1734. ช่างใจดีอะไรเช่นนี้
ขณะที่ขุนพลวารีเยาะเย้ยด้วยความตื่นเต้น หน่าต้าวซึ่งอยู่บนชั้นที่สิบได้ส่ง ธาตุโลหะออกไปก็พลันยิ้มเช่นกัน
เขายังคงสังเกตการณ์ต่อสู้นี้ด้วยสัมผัสวิญญาณ รอยยิ้มกว้างมากขึ้น เขาไม่คิดว่าหวังหลินจะเดินออกมาได้เพราะแก่นแท้วารีในก้อนสายน้ำนั้นหนาแน่นจนแม้แต่เขายังรู้สึกหวาดกลัว
แก่นแท้วารีนี้ไม่ได้มาจากขุนพลวารีแต่มาจากชุดเกราะ จึงทำให้หน่าต้าวมั่นใจมากขึ้น!
‘ข้าคิดว่าเขามีวิธีฝืนสวรรค์บางอย่าง แต่เขาก็แค่แข็งแกร่งเท่านั้น…หากสามารถออกมาได้ เขาคงออกมาตอนที่ก้อนสายน้ำก่อตัวขึ้นแล้ว ตอนนี้เขาต้องรู้สึกสิ้นหวังอยู่ในนั้นแน่ๆ!’
‘หวังหลิน ระหว่างเราไม่มีข้อบาดหมางอะไรกัน ข้าไม่อยากสังหารเจ้าจริงๆ แต่เจ้าเป็นเซียนแห่งโลกถ้ำ…เราแตกต่างจากเจ้า…เจ้าต้องมาที่นี่ด้วยจุดประสงค์บางอย่าง…โลกถ้ำตอนนี้วุ่นวาย มีหลายขุมกำลังที่กำลังค้นหาวิญญาณดวงที่สาม การที่เจ้ามาที่นี่ ข้าดูออก’ หน้าต่าวขบคิด พลางยิ้มกว้าง
ด้านหอคอยอีกเช่นกันซึ่งมีชายชราสวมชุดดำและคนอื่นกำลังจ้องมองกระจก ชายชราชุดดำเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและหัวเราะ
“หวังหลินคนนี้ช่างโอหัง ตอนนี้ท่านขุนพลวารีออกไปสู้แล้ว ข้าอยากเห็นเสียจริงว่าจะหนีออกมาได้อย่างไร วิชาหยดน้ำแห่งจักรวาลเป็นสุดยอดวิชาของสำนักกุ้ยยี่ โดนไปขนาดนั้นนับว่าตายแน่แล้ว!”
หญิงสาววัยกลางคนดูมีความสุขเช่นกัน นางจ้องมองก้อนสายน้ำข้างในกระจก แววตาเกลียดชัง
“ตายซะ เมื่อเจ้าตาย ซือถูหนานจะต้องเสียใจ ยิ่งเขาโกรธเท่าไร ข้ายิ่งรู้สึกดี! ซือถูหนาน เจ้าจะเป็นรายต่อไป!” นางส่งเสียงหัวเราะอย่างเย็นเยียบ
แม้กระทั่งเซียนสองคนด้านข้างก็ยังยิ้มอย่างสงบนิ่ง
“เขาไม่สามารถหนีไปไหนได้”
ขณะเดียวกันด้านนอกหอคอย เสียงโห่ร้องดังอย่างต่อเนื่อง เซียนทั้งหมดของสำนักกุ้ยยี่มองไปยังท้องฟ้าด้วยสายตาตื่นเต้น พวกเขามองก้อนสายน้ำที่กำลังหดตัวลงราวกับได้เห็นความเจ็บปวดของหวังหลินและได้ยินเสียงโหยหวน
ขุนพลวารีตื่นเต้นที่สุด เขาสะบัดแขนอย่างต่อเนื่อง ก้อนสายน้ำควบแน่นต่อไปจนน้อยกว่าแสนฟุตและหดตัวลงเร็วยิ่งขึ้น สายน้ำขุ่นมัวและเกิดเสียงดังสนั่นออกมา มันเป็นเสียงน้ำกำลังควบแน่น ดุจเสียงแห่งสวรรค์สำหรับขุนพลวารี
‘มันช้าเกินไป ข้าอยากให้มันเร็วกว่านี้เพื่อเสริมความมั่นใจ!’ ถึงแม้ขุนพลวารีจะตื่นเต้น แต่ยิ่งก้อนสายน้ำเล็กลงเขากลับเกิดความรู้สึกหวาดกลัว ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นฉับพลันจนแม้แต่เขาก็สับสน
อย่างไรก็ตามความสับสนนี้ทำให้เขากังวล สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือทำให้ก้อนสายน้ำควบแน่นเร็วขึ้น!
