Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1814

Cover Renegade Immortal 1

1814. สัมผัสของซวนลั่ว

‘ประทับสีทองนี่มีผลลัพธ์ขนาดนี้…’ หวังหลินดวงตาส่องสว่างและอ้าปาก สูดลมหายใจเข้านำเอาประทับสีทองหายเข้าไปในปากของใบหน้าหวังหลินที่ปรากฏบน ก้อนเปลวเพลิงยักษ์

เมื่อประทับสีทองหายไป แสงสีทองจึงหายไปจากโลกนี้

หวังหลินเก็บประทับสีทองและเอ่ยขึ้น “ข้าขอไม่ส่งเจ้าละกัน!”

ตู้ฉิงรู้สึกโล่งอก เขาถอยไปหลายก้าวและกำลังจะจากไป ระหว่างที่ไล่ล่าเขา ถูกหวังหลินทำให้ตกตะลึงหลายครั้ง จนท้ายที่สุดประทับสีทองที่มีกลิ่นอายของ มหาชั้นฟ้าได้ทำให้เขาล้มเลิกความคิดต่อสู้ทั้งหมด เขาต้องการจากไปให้เร็วที่สุด

‘โหดเหี้ยม!! โหดเหี้ยมเกินไป!!’ ตู้ฉิงค่อนข้างหดหู่และถอยไปร้อยฟุต เขาหยุดลงและมองหวังหลินที่ถูกห่อหุ้มด้วยก้อนเปลวเพลิง

‘พื้นหลังของคนผู้นี้ทรงพลังยิ่งและยังได้รับสมบัติจากมหาชั้นฟ้าอีก การได้เจอคนแบบนี้คือโชคชะตาของข้า! ข้าจะสับสนและจากไปเช่นนี้หรือ? หากข้าได้รับ การชี้แนะจากมหาชั้นฟ้า ระดับบ่มเพาะคงจะเพิ่มพูนขึ้นแน่นอน!’

‘หากข้าติดตามเขาและได้พบกับเบื้องหลังนั้น ข้าจะไม่ต้องกังวลเรื่องสำนัก มหาวิญญาณอีก ข้าจะไม่ต้องส่งสมบัติดีดีที่ข้าเจอให้สำนักมหาวิญญาณอีกต่อไป!’ พอคิดเช่นนี้ สีหน้าหดหู่ของตู้ฉิงจึงหายไปและตื่นเต้นแทน

‘ใช่แล้ว นี่คือโอกาสที่เซียนนับไม่ถ้วนใฝ่ฝัน หากสำนักอื่นบนแคว้นกระทิงสวรรค์ค้นพบว่าเขาครอบครองสมบัติที่มหาชั้นฟ้ามอบให้ พวกนั้นคงบ้าคลั่งไปแน่ พวกนั้นจะต้องเชิญชวนเขาเป็นแขกและให้ทุกอย่างที่ต้องการทันที…’

‘สวรรค์มีตา โชคชะตาของข้ามาถึงแล้ว ตอนนี้มีเพียงข้าที่รู้ตัวตนเขาและข้าต้องไม่ให้คนอื่นรู้ ผลประโยชน์นี้สำหรับข้าคนเดียว…เพียงแต่ข้าไม่รู้ว่ามหาชั้นฟ้าคนใด ยืนอยู่ด้านหลังเขา…แต่นั่นไม่สำคัญว่าคนไหน!’ ร่างของตู้ฉิงสร้างขึ้นจากไม้และ ไม่มีหัวใจ แต่ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนได้ยินเสียงหัวใจเต้น

‘ฮ่าฮ่า โชคชะตามีใจ นี่มันโชคชะตามีใจให้โดยแท้’ ตู้ฉิงดวงตาส่องสว่างและ มองไปที่ก้อนเปลวเพลิงที่หวังหลินอยู่ เขาสูดหายใจลึกและฝืนยิ้ม

“เป็นเรื่องเข้าใจผิด เป็นเรื่องเข้าใจผิด สหายเซียนนี่ถือเป็นเรื่องเข้าใจผิด ข้าคิดว่าสำนักมหาชั้นฟ้านั้นเก่าแก่คร่ำเกินไปและต้องการสร้างใหม่ สหายเซียนมาช่วยได้เวลาพอดี ความจริงข้าตามมาถึงนี่เพื่อขอบคุณสหายเซียน” ตู้ฉิงพูดโดยไม่กระพริบตา

