Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1426

Cover Renegade Immortal 1

1426. จะออกหรือไม่

ปรมาจารย์ซือโม่จากไปแล้ว…ยอดปรมาจารย์หยุนลั่วก็จากไปพร้อมกับเขา ทั้งสองหายไปจากดาวมหาจักรพรรดิเบื้องหน้าสายตาหวังหลิน

การต่อสู้ครั้งนี้ไม่มีผลลัพธ์และยังอยู่นอกเหนือการคาดการณ์ของเซียนทุกคนที่นี่รวมถึงวิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นที่สอง อย่างไรก็ตามด้วยระดับบ่มเพาะอันทรงพลังจึงพอจะสังเกตบางอย่างได้เลือนลาง

แม้จะเป็นแบบนี้แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อชื่อเสียงอันรุ่งโรจน์ของหวังหลินในดินแดนตกสวรรค์! ในสายตาเซียนทุกคนที่นี่ แค่การต่อสู้ก็มากพอให้พวกเขาเห็น หวังหลินเป็นคนที่สามารถเผชิญหน้ากับเซียนขั้นที่สามแล้ว!

การคัดเลือกผู้อาวุโสตกสวรรค์ที่ถูกหยุดไว้ชั่วคราวจึงดำเนินการต่อไป แต่ไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับหวังหลินอีกแล้ว

ณ ดินแดนตกสวรรค์ บนดาวเคราะห์ที่หลิวจินเปียวและฉวี่ลี่กั๋วอยู่ได้ถูกคนของเผ่านกกระจอกเพลิงค้นหาอย่างละเอียด

สำหรับเผ่านกกระจอกเพลิง บททดสอบที่เกิดขึ้นบนดาวมหาจักรพรรดินั้นคือโอกาสอันดีสำหรับพวกเขา

ขณะที่ค้นหาอย่างละเอียด เผ่านกกระจอกเพลิงจึงเจอหลิวจินเปียวซึ่งปิดด่านบ่มเพาะอยู่ในส่วนลึกที่สุดของดาวเคราะห์และเจอคนคุ้มกันคือฉวี่ลี่กั๋ว

หลังเกิดการต่อสู้อันรุนแรง หลิวจินเปียวถูกจับและโดนส่งตัวออกจากดินแดนตกสวรรค์เพื่อไปเจอบรรพชนของเผ่านกกระจอกเพลิงที่รออยู่ด้านนอก

หลิวจินเปียวสีหน้ามืดมนและไม่พูดอะไรเลย ทว่าเขาเปล่งกลิ่นอายของปรมาจารย์แห่งรุ่นออกมา กลิ่นอายที่มองไม่เห็นนั้นเป็นของคนที่มีพลังอำนาจมานานและสามารถฆ่าคนนับพันได้เพียงแค่หนึ่งคำพูด

ตอนที่หลิวจินเปียวถูกนำออกมาจากดินแดนตกสวรรค์ บรรพชนเผ่านกกระจอกเพลิงที่รออยู่ด้านนอกและไม่กล้าเข้าไป จึงเผยความปิติยินดี

เขาก้าวมาข้างหน้า ไม่สนการเทิดทูนของคนในเผ่า ฝ่ามือขวาเปลี่ยนเป็นเพลิงตรงเข้ากระแทกใส่หลิวจินเปียว

หลิวจินเปียวไม่มีทีท่าตื่นตระหนก สายตาเก่าแก่พลางจ้องมองบรรพชนเผ่านกกระจอกเพลิงอย่างเย็นชา!

สายตานั้นทำให้บรรพชนเกิดความคิดสั่นเทา!

‘กลิ่นอายและแรงกดดันมีเฉพาะคนที่กุมอำนาจมานาน หากเขาเป็น วิหคศักดิ์สิทธิ์จริง ก็ควรจะเป็นแบบนี้!’

แขนขวาของบรรพชนร่อนลงใส่ร่างหลิวจินเปียว เปลวเพลิงพุ่งเข้าไปในร่าง พอกวาดผ่านเข้าไป เขาจึงขมวดคิ้ว

หลิวจินเปียวเยาะเย้ยและเอ่ยขึ้นมา “เผ่านกกระจอกเพลิงน้อย เจ้าลอบโจมตีตอนที่ข้าบาดเจ็บสาหัส ทำอย่างกับบรรพชนเจ้าเป็นแค่ตัวตลก!”

ดวงตาบรรพชนส่องสว่างและความสงสัยบางอย่างหายไป ตอนที่เขาตรวจสอบร่างหลิวจินเปียว เขาพบว่าไม่ได้มีเปลวเพลิงข้างในมากนัก เมื่อได้ยินคำพูดของ หลิวจินเปียว แม้ความสงสัยบางส่วนจะจางหายไปบ้างแต่ก็ไม่มากพอ เขาสะบัดแขนขวา เกิดรอยแผลหนึ่งขึ้นบนแขนขวาของหลิวจินเปียว โลหิตก้อนใหญ่ ลอยออกมา

โลหิตนี้ถูกบรรพชนเผ่านกกระจอกเพลิงเอาไปทำให้กลายเป็นก้อนทรงกลม หลังจากได้กลิ่นมันเขาก็เผยสายตาแห่งความสุข ลังเลชั่วครู่ก่อนจะกลืนกินเข้าไป

เมื่อโลหิตเข้าไปในท้อง มันเปลี่ยนกลายเป็นพลังเพลิงอันทรงพลังเข้าปะทุในร่างกาย ภาพมายาจึงผุดขึ้นด้านหลังบรรพชนเผ่านกกระจอกเพลิง

วิหคเพลิงตัวหนึ่งสยายปีก เบื้องหน้ามันคือวิหคศักดิ์สิทธิ์ตัวเล็กกว่า วิหคตัวนี้ดูบาดเจ็บสาหัสและพร่าเลือน หลังจากต่อสู้กับวิหคเพลิงไปชั่วครู่ เจ้าวิหคเพลิงก็กลืนกินวิหคศักดิ์สิทธิ์ไป

หลังจากกลืนกินไป เปลวเพลิงรอบตัววิหคเพลิงจึงปะทุขึ้นและเริ่มเปลี่ยนแปลง มันกลายเป็นเหมือนวิหคศักดิ์สิทธิ์ขึ้นเรื่อยๆ

‘เยี่ยม! มันคือวิหคศักดิ์สิทธิ์จริงๆ!!’ บรรพชนเผ่านกกระจอกเพลิงเต็มไปด้วยความปิติยินดี เขาส่งเสียงหัวเราะพลางยื่นแขนขวาไปที่ศีรษะหลิวจินเปียว

ระดับบ่มเพาะของบรรพชนนั้นสูงล้ำยิ่งจึงหวาดระแวงเป็นธรรมดา หลังจากทดสอบอยู่หลายครั้ง แม้จะมั่นใจแต่ก็ยังต้องใช้วิชาค้นวิญญาณ

ในสายตาเขา ทุกอย่างในโลกนี้สามารถเป็นเรื่องเท็จได้ มีเพียงการค้นวิญญาณเท่านั้นที่เป็นเรื่องจริง เปลวเพลิงพุ่งเข้าหาแขนขวาซึ่งอยู่บนศีรษะหลิวจินเปียวและเขาจึงเริ่มทำการค้นวิญญาณ

ความทรงจำหลายอย่างแล่นผ่านในจิตใจ ครู่ต่อมาบรรพชนเผ่านกกระจอกเพลิงจึงเผยรอยยิ้มพึงพอใจ แม้จะยังมีความสงสัยอยู่บ้าง แต่คนผู้นี้คือวิหคศักดิสิทธิ์รุ่นที่หกแน่นอน

เขาโบกแขนเสื้อและนำหลิวจินเปียวไป เพียงพริบตาพวกเขาก็หายวับไปอย่าง ไร้ร่องรอย ใช้พลังอันแข็งแกร่งเพื่อพาหลิวจินเปียวกลับไปที่สาขาหลักของเผ่านกกระจอกเพลิง

เมื่อบรรพชนเผ่านำหลิวจินเปียวไป หวังหลินซึ่งนั่งอยู่กลางทะเลสาบจึงพลันลืมตาและเปล่งประกายเจิดจ้า

‘เต๋าแห่งการหลอกลวงของหลิวจินเปียวช่างอัศจรรย์ยิ่ง แม้แต่บรรพชน เผ่านกกระจอกเพลิงยังถูกหลอกได้…ตอนนี้ข้าจำเป็นต้องเตรียมการและรอให้ หลิวจินเปียวถูกพาเข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่า!’ ดวงตาหวังหลินเจิดจ้าพลางใช้ฝ่ามือสร้างผนึกเกิดเขตอาคมรอบๆร่างกาย

เขตอาคมปรากฏขึ้นมาจนกระทั่งกลายเป็นค่ายกล ค่ายกลนี้มีความสามารถในการเคลื่อนย้ายหวังหลินออกไปด้วยวิธีพิเศษ

ยามตะวันตกดิน หวังหลินลืมตาขึ้นมาและเอ่ยอย่างสงบนิ่ง “บรรพชน ผู้น้อยมีคนรับใช้ในดินแดนตกสวรรค์ชื่อว่าจงต้าหง ข้าฝากให้ท่านดูแลเขาแทนข้าด้วย”

วิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นที่สองนั่งอยู่ข้างๆทะเลสาบพร้อมกับตกปลาและดื่มสุราไปด้วย หลังจากได้ยินคำพูดของหวังหลินจึงมองกลับมาด้วยความเมตตา

“เจ้าพร้อมแล้วใช่หรือไม่?”

หวังหลินพยักหน้า

“ยังมีสมบัติอีกหลายชิ้นที่ต้องหลอม จากนั้นข้าแค่ต้องรอให้อีกฝั่งกระตุ้นค่ายกล”

วิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นที่สองวางเบ็ดตกปลาลงและยกสุราขึ้นดื่ม จากนั้นเอ่ยปาก “ข้าให้วิธีการควบคุมมังกรเพลิงกับเจ้าแล้ว เมื่อเจ้าจากไปจะเป็นอันตรายยิ่ง ข้าไม่รู้ว่าเราจะได้เจอกันอีกครั้งเมื่อไหร่…หากเจ้ามีคำขออื่น เจ้าก็ขอมาได้เลย”

หวังหลินขบคิดเงียบๆและมองวิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นที่สอง แม้หวังหลินจะรู้จักเขาเพียงไม่กี่วัน แต่วิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นที่สองได้ช่วยเขาโดยไม่นึกถึงตนเองอีกทั้งยังปกป้องเขาด้วย หวังหลินรู้สึกอบอุ่นใจตอนที่กำลังจะแยกทางจึงได้รู้สึกเศร้าใจ

ตอนที่วิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นที่สองเห็นหวังหลินขบคิด สายตาแห่งความเมตตายิ่งมีมากขึ้นและเอ่ยยิ้ม “หากมีโอกาส เราทั้งสองจะได้เจอกันอีกครั้ง ช่างดื้อรั้นเหมือนเด็กๆ ครั้งหน้าที่เราเจอกันข้าหวังว่าเจ้าจะทำให้ข้าตกตะลึงได้อีก”

หวังหลินมองวิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นที่สองก่อนจะสูดหายใจลึกและเอ่ยขึ้นมา “บรรพชน ผู้น้อยต้องการวิธีการฝึกเขตอาคมวิญญาณโบราณจากสนามต่อสู้!”