ฝ่ามือสร้างผนึกและพ่นโลหิตออกไปจากปาก ร่างกายอ่อนแอลงมหาศาลแต่โลหิตนั้นได้ทำให้ก้อนสายน้ำหดตัวลงจากแสนฟุตไปเป็นเจ็ดหมื่นฟุต!
การเปลี่ยนแปลงฉับพลันนี้ทำให้เกิดเสียงดังสนั่นออกมาจากข้างในก้อนสายน้ำที่มีหวังหลินอยู่ ร่างกายเขาบิดเบี้ยว แต่ดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
หวังหลินกำลังทำความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดในแก่นแท้วารี ดูเหมือนการเปลี่ยนแปลงนี้ได้มาถึงขีดจำกัดและชะลอตัวลงช้าๆ หวังหลินรู้สึกเหมือนสายน้ำไม่มีพลังมากกว่านี้จนทำให้แก่นแท้วารีเกิดการเปลี่ยนแปลง ราวกับหวังหลินกำลังเรียนรู้ความลับ แต่ครึ่งหลังกลับหายไป
ความรู้สึกเคว้งคว้างเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจมาก ขณะที่กำลังขมวดคิ้ว โลหิตของขุนพลวารีได้ทำให้สายน้ำเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง
หวังหลินแทบอยากหัวเราะ เขาจะไม่มีวันลืมของขวัญที่ขุนพลวารีมอบให้ หวังหลินจะสังหารคนที่ยอมให้สิ่งที่เขาต้องการได้อย่างไร?
สิ่งที่หวังหลินตื่นเต้นมากขึ้นก็คือสิ่งที่ขุนพลวารีเอ่ยขึ้นถัดไป
“หน่าต้าวและศิษย์สำนักกุ้ยยี่ทั้งหมด ส่งสัมผัสวิญญาณเข้าไปในค่ายกล ช่วยข้าหลอมรวมมันเป็นหนึ่งหยดภายในสามลมหายใจ!!”
หน่าต้าวใช้ฝ่ามือสร้างผนึก แสงสีทองเปล่งประกายก่อเกิดเป็นชุดเกราะหนึ่งรอบตัวเขา เขาก้าวออกไปจากหอคอยพร้อมกับสวมชุดเกราะไว้แล้ว
“ส่งสัมผัสวิญญาณพวกเจ้าเข้าไปในค่ายกล วันนี้สำนักกุ้ยยี่จะลบล้างปีศาจตนนี้ออกไปจากโลก!” หน่าต้าวร้องคำราม ฝ่ามือสร้างผนึก สัมผัสวิญญาณพวยพุ่งเข้าไปในค่ายกลในท้องฟ้า
โลกใบนี้มักจะมีคนที่ชอบทำให้คนอื่นเป็นตัวร้าย ส่วนตัวเองอยู่ฝั่งคนที่ถูกต้อง พวกเขาใส่ร้ายและเผยแพร่ข่าวลือให้กับคนอื่น ราวกับไม่สามารถแสดงพลังความแข็งแกร่งของตัวเองออกมาได้หากไม่ทำแบบนี้
เห็นได้ชัดว่าหน่าต้าวเป็นคนแบบนี้ และคนส่วนใหญ่ของสำนักกุ้ยยี่ก็เป็นเช่นนี้
ขณะเดียวกันเหล่าเซียนสำนักกุ้ยยี่หลายร้อยคนจึงนั่งลงโดยไม่ลังเล ส่งสัมผัสวิญญาณลอยขึ้นไปในท้องฟ้า
สัมผัสวิญญาณนั้นมองไม่เห็นแต่กลับทำให้ท้องฟ้าบิดเบือน สัมผัสวิญญาณเข้าไปในวังวนและปรากฏขึ้นในค่ายกลวารี!
