1586. แยกโลหิตเทพ
หวังหลินเงยศีรษะขึ้นมองคนในชุดผ้าคลุมสีดำ หวังหลินจะลืมไปได้อย่างไร? คนผู้นี้คือราชันย์!
หัวหน้าของห้ายอดปรมาจารย์แห่งดาราจักรโบราณ คนเจ้าเล่ห์ผู้วางแผนต่อกรฟ้าดิน!
ไม่ว่าจะเป็นการสังหารจ้าวดินแดนปิดผนึกคนก่อน การทำลายแดนสวรรค์ทั้งสี่ แผนการจัดการจักรพรรดิเทพฉิงหลิน ก่อตั้งเผ่ารอยสักเพื่อค้นหาคันศรของลี่กวง การทรยศของฉุยต้าว ปรมาจารย์ซือโม่ การตายของบรรพชนตระกูลเซี่ยง และอีกหลายสิ่งหลายอย่างล้วนมีเงาของราชันย์อยู่เสมอ!
ในดาราจักรโบราณ หวังหลินรู้สึกความคิดของตัวเองถูกควบคุม พอคิดถึงตอนนี้มันต้องเกี่ยวกับการกระทำของราชันย์ด้วย
ในความทรงจำของหวังหลิน มีวิชาหนึ่งที่เขามิอาจลบเลือนได้ นั่นคือวิชา ตกจันทราในบ่อน้ำ!
เขาเห็นวิชานั้นตอนที่เผชิญหน้ากับวิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นที่สามซึ่งคาดว่าจะเป็นราชันย์ ตอนที่เขาเห็นแม่น้ำ จึงกลัวว่าหายนะครั้งนี้ก็เป็นวิชาตกจันทราในบ่อน้ำด้วย!
สิ่งที่ตกออกมาคือดาวซูซาคุและหวังหลิน!
‘ตกจันทราในบ่อน้ำ…’ หวังหลินยืนขึ้นบนแม่น้ำและแหงนหน้ามองท้องฟ้า
นางสนมจักรพรรดิเทพซึ่งยังไม่ตาย นางยืนอย่างงุนงงระหว่างทั้งสองคน นางถอยไปสองสามก้าวและเงียบเสียง
ราชันย์ยิ้มออกมาพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “ถ้าไม่ใช่เพราะปรมาจารย์เต๋าความฝันสงสารเจ้า เจ้าคงกลายเป็นเบี้ยของข้าไปแล้ว” จากนั้นบีบมือสบายๆ เกาทัณฑ์สั่นเทาและหายวับไปในมือ
เขาหวาดกลัวพลังของเกาทัณฑ์นี้ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงได้ชะลอการปรากฏตัว เขารอจนหวังหลินใช้เกาทัณฑ์จึงค่อยเผยตัวเอง
เกาทัณฑ์นั้นเชื่อมต่อกับคันศรในร่างหวังหลินไปแล้ว หลังจากสูญสลายมันจึงปรากฏตัวภายในหวังหลินอีกครั้งด้วยกรรมวิธีอันลึกลับ หากลี่กวงไม่ตาย เกาทัณฑ์ดอกนี้คงกลับสู่ร่างของลี่กวง
“บอกข้ามา เจ้าไปได้สายโลหิตเทพมาจากไหน?” หลังจากราชันย์บีบเกาทัณฑ์จนแตกสลายไป เขาค่อยๆ ก้าวเดินเข้าหาหวังหลิน แม้จังหวะจะเชื่องช้า แต่ทุกย่างก้าวทำให้หวังหลินสั่นเทา ราวกับแรงกดดันไร้ขอบเขตกำลังกดทับใส่ร่างเขาทุกทิศทาง
สิ่งที่ประหลาดก็คือมีภาพสะท้อนของราชันย์ปรากฏบนผิวน้ำและกำลังเดินเข้าหาหวังหลิน
ราวกับมีราชันย์สองคน หนึ่งอยู่บนฟ้า และหนึ่งอยู่บนพื้น
แรงกดดันเพิ่มขึ้นสองเท่าและส่งลงมาจากฟ้าและพื้นดินจนหวังหลินต้องหน้าซีดและไม่สามารถขยับร่างกายได้เลย ราวกับถูกหยุดด้วยวิชายับยั้ง
