Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1491

Cover Renegade Immortal 1

1491. เรียกหาสหายเซียน

เสียงหัวเราะดังลั่นสะเทือนสวรรค์ เมื่อมันทะลุออกมาจากวังวนจึงกวาดเข้าหาหวังหลินจนต้องหยุดชะงัก

เสียงคำรามลั่นแพร่กระจายออกไปทุกทิศทาง!

นี่คือการเผชิญหน้ากันครั้งแรกระหว่างปรมาจารย์ลั่วฟู่และหวังหลิน! แม้ว่าจะไม่ใช่การโจมตีตรงๆ คนหนึ่งต้องการมุ่งไปข้างหน้า ส่วนอีกคนต้องการหยุดหวังหลินไม่ให้ไปต่อ การต่อสู้จึงเริ่มขึ้นเหนือค่ายกล!

เสียงหัวเราะเรียบง่ายนี้บรรจุพลังอำนาจของปรมาจารย์ลั่วฟู่ในฐานะเซียนขั้นที่สาม เสียงหัวเราะทำให้ขอบเขตดวงดาวเกิดการสั่นเทาจนดูราวกับกำลังพังทลาย รอยแยกมากมายผุดขึ้นมาและพุ่งใส่หวังหลินดุจกระบี่คมกริบ!

ราวกับสายลมทรงพลังมุ่งมาหาหวังหลิน ปรมาจารย์ลั่วฟู่เผยความแข็งแกร่งที่แท้จริง หากหวังหลินเป็นเซียนขั้นทะลวงสวรรค์ระดับที่ห้า ร่างกายคงฉีกขาดด้วยเสียงหัวเราะ ดวงวิญญาณคงถูกทำลายไปแล้ว!

แม้กระทั่งเซียนขั้นสวรรค์ดับสูญระดับต้นคนอื่นๆก็คงไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้หลังจากต่อต้านเสียงหัวเราะนี้!

อย่างไรก็ตามหวังหลินไม่ได้บรรลุขั้นที่สาม เขากลายเป็นเทพโบราณเจ็ดดาวได้ต้องขอบคุณมรดกของบัญชาโบราณ ดังนั้นจึงสามารถต้านทานพลังอำนาจของ เซียนขั้นที่สามได้เพียงแค่ใช้พลังทางร่างกายอย่างเดียว!

ความแข็งแกร่งด้านร่างกายบรรลุระดับจนน่ากลัว พอได้ยินเสียงหัวเราะของปรมาจารย์ลั่วฟู่ หวังหลินดวงตาส่องสว่าง!

“ในโลกนี้ไม่มีเสียงหัวเราะใดจะเทียบกับเสียงคำรามเทพโบราณไปได้ ยิ่งเสียงคำรามบัญชาโบราณด้วยแล้ว! เจ้าเป็นขั้นที่สามแล้วอย่างไรเล่า?” ดวงดาว เทพโบราณกลางหน้าผากหวังหลินหมุนติ้วอย่างรวดเร็ว ดาวเจ็ดดวงหมุนวนเติมเต็มพลังเทพโบราณทั่วร่าง ศีรษะบัญชาโบราณขนาดยักษ์ผุดขึ้นมาในอากาศอันเบาบาง

เมื่อศีรษะนี้ปรากฏ หวังหลินอ้าปากและส่งเสียงคำรามสั่นสะเทือนสวรรค์เข้าใส่วังวนที่อยู่ในค่ายกล!!

ฮ่าห์!!

เสียงคำรามแพร่กระจายและลบเลือนเสียงหัวเราะของปรมาจารย์ลั่วฟู่ทันที เกิดเป็นคลื่นเสียงมหึมาและกระจายไปข้างหน้า!

นี่ยังเทียบไม่ได้กับเสียงคำรามของตัวตนลึกลับในสุสานโบราณที่ทำให้เซียนขั้นที่สามมากมายบาดเจ็บและยังไล่ราชันย์ออกไปอีก อย่างไรก็ตามเสียงคำรามบัญชาโบราณของหวังหลินในตอนนี้เต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง!

