1692. ข้อตกลงเมื่อคราวที่แล้ว
เมื่อแสงสีรุ้งกะพริบวูบวาบ ราชันย์ที่กำลังล่าถอยพลันหยุดชะงัก มองดูแสงสีรุ้งด้วยท่าทีซับซ้อนและเกินอธิบาย
ยังมีนางสนมลำดับเจ็ดที่เอาชีวิตรอดมาได้ด้วยสมบัติช่วยชีวิต นางมองแสงสีรุ้งด้วยท่าทีเกินอธิบายเช่นเดียวกัน
‘เขามาจริงๆ!’ หวังหลินหรี่ตาลง ถอยหลังไปหลายก้าวโดยไม่ลังเล แขนขวายื่นออกไปหยิบหินหยกขึ้นมา
บดขยี้หินหยกให้มันเป็นฝุ่นผง หลุมดำขนาดเท่ากำปั้นปรากฏขึ้นมาตรงจุดที่เคยมีหินหยก
หลุมดำมีพลังดึงดูดปล่อยออกมาและมีแสงน่ากลัวห่อหุ้มหวังหลิน มันกำลังดึงเขาเข้าไปในหลุมดำ
ห่างออกไปไกลตรงจุดที่แสงสีรุ้งปรากฏ ร่างชายวัยกลางคนสวมชุดคลุมก้าวเดินออกมา เขาเปล่งบรรยากาศดูสุภาพ เดิมทีมีความสงบนิ่งแต่เมื่อเห็นหลุมดำที่โผล่ขึ้นมาตอนหวังหลินบดขยี้หินหยก แววตาจึงกะพริบแสงลึกลับ
“เจ้าต้องการหนีไปด้วยการใช้วิธีเช่นนั้น? เป็นไปไม่ได้หรอก” เซียนเต๋าสีรุ้งเอ่ยขึ้นมาพลางชี้ใส่หวังหลินอย่างลวกๆ
เพียงแค่ชี้นิ้ว แสงสีรุ้งเปล่งประกายเจิดจ้าและรวมกันในนิ้วมือ พายุแสงสีรุ้งปรากฏขึ้นและพุ่งเข้าใส่หวังหลิน
พายุนี้รวดเร็วเกินไปและเข้าใกล้หวังหลินในพริบตา ห่างจากหวังหลินไม่เกินเจ็ดฟุต!
จิตใจหวังหลินเกิดความเย็นเยียบ ความเย็นแล่นผ่านไปทั่วทุกรูขุมขน มันกำลังบอกเขาว่าเป็นวินาทีความเป็นความตายในชีวิต จากความเร็วของพายุนี้แล้ว ดูเหมือนหวังหลินไม่มีเวลามากพอจะเข้าไปในหลุมดำเลยด้วยซ้ำ
ทว่าเขาไม่ได้ตื่นตระหนก ราวกับทุกอย่างอยู่ในการคำนวณแล้ว ขณะที่พายุสีรุ้งเข้าใกล้ ฝ่ามือละเอียดดุจหินหยกยื่นออกมาจากหลุมดำ นิ้วกลางของนางมีแหวนหยกสีเขียวส่องสว่างเข้าปะทะกับพายุ
พายุสีรุ้งพังทลายอย่างเงียบงันและเปลี่ยนกลายเป็นควัน ซึ่งควันก่อตัวเป็นรูปร่างดุจอสรพิษเจ็ดตัวและเจาะเข้าไปในฝ่ามือของนาง
ฝ่ามือละเอียดดุจหินหยกถึงกับสั่นเทาและสร้างผนึกขึ้นมา มันแบ่งตัวกลายเป็นฝ่ามือแบบเดียวกันเจ็ดข้างและทับซ้อนกันเป็นวงกลม แสงสีรุ้งโผล่ออกมาจากฝ่ามือทั้งเจ็ดข้างนี้ด้วย
เพียงปรบเบาๆ ฝ่ามือเจ็ดข้างเปล่งแสงแตกต่างกันออกมา กลายเป็นประทับฝ่ามือสีรุ้ง มันลอยผ่านหวังหลินและพุ่งใส่เซียนเต๋าสีรุ้งที่อยู่ห่างออกไปไกล
ขณะเดียวกันร่างหวังหลินถูกดึงเข้าไปในหลุมดำ และหายวับไปจากดาราจักรโบราณ
เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในพริบตา
ตอนที่ราชันย์เห็นฝ่ามือเจ็ดข้าง ดวงตาจึงเปล่งประกายเจิดจ้า
“นั่นนาง!!”
คนที่ตกตะลึงยิ่งกว่าก็คือนางสนมลำดับเจ็ด ใบหน้าซีดเซียว ก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัวพร้อมกับร้องอุทาน “พี่หญิง!! นางไม่ตาย!!”
มีเพียงเซียนเต๋าสีรุ้งที่มีท่าทีสงบนิ่ง ขณะที่ประทับสีรุ้งเข้าใกล้ เขาเพียงสะบัดแขน ระลอกคลื่นสีรุ้งดังกึกก้องและปะทะกับฝ่ามือสีรุ้ง
ชั่วครู่ต่อมาทุกอย่างจึงหายวับไป
เซียนเต๋าสีรุ้งหลับตา ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ผ่านไปสักพักจึงลืมตาขึ้นมามองตำแหน่งที่หวังหลินหายตัวไป แววตาเกิดความรำลึกถึง
“ประทับหยกสีรุ้ง… ข้าคิดว่านั่นคือชื่อของมัน… น่าเสียดายที่ข้ามีวิชาแต่ไม่มีความทรงจำ… อย่างไรเสียมันก็ไม่มากพอจะหนีไปจากข้าได้ คันศรลี่กวงจบสิ้นภารกิจของมันแล้ว ถึงเวลาที่จะนำมันกลับคืน” เซียนเต๋าสีรุ้งเงยหน้าขึ้น ก้าวออกไปและหายวับอย่างไร้ร่องรอย
เหลือเพียงราชันย์และนางสนมลำดับเจ็ดที่เหลืออยู่ตรงนั้น ทั้งคู่ตกตะลึงกับการปรากฏตัวของฝ่ามือและตัวตนของเจ้าของฝ่ามือข้างนั้น
นางสนมอันดับหนึ่งของราชันย์เทพ ทั้งยังเป็นน้องสาวของคนรักของราชันย์เทพด้วย!
ณ ทะเลเมฆา มีรอยแยกอวกาศขนาดยักษ์เกิดขึ้นตรงที่สำนักมารเคยใช้ มีเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่ารอยแยกนี้นำทางไปที่ไหน บ่อยครั้งมีอสูรดุร้ายหลายตัวโผล่ออกมา
ยามนี้ลึกเข้าไปในรอยแยกอวกาศ ในความมืดมิดและอวกาศอันแปลกประหลาด มีอสูรตัวยักษ์มากกว่าหมื่นฟุต ดูเหมือนสิงโตแต่มีเขาเดียว
มีสตรีผู้หนึ่งกำลังอยู่เบื้องหน้าเขาเดียวของมัน นางงดงามล่มเมือง ยามนี้กลับมีใบหน้าซีดเซียว นางสร้างผนึกอย่างต่อเนื่องและโบกสะบัดแขนเบื้องหน้า
เบื้องหน้าคือหลุมขนาดเท่ากำปั้นที่กำลังดูดกลืนความมืดรอบตัว หลุมดำสั่นเทาและขยายตัวออก เมื่อมันขยายไปสิบฟุต หวังหลินก้าวเดินออกมา
เมื่อเขาเดินออกมา หลุมดำพังทลายเป็นละอองแสง
“ขอบคุณมาก!” หวังหลินคำนับฝ่ามือให้สตรีที่กำลังอยู่ตรงนั้น
สตรีผู้งดงามพลันลืมตาและเผยความเหน็ดเหนื่อย นางมองหวังหลิน ผ่านไปสักพักจึงส่ายศีรษะและถอนหายใจ
“ตอนที่เราแยกทางกันครั้งนั้น ระดับบ่มเพาะของเจ้าต่ำมาก ข้าไม่คิดว่าวันนี้เจ้าจะบรรลุระดับบ่มเพาะสูงส่งถึงขนาดนี้ได้… ข้าคิดว่าเจ้าลืมเรื่องข้อตกลงของเราแล้ว แต่ตอนที่ข้าได้รับข้อความของเจ้าผ่านหินหยก ข้าจึงรู้ว่าเจ้าไม่ได้ลืม”
“ก่อนหน้านี้ท่านช่วยข้ามาที่นี่ ข้าไม่ลืมแน่นอน แต่เพราะเกิดเรื่องบางอย่าง ข้าจึงมาสาย” หวังหลินยิ้มและมองไปที่เจ้าสิงโตยักษ์ที่กำลังวิ่ง เขาตัดสินใจที่จะนั่งลง
ตอนที่เขาตัดสินใจไปดาราจักรโบราณเพื่อทำลายแดนสวรรค์โบราณของฝั่งนั้น หวังหลินคิดถึงวิธีหนีไว้แล้ว เขารู้ว่าการเดินทางไปครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องธรรมดา เมื่อเขายิงคันศรไปสองครั้ง ราชันย์คงจะลงมือ ถึงหวังหลินจะมีพลังให้ยิงได้มากกว่าสองดอก แต่ดินแดนชั้นนอกคืออาณาเขตของเซียนเต๋าสีรุ้ง เมื่อคนผู้นั้นปรากฏ หวังหลินรู้ว่าการหนีจึงเป็นเรื่องยาก
ดังนั้นตอนที่เขากำลังบ่มเพาะอยู่บนค่ายกลกงล้อเมื่อหนึ่งปีก่อน หวังหลินนำหินหยกออกมาสื่อสารกับสตรีผู้นี้ซึ่งไม่ได้พูดคุยมานานแล้ว ทั้งสองจึงทำข้อตกลงร่วมกัน
เหตุผลที่หวังหลินขอให้นางช่วยเป็นเพราะความรู้ของเขาและเบาะแสหลายอย่าง หวังหลินมั่นใจกว่าหกในสิบส่วนว่านางคือนางสนมอันดับแรกที่หายตัวไป!
หลังจากทั้งสองสื่อสารกัน นางจึงเผยตัวเองว่าเป็น นางสนมอันดับหนึ่ง!
สตรีงดงามเอ่ยขึ้นเสียงเบา “ครั้งหนึ่งข้าเคยเป็นนางสนมอันดับหนึ่งของราชันย์เทพสีรุ้ง ข้าบอกเจ้าก่อนหน้านี้ตอนที่เราคุยผ่านหินหยก อีกสถานะของข้าคือน้องสาวของฟ่านชานเมิ่ง ซึ่งคือคู่รักของราชันย์เทพสีรุ้ง ชื่อของข้าคือฟ่านชานลิ่ว!”
“ในเมื่อเจ้ารู้แล้วว่าที่นี่เป็นเพียงแค่โลกในถ้ำ ก็ไม่จำเป็นต้องซ่อนอะไรจากเจ้าอีก”
“ราชันย์เทพสีรุ้งพยายามไปเอาสมบัติชิ้นหนึ่งมาขณะที่สองในเก้าตะวันกำลังต่อสู้ เขาใช้วิธีอันน่ารังเกียจคือใช้พี่สาวข้าเป็นเหยื่อล่อ และใช้โอกาสนั้นไปเอามา จากนั้นกลับมาและผนึกสำนักเจ็ดเต๋า”
“เมื่อเรามาถึงที่นี่ ข้าไม่เชื่อใครที่มาจากแผ่นดินเซียนดาราเลย และข้าถูกราชันย์เทพสีรุ้งทำร้ายจนบาดเจ็บ ระดับบ่มเพาะของข้ายังไม่ฟื้นฟูและข้าไม่ร่วมมือกับใครจนกระทั่งเจ้าปรากฏตัว ระหว่างเราไม่มีความแค้นอะไรกัน เราสามารถร่วมมือกันได้!”
นางเอ่ยขึ้นเบาๆ
“เจ้าต้องการพาเซียนดินแดนแห่งนี้ไปที่แผ่นดินเซียนดารา ข้าจะช่วยเจ้าด้วย!”
“แผ่นดินเซียนดาราคือสถานที่ลึกลับ มันใหญ่เกินไปและมีสงครามเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีสถานที่สงบเงียบท่ามกลางสำนักหลากหลายแห่ง หากเจ้าต้องการมีที่ยืน เจ้าต้องมีสำนัก!”
“พื้นที่ดีๆ ทุกแห่งถูกจับจองไปแล้ว ข้าจะบอกความจริงให้ ด้วยระดับบ่มเพาะของเจ้า เจ้าไม่สามารถครอบครองได้แม้แต่สำนักเดียว! ส่วนเรื่องโลกในถ้ำ ทุกอย่างที่นี่เป็นเพียงแค่ภาพมายา ไม่เกินจริงเลยถ้าจะบอกว่าทุกชีวิตที่นี่เป็นเรื่องหลอกลวง…”
“ตลอดหลายชั่วอายุคน ข้าไม่ค่อยได้ยินใครออกมาจากโลกในถ้ำของสำนักทั่วแผ่นดินเซียนดาราจักร ข้าต้องบอกเจ้าเรื่องนี้ก่อน”
หวังหลินขบคิดเงียบๆ พลางนั่งลงฟังคำพูดของนาง
“อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เมื่อเจ้าไปที่แผ่นดินเซียนดารา เจ้าต้องอดทนกับการลงโทษของกฎเซียนดารา ข้าได้ยินเรื่องนี้มานิดหน่อย แต่หลังจากบรรลุขั้นวิบากแก่นแท้ในโลกแห่งถ้ำได้ถึงจะมีโอกาสรอด”
“กระนั้นข้าสามารถช่วยเจ้าเรื่องนี้ได้เช่นเดียวกัน!” นางเอ่ยขึ้นพลางมองหวังหลิน
“ข้าฟังอยู่!” หวังหลินมีท่าทีสงบนิ่งไร้ความปั่นป่วน เมื่อนางเห็นแบบนี้จึงอดไม่ได้ที่จะเผยความชื่นชม
หลังจากขบคิดเล็กน้อย นางเอ่ยขึ้นทันที “พี่สาวข้ายังไม่ตาย!”
หวังหลินหรี่ตาแต่ก็ไม่เอ่ยอะไร
“นางไม่ได้อยู่ที่นี่ นางอยู่ในแผ่นดินเซียนดารา! การได้เป็นสำนักในแผ่นดินเซียนดาราเป็นเรื่องยากมาก แต่หากเจ้าสังหารราชันย์เทพสีรุ้ง สำนักเจ็ดเต๋าก็เป็นของเจ้า! พี่สาวข้าและข้าเองก็ไม่ต้องการ ความจริงแล้วเราไม่ใช่คนของสำนักเจ็ดเต๋าแต่เป็นศิษย์หลักของสำนักมหาวิญญาณ”
“ตอนนั้น เราตาบอดและเลือกติดตามราชันย์เทพสีรุ้ง…” นางกัดฟันและเผยท่าทีไม่พอใจ
“แม้หลังจากเจ้าจะได้รับสำนักเจ็ดเต๋าไปแล้ว หากเจ้าอยากบ่มเพาะต่อไป เราสามารถแนะนำเจ้าให้เข้าไปในสำนักมหาวิญญาณได้!”
“ส่วนเรื่องบทลงโทษที่เจ้าเข้าไปในแผ่นดินเซียนดารา ข้าจะขอให้พี่สาวไปขออาจารย์ให้ช่วยเหลือ การมีอาจารย์ช่วยเหลือเพื่อรับเจ้าเข้าไปในแผ่นดินเซียนดารา บทลงโทษจะลดลง”
หวังหลินขบคิดเงียบๆ ครู่ต่อมาจึงเอ่ยปาก
“นอกจากข้าแล้ว เซียนคนอื่นในโลกถ้ำเล่า?”
สตรีงดงามกำลังจะเอ่ยแต่ทันใดนั้นสีหน้าท่าทางพลันเปลี่ยนไป นางมองกลับมา ขณะเดียวกันหวังหลินก็มองไปเช่นกันด้วยท่าทีมืดมน