อย่างไรก็ตามสายตากลับสงบนิ่ง หลายสิ่งหลายอย่างมาถึงจุดนี้และหวังหลินรู้ว่าการจะเอาชีวิตรอดในหายนะครั้งนี้เป็นไปได้ยากยิ่ง เขาเข้าใจเรื่องนี้ได้ตอนที่ปลดปล่อยเกาทัณฑ์ออกไป
“จะไม่พูด? ไม่เป็นไร ข้าจะเอาคำตอบมาจากเจ้าเอง” ราชันย์ส่ายศีรษะ ยกแขนเหี่ยวแห้งขึ้นมาชี้ใส่หวังหลิน
เพียงแค่นั้น ท้องฟ้าสีครามหายวับไปอย่างไร้ร่องรอยและถูกแทนที่ด้วยแสงสีทอง แสงสีทองคือแสงอาทิตย์ที่โผล่ออกมาจากดวงอาทิตย์ในท้องฟ้า
ดวงอาทิตย์นั้นปรากฏขึ้นฉับพลันและห้อยอยู่ในท้องฟ้าเบื้องบน กลิ่นอายแห่งกฎแห่งต้นกำเนิดแพร่กระจาย ขณะที่แสงอาทิตย์กะพริบวาบ ร่างของราชันย์กลายเป็นสีดำ ยามที่เดินเข้ามาหา มีรัศมีปรากฏขึ้นรอบตัว
“นอกจากเกาทัณฑ์ดอกนั้นแล้ว เจ้าไม่มีสิ่งใดจะใช้ต่อสู้กับข้าได้…ตั้งแต่ ยุคแรกเริ่มมีแสงสว่าง แสงนี้คือหนึ่งในแก่นแท้ที่ข้าเข้าใจ แก่นแท้กฎแห่งต้นกำเนิด…ภายใต้พลังของกฎแห่งต้นกำเนิด พลังเทพและพลังบรรพกาลของเจ้าจะแยกจากกัน!” น้ำเสียงของราชันย์ดูแก่ชรา แสงทั้งหมดในโลกก่อตัวเป็นเสาแสงที่สาดส่องไปใส่หวังหลิน
หวังหลินไม่สามารถต้านทานพลังนี้ได้ ความเจ็บปวดรุนแรงโผล่ออกมาจากร่าง แสงนี่ร้อนดั่งดวงอาทิตย์ หวังหลินสัมผัสกฎแห่งต้นกำเนิดที่กำลังเผาไหม้ทุกอย่างข้างในตัวเขา รวมถึงวิญญาณเร่ร่อนด้วย
กฎแห่งต้นกำเนิดเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อวิญญาณเร่ร่อน พวกมันส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนและวิญญาณเร่ร่อนทั้งหมดในตัวหวังหลินจึงสูญสลาย
เมื่อไร้วิญญาณเร่ร่อน ร่างหวังหลินจึงพังทลายภายใต้พลังต่อต้านและแสงของราชันย์ แสงแห่งต้นกำเนิดพุ่งเข้าไปในเลือดเนื้อของหวังหลิน มันกำลังจะแยก พลังเทพและพลังแห่งเผ่าบัญชาโบราณออกจากกัน
มองเห็นได้เลือนลางว่าหลังจากร่างหวังหลินก่อตัวขึ้นใหม่ แสงสีทองในร่างเขากำลังจะพุ่งออกมา
ความรู้สึกของการถูกแยกนั้นเจ็บปวดยิ่งกว่าตอนผสานอยู่หลายเท่า หวังหลิน สีหน้าบิดเบี้ยวแต่ไม่ส่งเสียง เขาแค่จ้องราชันย์และจะจดจำเรื่องนี้ไว้ จดจำทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเขาวันนี้!
หากเขามีอีกชีวิต หากเขาไม่ตายวันนี้ ความเจ็บปวดทั้งหมดที่เขาเผชิญจะตอบแทนกลับไปอีกสิบ อีกร้อยเท่า!!
เขายังมีไพ่ตายอีกหนึ่งใบที่ไม่ได้ใช้!
ไพ่ตายนี้มีโอกาสหลุดจากการควบคุม แต่ตอนนี้หวังหลินไม่สนใจ เขากำลังรอคอย รอคอยช่วงวิกฤตที่สุด รอให้ราชันย์เข้ามาใกล้ขึ้น บางทีไพ่ตายนี้ของเขาอาจจะเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง!
ราชันย์ดูไม่มีสีหน้าเปลี่ยนแปลงอันใดจากการโดนหวังหลินจ้องมอง นิ้วชี้ขวาค่อยๆ ยื่นออกมาพร้อมกับอีกสี่นิ้วและก่อเป็นฝ่ามือ ขณะที่กฎแห่งต้นกำเนิดได้ทำให้พลังเทพและพลังบรรพกาลของหวังหลินแยกออกจากกัน เขาเดินเข้ามาใกล้หวังหลินมากยิ่งขึ้น จากนั้นยื่นแขนขวาไปหาหวังหลิน
“ตกจันทราในบ่อน้ำ!” ขณะที่ราชันย์ยื่นมือออกไป เงาสะท้อนของเขาบนผิวน้ำก็ยื่นมือมาหาหวังหลินด้วย
เขาต้องการยื่นมือไปหาสายโลหิตเทพที่บังคับแยกตัวออกมาจากร่างหวังหลิน!
หวังหลินเจ็บปวดจากการโดนฉีกกระชาก ความเจ็บปวดแทบทำให้เขากรีดร้องแต่ก็ต้องทนเอาไว้ เส้นโลหิตบนใบหน้าบวมเป่ง ดวงตาแดงก่ำแต่จ้องมองราชันย์ต่อไป!
‘ใกล้อีกนิด…’
แสงสีทองจำนวนมากแผ่กระจายออกมาจากร่างหวังหลินและโผล่ออกมาจากรูขุมขน ซึ่งรวมไปถึงในกระดูกของหวังหลินด้วย ไขกระดูกที่เป็นส่วนสำคัญที่สุดในการสร้างโลหิตได้ถูกบีบออกมาจากร่างเขาเช่นกัน
พริบตาเดียวโลหิตทั้งหมดในร่างหวังหลินจึงกระจายออกมารวมถึงไขกระดูก โชควาสนาทั้งหมดที่เหลียนต้าวเฟยมอบให้เขากำลังปะทุออกมาจากร่าง
มองไกลๆแล้วฉากเหตุการณ์นี้ช่างดูน่าตกตะลึงยิ่ง โลหิตสีทองที่กำลังพ่นออกมาจากร่างหวังหลินได้ก่อตัวเป็นร่างมนุษย์และมีรูปลักษณ์เหมือนหวังหลิน!
มันเหมือนวิญญาณหวังหลินที่ถูกแบ่งออกมาครึ่งส่วน ร่างที่สร้างขึ้นจากแสงสีทองค่อยๆ แยกออกมาจากร่างหวังหลิน มันลอยเหนือหวังหลินเจ็ดนิ้ว แสงสีทองที่เชื่อมกันคงเหลือน้อยลงกว่าเดิม!
เมื่อร่างสีทองลอยออกมา ดาวเทพโบราณของหวังหลินปรากฏขึ้นแต่ไม่มีแสงสีทอง แม้กระทั่งดาวปีศาจโบราณในตาซ้ายก็ยังไม่มีแสงสีทอง!
ราชันย์มีแววตาส่องสว่างขึ้นและยื่นมือออกไปอย่างรุนแรง แสงสีทองที่เหลืออยู่สูญสลายไป โลหิตเทพของหวังหลินจึงถูกแยกออกมาจากร่างเขาโดยสิ้นเชิง!
เมื่อมันถูกแยกออกมา ร่างสีทองเคลื่อนไหวและเปลี่ยนกลายเป็นหยดโลหิตสีทอง!
หยดโลหิตนี้มีอักขระเวทย์กึ่งสมบูรณ์สำหรับร่างเทพอมตะ หยดโลหิตนี้ถูกหลอมขึ้นมาจากโชควาสนาที่เหลียนต้าวเฟยมอบให้หวังหลิน!