“โอ้?” หวังหลินมองตู้ฉิงด้วยรอยยิ้มที่ไม่ใช่รอยยิ้ม ราวกับเขามองความคิดของตู้ฉิงออก

“ในเมื่อสหายเซียนกำลังกลืนกินเปลวเพลิง เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ ข้าจะจากไปได้อย่างไร? สหายเซียนสบายใจได้เพราะข้าจะปกป้องเจ้าและไม่ปล่อยให้ใคร เข้ามาใกล้!” ตู้ฉิงไม่ได้ตกตะลึงกับสายตาของหวังหลิน เขากลัวว่าหวังหลินจะไม่เชื่อจึงได้ชี้ไปยังท้องฟ้าและเอ่ยขึ้นอีกครั้ง

“ด้วยกฎแห่งแผ่นดินเซียนดาราเบื้องบน วันนี้ข้าจะอารักขาสหายเซียนและไม่มีเจตนาร้ายแอบแฝง ไม่เช่นนั้นขอให้สายฟ้าสวรรค์ทำลายเต๋าและวิญญาณของข้า!” เพียงเท่านั้นลำแสงสีแดงปรากฏขึ้น มันมีสัจจะวาจาของตู้ฉิงและพุ่งออกไปไกล

นี่คือสัญลักษณ์ของการเอ่ยคำสาบานบนแผ่นดินเซียนดารา มีน้อยคนที่จะผิด คำสาบานเนื่องจากกฎแห่งแผ่นดินเซียนดาราเป็นพยาน!

หวังหลินมองไปที่ตู้ฉิงด้วยสายตาสื่อความหมายและพูดขึ้น “ช่างมันเถอะ ในเมื่อเจ้าต้องการ ข้าจะให้โอกาสเจ้าช่วยคุ้มครองข้า”

พอตู้ฉิงได้ยินเช่นนั้นจึงตื่นเต้น เขากังวลว่าเรื่องความเข้าใจผิดก่อนหน้านี้จะทำให้หวังหลินเกิดความระมัดระวังและรังเกียจเขา หากเป็นเช่นนั้นเขาคงไม่มีโอกาสเข้าใกล้หวังหลินและพลาดโอกาสอันดีงามในอนาคต

เมื่อได้ยินว่าหวังหลินตกลง ตู้ฉิงจึงมีกำลังใจ สีหน้าท่าทางเคร่งขรึมและพยักหน้าให้หวังหลิน

“สหายเซียนหวังสบายใจได้ ข้าจะเสี่ยงชีวิตเพื่อให้เจ้าปลอดภัย!” เพียงเอ่ยขึ้นจึงก้าวทะยาน ปรากฏตัวห่างออกไปพันฟุตในอากาศและนั่งลง แผ่กระจายสัมผัสวิญญาณเข้าห่อหุ้มไปทั่วบริเวณ แต่ทิ้งพื้นที่รอบหวังหลินเอาไว้ เขาทำแบบนี้เพื่อให้หวังหลินสบายใจ

หวังหลินมีสีหน้าเป็นปกติ ตู้ฉิงไม่ได้ซ่อนเจตนาของตัวเองและหวังหลินมองออกอย่างชัดเจน สิ่งนี้เป็นเพราะประทับสีทองของหวังหลิน เห็นได้ชัดว่าตู้ฉิงต้องการ เข้าใกล้มหาชั้นฟ้าที่เป็นคนมอบประทับสีทองให้หวังหลินนั่นเอง

‘นี่ก็ดีเหมือนกัน มีหลายอย่างที่ข้าไม่รู้เนื่องจากเป็นครั้งแรกบนแผ่นดินเซียนดารา มีอีกหลายอย่างที่ข้าไม่สามารถค้นหาได้ด้วยการค้นวิญญาณ ดังนั้นข้าต้องมีคนเช่นนี้อยู่รอบกาย…และเขาขอมาเองแทนที่ข้าจะร้องขอ!’ หวังหลินเยาะเย้ยในใจและหลับตา ค่อยๆ ซ่อนตัวเองอยู่ในก้อนเปลวเพลิง

ตู้ฉิงเคร่งครัดกับคำสาบานของตัวเองมากและเฝ้าระวังพื้นที่รอบด้าน ตู้ฉิงคิดว่าจะทำให้ดีเพื่อแก้ไขสิ่งที่ทำไว้ก่อนหน้านี้

