Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1488

Cover Renegade Immortal 1

1488. หยาดน้ำตาในปัจจุบัน

ซื่อจื่อเฟิงกัดริมฝีปากและทะยานเข้าหาดาวเคราะห์ที่เต็มไปด้วยพลังปราณ นางหลับตาแต่ไม่มีคราบน้ำตา

น้ำตาของนางหมดสิ้นไปตลอดแปดร้อยปีที่ผ่านมาแล้ว

นางค่อยๆกระตุ้นระดับบ่มเพาะ แสงอ่อนโยนแพร่กระจายออกจากร่างกาย วิญญาณดั้งเดิมสร้างเส้นด้ายสัมผัสวิญญาณเข้าหาดาวเคราะห์เซียนที่ทำการอพยพไปหมดสิ้นแล้ว

สัมผัสวิญญาณของนางเชื่อมต่อกับดาวเคราะห์เซียนในเสี้ยววินาที ใบหน้าของนางซีดขาว นางกัดฟันแน่นและใช้สัมผัสวิญญาณดึงออกมา!

ดาวเคราะห์เซียนเกิดเสียงดังลั่นทันที การหมุนโคจรได้หยุดลงเนื่องจากมีการดึงสัมผัสวิญญาณ!

อย่างไรก็ตามขณะที่มันหยุดชะงัก จึงเกิดพลังสะท้อนรุนแรงขึ้นมาและพุ่งใส่สัมผัสวิญญาณของซื่อจื่อเฟิงอย่างโหดร้าย

ซื่อจื่อเฟิงกระอักโลหิต สัมผัสวิญญาณที่แบ่งออกจากวิญญาณดั้งเดิมไม่สามารถทนต่อพลังสะท้อนไหวและเริ่มขาดตรงกลาง!

นางหน้าซีดดุจคนตายและถอยร่นกลับไปหลายร้อยฟุต วิญญาณดั้งเดิมลอยออกมาอีกครั้งเพื่อสร้างเส้นด้ายสัมผัสวิญญาณ เส้นด้ายลอยเข้าหาดาวเคราะห์และดึงอีกครั้ง!

ดาวเคราะห์เผยสัญญาณการเปลี่ยนวิถีโคจร ทว่าพลังสะท้อนกลับรุนแรงยิ่งกว่าเดิม ขณะที่เสียงดังสนั่นกึกก้อง สัมผัสวิญญาณของซื่อจื่อเฟิงพังทลายอีกครั้ง!

การพังทลายนี้ทำให้สัมผัสวิญญาณของซื่อจื่อเฟิงต้องสูญสลายไปหลายชั้น วิญญาณดั้งเดิมของนางถูกกระเด็นกลับเข้าร่าง นางกระอักโลหิตพร้อมกับร่างกาย สั่นเทา นางดูเหมือนไม่สามารถยืนอยู่ได้ ใบหน้าขาวซีดและดวงตาหมองหม่น

“ขยะไร้ประโยชน์!” ผู้ส่งสาส์นแห่งอารามเทพอัสนีได้พ่นลมหายใจเย็นและทะยานผ่านซื่อจื่อเฟิงไปพร้อมกับสะบัดแขนเสื้อ วิญญาณดั้งเดิมของเขาสร้างเส้นด้ายสัมผัสวิญญาณและเชื่อมต่อกับดวงดาว เขาดึงดาวเคราะห์ออกจากวิถีโคจรที่มีอยู่มานาน

ชายวัยกลางคนยื่นมือออกไปราวกับกำลังถือดาวเคราะห์และร้องคำราม “เคลื่อนย้ายดวงดาว!”

เหล่าเซียนเกือบร้อยคนต่างพุ่งมาข้างหน้าและส่งเส้นสีเงินออกไปกลายเป็น ตาข่ายล้อมรอบดวงดาว พวกเขาดึงไปในเวลาเดียวกันเพื่อเคลื่อนย้ายดาวเคราะห์

มีเพียงแค่ชายชราคนเดียวที่ถอนหายใจออกมาขณะผ่านซื่อจื่อเฟิง เขาหยิบขวดเม็ดยาออกมาและรีบส่งให้นาง

“สหายเซียนซื่อจื่อ ข้าเองก็ถูกเขาพาออกมาจากแดนสวรรค์อัสนีเมื่อตอนนั้น…” ชายชรากระซิบพลางเดินผ่านซื่อจื่อเฟิงไป

ซื่อจื่อเฟิงรับเม็ดยามาอย่างเงียบๆและขอบคุณ ขวดนั้นบรรจุเม็ดยาล้ำค่าที่สามารถเร่งการฟื้นตัวได้ ตลอดแปดร้อยปีที่ผ่านมา ตระกูลและสหายที่ช่วยนางมีน้อยกว่าคนที่ถูกหวังหลินช่วยในแดนสวรรค์อัสนีเสียอีก หากไม่ใช่เพราะพวกเขา เส้นทางของซื่อจื่อเฟิงคงยากยิ่งกว่านี้

“เจ้าจะยืนหาอะไร? มานี่และเคลื่อนย้ายดวงดาว ขยะก็คือขยะ เจ้ามีใบหน้างดงามแต่กลับทำลายมันเสียนี่ หากเจ้าตอบรับคำขอของข้า เจ้าก็คงไม่ต้องมาลงเอยเหมือนวันนี้!” ชายวัยกลางคนจากอารามเทพอัสนีเผยความเยาะเย้ย

ชายชราที่มอบเม็ดยาให้นางก่อนหน้านี้อดไม่ได้อีกแล้ว เขาตอบโต้ “ท่านผู้ส่งสาส์น สหายเซียนซื่อจื่อเข้าร่วมกับอารามเทพอัสนีเช่นกัน ถึงแม้นางจะขาดระดับบ่มเพาะไปแต่นางก็มีสถานะเท่ากับพวกเรา นางสั่นคลอนดาวเคราะห์เซียนให้หลุดจาก วงโคจรไปแล้วหลายดวงและยังบาดเจ็บ ทำไมท่านบังคับให้นางทำอีก? ให้นางฟื้นตัวสักหน่อยเถอะ!”

ชายวัยกลางคนดวงตาส่องสว่างขึ้นและมองชายชรา

“ข้าไม่จำเป็นต้องให้เจ้าชี้ว่าข้าควรทำอะไร!”

ชายชราอยู่ในขั้นส่องสวรรค์ระดับต้น ดังนั้นจึงสัมผัสแรงกดดันมหาศาลที่ออกมาจากชายวัยกลางคน ทว่าชายชรากัดฟันแน่นและเยาะเย้ย

“ท่านก็รู้ว่าสหายเซียนซื่อจื่อได้รักเขา เมื่อเขาอยู่แถวนี้ ท่านจะกล้าแบบนี้ไหม?”

หลังจากชายชรากล่าวออกไป ชายวัยกลางคนสายตาดุดันและความคิดสั่นไหว เขาเองก็รู้จักคนผู้นั้นด้วย เขายังจำทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างการประลองได้ดี ตอนนั้นคนที่กล่าวถึงอยู่ในขั้นรูปธรรมหยางแต่ยังเป็นบุคคลที่ตนต้องสนใจ

เขาไม่กล้าแสดงความไม่เคารพเบื้องหน้าคนผู้นั้น คนผู้นั้นโด่งดังขึ้นระหว่างสงครามกับพันธมิตรเซียน เขากลายเป็นคนมีชื่อเสียงทั้งในดาราจักรทุกชั้นฟ้าและพันธมิตรเซียน ชายวัยกลางคนถึงกับชื่นชมแต่เขาก็เป็นได้เพียงมดแมลงเบื้องหน้า คนผู้นั้น

“เขาหายตัวไปนานแล้ว หรืออาจจะตายไปแล้วก็ได้…” ก่อนที่ชายวัยกลางคนกล่าวจบ ชายชราขัดเขาด้วยท่าทีเยาะเย้ย

“แล้วถ้าเขากลับมาเล่า?”

ประโยคนี้ทำให้ชายวัยกลางคนขบคิดเงียบๆ หลังจากผ่านไปสักพักจึงพ่นลมหายใจเย็นและสะบัดแขน ร้องตะโกน “เจ้าสองคนพูดมากไปแล้ว เจ้าและซื่อจื่อเฟิงไปเคลื่อนย้ายดวงดาวซะ!”

ชายชรามองชายวัยกลางคนและไม่กล่าวอะไรอีก เขาร่วมกับเซียนที่กำลังเคลื่อนย้ายดวงดาว

ซื่อจื่อเฟิงยังคงขบคิดเงียบๆ นางล้มเลิกการฟื้นพลังและทะยานไปข้างหน้า กัดฟันแน่นและแบ่งเส้นด้ายออกจากวิญญาณดั้งเดิมให้กลายเป็นด้ายสีเงินเพื่อเชื่อมต่อกับดวงดาว นางเคลื่อนร่างไปพร้อมกับฝูงชน

ชายวัยกลางคนอยู่ด้านหน้าและมีท่าทีมืดมน เขาจิตใจไม่สงบเล็กน้อยจากคำพูดของชายชรา

“ถ้าเขากลับมาเล่า…” คำพูดนี้ยังทิ้งไว้ในหูเขา

กลุ่มเซียนเกือบร้อยคนทะยานเป็นแถวไปข้างหน้าอย่างช้าๆพร้อมกับดึงดาวเคราะห์ไปด้วย พวกเขาค่อยๆออกไปไกลยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นไม่นาน ร่างสีขาวผู้หนึ่งปรากฏขึ้นเบื้องหน้าพวกเขา เขาทะยานไปข้างหน้าด้วยเรือนผมสีขาวสะบัดพลิ้ว

แม้จะดูเชื่องช้าแต่ทุกก้าวได้ผ่านระยะทางเกินกว่าจะวัดได้ ร่างชุดขาวก้าวแค่ไม่กี่ครั้ง ได้เกิดกลิ่นอายอึดอัดแพร่ออกมา วินาทีต่อจากนั้นแรงกดดันนี้ก็หายไป ร่างสีขาว หายวับเบื้องหน้าสายตาทุกคน

เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในพริบตา รวดเร็วเกินกว่าจะมีใครตอบสนองทัน พวกเขารู้สึกว่ามันเป็นแค่ภาพมายา

ทุกคนสั่นเทาและแววตาหวาดกลัว ชายวัยกลางคนเบื้องหน้าถึงกับตกตะลึงไปชั่วครู่และเต็มไปด้วยความตกใจ

อย่างไรก็ตามก่อนที่พวกเขาจะได้ตื่นจากอาการตกใจ พวกเขากลับได้ยินเสียงอุทานเบาๆดังสนั่นในอวกาศ

เสียงนี้ดังเข้าสู่หูทุกคนและสั่นสะเทือนจิตใจ สีหน้าแต่ละคนเปลี่ยนไปและรีบล่าถอย

ซื่อจื่อเฟิงตัวสั่น แม้เสียงจะบางเบาแต่ก็มากพอทำให้นางเสียจังหวะ ความคิดสั่นสะท้านรุนแรง

นางต้องการมองขึ้นไปโดยไม่รู้ตัวแต่ก็รั้งตัวเองกลับมาได้และก้มศีรษะลงแทน นางถอยไปซ่อนตัวในฝูงชน เกิดอารมณ์ความรู้สึกลึกลับเต็มไปทั่วร่างและนางไม่อยากให้โดนเห็น

ขณะที่เสียงอุทานเบาๆดังออกมา ร่างสีขาวที่หายตัวไปได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งเบื้องหน้าพวกเขาและสอดสายตาผ่านเข้ามา!

ภายใต้สายตานี้ไม่มีใครเห็นร่างเขาชัดเจน ราวกับเขาคือดวงอาทิตย์เจิดจ้าจนไม่มีใครกล้ามอง

ชายวัยกลางคนที่อยู่ด้านหน้าเกิดการสั่นเทา ภายใต้แสงนี้ราวกับทุกอย่างในตัวเขาถูกหยุดเอาไว้ แม้กระทั่งวิญญาณดั้งเดิมยังถูกหยุดไว้ในร่างกายและไม่กล้าเคลื่อนไหวแม้แต่นิ้วเดียว

ราวกับสายตานี้กลายเป็นรูปร่าง กุมคอและวิญญาณเขาเอาไว้ ราวกับคนผู้นี้เพียงแค่คิดคราเดียว ร่างกายเขาก็ระเบิด วิญญาณดั้งเดิมถูกลบออกไป!

เป็นตัวตนที่อยู่เหนือความเข้าใจ!

