Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1835

Cover Renegade Immortal 1

1835. เดิมพันอีก

หลังจากหวังหลินพูดขึ้น เท้าเหยียบไปบนขั้นที่สิบสี่ นาทีนี้ร่างแก่นแท้ด้านหลังจึงเปลี่ยนกลายเป็นทะเลเพลิงและพุ่งเข้าไปในร่างกาย หวังหลินกลายเป็น หนึ่งเดียวกับร่างแก่นแท้และก้าวไปข้างหน้า!

เป็นขั้นที่สิบห้า!

โลกส่งเสียงดังสนั่น เหล่าเซียนในสำนักมหาวิญญาณล้วนสังเกตการณ์ พวกเขาเห็นหวังหลินก้าวไปขั้นที่สิบห้าและก้าวไปอีกขั้น!

เป็นขั้นที่สิบหก!

‘อีกแค่สาม…เจตจำนงข้าจะไม่ยอมแพ้แม้แต่สรวงสวรรค์ ทำไมข้าต้องกลับลงไปด้วย!?’ แก่นแท้แห่งชีวิตและความตายระเบิดออกมาจากร่างกาย

แก่นแท้นามธรรมไม่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินเซียนดารา เมื่อมันระเบิดออกมาหวังหลินจึงก้าวไปบนขั้นที่สิบเจ็ดได้!

‘เจตจำนงของข้าทะลุทะลวงโลกถ้ำและแผ่นดินเซียนดารา ข้าเป็นคนแรกที่ออกมาจากโลกถ้ำ! แม้ว่านี่คือเจตจำนงของเซียนขั้นวิบากดับสูญระดับกลาง แต่มันมีคุณสมบัติอะไรถึงบังคับให้ข้าถอยลงไป!?’ แก่นแท้จริงเท็จของหวังหลินระเบิดออกมาเบื้องหน้า ร่างกายดุจภาพมายาและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ก้าวย่างไปบนขั้นที่ สิบแปด!

ฉากเหตุการณ์นี้เหล่าศิษย์สำนักมหาวิญญาณล้วนรับรู้และเกิดจิตใจสั่นไหว ทางด้านหยานหลวนถึงกับหน้าซีดทันที

แม้แต่เหล่าเซียนเฒ่าที่ปิดด่านอยู่เสมอในสำนักมหาวิญญาณยังเดินออกมามองด้วยสายตาตัวเอง

‘เจตจำนงข้าไม่อาจถูกทัณฑ์สวรรค์ทำลาย ข้าดึงชะตาของข้ากลับมาจาก ทัณฑ์สวรรค์ ข้ามาที่แผ่นดินเซียนดาราไม่ใช่มาเพื่อรับใช้แต่เพื่อนำโชคชะตาของข้ากลับมา! ข้ามาที่แผ่นดินเซียนดาราไม่ใช่เพราะเชื่อฟังแต่เพื่อเดินอยู่เหนือ สรวงสวรรค์!’ หวังหลินดวงตาส่องสว่าง แก่นแท้เวรกรรมปะทุขึ้นมา เท้าเหยียบย่ำไปบนขั้นที่สิบเก้าและเข้าสู่ชั้นที่เจ็ด!

เมื่อเท้าเหยียบย่ำ ภาพลวงตาเหนือสำนักมหาวิญญาณจึงส่องประกายเจิดจ้า เหล่าศิษย์ของสำนักทั้งหมดจึงมองไปที่ภาพลวงตาด้วยความเคารพ

คนที่แข็งแกร่งจะได้รับการยอมรับ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม หวังหลินใช้พลังของตัวเองเพื่อบอกทุกคนในสำนักว่าเขาสามารถเข้าสู่ชั้นที่เจ็ดได้!

เหล่าคนทั้งหมดที่คิดแง่ร้ายกับหวังหลินต่างก็เกิดแรงสั่นเทาในใจและพูดไม่ออกอยู่นาน

‘ตั้งแต่บัดนี้ไป ชั้นที่เจ็ดจะไม่ใช่สถานที่ที่มีแค่ห้าคนเข้าได้อีกต่อไปแล้ว ตอนนี้มีเพิ่มมาอีกหนึ่ง…’ ขณะที่ทุกคนเงียบสงัด เสียงถอนหายใจดังออกมาไกลๆ

ขณะเดียวกันในยอดเขาสวรรค์เขียว กระทิงเขียวกำลังขบคิดและนั่งอยู่ตรงนั้น สายตากำลังเคร่งขรึม

‘เขา…เข้าไปชั้นที่เจ็ดได้จริงๆ…บรรพชนบอกว่าคนผู้นี้จะเข้าไปชั้นที่เจ็ดได้ภายในสามปี ชั้นที่แปดภายในสามสิบปีและชั้นที่เก้าภายในสามร้อยปีเพื่อนำพาโชค อันยิ่งใหญ่มาให้แก่สำนักมหาวิญญาณ!’

