Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1762

Cover Renegade Immortal 1

1762. การต่อสู้แตกหัก

ขณะที่ก้านธูปเผาไหม้ สถานการณ์ในโลกที่ล้มเหลวทั้งสามร้อยใบจึงเปลี่ยนไป

ชายชราผู้หนึ่งสวมเสื้อคลุมสีฟ้ากำลังทะยานผ่านโลกไป แต่เขาพลันหยุดลง มองขึ้นไปและเผยสายตาเป็นแสงประหลาด

‘ใครจุดธูปต่อสู้กัน…หรือเขาจะเจออะไรบางอย่าง…’ ร่างชายชราสั่นเทา ปรากฏวังวนขึ้นเบื้องหน้า ตามกลิ่นอายของก้านธูปไป

ชายวัยกลางคนสวมชุดคลุมสีม่วงนั่งอยู่บนดาวเคราะห์ราวกับกำลังค้นหาบางอย่างด้วยความระมัดระวัง จมูกพลันขยับไปมาราวกับได้กลิ่น ดวงตาส่องสว่างและจากไปโดยไม่ลังเล

ศิษย์สำนักเจ็ดเต๋าทั้งหมดสังเกตธูปได้ ทั้งหมดจึงเคลื่อนไหว

รวมถึงนางสนมลำดับสามและลำดับหกที่เข้ามาในแกนกลางของโลกถ้ำนี้ด้วย พวกนางอยู่ในโลกคนละใบแต่สังเกตกลิ่นธูปได้ นางสนมลำดับหกมีสายตาขุ่นเคืองเนื่องจากไม่สามารถเอาตัวรอดจากการโจมตีของหวังหลินได้ นางกัดฟันแน่นและตามกลิ่นธูปไป

ส่วนนางสนมลำดับสาม สีหน้าท่าทางเยือกเย็น ดวงตาซับซ้อนบอกไม่ถูก นางลังเลและไม่รู้ว่าควรไปดีหรือไม่ นางมาที่นี่ด้วยจุดประสงค์ที่ต่างกว่าคนอื่น นางเพียงต้องการกลับบ้านเท่านั้น!

นางคิดถึงบ้านเกิดและคิดถึงอาจารย์ นางต้องการออกไปจากโลกถ้ำแห่งนี้และกลับไปยังแผ่นดินเซียนดารา

นางกัดริมฝีปากเล็กน้อยอย่างลังเลและหายตัวไป

หลังจากจุดธูปไปแล้วก็ยังมีเรื่องหินหยก วินาทีที่หินหยกแตกสลาย ขุนพลมังกรฟ้า ขุนพลเต่าดำและขุนพลวิหคศักดิ์สิทธิ์ต่างก็ตรวจจับได้และตามข้อความมา

รวมไปถึงผีเฒ่าจางที่ติดตามกลุ่มเซียนด้วยความสงสัยที่ก่อตัวขึ้นในใจ วินาทีที่หินหยกแตก สีหน้าพลันมืดมนทันทีและมองไปด้านหลัง ดวงตาเผยจิตสังหารและ หันตัวกลับ

ส่วนเซียนเต๋าสีรุ้งนั้น ขณะที่ทะยานต่อไป ม่านพลังระหว่างโลกแต่ละใบนั้นไม่ได้อยู่นานนัก พอม่านพลังทลาย แสงสีรุ้งเปล่งประกายและเสริมสร้างตรงส่วนที่ แตกสลาย

เซียนเต๋าสีรุ้งยืนอยู่เบื้องหน้าโดยไม่เห็นอะไร วินาทีที่ม่านพังทลายกลิ่นอายของหวังหลินก็หายไป เซียนเต๋าสีรุ้งเดาเรื่องที่เกิดขึ้นได้ทันที ดวงตาโกรธเกรี้ยวท่วมท้น ส่งเสียงร้องคำรามและหันกลับมา

‘หวังหลิน ข้าไม่ยอมแพ้จนกว่าจะได้ฆ่าเจ้า!’ เซียนเต่าสีรุ้งก้าวทะยานและ หายตัวในฉับพลัน ก้านธูปและหินหยกเหมือนกับหวังหลินได้ประกาศบอกทุกคนว่าเขาอยู่ที่ไหน ราวกับหมอกแห่งความมืดถูกพัดไปจนสว่าง ทำให้ทุกคนสัมผัสได้ชัดเจน

เซียนเต๋าสีรุ้งสังเกตได้และเข้าใกล้ด้วยความเร็วสูงสุด

ร่างอวตารของหวังหลินนั่งอยู่อย่าสงบนิ่งและถือคันศรลี่กวงในมือขวา ส่วนล่างของคันศรปักลงไปในพื้นทรายถึงสามนิ้ว

หวังหลินถือคันศร หลับตาลง มองไกลๆ ดูคล้ายกับว่าเขาไม่ใช่เซียนแต่เป็นนักล่าที่กำลังรอเหยื่อ

ผ่านไปสักพักมีวังวนหลายแห่งปรากฏขึ้นในท้องฟ้า มีคนจำนวนมากกำลังเข้ามาค้นหาเขา

นอกจากขุนพลพยัคฆ์ขาวแล้ว ขุนพลอีกสามคนก็ปรากฏตัวขึ้น รวมถึงนางสนมลำดับสามและลำดับหก เหล่าศิษย์สำนักเจ็ดเต๋าทั้งหมดซึ่งนำโดยชายชราชุดคลุมสีฟ้า

ราชันย์และปรมาจารย์เต๋าความฝันก็ปรากฏตัวขึ้นเช่นกัน ทั้งคู่ดูเหน็ดเหนื่อย มองกันด้วยสายตาเยือกเย็น เห็นได้ชัดว่าต่อสู้กันมาก่อน

มีเซียนหลายคนเข้ามายังโลกนี้ แต่ไม่มีใครเข้าใกล้ดาวเคราะห์ที่หวังหลินอยู่ แม้จะสัมผัสกลิ่นอายของหวังหลินได้ชัดเจน

นางสนมลำดับสามมองดาวเคราะห์อยู่ห่างออกไปไกลด้วยสายตาซับซ้อน นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นสหายหรือศัตรูกับหวังหลิน เรื่องนี้นางบอกไม่ถูก

หลังจากนั้นไม่นานชายชราชื่อหม่าจากดาวเบญจธาตุก็มาถึง ตามมาด้วยคนที่เหลือ แต่ละคนกวาดสายตาผ่านไปและมองไปยังดาวเคราะห์ข้างหน้า

ชั่วขณะนั้นวังวนยักษ์ปรากฏขึ้นและมีแสงสีรุ้งฉีกผ่านออกมา แสงสีรุ้งส่องสว่างจ้าและปรากฏเป็นเซียนเต๋าสีรุ้ง

ผีเฒ่าจางก้าวออกมาจากอวกาศแทบจังหวะเดียวกับเซียนเต๋าสีรุ้ง พวกเขาอยู่ห่างกันหมื่นฟุต หลังจากมองหน้ากันเองจึงถอนสายตาออกมา

เซียนเต๋าสีรุ้งพ่นลมหายใจเย็นก่อนจะมุ่งหน้าไปทางดาวเคราะห์ ผีเฒ่าจางมุ่งหน้าไปเช่นกันแต่ช้ากว่าเล็กน้อย ทุกคนที่นี่พลันมุ่งหน้าติดตามไป มีเพียงคนจาก ดาวเบญจธาตุเท่านั้นที่ยังรออยู่และมองอย่างเยือกเย็น

นางสนมลำดับสามลังเลและไม่ได้เคลื่อนไหว

เซียนเต๋าสีรุ้งรวดเร็วที่สุด เพียงก้าวเดียวก็มาถึงด้านนอกดาวเคราะห์ มองไปยังดาวดวงนี้และขมวดคิ้ว ด้วยระดับบ่มเพาะของเขาจึงเห็นได้ชัดว่าอะไรกำลังรออยู่ บนนั้นรวมถึงอสูรที่เขาหวาดกลัวด้วย

ทั้งหมดนี้ทำให้เซียนเต๋าหยุดชะงักและลังเลอยู่นอกดาวเคราะห์

‘ดาวนี้ไม่สามารถหลอมได้…เมื่อหลอมมันจะไปกระตุ้นเจ้าอสูรและไม่คุ้มค่า… ที่หวังหลินรออยู่ที่นี่ก็เพราะเหตุนี้’

พอเซียนเต๋าสีรุ้งหยุดชะงักข้างนอก หวังหลินจึงลืมตาด้วยความสงบนิ่ง ยกแขนซ้ายขึ้นมาตีหน้าผาก แสงน่ากลัวกะพริบวาบและหวังหลินนำวิญญาณดวงที่สามออกมา

เขาปล่อยมือให้วิญญาณลอยขึ้นไป กลิ่นอายของมันแค่แผ่กระจายออกไปเท่านั้น

สำหรับคนอื่นการล่อด้วยวิญญาณดวงที่สามไม่ได้รุนแรงเท่าเซียนเต๋าสีรุ้งหรือ ผีเฒ่าจาง พอวิญญาณดวงที่สามปรากฏขึ้นมาเสมือนเป็นการนำความหวังและ ความฝันทั้งชีวิตวางไว้ตรงหน้า เพียงแค่พวกเขาต้องคว้าเอาไว้!

การล่อลวงแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะต่อต้านได้!

“ใครที่เข้ามาภายในระยะสิบฟุตใกล้ข้า เอาวิญญาณนี้ไปได้เลย!” หวังหลินเอ่ยเสียงดังกึกก้องทะลุออกไปนอกดาวเคราะห์

เซียนเต๋าสีรุ้งดวงตาแดงฉาน ตอนนี้เขาไม่ห่วงเรื่องการซุ่มโจมตีอันใดบน ดาวเคราะห์และเพียงมุ่งหน้าไป คิดว่าด้วยความแข็งแกร่งของเขา ตราบใดที่ไม่ทำให้เจ้าอสูรที่กำลังหลับเกิดความสนใจ เขาก็ไม่มีอะไรต้องกังวล

‘ในเมื่อมันซุ่มโจมตีอยู่ที่นี่ ก็ต้องขังตัวเองอยู่ที่นี่!’ เซียนเต๋าสีรุ้งก้าวเข้าไปใน ดาวเคราะห์

ผีเฒ่าจางไม่สามารถต้านทานการล่อลวงได้ เขาเข้าไปในดาวเคราะห์แทบจะเป็นจังหวะเดียวกับเซียนเต๋าสีรุ้ง เซียนคนที่เหลือคนอื่นลังเลแต่ก็เข้าไปเช่นกัน พวกเขาไม่ต้องการแข่งขันแต่ก็ไม่ยอมเสียโอกาสเฝ้าดู

โดยเฉพาะขุนพลมังกรฟ้า เต่าดำและวิหคศักดิ์สิทธิ์ที่พุ่งออกไปและเข้าสู่ท้องฟ้าของดาวเคราะห์

การเผชิญหน้ากับทั้งหมด แม้หวังหลินจะมีสายตาสงบนิ่งแต่จิตใจกำลังเต้นรัว ดวงตาเต็มไปด้วยเจตนาต่อสู้ เขากระชับคันศรลี่กวงให้แน่นขึ้น!

‘สงสัยจริงว่าจะมีกี่คนที่ข้าสามารถสังหารไปเป็นเครื่องสังเวยได้’ หวังหลินมองไปยังท้องฟ้า วินาทีนี้ท้องฟ้าส่งเสียงดังลั่น ก้อนเมฆเคลื่อนไหวดุจคลื่น หวังหลินเห็นทั้งเซียนเต๋าสีรุ้ง ผีเฒ่าจางและเซียนที่เหลือ

“การโจมตีแรก ร่มบรรพกาลเผาดินแดน จงหล่อหลอมทุกคนให้หมด!” หวังหลินสร้างผนึกด้วยแขนซ้ายและชี้ใส่ท้องฟ้า

โลกสั่นสะเทือน ท้องฟ้าทั้งหมดเปลี่ยนเป็นสีแดง สีแดงนี้ไม่ใช่เลือดแต่เป็น แสงจากเปลวเพลิง ทะเลเพลิงแผ่กระจายออกมาจากความว่างเปล่าและห่อหุ้มโลกนี้เอาไว้ ระลอกคลื่นดังกึกก้องขึ้นในทะลเพลิง ปรากฏเป็นร่มบรรพกาลขนาดยักษ์ ร่มนี้ได้แยกตัวเองออกมาจากทะเลเพลิงในท้องฟ้า

ด้ามร่มที่หายไปกลับปรากฏขึ้นอีกครั้งราวกับเสาค้ำจุนสวรรค์

คันร่มปกคลุมผืนฟ้าและขวางเส้นทางทุกคนไม่ให้ล่าถอย!

ปรมาจารย์เต๋าความฝันถูกบังคับให้ออกมาจากร่มบรรพกาลเผาดินแดน ราวกับทุกคนที่ไม่ได้ต้องการเข่นฆ่าจะถูกดีดออกมา

นอกจากนี้ในการฆ่าล้างที่จะเกิดขึ้น หวังหลินไม่มีเวลาห่วงเรื่องปรมาจารย์ เต๋าความฝัน ดังนั้นจึงเลือกที่จะหยุดเขาไว้ด้านนอก

เสียงดังสนั่นกึกก้องยิ่งขึ้น ทุกคนที่ถูกร่มบรรพกาลเผาดินแดนขวางเอาไว้ถึงกับมีสีหน้าเปลี่ยนไป เซียนเต๋าสีรุ้งและผีเฒ่าจางนั้นมีสีหน้าดังเดิมแต่ไม่มีเวลาคิดมาก เปลวเพลิงมหึมาปกคลุมท้องฟ้าและพุ่งเขาหา

ร่มบรรพกาลเผาดินแดนไม่ใช่วิชาของโลกถ้ำและยังผสานกับแก่นแท้เพลิงของหวังหลินอีก เปลวเพลิงไร้ลักษณ์แผ่กระจายออกมาและเริ่มเผาจิตใจเซียนที่ถูกกักขังไว้ข้างในนี้

ตั้งแต่ที่ศึกษาวิชาร่มบรรพกาลเผาดินแดน นี่เป็นวิชาแรกที่หวังหลินใช้ออกมาโดยไม่ต้องมีเขตอาคม!

หวังหลินเรียนรู้วิชานี้มาจากเหลียนต้าวเฟย แรกเริ่มคือเปิดร่มจากนั้นก็ปิดเพื่อสังหาร!

“ปิดลงสามในสิบส่วน!” หวังหลินมีท่าทีมืดมนพลางร้องคำรามและสะบัดแขนซ้าย ท้องฟ้าส่งเสียงดังลั่น ร่มขนาดยักษ์ในท้องฟ้าค่อยๆ ปิดลง

ขณะที่ร่มปิดลง เปลวเพลิงข้างในยิ่งร้อนขึ้น อุณหภูมิเพิ่มระดับจนน่ากลัว เพียงแค่สามในสิบส่วนก็ทำให้ศิษย์สำนักเจ็ดเต๋าจำนวนสามคนที่ไม่ได้บรรลุขั้นที่สามถึงกับถูกเผาไหม้จากภายใน พวกเขาโดนเผาเป็นเถ้าถ่านในทันที!

“ปิดลงหกในสิบส่วน!” หวังหลินคำราม เส้นโลหิตบนใบหน้าปูดบวม เขาปิดร่มถึงหกในสิบส่วนซึ่งไม่เคยทำมาก่อน ร่มปิดอย่างรวดเร็วและเกิดเสียงกรีดร้องดังลั่น คราวนี้แม้แต่สีหน้าของสามขุนพลยังเปลี่ยนไป!

พวกเขาไม่เคยจินตนาการออกว่าหวังหลินครอบครองวิชาทรงพลังนี้ได้อย่างไร เพราะแม้แต่บนแผ่นดินเซียนดารายังหาได้ยากยิ่ง!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!