Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1738

Cover Renegade Immortal 1

1738. ร่างกายสงบนิ่งชี้ทางจิตใจ

ลมหายใจแรกของรอบที่เก้า!

หวังหลินหลับตา พยายามใช้แก่นแท้จริงเท็จแต่ก็ไร้ผลราวกับมันหายไป ตอนนี้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับจิตใจ

จิตใจหวังหลินถูกกระตุ้นจนหวั่นไหว จากนั้นทุกอย่างจึงคล้อยตาม!

ตอนที่หวังหลินหลับตา เขาพลันลืมตาขึ้นมาในทันที แววตาสงบนิ่งดุจสายน้ำ เข้าใจว่าทุกอย่างเป็นแค่การทดสอบจิตใจ

ตราบใดที่จิตใจสงบนิ่ง โลกก็จะสงบลงไปด้วย ทว่ามันกลับสงบจิตใจได้ยากเพราะสิ่งรบกวนรอบตัวเขา แม้จะดูสงบนิ่งในตอนนี้ แต่ก็ยังไม่สงบอย่างสมบูรณ์

หวังหลินสงบเพียงแค่ร่างกายเท่านั้น!

ขณะที่ร่างกายค่อยๆ สงบลง ดวงดาวเบื้องหน้าเขาพลันช้าลงจากวังวนที่หมุนอย่างรวดเร็ว การเปลี่ยนแปลงนี้เห็นได้ชัดเจนและมันช้าลงหลายเท่าในพริบตา

ลมหายใจที่สองของรอบที่เก้า!

หลังจากร่างกายสงบลง ดาวเคราะห์จึงหมุนช้าลง แม้ดาวเคราะห์ยังเป็นวังวน แต่อาการเวียนหัว อยากอาเจียนและความบ้าคลั่งทั้งหมดได้หายไปราวกับน้ำเย็นชำระล้างจิตใจ ทำให้จิตใจของเขาเผยความสงบนิ่งอย่างสมบูรณ์

เป็นผลให้วิญญาณของหวังหลินสงบลงไปด้วย!

ด้วยวิญญาณที่สงบลง วังวนจึงชะลอตัวลงหลายเท่า สับเปลี่ยนไปมาระหว่างเป็นดาวเคราะห์และวังวน แทบไม่สามารถรักษาสภาวะวังวนได้เหมือนก่อนหน้านี้

ลมหายใจที่สามของรอบที่เก้า!

เมื่อลมหายใจที่สามผ่านไป หลังจากร่างและวิญญาณของหวังหลินสงบนิ่งลง วิญญาณดั้งเดิมจึงสงบลงไปด้วย หวังหลินรู้สึกเหมือนลอยตัวอยู่ที่นี่ เรือนผมสีขาวพลิ้วสะบัด ใบหน้าไม่ซีดขาวอีกแล้วและสงบนิ่งอย่างมั่นคง

ในสายตาเขา ดาวเคราะห์เบญจธาตุหมุนช้าลงไปเรื่อยๆ และไม่เป็นวังวนอีก มันกลับคืนสู่รูปลักษณ์ของดาวเคราะห์ แม้จะยังไม่เห็นทัศนียภาพบนดาวเคราะห์ชัดเจน เขาตรวจจับความเร็วได้เพียงแค่ใช้ตามอง

หวังหลินค่อยๆ เผยรอยยิ้มอย่างมีความสุขไร้ความโกรธเกรี้ยว ราวกับมองทะลุทุกสิ่งทุกอย่าง

ช่วงเวลาผ่านไป ลมหายใจที่สี่ ลมหายใจที่ห้าและลมหายใจที่หกผ่านพ้นไป…

ตอนนี้บนดาวเคราะห์เบญจธาตุเงียบสนิท เซียนทั้งหมดมองดูท้องฟ้าด้วยสายตาตกตะลึงเกินอธิบาย

โดยเฉพาะชายชราชุดคลุมสีทองถึงกับหน้าซีด พลางเอ่ยพึมพำบางอย่าง เขายังไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น นี่มันเหนือจินตนาการและเหนือความคาดหมาย ในใจเขาถือเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

เขาไม่ได้เป็นคนในโลกถ้ำ เขามาจากสำนักกุ้ยยี่บนแผ่นดินเซียนดารา เขารู้ซึ้งถึงความน่าหวาดกลัวและพลังของค่ายกลกงล้อเก้าโคจรมากเกินไป ค่ายกลนี้มีชื่อเสียงโด่งดังบนแผ่นดินเซียนดารา!

เขาไม่เคยคิดว่าเซียนในโลกถ้ำคนไหนจะสามารถทะลวงค่ายกลได้ในช่วงเวลา สั้นแค่นี้ แม้ค่ายกลในตอนนี้จะอ่อนแอยิ่งกว่าบนแผ่นดินเซียนดารา แต่มันคือค่ายกลกงล้อจิตใจเก้าโคจรของจริง!

‘นี่มันเป็นไปไม่ได้…แม้จะสามารถเข้าใจค่ายกล มันก็ไปถึงรอบที่เก้าแล้ว เวลามีขีดจำกัดและการทำให้จิตใจสงบลงในช่วงรอบที่เก้าถือว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้!!’ ชายชราชุดคลุมสีทองกำหมัดและพึมพำสิ่งที่เขาไม่เข้าใจ

ด้านข้างคือหน่าต้าวที่มีแววตาหวาดกลัวและสังเกตการเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งของหวังหลิน เขาเองก็ตระหนักถึงความผิดปกติของค่ายกล จึงอ้าปากค้างและ ไม่สามารถเอ่ยอะไรออกมาได้ไปสักพัก

คลื่นรุนแรงก่อขึ้นในจิตใจและรู้สึกหวาดกลัวหวังหลินอย่างที่ไม่สามารถอธิบายออกมาได้

ด้านนอกดาวเบญจธาตุ มหาชั้นฟ้าซวนลั่วเผยแววตาเป็นแสงประหลาดพร้อมกับมองดูหวังหลิน แสงในแววตาส่องสว่างขึ้นเรื่อยๆ เขาเห็นทุกอย่างที่หวังหลินทำลงไป หัวใจเริ่มเต้นเร็วอีกครั้ง

‘เพราะเขาไม่สามารถสงบจิตใจลงได้ทันที อันดับแรกจึงสงบนิ่งร่างกาย ใช้ร่างกายชี้ทางให้วิญญาณสงบ จากนั้นใช้วิญญาณชี้ทางให้วิญญาณดั้งเดิมสงบลง วิญญาณดั้งเดิมยึดอยู่กับจิตใจ จึงสงบนิ่งลงไปด้วย…’

‘ทำให้ขณะที่ร่างกาย วิญญาณและวิญญาณดั้งเดิมกำลังสงบลง จิตใจจึงค่อยๆ สงบนิ่งตาม…การที่มีคนคิดวิธีนี้ได้ในช่วงเวลาสั้นๆ นับว่าหาได้ยาก!! ความเข้าใจ แบบนี้ก็ยากเหมือนกัน!!’

‘ข้าจะรับเด็กคนนี้เป็นศิษย์!’ มหาชั้นฟ้าซวนลั่วเผยอาการตื่นเต้นที่หาได้ยากในรอบหมื่นปี

ลมหายใจที่แปดในรอบที่เก้า!

ตอนนี้จิตใจหวังหลินสงบนิ่งอย่างสมบูรณ์ เขายืนและมีรอยยิ้มบนใบหน้า ดาวเคราะห์หมุนช้าลงจนถึงจุดที่ยากจะสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลง ดาวเคราะห์ ยามนี้ปรากฏขึ้นชัดเจนเบื้องหน้าหวังหลิน

เมื่อลมหายใจที่เก้าผ่านเข้ามา ดาวเคราะห์เบญจธาตุไม่หมุนอีกเลยและสงบนิ่งอย่างสิ้นเชิงในสายตาหวังหลิน!

หากเขาต้องการ เพียงแค่ก้าวเท้าออกไปข้างหน้าเพื่อเดินออกจากกงล้อจิตใจเก้าโคจร ก็สามารถเข้าสู่ดาวเคราะห์ได้แล้ว แต่เขาไม่ทำเช่นนั้น ตลอดชีวิตที่ผ่านมา หลังจากพบเจอกับความสูญเสีย เขามักจะเอาคืนมาเสมอ ตอนนี้หวังหลินเกือบตายเนื่องจากถูกสูบพลังจิตใจไปจำนวนมาก หากเขาอดทนเอาไว้ เขาก็คงไม่ใช่หวังหลิน!

“ข้าไม่รู้ชื่อของค่ายกลนี้ แต่การเปลี่ยนแปลงทุกเก้าลมหายใจและเปลี่ยนแปลงทั้งหมดเก้าครั้ง…แต่ละครั้งการเปลี่ยนแปลง มันจะหมุนเร็วขึ้น คงไม่ผิดที่จะเรียก มันว่า กงล้อจิตใจเก้าโคจร”

“ค่ายกลนี้จะเปลี่ยนแปลงและหยุดตามที่เจ้าต้องการได้อย่างไร?” แววตาหวังหลินกะพริบเย็นเยียบ แขนขวายื่นเข้าหาดาวเคราะห์เบญจธาตุ จากนั้นวาดวงกลม แบบย้อนกลับ

‘หากจิตใจเคลื่อนคล้อย ดาวเคราะห์ก็จะคล้อยตาม ในเมื่อจิตใจข้าย้อนทวน เช่นนั้นดาวแห่งนี้ก็จะย้อนไปด้วย พวกเจ้าทั้งหมดต้องการกักขังข้าไว้ในค่ายกล ตอนนี้จงลิ้มรสว่าค่ายกลนี้ทรงพลังแค่ไหน!’ หวังหลินใช้แขนขวาวาดออกไป หลายวงกลมในครั้งเดียว

ดาวเคราะห์เบญจธาตุซึ่งหยุดเคลื่อนไหว มันเริ่มหมุนอีกครั้ง แต่คราวนี้หมุนทวนเข็มนาฬิกา!

ขณะที่มันหมุนย้อนกลับไป มหาชั้นฟ้าซวนลั่วเริ่มหัวเราะ เต็มไปด้วยความชื่นชมต่อหวังหลิน

‘เด็กคนนี้เหมาะสมกับข้ายิ่งนัก เยี่ยม เยี่ยมมาก!’

ขณะเดียวกัน ตรงกันข้ามกับอารมณ์ความสุขของมหาชั้นฟ้าซวนลั่วคือเหล่าเซียนบนดาวเบญจธาตุ พวกเขากำลังมองดูท้องฟ้า แต่ก้อนเมฆที่กระจายอยู่และท้องฟ้าได้เปลี่ยนไป มันไม่เป็นสีฟ้าหรือส่องสว่างอีกแล้ว มันถูกแทนที่ด้วยความมืดมิดนอก ดาวเบญจธาตุ!

เหล่าเซียนทั้งหมดของสำนักกุ้ยยี่มองเห็นดาวเคราะห์หนึ่งในความมืดมิดแห่งนี้ มันคือ ดาวเบญจธาตุ!

นี่เป็นความรู้สึกอันลึกลับมาก พวกเขาอยู่บนดาวเบญจธาตุแต่กำลังเห็นดาวของตัวเอง ปรากฏการณ์อันรวดเร็วได้ทำให้จิตใจทุกคนสั่นไหว

ชายชราชุดคลุมสีทองเกิดการสั่นเทาไปด้วย หลังจากตกตะลึง สีหน้าท่าทางเปลี่ยนไปมหาศาล

“ไม่ดีแล้ว!”

พริบตานั้นดาวเบญจธาตุในสายตาจึงเกิดการขยับ ดาวเคราะห์หมุนเร็วขึ้นพร้อมกับเสียงดังสนั่น

จิตใจเคลื่อนคล้อย ดาวเคราะห์จึงเคลื่อนตาม!

การเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วทำให้เกิดความปั่นป่วนในใจและทำให้พวกเขาตกอยู่ในกับดักของกงล้อจิตใจเก้าโคจร!

ในสายตาแต่ละคน การหมุนของดาวเคราะห์ได้เปลี่ยนเป็นวังวนไปแล้ว มันผ่านไปถึงแปดลมหายใจของรอบแรก!

เซียนแต่ละคนเริ่มกระอักโลหิตและล่าถอย พวกเขาหวาดกลัวและเกิดเสียง กรีดร้องอย่างตื่นตระหนก

รอบที่สองมาถึงอย่างรวดเร็ว!

หน่าต้าวกระอักโลหิตและหลับตาทันที ทว่าความเจ็บปวดและความวิงเวียนทำให้ ไม่สามารถสงบจิตใจลงได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่ต่อต้านเท่านั้น แต่ยิ่งต่อต้านมากเท่าไร ดาวเคราะห์ยิ่งหมุนเร็วยิ่งขึ้น

ความหวาดกลัวจากครั้งก่อนกลับมาชโลมจิตใจอีกครั้ง ทำให้หน่าต้าวเริ่มบ้าคลั่งจากความหวาดกลัว

ชายชราชุดคลุมสีทองก็เช่นเดียวกัน ใบหน้าเขาซีดเผือด แขนขวาพลันชี้ตรงจุดกลางหน้าผากทันที พยายามฝืนตัวเองให้สงบลง แต่เสียงกรีดร้องและขอความช่วยเหลือได้รบกวนเขาครั้งแล้วครั้งเล่า จนทำให้สงบลงยากยิ่ง

ในสายตาเขา ดาวเบญจธาตุหมุนไปจนเปลี่ยนเป็นวังวน เกิดความรู้สึกวิงเวียนจนฉุนเฉียวและบ้าคลั่ง พลังจิตใจกำลังถูกดูดออกไปและกำลังสูญเสียการควบคุม

ตอนนี้ค่ายกลมาถึงรอบที่สี่แล้ว!

พอเข้ารอบที่สี่ เซียนทั้งหมดนอกจากหน่าต้าวและชายชราชุดทองต่างก็สลบไปหมด แม้สลบไป แต่ใบหน้าที่เจ็บปวดกลับยังคงอยู่และรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

พลังจิตใจของแต่ละคนถูกสูบไปอย่างรวดเร็ว ร่างกายเหี่ยวแห้งฉับพลัน นอกจากพลังจิตใจแล้ว พลังชีวิตก็กำลังมอดดับเช่นกัน!

หน่าต้าวพบเจอแบบเดียวกัน เขาอยู่ได้ถึงรอบที่สี่ก่อนจะสลบลงไป

มีเพียงชายชราชุดคลุมสีทองที่ยังดิ้นรน เส้นโลหิตบนใบหน้าบวมเป่ง สายตาบ้าคลั่งและร้องคำราม ในสายตาเขาเห็นภาพสะท้อนของดาวเบญจธาตุ มันหมุนเร็วจนเป็นวังวน ไม่สามารถบอกได้อีกแล้วว่านั่นคือดาวเคราะห์!

รอบที่ห้าและรอบที่หกผ่านพ้นไป ขณะที่รอบที่เจ็ดมาถึง ชายชราชุดคลุมสีทองกระอักโลหิต ใบหน้าเริ่มเหี่ยวแห้ง

นาทีนั้น!

เสียงคำรามสามแห่งดังออกมาจากหอคอยชั้นที่เจ็ด ชั้นที่หกและชั้นที่ห้า ขณะเดียวกันชายชราสามคนทะยานออกมาจากหอคอยและใช้วิชาบางอย่าง ทั้งสามสะบัดแขนเสื้อเข้าใส่ดวงดาว!

เสียงดังสนั่นแผ่กระจายออกไปนอกอวกาศ เปลี่ยนกลายเป็นเสียงดังสนั่นต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ท้องฟ้าพังทลาย ดาวเบญจธาตุที่กำลังหมุนเกิดการพังทลาย ทุกอย่างในท้องฟ้าถูกฉีกกระชากด้วยกำลัง!

เมื่อค่ายกลฉีกขาดไปแล้ว ร่างชุดขาวของหวังหลินปรากฏขึ้นในท้องฟ้าของ ดาวเบญจธาตุ!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!