วันเวลาสามวันผ่านไปในพริบตา

ช่วงสามวันนี้หวังหลินส่งเสี้ยวสัมผัสวิญญาณออกมาภายนอกเพื่อเฝ้าระวังตู้ฉิง ขณะเดียวกันร่างกายอยู่ในก้อนเปลวเพลิงก็กำลังดูดซับแก่นแท้เพลิงอย่างรวดเร็ว

ก้อนเปลวเพลิงนี้ถูกสร้างขึ้นจากสายกิ่งก้านเล็ก มันไม่ใช่สายกิ่งก้านหลัก ดังนั้นการดูดซับจึงเชื่องช้า มันมีแก่นแท้เพลิงจำนวนมากและยังมีกฎที่ซ่อนไว้ข้างในอีก

กฎนี้คือเจตจำนงแห่งเปลวเพลิง ไม่เพียงแต่หวังหลินต้องกลืนกินแก่นแท้เพลิงเท่านั้น เขายังต้องกลืนกินเจตจำนงนี้ด้วย

มังกรเพลิงทั้งสิบหกตัวเคลื่อนไหวอยู่รอบก้อนเปลวเพลิงและค่อยๆ หายไป ช่วงสามวันนี้จนกระทั่งพวกมันผสานเข้ากับก้อนเปลวเพลิง เจตจำนงแห่งเปลวเพลิงแผ่กระจายออกมาและเป็นครั้งแรกที่ตู้ฉิงสัมผัสมันได้ เขามองเข้ามาแต่ไม่พูดอะไร

ในวันที่ห้า ดวงอาทิตย์ขึ้นผงาดฟ้าและขับไล่ความมืดมิด ตอนนี้ก้อนเปลวเพลิงที่หวังหลินอยู่ได้ปลดปล่อยเสียงดังสนั่นสะเทือนปฐพี

เสียงนี้ดังอย่างยิ่งและสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง ก้อนเปลวเพลิงเริ่มหดลงจนกระทั่งมีขนาดเพียงร้อยฟุต ข้างในเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำสามารถมองเห็นร่างหวังหลินและวิหคศักดิ์สิทธิ์ได้เลือนลาง

เสียงร้องของวิหคศักดิ์สิทธิ์ดังออกมาจากภายในก้อนเปลวเพลิงและส่งเสียงดังกึกก้อง ก้อนเปลวเพลิงเริ่มหดลงอีกครั้งแต่ไม่เร็วนัก ผ่านไปหลายชั่วโมงจึงมี ขนาดกว้างเจ็ดสิบฟุต

ทว่าภายในก้อนทรงกลมขนาดเจ็ดสิบฟุตนี้มีเจตจำนงแห่งเปลวเพลิงแผ่กระจายออกมา มันห่อหุ้มโลกและดูเหมือนกำลังจะต่อสู้กับเจตจำนงแห่งเพลิงปฐพี

ราวกับสองเจตจำนงปรากฏขึ้นบนแคว้นกระทิงสวรรค์!

ความรู้สึกนี้แปลกประหลาดมาก หนึ่งในเจตจำนงนั้นคือสายเพลิงปฐพีของแคว้นกระทิงสวรรค์ อีกหนึ่งเจตจำนงคือก้อนเปลวเพลิงขนาดเจ็ดสิบฟุตที่ตู้ฉิงกำลังมองอยู่!

ตู้ฉิงมองก้อนเปลวเพลิงและอ้าปากค้าง ‘ช่างเป็นคนที่คู่ควรที่มหาชั้นฟ้ามอบสมบัติให้จริงๆ แก่นแท้เพลิงของเขากระทั่งสามารถต่อต้านกับเจตจำนงแห่งเพลิงปฐพีของที่นี่ได้!’

จังหวะนั้นเองเสียงดังสนั่นจากก้อนเปลวเพลิงก็รุนแรงขึ้น มันหดลงจากเจ็ดสิบฟุต ไปเหลือสามสิบฟุต! หวังหลินได้ก้าวเดินออกมา!

เรือนผมสีขาวสะบัดพริ้วพลางนั่งลงข้างก้อนเปลวเพลิง เขาสร้างผนึกด้วยสีหน้าท่าทางเคร่งเครียดและชี้ไปที่ก้อนเปลวเพลิง

เพียงเท่านั้นวิหคศักดิ์สิทธิ์ข้างในจึงส่งเสียงร้องสั่นสะเทือนสวรรค์ ก้อนเปลวเพลิงขนาดสามสิบฟุตจึงหดลงไปอีกครั้งเหลือสิบฟุตเท่านั้น!