เมื่อไร้โลหิตเทพจึงไม่มีพลังต่อต้าน หวังหลินกลับสู่หนทางเดิมตอนที่พบเจอเหลียนต้าวเฟย เสียงปะทุดังกึกก้องในร่างเขาและกลับเป็นร่างเทพโบราณ
“ร่างเทพอมตะ…นี่คือร่างเทพอมตะ…เจ้าไปได้มันมาจากไหน?!” ราชันย์มองหยดโลหิตที่กำลังลอยอยู่เหนือหวังหลิน ในแววตามีความตื่นเต้นแต่ก็แฝงความหวาดกลัวรุนแรง
ยากนักที่ราชันย์จะหลุดตัวตนของตัวเองเช่นนี้ มีเพียงโลหิตนี้เท่านั้นที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้! เขารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับหวังหลิน แต่ไม่มีทางที่เขาจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับหวังหลินตอนอยู่ในอสูรโลกันตร์
วินาทีนี้ราชันย์ก้าวออกมา ยื่นมือขวาเข้าหาหยดโลหิตสีทอง
ขณะที่ทำเช่นนั้น หวังหลินจ้องมองด้วยแววตาเย็นยะเยือกรุนแรง เขากัดปลายลิ้นและพ่นโลหิตบัญชาโบราณออกไปดุจเกาทัณฑ์ เขาเปิดมิติเก็บของให้ตำหนักสีดำลอยออกมา!
วินาทีที่ตำหนักปรากฏ โลกจึงมืดลง โลหิตบัญชาโบราณของหวังหลินร่อนลงใส่หน้าต่างบานหนึ่ง ย้อมมันให้เป็นสีแดง
“ด้วยนามแห่งข้าในฐานะบัญชาโบราณหวังหลิน ข้าขอปลดปล่อยผนึกเจ้าให้เป็นอิสระ และจงช่วยข้าสังหารศัตรู!!” ด้วยระดับบ่มเพาะของหวังหลิน เขาสามารถเปิดหน้าต่างได้หนึ่งบานเท่านั้น และนั่นเป็นหนึ่งในวิญญาณที่ทรงพลังซึ่งถูกเย่โม่ผนึกเอาไว้!
ขณะที่เอ่ยเสียงดังและโลหิตไหลย้อม หน้าต่างบนตำหนักสีดำจึงสั่นเทา เสียงแตกร้าวดังกึกก้องและพังทลาย เสียงคำรามตื่นเต้นและทรงพลังโผล่ออกมาจากหน้าต่าง
“เจ้าเย่โม่บัดซบ เจ้าผนึกข้า จ้าววิญญาณสีชาด ไว้เนิ่นนาน ในที่สุดวันนี้ข้าก็เป็นอิสระ!!” ร่างเงาสีแดงพุ่งออกมาพร้อมเสียงคำราม รูปลักษณ์ใบหน้ามิอาจเห็นได้ชัดเจน เพียงแต่มีโลหิตสีแดงและมีกลิ่นอายน่าตกตะลึงอยู่กับเขา
ราชันย์อยู่ใกล้เกินไป ดังนั้นจึงถูกหน้าต่างโลหิตตีใส่ เขากระเด็นกลับไปหลายร้อยฟุตจนผ้าคลุมหน้าหลุดไปให้เห็นรูปลักษณ์
“จ้าววิญญาณสีชาด!”
เงาสีแดงร้องหัวเราะ ไม่หันไปมองแม้แต่หวังหลินหรือราชันย์ พริบตาเดียวเขาก็พุ่งเข้าหานางสนมจักรพรรดิเทพที่อยู่ห่างไกล เงาสีแดงล้อมรอบนางสนมเอาไว้พร้อมกับที่นางส่งเสียงกรีดร้อง ร่างงดงามของนางหลอมละลายและถูกเงาโลหิตกลืนกิน
เงานั้นหัวเราะและพุ่งหาท้องฟ้า ปรากฏหลุมยักษ์ขึ้นในพริบตาและจึงพุ่งผ่านหลุมนั้นออกไป
ตอนนี้ในดินแดนชั้นใน บนดาวซูซาคุของจริง ในเมืองธรรมดาแห่งหนึ่ง เหลียนต้าวเฟยกำลังถือน่องไก่มันเยิ้ม นั่งลงท่ามกลางกลุ่มขอทาน เขากัดน่องไก่ด้วยสายตาอิจฉาของเหล่าขอทาน จ้องมองท้องฟ้าด้วยสายตางุนงง
“บัดซบ เขาไม่อยู่ที่นี่แล้ว เขาไม่สนใจใยดีข้าเลย…ไม่สิ ข้าจำเป็นต้องไปหาเขา เขาไม่สามารถทิ้งข้าได้…เอ๋?”