สัมผัสวิญญาณหลายร้อยเข้าไปใช้พลังของตัวเองไปบนก้อนสายน้ำ พวกมันเริ่มบีบก้อนสายน้ำให้เล็กลงอย่างบ้าคลั่ง โดยเฉพาะพลังของหน่าต้าวที่เพิ่มขึ้นมหาศาลหลังจากสวมชุดเกราะ ชายชราชุดดำและอีกสามคนต่างระเบิดระดับบ่มเพาะของตัวเองออกมาเช่นกัน
ขณะที่สายน้ำควบแน่นอย่างรวดเร็ว มันสั่นสะเทือนและหดลงไปถึงสามหมื่นฟุต!
หวังหลินที่อยู่ข้างในถึงกับแววตาตื่นเต้นพร้อมกับเข้าใจการเปลี่ยนแปลงใน แก่นแท้วารี สำนักกุ้ยยี่ทุ่มสุดตัวจนทำให้แก่นแท้วารีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้หวังหลินได้เห็นเกือบทุกอย่าง!
‘ข้าเกือบเข้าใจแล้ว…อีกนิด อีกนิด…’ หวังหลินใช้ฝ่ามือสร้างผนึกเพื่อเลียนแบบการเปลี่ยนแปลงในแก่นแท้วารีโดยไม่รู้ตัว
ขณะนั้นคลื่นแรงกดดันระลอกที่สองได้บีบเข้ามาใส่ก้อนสายน้ำจนทำให้มันหดลงไปจากสามหมื่นฟุต ไปสองหมื่นฟุต หมื่นฟุต ห้าพันฟุต…จนกระทั่งเหลือเพียงสองพันฟุตเท่านั้น!
มันกำลังหดลงเรื่อยๆ!
หวังหลินเต็มไปด้วยความตื่นเต้น แขนซ้ายยังคงเลียนแบบโดยไม่รู้ตัว ส่วนแขนขวาสะบัดใส่ความว่างเปล่า หยดแก่นแท้วารีที่ได้มาจากเทียนหยุนพลันปรากฏขึ้นในมือ
‘ข้าเข้าใจแล้ว!’ หวังหลินพลันเงยศีรษะ หยดแก่นแท้วารีในมือส่องสว่างเจิดจ้า มันเริ่มหมุนและมีแสงผลึกเปล่งประกาย หยดน้ำดูเหมือนผลึกใส!
หวังหลินมีแววตาเปล่งประกายเจิดจ้า เอ่ยขึ้นเบาๆ “แก่นแท้วารี การเปลี่ยนแปลง 380 ล้านครั้งเข้าควบแน่น…”
วินาทีที่เอ่ยขึ้นมา ก้อนสายน้ำขนาดสองพันฟุตเกิดการสั่นไหวรุนแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ราวกับมันกำลังพังทลาย กลิ่นอายทรงพลังของแก่นแท้วารีระเบิดขึ้น
ขณะเดียวกัน ด้านนอกก้อนสายน้ำ ขุนพลวารีสร้างผนึก รวมถึงหน่าต้าวและเซียนที่เหลือของสำนักกุ้ยยี่ต่างส่งสัมผัสวิญญาณเข้าไปบีบอัดก้อนสายน้ำเป็น ครั้งสุดท้าย!
“สองพันฟุต!! ร่างมันต้องพังทลาย เรามาบดขยี้วิญญาณดั้งเดิมของมันกันเถอะ!!”