มองเห็นวิหคศักดิ์สิทธิ์ที่หดตัวลงไปหลายเท่ากำลังบินหมุนเป็นวงกลมรอบ ก้อนเปลวเพลิงขนาดสิบฟุต เสียงร้องของวิหคศักดิ์สิทธิ์ดังระเบิดออกมา

สิ่งนี้ทำให้ตู้ฉิงต้องเผยดวงตาประหลาดใจ เขาจ้องมองก้อนเปลวเพลิงและมีความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัว

‘วิหคศักดิ์สิทธิ์ตัวนี้คือร่างของแก่นแท้เพลิงของเขา…เขาเปลี่ยนแปลงแก่นแท้เพลิงทั้งหมดจากสายเพลิงปฐพีให้กลายเป็นวิหคศักดิ์สิทธิ์ หรือว่าเขาจะ…’ พอคิดเช่นนี้ ตู้ฉิงดวงตาเบิกกว้างและคิดอีกครั้งด้วยความหวาดกลัว

‘หรือว่าเขาต้องการสร้างร่างแก่นแท้!?’ ตู้ฉิงอ้าปากค้าง ในสายตาหวาดกลัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

‘เมื่อคนเรามีแก่นแท้ จะสามารถเข้าสู่ขั้นที่สามคือสวรรค์ดับสูญ จากนั้นจะสามารถใช้แก่นแท้เพื่อดูดซับพลังจากโลกอันกว้างใหญ่และไร้เทียมทานได้! แก่นแท้รูปธรรมนั้นได้รับมาง่ายกว่าแต่หากต้องการบรรลุขั้นแก่นแท้ดับสูญจะต้องรู้แจ้ง แก่นแท้นามธรรมด้วยตัวเอง’

‘ยิ่งมีแก่นแท้มาก ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น นี่เป็นเรื่องพื้นฐานของเหล่าเซียนในแผ่นดินเซียนดารา!’

‘แก่นแท้ยังแบ่งออกเป็นหลายขั้น จากเริ่มต้นการสร้างแก่นแท้ไปจนถึงควบแน่นเป็นสมบัติแก่นแท้ และท้ายที่สุดบรรลุความสมบูรณ์แบบ แต่ละขั้นต้องผ่านไป ทีละชั้น ทว่ามีตำนานหนึ่งได้เล่าขานกันในเหล่าอัจฉริยะว่า หลังจากแก่นแท้สมบูรณ์แบบยังมีอีกขั้น คือ การสร้างร่างแก่นแท้!’

‘ร่างแก่นแท้นั้นหาได้ยากยิ่งและเมื่อปรากฏขึ้นมาแล้ว พลังอำนาจของมันจะเหนือล้ำเกินจินตนาการ! ในทั้งชีวิตของข้า ข้าได้เห็นเพียงบรรพชนเฒ่าจากสำนัก มหาวิญญาณที่มีร่างแก่นแท้วิญญาณ และไม่มีคนอื่นอีก…นี่…สหายเซียนหวังหลินผู้นี้กำลังจะสร้างร่างแก่นแท้!’ ตู้ฉิงมองหวังหลินด้วยสายตาไม่เชื่อ

ณ แผ่นดินเซียนดารา แคว้นโบราณซึ่งมี 35 อาณาเขต แคว้นเต๋าโบราณครอบครองทั้งสิ้น 12 อาณาเขต อาณาเขตนภาคือที่ตั้งของเมืองหลวง

มีสถานที่หนึ่งที่มีภูเขาสีเขียว สายน้ำไหลผ่าน ใบไม้ไหลรินบนสายน้ำเชี่ยวกราด ลึกเข้าไปในภูเขามีแท่นพิธีสีฟ้าสูงตระหง่าน

แท่นแห่งนี้เปล่งกลิ่นอายเก่าแก่ ชายหนุ่มชุดดำกำลังนั่งอยู่บนแท่น เขาดูอ่อนเยาว์ แต่เปล่งกลิ่นอายเก่าแก่ราวกับอยู่มานานมาก

เขาคือ ซวนลั่ว

ตอนที่หวังหลินนำประทับสีทองออกมาบนแคว้นกระทิงสวรรค์ ซวนลั่วซึ่งปิดด่านบ่มเพาะอยู่พลันลืมตาขึ้นมา

‘เขากำลังมา…’ ซวนลั่วเผยรอยยิ้ม เขารู้ว่าศิษย์ที่ตนเลือกจะไม่ตายในมิติว่างและสามารถมาถึงที่แผ่นดินเซียนดาราได้!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!