อวกาศระหว่างหวังหลินและปรมาจารย์ลั่วฟู่เกิดการสั่นไหว ราวกับทั้งสองเริ่มโจมตีใส่กัน พื้นที่ดวงดาวสั่นสะเทือน เหล่าเซียนนับไม่ถ้วนรอบด้านต่างกระอักโลหิต พวกเขาล่าถอยอย่างบ้าคลั่งยิ่งกว่าเดิม

ลึกเข้าไปภายในวังวนของค่ายกล ปรมาจารย์จงเฉินและคนอื่นๆต่างก็หน้าถอดสี พวกเขารีบโคจรพลังดั้งเดิมของตัวเองอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าหากไม่ทำเช่นนั้นคงไม่สามารถทนต่อเสียงคำรามนี้ได้

ปรมาจารย์ลั่วฟู่นั่งอยู่เบื้องหน้าพวกเขา สีหน้าท่าทางเปลี่ยนไปทันที เขาสัมผัสถึงแรงกระแทกอันน่าเหลือเชื่อกำลังพุ่งเข้าใส่ มันต้องการทำลายทุกอย่างที่ต่อต้านมัน

เสียงหัวเราะของเขาหายไปทันทีต่อหน้าเสียงคำรามบัญชาโบราณ เสื้อผ้าปรมาจารย์ลั่วฟู่พลิ้วสะบัดในสาสยลม แม้สีหน้าจะเปลี่ยนไปแต่แววตาเย็นยะเยือก

กระนั้นก็มิอาจซ่อนความตกตะลึงภายใต้สายตานี้ได้ด้วย!

เดิมทีเขาเข้าใจความแข็งแกร่งของหวังหลินได้ชัดเจน แม้หวังหลินจะทำลาย ค่ายกลนั้นได้ในเวลาแปดลมหายใจ เขาเองก็มีสมบัติและวิชามากมาย ถึงแม้จะตกตะลึงแต่ก็ไม่หวาดกลัว ในสายตาเขาแล้ว พวกเขาทั้งคู่อยู่ในระดับเดียวกันและไม่มีใครเหนือกว่าใคร!

แต่ตอนนี้การคาดการณ์ก่อนหน้านี้ของเขาเกิดการสั่นสะเทือนมหาศาล เสียงคำรามแฝงกลิ่นอายที่ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัว กระทั่งรู้สึกได้ลางๆว่าตนเองไม่สามารถต่อต้านมันได้!

ราวกับสิ่งที่กำลังพุ่งเข้ามาไม่ใช่เซียนหรือเทพโบราณ แต่กลับเป็นตัวตนที่เหนือล้ำเกินกว่าความเข้าใจ เป็นสิ่งที่ไม่ควรดำรงอยู่ในโลกนี้ และแรงกดดันทางธรรมชาติของมันได้เผยออกมาในเสียงคำราม!

ใครก็ตามที่กล้าขัดขวางคงต้องแลกด้วยสิ่งที่มีค่ามหาศาล!

ขณะที่เสียงคำรามดังก้อง วังวนที่ปรมาจารย์ลั่วฟู่อยู่ข้างในซึ่งหมุนอย่างต่อเนื่อง แต่วินาทีนี้มันกลับเผยสัญญาณหยุดชะงัก ราวกับวังวนไม่กล้าหมุนต่อไปเบื้องหน้าเสียงคำราม!

ปรมาจารย์จงเฉินหน้าซีด ความหวาดกลัวในใจเผยออกมาทางแววตา เขาจ้องหวังหลินอยู่นอกวังวนแต่เขาก็ไม่สามารถซ้อนทับภาพของคนที่เขาเคยเจอในอดีตได้!

แม้จะยอมรับความจริง แต่ในใจยังปฏิเสธความเชื่อนี้อยู่ดี!

ลี่หยุนจื่อเป็นคนที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่มและบาดเจ็บสาหัส แม้จะฟื้นคืนมาได้แต่ระดับบ่มเพาะไม่ก้าวหน้ามากนัก ตอนนี้ถึงแม้ปรมาจารย์ลั่วฟู่จะขัดขวางพลังส่วนใหญ่ไป แต่เสียงที่เล็ดลอดมายังทำให้เขารู้สึกหูหนวกได้ เขากระอักโลหิต และถอยร่นไปหลายร้อยฟุตก่อนจะหยุดลง

แววตาเผยความหวาดกลัวเหมือนปรมาจารย์จงเฉิน เขามองหวังหลินที่ดูไม่คุ้นเคยยิ่งและแตกต่างจากเด็กในความทรงจำของเขามากเกินไป!