“ควบแน่น ควบแน่นมันให้กลายเป็นหนึ่งหยด!!”
สัมผัสวิญญาณผสานกันพุ่งเข้าใส่ก้อนสายน้ำ ทว่าก่อนที่สัมผัสวิญญาณจะทำอะไรได้ ก้อนสายน้ำกลับหดตัวลงด้วยตัวเองจนทุกคนตกตะลึง
การตกตะลึงนี้ทำให้หน่าต้าวและขุนพลวารีต้องสั่นเทา ทุกคนตะลึงงันอย่างสิ้นเชิง
ก้อนสายน้ำขนาดสองพันฟุตหดลงเหลือห้าร้อยฟุต จากนั้นเหลือห้าสิบฟุต! เผยเป็นหวังหลินที่มีสีหน้าตื่นเต้นอย่างชัดเจน!
เหตุการณ์นี้เสมือนการระเบิดขึ้นในจิตใจจนความคิดแต่ละคนว่างเปล่า แม้แต่ คนอื่นก็คงไม่ยอมรับเรื่องนี้
พวกเขาเฝ้าดูก้อนสายน้ำขนาดห้าสิบฟุตควบแน่นเป็นผลึกในมือหวังหลินและจากนั้นก็เห็นผลึกหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ทั้งยังเฝ้าดูหวังหลินยืนขึ้นอย่างช้าๆ และเผยรอยยิ้ม คำนับฝ่ามือและโค้งคำนับให้ทุกคนที่ตะลึงงันอย่างสิ้นเชิง
“ช่างใจดีอะไรเช่นนี้ โปรดรับการขอบคุณจากข้าด้วยเถอะ!” หลังจากหวังหลินโค้งคำนับเสร็จ จึงสะบัดแขน โลกพลันเปลี่ยนสี ก้อนเมฆสลายไป สัมผัสวิญญาณทั้งหมดรวมถึงของหน่าต้าวได้ถูกพัดออกไปจากค่ายกล
เหลือเพียงขุนพลวารีและหวังหลินที่อยู่ในค่ายกล!
“เจ้า…เจ้า…” ร่างขุนพลวารีกำลังสั่นเทาพร้อมกับกระอักโลหิต เขาล่าถอยไปด้วยรอยยิ้มเวทนา
บนดาวเบญจธาตุ เหล่าเซียนทั้งหมดนอกหอคอยเกิดการสั่นสะท้านและลืมตาขึ้นมา สายตาทุกคนเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและไม่เชื่อสายตา สัมผัสความหวาดกลัวนั้นยังคงค้างคาอยู่เช่นนั้น
ไม่มีเสียงโห่ร้อง มีแต่ความเงียบสงัดราวกับสำนักกุ้ยยี่ถูกแช่แข็ง
‘เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร…นี่…เป็นแบบนี้ได้อย่างไร…’ หน่าต้าวเต็มไปด้วย ความสับสน เขายังไม่ยอมเชื่อสิ่งที่เพิ่งเห็น
‘เขานำจิตวิญญาณปฐพีไปและทำให้จิตวิญญาณเพลิงต้องเคารพ กระทั่งนำ หยดน้ำแห่งจักรวาลที่เกิดขึ้นจากแก่นแท้วารีไปด้วย…เขา…’
ผ่านไปสักพัก เหล่าเซียนดูเหมือนเพิ่งตื่นจากอาการหวาดกลัว เสียงโห่ร้องดังลั่น ทุกคนอุทานออกมาด้วยความตกใจ
“เขาทำมันได้อย่างไร?”
“นี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไป มันเป็นไปไม่ได้!!”
“หรือว่าเขากำลังทำความเข้าใจในสายน้ำนั่น…ต้องใช้ความเจ้าเล่ห์และ ความเข้าใจอันน่ากลัวแบบไหนกัน…”
ชายชราชุดดำและหญิงสาววัยกลางคนมิอาจเข้าใจการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะชายชราชุดดำยังไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ สายตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวสุดขีด