1395. สายลมโชย
ครู่ถัดมา แววตาหวังหลินเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น แขนขวาชี้ใส่ขวดวิญญาณมาร ขวดนั้นส่งเสียงคำรามโหยหวนออกมาทันที เสียงคำรามแฝงพลังทะลุทะลวงและตรงเข้าสู่จิตใจหวังหลิน
‘เป็นแค่หิ่งห้อยยังกล้าแข่งกับแสงจันทรา!’ หวังหลินพ่นลมหายใจ น้ำเสียงเปลี่ยนกลายเป็นระลอกคลื่นเข้าปะทะกับเสียงร้องโหยหวน
หลังจากนั้นไม่นาน หมอกสีดำโผล่ออกมาจากขวดวิญญาณมาร เหล่าดวงวิญญาณมารโบราณกำลังดิ้นรนอยู่ในหมอกสีดำ พวกมันพุ่งเข้าหาหวังหลินทันที
หวังหลินท่าทางสงบนิ่ง ขณะที่วิญญาณมารพุ่งเข้ามาหา เขาพลันสะบัดแขนให้สายลมพัดผ่านเหล่าวิญญาณ พวกมันถูกจับขังไว้ในมือทันที
“วิชาเต๋า ผสาน!” หวังหลินเอ่ยเสียงสงบนิ่งแต่กลับแฝงความเยือกเย็น
ขณะที่คำพูดดังกึกก้อง ดวงตาเผยแสงประหลาดและใช้วิชาเต๋าของปรมาจารย์เต๋าความฝันทันที เสียงดังสนั่นปะทุขึ้นและเหล่าวิญญาณมารเริ่มส่งเสียงร้องขึ้นอีกครั้ง พวกมันต้องการหนีแต่มือหวังหลินเสมือนเป็นคุกสวรรค์ที่พวกมันไม่สามารถหนีออกมาได้!
หวังหลินหลับตาและเพ่งสมาธิไปที่การหลอม ภายใต้ผลลัพธ์ของวิชาเต๋า เหล่าวิญญาณมารนับไม่ถ้วนกำลังผสานเข้าด้วยกัน วันเวลาค่อยๆ ผ่านไปจนกระทั่งผ่านไปเจ็ดวันในพริบตา
เจ็ดวันมานี้หวังหลินใช้วิชาเต๋าอย่างต่อเนื่องและไม่ผ่อนคลายเลย ในวันนี้เหล่าวิญญาณได้ผสานกันกลายเป็นก้อนทรงกลมเปล่งแสงดูชั่วร้าย แสงนี้รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนส่องสว่างไปทั้งถ้ำ
กลิ่นอายชั่วร้ายผุดออกมาจากก้อนทรงกลม ขณะเดียวกันเสียงคำรามฟังดูเหมือนเหล่าวิญญาณมารผสานกันได้เอ่ยดังกึกก้อง
“เจ้าต้องการหลอมเผ่ามารโบราณของข้า เป็นไปไม่ได้!!!”
“หลอมโลหิต!” หวังหลินลืมตาขึ้นทันทีและกัดปลายลิ้น พ่นโลหิตใส่ก้อนทรงกลม โลหิตแฝงแก่นแท้เข้าไปด้วยและยังมีโลหิตหัวใจเทพโบราณของหวังหลินอีก!
เมื่อโลหิตร่อนลงใส่ก้อนทรงกลม ก้อนทรงกลมส่งเสียงกรีดร้องโหยหวน มันเริ่มวุ่นวายราวกับแตกสลายได้ทุกเมื่อ
แสงชั่วร้ายหายไปแทบจะหมดสิ้นและถูกแทนที่ด้วยแสงโลหิต แสงโลหิตค่อยๆ โคจรไปทั่วทั้งก้อนทรงกลม ใช้เวลาไม่นานมันก็กลายเป็นสีแดงโลหิต!
หวังหลินผ่อนคลายเล็กน้อย แขนขวายื่นออกไปคว้าขวดวิญญาณมาร พ่นพลังดั้งเดิมเข้าไปในขวด พริบตาเดียวมีควันสีดำจำนวนมากโผล่ออกมาพร้อมกับเหล่าวิญญาณมารนับไม่ถ้วน เมื่อพวกมันปรากฏขึ้นจึงถูกก้อนโลหิตดูดซับไป
‘สมบัติมารโบราณชิ้นนี้มีวิญญาณมารโบราณถึงสามพันดวง ข้าจะผสานกับวิญญาณทั้งสามพันและสร้างร่างอวตารมารโบราณของข้า!’ หวังหลินสะบัดแขนเสื้อจากนั้นถ้ำก็เต็มไปด้วยสายหมอกที่มีแต่พลังมาร
หวังหลินหลอมวิญญาณมารต่อไปจนผ่านไปอีกหนึ่งเดือน
งานคัดเลือกผู้อาวุโสตกสวรรค์อยู่ห่างออกไปไม่ถึงหนึ่งเดือนแล้ว หวังหลินปิดด่านบ่มเพาะมาสองเดือน ซึ่งช่วงนี้เกิดเหตุการณ์ครั้งใหญ่ขึ้นในดินแดนตกสวรรค์!
ณ ชายขอบดินแดนตกสวรรค์ บนดาวเคราะห์รกร้างที่ทั้งดวงดาวเผาไหม้อยู่ในเปลวเพลิง เปลวเพลิงเป็นสีฟ้าห่อหุ้มทั้งดาวเคราะห์
ทว่าเปลวเพลิงนี้ไม่ได้คงอยู่นานนัก หลังจากผ่านไปแปดนาทีทุกอย่างจึงกลับคืนสู่ปกติ ทว่าในแปดนาทีนี้ทำให้เซียนเพลิงทั้งหมดในดินแดนตกสวรรค์ต้องขนลุก!
ไม่ว่าพวกเขากำลังทำอะไรอยู่ เมื่อดาวเคราะห์เผาไหม้ในเปลวเพลิง ทั้งหมดต่างก็ตกตะลึง เปลวเพลิงในร่างลอยออกมาเองโดยไร้การควบคุม
เปลวเพลิงแต่ละคนเริ่มเคลื่อนเข้าหาดาวเคราะห์รกร้างราวกับกำลังถูกเรียกขาน!
เรื่องประหลาดนี้ทำให้เซียนเพลิงทั้งหมดถึงกับตกตะลึง! โดยเฉพาะคนของเผ่านกกระจอกเพลิงที่สัมผัสความรุนแรงได้มากกว่าคนอื่น ผู้อาวุโสที่แลกเปลี่ยนกับหวังหลินซึ่งกำลังบ่มเพาะอยู่พลันรู้สึกว่าเพลิงในร่างปรากฏขึ้นมาเปลี่ยนกลายเป็นนกกระจอกเพลิง มันสยายปีกราวกับกำลังบินออกไป ทำให้สีหน้าผู้อาวุโสเปลี่ยนไปมหาศาล!
เรื่องเช่นนี้ทำให้เซียนเพลิงในดินแดนตกสวรรค์ให้ความสนใจ ผู้อาวุโสเผ่านกกระจอกเพลิงรีบออกมาจากด่านฝึกตนและเข้าสู่ดาวเคราะห์รกร้างพร้อมกับคนในเผ่าไม่กี่คน ทว่าเมื่อมาถึงกับไม่พบสิ่งใดเลย อย่างไรก็ตามเขาสัมผัสถึงแก่นแท้ที่เหมือนกับในเม็ดยาได้!
รวมไปถึงในช่วงเวลานี้เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ทั้งเผ่านกกระจอกเพลิงต้องตกตะลึง!
คนทั้งสามที่ได้หยดโลหิตมาจากแดนตกสวรรค์ได้ส่งมอบโลหิตไป จากนั้นรอเรียกตัวอีกครั้ง ทั้งสามกระวนกระวายเนื่องจากไม่รู้ว่าสิ่งนี้จะทำให้ทางเผ่าสนใจหรือไม่
ณ พื้นที่ดวงดาวกว้างใหญ่ที่เป็นของเผ่านกกระจอกเพลิง บนดาวเคราะห์หลักมีรูปปั้นนกกระจอกเพลิงกระจัดกระจายไปทั่วดาวเคราะห์ มีหนึ่งในนั้นที่อยู่สูงเสียดฟ้า
ข้างใต้รูปปั้นเป็นห้องโถง ตอนนี้มีชายชราผู้หนึ่งนั่งอยู่ภายใน ใบหน้าแดงเล็กน้อยและคลุมด้วยเปลวไฟ เขาคือหัวหน้าเผ่านกกระจอกเพลิง!
หยดโลหิตเพลิงกำลังลอยอยู่เบื้องหน้า เขาจ้องมันด้วยแววตาตกตะลึง
“นี่มัน…แก่นแท้!!”
แววตาวาวโรจน์และลุกขึ้นยืน จากนั้นคว้าโลหิต ก้าวเท้าและหายไปอย่างไร้ร่องรอย
เขาปรากฏตัวอีกครั้งในพื้นที่ส่วนลึกของดาวเคราะห์ฝึกฝน ข้างในดาวเคราะห์เป็นโพรงและเต็มไปด้วยทะเลเพลิง แม้กระทั่งเซียนธาตุอัคคียังทนทานต่อความร้อนได้ยากยิ่ง
ชายชราทะยานผ่านทะเลเพลิงอย่างรวดเร็วและมาถึงส่วนลึกในเวลาไม่นาน เพลิงที่นี่เป็นสีม่วงเข้มและดูน่าหวาดกลัว!
ใจกลางเพลิงม่วงมีค่ายกลกะพริบวูบวาบ ข้างในค่ายกลเป็นชายวัยกลางคนสวมชุดสีม่วงเช่นกัน ขณะที่ฝึกฝนบ่มเพาะ กลิ่นอายน่าตกตะลึงไหลเวียนผ่านร่างกายอย่างช้าๆ
ชายชราดูหวาดกลัวเพลิงสีม่วงเข้ม เขารออยู่ขอบเขตนอกและกล่าวอย่างเคารพ “ผู้น้อยขอเข้าพบท่านบรรพชน!”
หลังจากกล่าวเช่นนั้นเขาก็มีท่าทีสงบนิ่งรอให้เรียกกลับ
ผ่านไปสักพักชายวัยกลางคนในทะเลเพลิงม่วงค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาแต่ละข้างมีอักขระเพลิง เมื่อรวมกับอักขระกลางหน้าผากมันจึงก่อเกิดเป็นสามเหลี่ยม!
สามอักขระเพลิงแต่ว่ามีสีสันแตกต่างกัน อักขระเพลิงกลางหน้าผากเป็นสีม่วง ดวงตาขวาเป็นสีฟ้า ดวงตาซ้ายไร้รูปลักษณ์ดุจอากาศ แต่หากมองใกล้ๆ จะเห็นร่องรอยภายใน
เปลวเพลิงไร้ลักษณ์นี้ดูเหมือนยังไม่มั่นคงและพร่ามัว
ทว่าร่องรอยของเพลิงไร้ลักษณ์นั้นทำให้ชายชราตกตะลึงมากพอจะก้มศีรษะและไม่กล้ามองเป็นครั้งที่สอง
“แม้เจ้าจะเป็นหัวหน้าเผ่า แต่เมื่อข้าไม่ได้เรียก เจ้าก็ไม่สามารถก้าวเข้ามาในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้! เจ้าลืมใช่หรือไม่?” ชายวัยกลางคนเอ่ยน้ำเสียงราบเรียบ
ใบหน้าชายชราปกคลุมไปด้วยเม็ดเหงื่อพลางเลียริมฝีปากและเอ่ยกระซิบ “ท่านบรรพชนโปรดอย่าโกรธเกรี้ยว ผู้น้อยร้อนใจเพราะมีคนในเผ่าบางคนเจอเข้ากับโลหิตประหลาดยิ่งและข้าต้องการให้ท่านบรรพชนช่วยตรวจสอบ”
ชายวัยกลางคนมีท่าทีเหมือนเดิมราวกับไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แววตาไร้เยื่อใยและเย็นชาจนขัดกับเปลวเพลิงในดวงตาอย่างเห็นได้ชัด ทำให้เขาดูแปลกประหลาดมากยิ่งขึ้น
“เจ้ารบกวนข้าด้วยเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ข้าไม่พอใจกับหัวหน้าเผ่าเช่นเจ้า! เอาโลหิตออกมาและไปได้ ลงโทษตัวเองตามกฎที่สามของเผ่า”
ชายชราหน้าซีด เขาอยากอธิบายแต่เมื่อเห็นบรรพชนอยู่ในทะเลเพลิงม่วงจึงพยักหน้ารับ พลันสะบัดแขนขวาและหยดโลหิตเพลิงปรากฏขึ้นมา จากนั้นชายชราก้มหน้าและจากไป
ชายวัยกลางคนยื่นมือออกไปคว้าโลหิต หยดโลหิตร่อนลงในมือและเขาค่อยๆ ดูผ่านๆ ทว่าสายตานั้นทำให้เขาตกตะลึงมหาศาลและเบิกตากว้างขึ้น
“นี่…นี่มัน…” ความสงบนิ่งพังทลายหายไปและถูกแทนที่ด้วยความตกตะลึงและไม่เชื่อสายตาตัวเอง เขาถือขึ้นมามองใกล้ๆ และส่งสัมผัสวิญญาณออกไปตรวจสอบหลายร้อยครั้ง แววตาตกตะลึงมากยิ่งกว่าเดิม!
“โลหิตวิหคศักดิ์สิทธิ์!! นี่มันโลหิตวิหคศักดิ์สิทธิ์!!” ชายวัยกลางคนยืนขึ้นและยื่นโลหิตไปใกล้ปาก หลังจากเลียไปแล้ว ร่างกายสั่นเทาอีกครั้ง
“ใช่แล้ว แก่นแท้ข้างในโลหิตไม่ผิดแน่ มันคือโลหิตวิหคศักดิ์สิทธิ์!! วิหคศักดิ์สิทธิ์!!” ชายวัยกลางคนตื่นเต้น ยื่นมือซ้ายออกไปในความว่างเปล่า
หัวหน้าเผ่านกกระจอกเพลิงกำลังจะออกไปจากใต้ดินด้วยใบหน้าสำนึกผิด เขาถอนหายใจทว่าพลันเกิดเสียงดังขึ้นด้านหลังจึงหันตัวกลับไป แววตาหรี่แคบเนื่องจากมีฝ่ามือเพลิงขนาดยักษ์คว้าจับเขา
พริบตานั้นฝ่ามือจับชายชรากลับไปที่ชายขอบทะเลเพลิงม่วง
ก่อนที่ชายชราจะทันได้ตอบสนอง เขาได้ยินเสียงบรรพชนเอ่ยด้วยความตื่นเต้น “เจ้าไปได้โลหิตนี้มาจากไหน?!” เขาตะลึงไปชั่วขณะ ไม่เคยเห็นบรรพชนตื่นเต้นมาก่อนจึงรีบพูดออกไป “สมาชิกคนหนึ่งได้มาจากดินแดนตกสวรรค์!”
หลังจากชายวัยกลางคนได้ยินเช่นนี้จึงเริ่มหัวเราะ แววตายินดียิ่ง แม้กระทั่งอักขระเพลิงทั้งสามยังเริ่มเผาไหม้ลุกลาม
“เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยม! เจ้าคู่ควรต่อการเป็นหัวหน้าเผ่าที่ข้าเลือกแล้ว ดีมาก!! ส่งสมาชิกเผ่าออกไปทั้งหมดและค้นหาโลหิตนี้ในดินแดนตกสวรรค์ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม!!”
หัวหน้าเผ่านกกระจอกเพลิงรีบพยักหน้าและกำลังจะจากไป ชายวัยกลางคนดวงตาส่องสว่างและระงับแววตาตื่นเต้นเอาไว้ก่อนจะพูดขึ้น “ข้าไปดินแดนตกสวรรค์คงไม่สะดวกนัก ดังนั้นข้าจะอยู่ข้างนอกรับพวกเจ้า จงระวังตัวด้วยเมื่อถึงที่นั่นและตรวจสอบว่ามันเป็นกับดักหรือไม่!”
……………………………………..