เขาแผดเสียงร้องดุจสายฟ้า ฉวี่ลี่กั๋วหัวเราะเสียงดังและรู้สึกภูมิใจมาก เขาเอนตัวใส่เซียนสตรีคนหนึ่งที่กำลังกินผลไม้จากสตรีอีกคนและดื่มสุราไปด้วย เซียนสตรีอีกสองคนค่อยๆนวดบนร่างกายหยาบบางๆ
ความสุขเช่นนี้ทำให้ฉวี่ลี่กั๋วตื่นเต้นมาก
นอกจากเซียนสตรีสี่คน มีบุรุษอีกสี่คนหน้าตาหล่อเหลาเอาการด้วย พวกเขาคุกเข่าครึ่งตัวบริการฉวี่ลี่กั๋วเช่นกัน
‘นี่สิคือชีวิต!! นี่สิคือชีวิต ข้าฉวี่ลี่กั๋วควรจะได้สุขสมเช่นนี้ เจ้าอสูรร้ายนั่นเอาแต่ตะลอนไปทั่วเป็นเวลากว่าสองพันปี ไฉนจะเหมือนปู่ฉวี่ที่มีความสุขจริงๆ!! ฮ่าฮ่า ข้าเป็นคนฉลาด ชีวิตควรจะได้เสพสุข!’ ฉวี่ลี่กั๋วฟังเสียงร้องเต็มไปด้วยคนประจบสอพลอตนเองและมีทั้งบุรุษสตรีบริการเขา ทั้งร่างรู้สึกดียิ่ง หรี่ตาลงและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหดหู่
‘นานแค่ไหนกันที่ข้าไม่ได้รู้สึกมีความสุขเช่นนี้…บัดซบที่สุด หากเจ้าอสูรร้ายนั่นไม่จับข้าไว้ ข้าคงได้สุขสมกับชีวิตมาหลายปีแล้ว…เอ๋ บางทีอายุขัยข้าคงจะสิ้นสุดลงตอนนี้…’
‘ช่างมันเถอะ คิดมากตอนนี้ได้อะไรขึ้นมา? ข้าต้องชดใช้ชีวิตที่หายไปกว่าสองพันปี มีสตรีอยู่น้อยเกินไป หากมีสักร้อย…พันคนน่าจะเหมาะ เอ๊ะ เพิ่มหนุ่มหล่อสักพันคนและคนแบกบัลลังก์ข้าร้องคำรามไปอีกหมื่นคน น่าจะสมบูรณ์แบบ!’
‘เพื่อให้ถึงเป้าหมายนี้ ปู่ฉวี่จะต้องทำงานให้หนัก!’ ขณะนั้นมีลำแสงกระบี่พุ่งเข้ามา มีเซียนขั้นแกนลมปราณอยู่ข้างใน
เขาเข้ามาภายในระยะร้อยฟุตจากบัลลังก์และเอ่ยเสียงดัง “ท่านเซียนอมตะผู้สมสง่า งดงาม เหนือล้ำและไร้เทียมทาน!” เขาเว้นระยะสูดหายใจและรีบกล่าวต่อ “ห้าสิบลี้ข้างหน้าเป็นถ้ำของเซียนขั้นวิญญาณแรกกำเนิดระดับปลายนามว่าเฉินตงเฟิง เขาคล้ายจะสังเกตบางอย่างได้และกระตุ้นเขตอาคมแล้ว”
ฉวี่ลี่กั๋วหยิกแก้มเซียนสตรีสาวด้านข้างและเอ่ยอย่างภูมิใจ “เคลื่อนหน้าต่อไป ข้าจะให้เจ้าทั้งหมดได้เห็นว่าปู่ฉวี่ต่อกรกับแค่เซียนขั้นวิญญาณแรกกำเนิดได้อย่างไร!”
ระยะห้าสิบลี้ข้ามผ่านไปอย่างรวดเร็ว บัลลังก์ยักษ์โดนแสงอาทิตย์ทอดเป็นเงาขนาดใหญ่เต็มภูเขาและปลดปล่อยแรงกดดันทรงพลัง
ใจกลางภูเขามีถ้ำอยู่แห่งหนึ่ง ทางเข้ามีเขตอาคมจำนวนมากปิดผนึกถ้ำ! รอบภูเขามีธงเล็กๆแปดผืนกำลังปัดเป่าและสร้างหมอกสีดำ
หลังจากบัลลังก์เข้าไปใกล้ ฉวี่ลี่กั๋วมีท่าทีพึงพอใจพลางค่อยๆยกแขนขวาขึ้นมา พอทุกคนรอบด้านเบนสายตามาดูเขาทั้งหมด จึงค่อยสะบัดแขน!
