1377. เจ้ากล้าสู้ไหม 2
ปรมาจารย์น้อยแห่งเผ่ามังกรหุ้มเกราะถึงกับยิ้มและเอ่ยต่อ “สมบัติชิ้นที่สามนั้นแข็งแกร่งที่สุด มันถูกเรียกว่าเม็ดยามังกรทำลาย! ท่านอย่ากลืนกินพวกมันเชียว พวกมันใช้ระเบิดและให้ศัตรูบาดเจ็บแทน! เม็ดเดียวไม่ทรงพลังมากแต่ใช้เป็นร้อย เป็นพัน เป็นหมื่นจะมีพลังอำนาจไร้ขอบเขต!”
“ในสมบัติทั้งสามของเผ่ามังกรหุ้มเกราะ สองอย่างหลังถูกท่านจักรพรรดิมอบให้ มีเพียงเผ่ามังกรหุ้มเกราะเท่านั้นที่ครอบครอง!”
หวังหลินดวงตาส่องสว่าง ขบคิดเล็กน้อยและเอ่ยขึ้น “ข้าไม่ต้องการเกล็ดมังกรหรือมังกรกระดูกขาว แต่ข้าสนใจยามังกรทำลาย ขอข้าดูสักเม็ด”
ปรมาจารย์น้อยยื่นมือออกไปและใช้วิธีการบางอย่างทำให้เม็ดยาสีขาวปรากฏขึ้นในมือ เขาโยนเม็ดยาลอยเข้าหาหวังหลิน
หวังหลินรับไว้และดูใกล้ๆ
เม็ดยานี้มีสี่กลิ่นอาย ทั้งสี่กลิ่นอายวุ่นวายโกลาหลและสมดุลอย่างประหลาด เมื่อสมดุลนี้พังทลายจะทำให้เกิดการระเบิดเทียบเท่ากับการโจมตีของเซียนขั้นส่องสวรรค์
“เม็ดยาวิญญาณหนึ่งเม็ดสำหรับเม็ดยานี้หนึ่งร้อยเม็ด” หวังหลินพูดอย่างหนักแน่น
ปรมาจารย์น้อยขบคิดเล็กๆ จากนั้นส่องสว่างและพยักหน้า
“ตกลง ข้าสงสัยว่าผู้อาวุโสต้องการแลกเท่าไหร่?”
“หนึ่งหมื่น”
ปรมาจารย์น้อยหรี่ตาลงและพยักหน้า “หนึ่งหมื่นเม็ดยามังกรทำลายมากพอจะเป็นภัยคุกคามเซียนขั้นทะลวงสวรรค์ระดับแรก” เขาสะบัดแขนและเกิดแสงกะพริบ เม็ดยามังกรทำลายลอยออกมาทีละเม็ดและกองเป็นภูเขาย่อมๆ
หวังหลินโบกแขนเสื้อเก็บรวบรวมทั้งหมดไปและทิ้งเม็ดยาวิญญาณไว้ร้อยเม็ด เขาลุกขึ้นและจากไป หัวหน้าเผ่าแมงป่องทมิฬรีบตามไป
หลังจากออกมาจากอาราม หวังหลินเผยท่าทีเยาะเย้ย หันกลับมาหาหัวหน้าเผ่าแมงป่องทมิฬและสั่งการ “กลับไปที่เผ่าแมงป่องทมิฬก่อน ข้ามีเรื่องส่วนตัวต้องจัดการ”
หัวหน้าเผ่าพยักหน้า เขากลัวจนไม่อยากถามและรีบจากไป
หวังหลินมีท่าทีนิ่งเฉย เดินอยู่ในเมืองของเผ่ามังกรหุ้มเกราะอย่างช้าๆ เขาวางเหยื่อล่อเอาไว้และตอนนี้กำลังรอให้เหยื่อติดกับ
“ก่อนหน้านี้ข้าตรงเข้าไปในเผ่าสายฟ้ากระจาย แต่สำหรับเผ่านกกระจอกเพลิง ข้าต้องให้พวกมันส่งข้าเข้าไป!” หวังหลินเดินอยู่สักพักจากนั้นหันอีกไม่นานจึงหันกลับมา
“เจ้าติดตามข้ามาตลอดทาง รนหาที่ตายใช่ไหม?”
หวังหลินเอ่ยเสียงเย็นเฉียบ น้ำเสียงดังสะท้อนและปรากฏระลอกคลื่นด้านหลังห่างออกไปร้อยฟุต ชายชราจากเผ่านกกระจอกเพลิงก้าวเดินออกมา ท่าทีเคารพและคำนับฝ่ามือ “ผู้อาวุโสโปรดอย่าโกรธเกรี้ยว ผู้น้อยตามผู้อาวุโสมาเพื่อทำการค้า”
หวังหลินไม่ได้เอ่ยอะไร เขาเพียงแค่มองอย่างเย็นชาเท่านั้น
เม็ดเหงื่อผุดขึ้นตามหน้าผากและรีบกล่าวต่อ “ผู้น้อยมีผลึกเพลิงอัคคีจำนวนมาก หากผู้อาวุโสต้องการ ผู้อาวุโสสามารถแลกทั้งหมดได้ ผู้น้อยแค่ต้องการเม็ดยาพวกนั้น”
หวังหลินถามอย่างลวกๆ “เจ้ามีผลึกเพลิงอัคคีเท่าไหร่?”
“ข้ามีร้อยชิ้นขนาดเท่ากับที่ผู้อาวุโสเห็นก่อนหน้านี้!” ความคิดชายชราสั่นไหว ผ่านไปแค่ไม่กี่ประโยค เสื้อผ้าชุ่มไปด้วยเหงื่อ
หวังหลินเอ่ยตอบ “นำมาให้หมด”
ชายชราลังเลเล็กน้อยแล้วจึงกัดฟันแน่น แขนขวาตีใส่อักขระเพลิงกลางหน้าผาก จากนั้นก้อนเปลวเพลิงสีฟ้าลอยเข้าหาหวังหลิน
หลังจากหวังหลินรับเอาไว้จึงสังเกตได้ทันทีว่าเปลวเพลิงเล็กๆ นี้เหมือนกระเป๋าเก็บของและมีผลึกอยู่ข้างในร้อยก้อน แม้พวกมันจะมีขนาดที่แตกต่างกันแต่เฉลี่ยแล้วไม่ได้ต่างมากนัก
หวังหลินนำเม็ดยาวิญญาณออกมาร้อยเม็ดโยนให้ชายชรา จากนั้นก้าวเท้าและหายตัวไปจากเมือง
หวังหลินปรากฏตัวอีกครั้งบนยอดภูเขา แค่สะบัดแขนก็ปรากฏเม็ดยามังกรทำลายหมื่นก้อนขึ้นรอบๆ พื้นที่
หวังหลินมีดวงตาเย็นเฉียบและยิ้มเยาะ “แม้ว่าเม็ดยาวิญญาณจะราคาแพง หนึ่งเม็ดไม่ได้มีค่าเท่ากับร้อยเม็ดยาพวกนี้ ซึ่งแต่ละเม็ดเทียบเท่าการโจมตีของเซียนขั้นส่องสวรรค์! เผ่ามังกรหุ้มเกราะ ในเมื่ออยากให้ข้าเข้าไปเกี่ยวด้วยก็อย่ากล่าวหาว่าข้าเหี้ยมโหด!”
หวังหลินสะบัดแขนขวาจากนั้นแพร่กระจายระดับบ่มเพาะ อักขระเพลิงในตาซ้ายลอยออกมา ทะเลเพลิงล้อมรอบเม็ดยามังกรทำลายทั้งหมื่นในทันที
“หลอมรวม!” หวังหลินเอ่ยขึ้น เปลวเพลิงเปลี่ยนเป็นสีฟ้าพร้อมกับกวาดผ่านไป เม็ดยามังกรทำลายส่งเสียงดังปะทุ เริ่มหลอมละลายภายใต้ความร้อนรุนแรง
“วิชาเต๋า ผสาน! ทุกอย่างในโลกนี้ไม่ว่าจะเป็นวิชา สมบัติ พลัง อาคม ทั้งหมดจงผสาน!!” วิชาเต๋าของปรมาจารย์เต๋าความฝันถือว่าทรงพลังยิ่งและช่วยหวังหลินได้มากมาย
ตอนนี้ด้วยการช่วยเหลือของเปลวเพลิงและวิชาเต๋า เม็ดยามังกรทำลายทั้งหมดเริ่มค่อยๆ ผสานกัน อุณหภูมิของเปลวเพลิงรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ท้ายที่สุดเม็ดยาสีทองขนาดเท่าเล็บก้อยปรากฏขึ้นในทะเลเพลิง! หวังหลินยื่นแขนขวาออกไป เปลวเพลิงทั้งหมดพุ่งเข้าไปในเม็ดยา
เม็ดยาเล็กๆ นี้บรรจุพลังทำลายล้างสั่นสะเทือนสวรรค์ มันไม่มีกลิ่นอายสี่อย่างผสานกันอีกต่อไปแล้วแต่กลับมีห้ากลิ่นอาย!
กลิ่นอายที่เพิ่มเข้าไปคือพลังอำนาจแห่งเปลวเพลิง! เป็นผลทำให้พลังของเม็ดยาเพิ่มพูนขึ้นมหาศาล
“หมื่นเม็ดยาผสานกันเป็นหนึ่งและไม่สูญเสียพลัง ซึ่งทำให้มันเทียบเท่าการทำลายตัวเองของเซียนขั้นทะลวงสวรรค์ระดับแรก ด้วยการผสานกับวิชาเต๋าผสานจึงเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นและใกล้เคียงกับการทำลายล้างของเซียนขั้นทะลวงสวรรค์ระดับที่สองเป็นอย่างมาก! จากนั้นข้าได้เพิ่มกลิ่นอายที่ห้าเข้าไป ตอนนี้มันสามารถแสดงพลังการระเบิดของเซียนขั้นทะลวงสวรรค์ระดับที่สองได้แล้ว!”
ดวงตาขวากะพริบวาบและปรากฏสายฟ้าขึ้นมา มันเปลี่ยนกลายเป็นอักขระสายฟ้าและลอยเข้าไปในเม็ดยาสีทอง เสียงดังปังโผล่ออกมาจากเม็ดยาและมันเริ่มผสานกันอีกครั้ง
โลกพลันเปลี่ยนสี สายฟ้าเริ่มรวมกันเข้าไปในเม็ดยา
“หกกลิ่นอาย เพิ่มเติมด้วยวิชาของเผ่าสายฟ้ากระจาย มันสามารถทำร้ายเซียนขั้นทะลวงสวรรค์ระดับที่สี่ได้แล้ว!” ดวงตาหวังหลินเต็มไปด้วยจิตสังหาร กัดปลายลิ้นและพ่นโลหิตออกไป นี่คือโลหิตเทพโบราณและบรรจุแก่นแท้พลังดั้งเดิมจากวิญญาณเขาไปด้วย
โลหิตร่อนลงไปบนเม็ดยาสีทอง มันหมองหม่นจากเลือดและเรืองแสงสีแดงโลหิต! เม็ดยาเต็มไปด้วยจิตสังหาร!
“เพิ่มโลหิตเทพโบราณและแก่นแท้พลังเข้าไป มันทรงพลังพอจะเป็นภัยคุกคามเซียนขั้นทะลวงสวรรค์ระดับที่ห้า!”
หวังหลินสะบัดแขนขวา ผลึกเพลิงอัคคีลอยออกมา เปลวเพลิงจากตาซ้ายหวังหลินล้อมรอบผลึกเอาไว้ พวกมันเริ่มผสาน
“ผลึกพวกนี้ไม่สามารถปลุกวิหคเพลิงของข้าครั้งที่สี่ได้ แต่ด้วยการควบคุมเปลวเพลิง ข้าสามารถเปลี่ยนมันกลายเป็นสมมบัติ พลังทำลายล้างไม่ด้อยไปกว่าเม็ดยามังกรทำลายที่ข้าพึ่งหลอมไป!”
หวังหลินใช้วิชาเต๋าเพื่อผสานพวกมันโดยไม่ลังเล อักขระวิหคเพลิงค่อยๆ ปรากฏขึ้นในตาซ้ายทำให้เปลวเพลิงรุนแรงยิ่งกว่าเดิม!
“ทะลวงสวรรค์ระดับที่ห้าแล้วอย่างไรเล่า? หากมาด้วยร่างอวตารจริงๆ ข้าจะทำให้สูญสิ้นเสียตรงนี้! หากมาด้วยร่างดั้งเดิมและใช้ระดับขั้นที่สาม ข้าไม่เชื่อว่าจะรอดชีวิตไป นอกจากนี้เซียนขั้นที่สามสามารถทำลายทั้งดินแดนตกสวรรค์ได้ง่ายๆ ! ถึงแม้จะไม่มีใครมาหยุดยั้ง อย่างมากข้าก็แค่หนี ข้าวางเหยื่อล่อไว้กับเผ่านกกระจอกเพลิงแล้ว ดังนั้นพวกมันจะออกมาค้นหาข้าแน่นอน!”
หวังหลินพ่นลมหายใจเย็น เปลวเพลิงเบื้องหน้าหดลง ผลึกเพลิงอัคคีทั้งหมดได้ถูกหลอมกลายเป็นผลึกสีน้ำเงิน ไม่เพียงแต่จะบรรจุแก่นแท้เพลิงไปด้วยแต่มันยังมีเงาของวิหคเพลิงเข้าไปอีก!
จิตสังหารในดวงตาหวังหลินยิ่งรุนแรง เขายกแขนขึ้นบนท้องฟ้า ปรากฏกวางสองตัว หวังหลินร้องตะโกน “ยังมีผนึกอีกชิ้นบนกระบี่ผุที่ถูกแทงเข้าไปในร่างศพกวาง ข้าอยากเห็นว่าจะเป็นเช่นไรหากข้าเปิดมันตอนนี้ด้วยแก่นแท้สายฟ้าที่สมบูรณ์!”
สายฟ้าดังสนั่นในร่างกายและรวมกันในนิ้วชี้ สายฟ้าก่อตัวเป็นตาข่ายเกิดเสียงดังปะทุอย่างบ้าคลั่งจากนิ้วมือ
ปราณกระบี่หนึ่งสาย…สองสาย…ร้อยสาย…พันสาย…หมื่นสาย…ล้านสาย ระเบิดออกมาจากตาข่ายสายฟ้าและเพิ่มพูนขึ้นอย่างต่อเนื่อง ท้ายที่สุดปราณกระบี่สิบล้านสายพังตาข่ายสายฟ้าออกมา
เสี้ยววินาทีนั้นทั่วทั้งท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยปราณกระบี่และมีจิตสังหารแพร่กระจายไร้ขอบเขต สิบล้าน…ยี่สิบล้าน…จนกระทั่งหยุดลงที่สามสิบเก้าล้าน!
“ข้ายังไม่สามารถทะลวงผนึกได้อย่างสมบูรณ์ แต่ข้าทำลายมันได้ส่วนหนึ่งทำให้พลังปราณกระบี่เพิ่มขึ้นมหาศาล! ตอนนี้ถึงเวลาต่อสู้แล้ว!” หวังหลินยืนขึ้นและหัวเราะเสียงดัง!
“ข้าจะรอเจ้าที่อยู่ที่นี่ เจ้ากล้าสู้ไหม?!”
เสียงหัวเราะพร้อมเจตนาท้าประลองนับว่าสั่นสะเทือนสวรรค์และแพร่กระจายออกไปทุกทิศทาง เหล่าเซียนทั้งหมดบนดาวเคราะห์ได้ยินอย่างชัดเจน!
ในที่พำนักแห่งหนึ่งบนเมืองฝั่งตะวันออกของดาวเคราะห์ ชายชราจากเผ่านกกระจอกเพลิงยืนอยู่ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม สมาขิกเผ่านกกระจอกเพลิงอีกเจ็ดคนยืนอยู่ข้างๆ ไม่อาจซ่อนแววตาตกตะลึงไปได้
เม็ดยาวิญญาณหนึ่งร้อยเม็ดกำลังถูกเปลวเพลิงเผาไหม้เบื้องหน้าชายชราและค่อยๆ หลอมละลาย แม้แต่วิญญาณข้างในยังถูกเผาจนหายไป เหลือทิ้งไว้เพียงโลหิตหนึ่งหยดเปล่งแสงชั่วร้าย!
“ตามที่ข้าคาดคิด เหตุผลที่เม็ดยาพวกนี้มีแก่นแท้ก็เพราะโลหิต! นี่…นี่มันโลหิตแบบไหน?!” ชายชราจากเผ่านกกระจอกเพลิงถึงกับสูดหายใจลึก แต่วินาทีนั้นเสียงหัวเราะเต็มไปด้วยเจตนาท้าประลองและจิตสังหารดังกึกก้องออกมา
ชายชราจากเผ่านกกระจอกเพลิงพลันเงยศีรษะและมองขึ้นไป
ในเวลาเดียวกันบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่ามังกรหุ้มเกราะ หัวหน้าเผ่าและปรมาจารย์ซือโม่กำลังนั่งอยู่ในตำหนัก เบื้องหน้าพวกเขาเป็นชายชรายืนอยู่ เขาคือปรมาจารย์น้อยแห่งเผ่ามังกรหุ้มเกราะ!
“ท่านพ่อ ข้ามอบเม็ดยามังกรทำลายเป็นของขวัญไปแล้วหมื่นเม็ดตามที่ท่านสั่ง”
หัวหน้าเผ่ามังกรหุ้มเกราะมีท่าทีมืดมนพลางมองปรมาจารย์ซือโม่ด้านข้างและเอ่ยขึ้น “เขาขโมยเม็ดยามังกรทำลายจำนวนหมื่นเม็ดไปจากเผ่ามังกรหุ้มเกราะของข้า ข้าขอให้ปรมาจารย์ซือโม่ช่วยข้าจับเขาด้วย ข้าจะตอบแทนรางวัลให้เมื่อเขาถูกจับได้!”
ปรมาจารย์ซือโม่ยิ้มออกมา ขณะที่กำลังจะเอ่ยขึ้นกลับมีเสียงหัวเราะดังลั่นทั่วท้องฟ้า!
เสียงหัวเราะท้าทาย เต็มไปด้วยความเย็นเยียบและจิตสังหารเต็มเปี่ยม!
“ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่นี่ เจ้ากล้าสู้ไหม?!”
…………………………………………………..