“การบรรลุระดับบ่มเพาะเช่นนี้ในเวลาแค่ไม่กี่ร้อยปี หรือมันรู้แจ้งคัมภีร์รบ ได้หมดแล้ว? โชคดีที่ความเกลียดชังระหว่างเราไม่ได้มากนักและตอนนั้นข้าได้ให้คัมภีร์รบไปหมด ไม่เช่นนั้นข้าเองกลัวว่าแม้แต่ปรมาจารย์ลั่วฟู่ก็ช่วยไม่ได้!! เขา…แข็งแกร่งมากจริงๆ!!”

เทพโลหิตรู้สึกหวาดกลัวที่สุดจนศีรษะด้านชาและแทบจะหมดความคิด! เขารู้ดีว่าตนเองล่วงเกินหวังหลินไปมากแค่ไหน ตอนนี้เมื่อมาเห็นหวังหลินกับตาและสัมผัสความตกตะลึงจากเสียงคำรามได้ จึงอดไม่ได้ที่จะสั่นเทา

ในฐานะบรรพชนตระกูลเหยา ในฐานะเทพโลหิตแห่งดาราจักรทุกชั้นฟ้า เขาเป็นคนหยิ่งผยองเป็นอย่างยิ่งและยากนักที่จะเจออะไรจนต้องสั่นเทา แต่ตอนนี้ เขาหวาดกลัวมากจริงๆ!

ความแข็งแกร่งของหวังหลินทำให้เขารู้สึกกลัว ทำให้เขารู้สึกไม่อาจต่อต้านได้ หลังจากเห็นสีหน้าท่าทางของปรมาจารย์ลั่วฟู่ เขารู้สึกสิ้นหวัง แต่กระนั้นก็ยังมีความหวังเล็กๆ ในใจว่าตนเองจะโชคดี!

“บางทีหวังหลินไม่ได้มาที่นี่เพราะข้าแต่เป็นเพราะปรมาจารย์ลั่วฟู่ เขาต้องการต่อสู้กับปรมาจารย์ลั่วฟู่ ข้าเป็นแค่มดแมลงในสายตาเขา ดังนั้นเขาอาจจะไม่ได้ยุ่งอะไรกับข้าเกิน…”

เสียงคำรามดังผ่านไป หวังหลินก้าวไปข้างหน้า ทุกการก้าวทำให้สายฟ้าดังกึกก้องหนึ่งคราจนเกิดเป็นแรงกดดันมหาศาลเข้ากดทับลงบนวังวน!

ปรมาจารย์ลั่วฟู่สูดหายใจลึกแต่ไม่ลุกขึ้น เขาจ้องหวังหลินที่อยู่นอกวังวนและเอ่ยขึ้นเบาๆ “ตั้งแต่ที่เราพบกันบนดาวซูซาคุ ระดับบ่มเพาะของสหายเซียนเพิ่มขึ้นมหาศาล ข้าเองก็อดไม่ได้ที่จะต้องชื่นชม!”

น้ำเสียงแพร่กระจายออกมาจากวังวน

“การต่อสู้บนดาวซูซาคุเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน กระบี่ของสหายเซียนลั่วฟู่ยังคงน่าตกตะลึง!” หวังหลินก้าวไปข้างหน้าโดยไม่ได้หยุดชะงัก หลังกล่าวจบจึงมองปรมาจารย์จงเฟินและคำนับฝ่ามือ

“สหายเซียนจงเฉิน สบายดีหรือไม่? ข้ามาที่ดาราจักรทุกชั้นฟ้าเพื่อสะสางเรื่องเก่า ข้าหวังว่าเจ้าจะอภัยให้ข้าได้” ผู้อาวุโสในอดีตกลายเป็นสหายเซียนในตอนนี้ ไม่ใช่ว่าหวังหลินอยากจะเปลี่ยน แต่ปรมาจารย์จงเฉินตอนนี้ไม่สามารถทนให้หวังหลินเรียกเขาเป็น “ผู้อาวุโส” ได้

ถึงแม้หวังหลินจะพูดว่า “สหายเซียน” ปรมาจารย์จงเฉินกลับรู้สึกยินดีในความขมขื่น เขารีบลุกขึ้นและคำนับฝ่ามือให้หวังหลิน

“ทุกชั้นฟ้าคือบ้านของผู้อาวุโส ไม่จำเป็นต้องกล่าวโทษอันใด”