“ผ…ผู้อาวุโส…” ชายวัยกลางคนมีระดับบ่มเพาะสูงที่สุดที่นี่และอยู่ใกล้ชายชุดขาวมากที่สุด ร่างกายอ่อนยวบและคุกเข่าลงโดยไม่คาดคิด น้ำเสียงสั่นเทาราวกับต้องการเอ่ยบางอย่าง

ร่างชุดขาวนี้คือหวังหลิน!

เดิมทีหวังหลินไม่ได้สนใจเซียนกลุ่มนี้เลย แต่ตอนที่เขาผ่านไปได้สัมผัสคนผู้หนึ่ง…สตรีผู้ที่ครั้งหนึ่งเขาสัมผัสความรักได้…อย่างไรก็ตามหากนางเหมือนก่อนหน้านี้ เขาก็คงไม่ต้องใส่ใจอะไรนัก แต่เมื่อเขาเห็นนางตอนนี้กลับรู้สึกเจ็บปวดในใจ เหล่าเซียนเบื้องหน้าเขาหายไปจากทัศนวิสัย ทิ้งไว้แต่เพียงร่างเดียวที่ซ่อนตัวและ ก้มศีรษะ นางตัวสั่นและซีดเผือด…แม้นางจะก้มศีรษะ เขาก็ยังเห็นแผลเป็นน่ากลัว บนใบหน้า หวังหลินขบคิดเงียบๆ

ซื่อจื่อเฟิงกัดริมฝีปาก ในแปดร้อยปีที่ผ่านมานางคิดว่าน้ำตาได้แห้งเหือดไปหมดและไม่ไหลอีกแล้ว แต่ทว่า วันนี้ วินาทีนี้ หยาดน้ำตาสองสายไหลออกมาลงแก้ม กระนั้นก็ไม่ได้ไหลเป็นเส้นตรงแต่ลงบนแผลเป็นบนใบหน้าและเปลี่ยนทิศทาง… นางต้องการซ่อนตัว นางไม่อยากให้เขาเห็น มันเป็นอารมณ์ซับซ้อนที่อธิบายไม่ถูกและแตกต่างจากนางในอดีตเป็นอย่างยิ่ง…นางอยากสิ้นอายุขัยเพียงลำพังมากกว่าต้องมาเจอกันในสภาวะย่ำแย่แบบนี้ นางไม่อยากให้เขาเห็นใบหน้าน่าเกลียดของนาง…หยาดน้ำตาไหลเป็นสายลงอย่างต่อเนื่องและนางก้มหน้าลงไปอีก ทั้งยังถอยออกไปอีกโดยไม่รู้ตัว…เพื่อซ่อนตัวท่ามกลางผู้คน เพื่อซ่อนตัวที่ปลายสุดเขต ซ่อนในสถานที่ที่ไม่มีใครเห็นนาง ที่ที่นางสัมผัสความทรงจำของตัวเองอย่างเงียบๆ…และปาดน้ำตาที่นางลืมให้ออกไป

หวังหลินมองสตรีวัยกลางคนที่กำลังถอยร่นและเอ่ยขึ้นเบาๆ “…ซื่อจื่อเฟิง…ข้าหวังหลิน…” เขาลืมไปแล้วว่าปีอะไร เดือนอะไรและวันอะไรที่ใบหน้ายิ้มเป็นประกายนั้นมองเขาเข้ามาจากฝูงชน…ใบหน้านั้นค่อยๆแก่ชราและบาดเจ็บกำลังจ้องมาที่เขา

เมื่อเขาเอ่ยชื่อขึ้น เหล่าเซียนเกือบร้อยคนตัวสั่น ชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างหน้าถึงกับหน้าถอดสีและหัวใจหยุดเต้น แม้กระทั่งวิญญาณดั้งเดิมยังเกิดการพังทลาย สูญเสียความคิดจากการได้ยินแค่ชื่อนั้น!

หวังหลิน!

ชื่อที่ทำให้ทั้งดาราจักรทุกชั้นฟ้าสั่นสะท้านมาแล้ว!

“ข้าไม่ใช่ซื่อจื่อเฟิง…ผู้อาวุโสจำผิดคนแล้ว…” นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือราวกับจนมุม

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!