“เจ้าต้องการเขตอาคมวิญญาณโบราณนั่นน่ะหรือ?” วิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นที่สองขบคิด “เขตอาคมวิญญาณโบราณเป็นสิ่งที่บรรพชนรุ่นแรกขโมยมา แม้แต่ข้าเองก็ไม่รู้วิธีฝึก…ช่างมันเถอะ ข้าจะยกมันให้เจ้าปกป้องตนเอง หากเจ้ามีเวลาก็ค่อยศึกษามัน บางทีด้วยความเข้าใจของเจ้าคงสามารถเรียนรู้อะไรได้บ้าง”

ขณะที่วิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นที่สองเอ่ยขึ้น แขนขวายื่นเข้าหาท้องฟ้า พื้นปฐพีส่งเสียงดังลั่นห่างออกไป ท้องฟ้าพลันเปลี่ยนสี ก้อนเมฆกระจัดกระจายและมีแสงน่ากลัวกะพริบวาบ

อสูรเต่ายักษ์ปรากฏขึ้นในท้องฟ้า เต่าตัวนั้นก้มศีรษะลงมองวิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นที่สองด้วยสายตาไม่แยแส

วิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นที่สองสร้างผนึกและชี้ออกไป เต่ายักษ์ส่องสว่างขึ้นมาและเริ่มหดลงเรื่อยๆ ในไม่นานมันก็เปลี่ยนกลายเป็นกระดองเต่าขนาดเท่าฝ่ามือ!

แสงน่ากลัวเสมือนแสงจันทราและห่อหุ้มท้องฟ้าเอาไว้

เพียงแค่สะบัดแขน วิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นที่สองก็ส่งกระดองเต่าไปหาหวังหลิน

หวังหลินรับไว้ มองดูเล็กน้อยแล้วจึงเก็บกลับไป เขาคำนับฝ่ามือให้วิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นที่สองและกำลังจะเอ่ยขึ้นแต่โดนขัดจังหวะเสียก่อน

“เจ้าไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้า ผู้อาวุโสยกของบางอย่างให้ผู้น้อยจำเป็นต้องขอบคุณหรือ? หากเจ้าสำนึกบุญคุณ ช่วยอะไรข้าสักอย่าง…” ชายชรากระแอมแห้งๆ

“โปรดกล่าวได้เลยท่านบรรพชน ตราบใดที่ผู้น้อยทำได้ จะทำมันให้สำเร็จ!” เสียงหวังหลินไม่ได้ดังมากนักแต่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

วิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นที่สองหน้าแดงพลางวางคันเบ็ดลงและลูบสองมือ “วิหคศักดิ์สิทธิ์เจ้าตื่นขึ้นมาสี่ครั้งและเจ้ามีคุณสมบัติพอจะมอบอักขระวิหคศักดิ์สิทธิ์แล้ว ข้าอยากให้เจ้าเลือกวิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นที่เจ็ด…นี่…”

หวังหลินมองดูวิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นที่สอง รอคอยให้เขากล่าวจบ

“นี่…เจ้าต้องเลือกคนที่เหมาะสมรู้หรือไม่…เอ่อ…เจ้าไม่ควรเลือกคนโดยไม่ได้ข่มอารมณ์ตนเอง เจ้าเข้าใจหรือไม่?” วิหคศักดิ์สิทธิ์ขยิบตา

หวังหลินขมวดคิ้วและไม่ได้เข้าใจอะไรมากนัก พอขบคิดเล็กน้อยแล้วจึงพยักหน้า “ท่านบรรพชนสบายใจได้ เมื่อผู้น้อยเลือกวิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นที่เจ็ด ข้าจะระมัดระวังไม่ปล่อยให้เป็นเหมือนรุ่นที่สามอีก!”

“ข้าไม่ได้หมายความว่าแบบนี้…” วิหคศักดิ์สิทธิ์ลูบมือพลางกัดฟัน “ข้าหมายความว่าตอนที่เจ้าเลือกรุ่นที่เจ็ด ไม่ควรเลือกคนที่มีเสน่ห์และเจ้าชู้ ทำไมเจ้าไม่เข้าใจ? ความเข้าใจของเจ้าค่อนข้างสูงไม่ใช่หรือ?”

หวังหลินตกตะลึงไปชั่วขณะและพยักหน้าด้วยความงุนงง “ตกลง ผู้น้อยจะไม่เลือกคนที่มีนิสัยเจ้าชู้เกินไปให้เป็นวิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นที่เจ็ด นอกจากนั้นผู้ที่มักมาก ก็ไม่เหมาะกับการเป็นเซียนด้วย”

วิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นที่สองเบิกตาและร้องตะโกน “ไม่ได้เกี่ยวกับว่ามักมากเกินไปจะไม่ดี แต่ต้องไม่อยากได้และห้ามสัมผัสเลยต่างหาก โถ่ ความเข้าใจของเจ้าหายไปไหนหมด? เจ้าต้องให้ข้าพูดตรงๆใช่ไหม…ก็ได้ จะให้ดีเจ้าต้องเลือกวิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นที่เจ็ดมาจากเด็กเพื่อไม่ให้เกิดวิญญาณหยางเสียหาย ซึ่งวิญญาณหยางเสียหายจะทำให้ไม่สามารถบ่มเพาะวิชาของข้าได้! ใช่แล้ว เลือกเด็กมาแล้วครั้งต่อไปที่เจ้ามาก็พาเขามาที่นี่ด้วย!”

“จำไว้ด้วยว่าวิญญาณหยางไม่ควรเสียหาย!! ไม่ใช่ว่าข้ากำลังดุด่าเจ้า แต่ดูเจ้าสิ เจ้ายังหนุ่มแน่น แม้ระดับบ่มเพาะไม่เท่าข้า เจ้าก็ต้องรู้ว่าตลอดหลายปีที่ข้าอยู่มา วิญญาณหยางของข้าไม่เสียหายเลยสักนิดเดียว ข้าไม่เข้าใจเด็กหนุ่มอย่างเจ้าจริงๆ การบ่มเพาะคู่กันมันดีอะไรนักหนา!? ข้าไม่เคยมีสัมพันธ์กับใครเลย ข้ายังสดชื่นได้ทุกวัน คงไม่ต้องบอกว่าข้ามีความสุขแค่ไหน”

หวังหลินตกตะลึงไปชั่วขณะพลางจ้องมองวิหคศักดิ์สิทธิ์ หวังหลินจากไปอย่างพูดไม่ออกและทำได้เพียงแค่พยักหน้าพร้อมรอยยิ้มเท่านั้น

วิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นที่สองถอนหายใจเฮือกใหญ่ในใจ เขาฝากความหวังทั้งหมดไว้กับหวังหลิน หลังจากเห็นหวังหลินพยักหน้า วิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นที่สองจึงกระแอมและกล่าวขึ้น “วิชาของข้าจะแสดงพลังของมันได้เต็มที่เมื่อใช้กับคนที่ยังรักษาความบริสุทธิ์ไว้ด้วยเท่านั้น ไม่ใช่ว่าข้ามีงานอดิเรกพิเศษบางอย่าง ข้าจะไม่ให้เจ้าช่วยโดยไม่ได้อะไรเลย ข้าจะสอนเจ้าสักวิชา!”

“นี่คือหนึ่งในสามวิชาที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าวิหคศักดิ์สิทธิ์ มันถูกส่งต่อมาจากราชันย์สวรรค์โบราณ แม้วิญญาณหยางของเจ้าจะเสียหาย เจ้ายังฝึกฝนมันได้ วิชานี้ทรงพลังเกินไปและจะเผาผลาญอายุขัยของเจ้า ดังนั้นจงใช้มันอย่างระวังแต่มันจะช่วยรักษาชีวิตเจ้าได้ด้วย!”

………………………………………………..

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!