โลกสั่นสะเทือน เงากระบี่นับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นในอากาศ พวกมันส่งเสียงหึ่งๆ ปราณกระบี่กระจายไปทุกหนแห่ง ผลักดันก้อนเมฆออกไป แม้แต่โลกยังซีดจาง
ฉวี่ลี่กั๋วคือจิตวิญญาณกระบี่ที่ได้รับสืบทอดมรดกมาจากเจตจำนงกระบี่โบราณ ถึงแม้จะขี้เกียจ แต่ตอนที่ถูกหวังหลินผนึกไว้ในสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์ เขาถูกบังคับให้ฝึกฝน คงไม่ต้องพูดถึงแค่เซียนขั้นวิญญาณแรกกำเนิดนี้เลย ขั้นเทวะ ขั้นหยินหยางและกระทั่งเซียนขั้นส่องสวรรค์ก็มิอาจเทียบฉวี่ลี่กั๋วได้!
เพียงแค่สะบัดมือ โลกสั่นสะท้าน ปราณกระบี่นับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นหนาแน่นและทำให้เซียนรอบด้านทั้งหมดสั่นเทาราวกับถูกล้อมรอบด้วยน้ำแข็งที่ไม่มีวันละลาย!
ปราณกระบี่มากมายตกลงใส่ภูเขา หมอกสีดำรอบภูเขาแตกสลายทันที และเมื่อธงเล็กๆแปดผืนกำลังระเบิด ฉวี่ลี่กั๋วจับเอาไว้
‘เจ้าอสูรร้ายนั่นบอกว่าไม่มีสมบัติใดควรได้รับความเสียหาย ของพวกนี้สามารถแลกเป็นผลึกสายฟ้าได้!”
ปราณกระบี่ทะลวงผ่านสายหมอกและร่อนลงบนภูเขา ด้วยการควบคุมอย่างละเอียดของฉวี่ลี่กั๋ว ปราณกระบี่จึงแทงทะลุภูเขาไปได้ทีละชั้นจนกระทั่งภูเขาหายไป เหลือทิ้งไว้เพียงถ้ำที่ไม่มีผนัง!
เหมือนบ้านที่ถูกถอนรากถอนโคนออกไป ชายวัยกลางคนนั่งตกตะลึงอยู่ข้างในกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“ปู่ฉวี่อยู่นี่แล้ว ท่านช่างสมสง่า งดงาม เหนือล้ำ หล่อเหลาและไร้เทียมทาน!” เสียงคำรามดังออกมาจากเหล่าเซียนด้านข้างฉวี่ลี่กั๋ว มีกลิ่นอายโอ่อ่าไหลออกมาจริงๆ! ซึ่งทำให้ชายวัยกลางคนตื่นจากภวังค์!
“เชื่อฟังปู่ฉวี่และมอบทุกอย่างที่สามารถแลกเป็นผลึกสายฟ้ามาซะ การไม่เชื่อฟังคำสั่ง ปู่ฉวี่จะทำลายระดับบ่มเพาะของเจ้าและจองจำเจ้าไปชั่วชีวิต!” เซียนขั้นแกนลมปราณสองคนร้องคำรามดังออกมาทันที
ชายวัยกลางคนจ้องมองบัลลังก์อย่างโง่งม บัลลังก์ใหญ่เกินไปและปลดปล่อยแรงกดดันทรงพลัง เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่และคำนับฝ่ามือด้วยความเคารพ “ผู้น้อยจะขอมอบทุกอย่าง”
ฉวี่ลี่กั๋วหัวเราะ มองดูชายวัยกลางคนและยิ้มออกมา “เยี่ยม ตั้งแต่วันนี้ต่อไปจงติดตามปู่ฉวี่ ข้าขอถามเจ้าหน่อย ข้าจะหาเซียนสตรีได้จากที่ไหน?”
ชายวัยกลางคนรู้สึกศีรษะด้านชาภายใต้สายตาของฉวี่ลี่กั๋ว เขามีความรู้สึกแย่ๆแต่ไม่รู้ว่าต้องทำอะไร ตอนที่ได้ยินคำถามจึงรีบพูดออกไป “หากเป็นเซียนสตรีมีที่แห่งหนึ่งห่างออกไปห้าพันลี้เรียกกันว่าสำนักเทพสายฟ้า เป็นสำนักที่มีแต่สตรี จ้าวสำนักก็งดงามยิ่ง! อย่างไรก็ตามระดับบ่มเพาะของพวกนางค่อนข้างสูง…เล่ากันว่านางมีความเกี่ยวข้องกับคนภายในของเผ่า…”
พอฉวี่ลี่กั๋วได้ยินคำว่า “งดงาม” ดวงตาพลันส่องสว่างและไม่สนเรื่องระดับบ่มเพาะของพวกนาง เขาสะบัดมือและร้องคำราม “นำทางไป! มากับปู่ฉวี่ ไปฉกชิงสตรีสาว! ปล้นสมบัติ!”
กลุ่มคนเหาะเหินออกไปไกล บัลลังก์ยักษ์เป็นที่จับสายตายิ่ง ฉวี่ลี่กั๋วร้องหัวเราะอย่างภูมิใจและยังมีเสียงคำรามเบาๆของคนเกือบร้อยคน
อีกด้านหนึ่ง จงต้าหงได้เริ่มรวบรวมสมบัติอย่างบ้าคลั่งเช่นกัน เขาเป็นเซียนขั้นตัดวิญญาณเท่านั้น การจะทำงานให้สำเร็จได้ หวังหลินจึงมอบกระบี่เหินให้
กระบี่เล่มนี้ธรรมดามากแต่ทรงพลังยิ่งสำหรับเซียนในขั้นแรก มันทำให้เขาเอาชนะเซียนขั้นตัดวิญญาณระดับกลางได้และกระทั่งยื้อสู้เซียนขั้นตัดวิญญาณระดับปลายได้โดยไม่เพลี่ยงพล้ำ
อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับความโอหังของฉวี่ลี่กั๋วแล้ว จงต้าหงระมัดระวังมากกว่า ถึงแม้จะพาเซียนบางส่วนไปด้วยก็ไม่ได้มีช่วงเวลาที่ดีนัก อย่างไรก็ตามเขาคุ้นเคยกับเผ่าสายฟ้ากระจายมากกว่าและรู้ว่าอะไรถึงจะสามารถแลกผลึกสายฟ้าได้มากขึ้น เขารู้ตำแหน่งที่ตั้งของถ้ำมากมายและเพิ่มด้วยเม็ดยากับกระบี่ที่หวังหลินให้จึงรู้สึกมั่นใจ รู้สึกว่าโอกาสกำลังมา ตราบใดที่ทำให้หวังหลินพึงพอใจ บางทีเขาอาจจะได้เม็ดยาอีก
พอคิดเช่นนี้จงต้าหงจึงมั่นใจและตื่นเต้นแต่ก็ลอบระวังฉวี่ลี่กั๋วไปด้วย เขารู้สึกว่าฉวี่ลี่กั๋วคือคู่แข่งคนสำคัญ!
‘บัดซบ หากผู้อาวุโสมีข้าไว้ข้างกายเพียงคนเดียว คงเหมือนเทพเจ้าประทานมาให้ ไม่คิดว่าจะมาเจอฉวี่ลี่กั๋วที่ฝึกฝนวาทศิลป์มาด้วยเช่นกัน ระดับบ่มเพาะเขาสูงส่งกว่าข้าและหน้าด้านยิ่ง เขาต้องฝึกฝนวาทศิลป์จนถึงระดับบ่มเพาะตอนนี้เป็นแน่!’
‘อย่างไรเสียข้าจงต้าหงจะไม่ยอมแพ้ ถึงแม้ระดับบ่มเพาะไม่ได้สูงส่งพอ ข้าลอบค้นคว้าวาทศิลป์มาหลายร้อยปี ถึงจะไม่สามารถแสดงทั้งหมดก่อนหน้านี้ได้ ตอนนี้มีฉวี่ลี่กั๋วอยู่ที่นี่ ข้าต้องใช้ความสามารถของข้าเพิ่มอีกสองส่วนเพื่อต่อสู้กับเขา! ผู้ชนะยังไม่ถูกตัดสิน!’
จงต้าหงเยาะเย้ยพลางนำคนไปกับเขาเพื่อเข้าทำลายหลายถ้ำ เขาลอบเตรียมการว่าจะพูดอะไรกับหวังหลินไว้ในใจเพื่อที่จะใช้วาทศิลป์ได้ทุกสถานการณ์
‘ข้าจงต้าหงมีพรสวรรค์ด้านวาทศิลป์เป็นอย่างยิ่ง ข้าไม่เชื่อว่าข้าจะไม่สามารถเอาชนะฉวี่ลี่กั๋วได้!’
ขณะที่ฉวี่ลี่กั๋วและจงต้าหงกำลังรวบรวมสิ่งของ หวังหลินนั่งอยู่ในสำนักสายฟ้าสวรรค์พร้อมกับหินหยกในมือ หินหยกนี้มีชุดวิธีการบ่มเพาะที่เผ่าสายฟ้ากระจายใช้กันอยู่
วิถีการบ่มเพาะนี้ถูกเรียกกันว่าประทับสายฟ้าขั้นสูง มันจะทำให้สามารถบีบอัดสายฟ้าทั้งหมดในร่างเพื่อเปลี่ยนเป็นพลังระเบิดโจมตีอันรุนแรงได้! อย่างไรก็ตามวิธีนี้ใช้งานได้ก็ต่อเมื่อมีอักขระเผ่าช่วยเหลือ มันยังสามารถช่วยให้ปลุกอักขระเผ่าให้ตื่นขึ้นมาตอนที่บ่มเพาะเป็นเวลานานได้อีกด้วย
หวังหลินศึกษาวิถีนี้จนเข้าใจอักขระของเผ่าสายฟ้ากระจาย เขารู้สึกเลือนลางกว่าการเรียนรู้มันเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยให้เขาดูดซับสายฟ้านิรันดร์ได้!
………………………