หวังหลินยิ้มบางและค่อยๆก้าวเข้าหาวังวน

“ในดาวซูซาคุ เรารวมกลุ่มกันและถือว่าเป็นสหาย ปกติแล้วข้าควรจะยินดีที่ได้เจอสหายเซียน แต่ทำไมท่านถึงสังหารคนไปสิบเอ็ดคนที่ช่วยกันตั้งค่ายกล?” ปรมาจารย์ลั่วฟู่ขมวดสายตาและกะพริบเย็นเยียบ

หวังหลินมีสีหน้าเป็นปกติและยกแขนชี้ไปที่เทพโลหิตซึ่งอยู่ข้างๆปรมาจารย์ลั่วฟู่ และเอ่ยขึ้นช้าๆ “ข้ามีเหตุผลของตัวเองที่จะฆ่าพวกมัน ระหว่างเราไม่มีข้อบาดหมางอะไรกันและข้าก็ไม่มีเจตนาจะต่อสู้กับท่าน ข้าต้องการคนผู้นี้!”

ความคิดของเทพโลหิตเกิดการสั่นเทา โลหิตทั้งหมดหายไปจากใบหน้า ราวกับพลังชีวิตถูกสูบไปหมดเพียงแค่หวังหลินชี้นิ้ว

หวังหลินมาหยุดอยู่นอกวังวนในระยะพันฟุต คนเบื้องหน้าเขาคือบรรพชนของดาราจักรทุกชั้นฟ้าและเป็นกำลังหลักในการต่อสู้กับดินแดนชั้นนอก ตอนที่อยู่บนดาวซูซาคุพวกเขาร่วมมือกันเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ แม้หวังหลินจะไม่ได้สนใจเรื่องระดับบ่มเพาะ เขาก็ยังให้ความเคารพต่อเซียนขั้นที่สาม

ปรมาจารย์ลั่วฟู่มีสีหน้ามืดมนและเกิดแววตาลังเล

“ปรมาจารย์ลั่วฟู่!! มีเพียงผู้น้อยที่สามารถพาท่านไปที่นั่นได้…” เทพโลหิตหน้าซีดและเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ขณะที่พูดขึ้น เขาก็ถูกปรมาจารย์ลั่วฟู่ขัดจังหวะ

“ข้าจะตัดสินใจเอง!”

ปรมาจารย์ลั่วฟู่ยืนขึ้นและคำนับฝ่ามือให้หวังหลิน “สหายเซียนหวังหลิน ท่านไว้หน้าข้าได้หรือไม่และปล่อยเขาไปเถอะ? ถือว่าข้าเป็นหนี้ท่านสักครั้ง!”

หวังหลินมองปรมาจารย์ลั่วฟู่อยู่ชั่วขณะ จากนั้นส่ายศีรษะ

“เขามีประโยชน์กับข้า ข้าหวังว่าสหายเซียนจะไม่เข้ามาหยุด!”

ปรมาจารย์ลั่วฟู่มีสีหน้ามืดมน แม้เขาจะเป็นคนระมัดระวังแต่ความโอหังของเซียนขั้นที่สามได้สลักลงไปในกระดูกแล้ว ช่วงเวลาหลายหมื่นปีเขาได้ทำทุกอย่างที่ต้องการในดาราจักรทุกชั้นฟ้าและไม่มีใครกล้าขัด เขาคิดว่าตนเองลดสถานะลงมาแล้วและกระทั่งถอยไปหนึ่งก้าวเพื่อติดหนี้หวังหลิน

แต่หวังหลินกลับไม่สนใจ จนทำให้ปรมาจารย์ลั่วฟู่ค่อยๆเผยท่าทีเยาะเย้ย

“ข้าอยากจะเห็นเหลือเกินว่าทำไมเจ้าถึงได้มั่นใจในการต่อสู้กับข้าในค่ายกลดวงดาว! พลังเสียงคำรามของเจ้าแข็งแกร่งก็จริงและร่างกายเทียบได้กับเซียนขั้นที่สาม แต่ข้าอยู่ขั้นที่สามมาหลายหมื่นปี คนอวดเก่งแบบเจ้าจะเข้าใจได้อย่างไร?”

หวังหลินสีหน้าท่าทางแบบเดิม ดวงตาค่อยๆ เยือกเย็น เขาสะบัดมือขวาไป “อย่ามาเสียเวลา หากต้องการสู้ก็เริ่มเลย!!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!