‘ตอนนี้…มันเปลี่ยนไปแล้ว…’

พอหวังหลินก้าวเข้าสู่ชั้นที่เจ็ดในตำหนักสลักวิญญาณ เขาได้หันกลับมามอง หยานหลวนที่กำลังหน้าซีด! สะบัดฝ่ามือให้กระบี่โลหิตและร่มสีฟ้าลอยเข้าหาเขา

“หยานหลวน ร่มเป็นของข้าแล้ว!”

นางยกมือขึ้นจับร่มโดยไม่รู้ตัว แต่ทิฐิหรืออัตตาไม่ได้อนุญาตให้นางทำเช่นนั้น จังหวะที่เกิดการลังเล ร่มและกระบี่โลหิตได้มาถึงข้างกายหวังหลิน

หวังหลินเก็บกระบี่โลหิตไปและคว้าร่มสีฟ้า ขณะที่กำลังจะลบสัมผัสวิญญาณของหยานหลวนให้กลายเป็นของตัวเอง เสียงของนางดังออกมาจากชั้นที่หก

“หวังหลิน เจ้ายังอยากเดิมพันต่อหรือไม่!?”

หวังหลินดวงตาส่องสว่าง เขาเยาะเย้ยและหยุดการลบสัมผัสวิญญาณ จากนั้นถือเอาไว้และเอ่ยตอบ

“เจ้าต้องการเดิมพันอะไร?

“ข้าเดิมพันว่าเจ้าไม่สามารถเข้าไปชั้นที่แปดได้! เจ้ากล้าเดิมพันหรือไม่?” หยานหลวนเคลื่อนร่างไปที่บันไดแต่ไม่ได้ก้าวเดินไป นางมองมาที่หวังหลิน

หวังหลินไม่ได้พูดออกมาทันทีแต่ขบคิด

“หากเจ้าแพ้ เจ้าแค่ต้องคืนสมบัติกลับมาให้ข้า! แต่หากเจ้าชนะ ข้าจะ…” ก่อนที่หยานหลวนจะพูดจบ หวังหลินขัดนางเข้าเสียก่อน

“ทำไมข้าต้องเดิมพันกับเจ้าต่อ?” หวังหลินสะบัดแขนและก้าวเข้าสู่ชั้นที่เจ็ดซึ่งมีร่างวิญญาณน้อยกว่าสามสิบดวง

“หวังหลิน!! หากเจ้าชนะ ข้าจะมอบสมบัตินี้ให้เจ้า!!” หยานหลวนสะบัดแขน น้ำเต้าสีม่วงขนาดเล็กปรากฏขึ้นมา

ความผันผวนทางวิญญาณโผล่ออกมาจากน้ำเจ้า

“นี่คือสมบัติจากบรรพชนรุ่นเก้า ลั่วหยุนไฮ่และข้าได้ค้นพบมันเข้าโดยบังเอิญ เขารวบรวมวิญญาณเต๋าไว้ภายในนับพันล้านดวงและตอนนี้ถึงจะเสียหายแต่ก็ยังมีวิญญาณเต๋าสามสิบล้านดวง แม้มันจะถูกใช้เพียงครั้งเดียวแต่มันสามารถโจมตีได้รุนแรงเท่าเซียนขั้นวิบากดับสูญระดับกลาง!”

“ของชิ้นนี้คือสิ่งที่ทำให้ข้าสามารถอัญเชิญบรรพชนรุ่นเก้าออกมาด้วยวิชา ต้นกำเนิดวิญญาณได้ ด้วยของชิ้นนี้เจ้าก็สามารถอัญเชิญบรรพชนรุ่นเก้าได้เช่นกัน!”

“ตราบใดที่เจ้าสามารถเข้าสู่ชั้นที่แปดได้ เจ้าก็เอามันไปได้เลย! เจ้ายอมเดิมพันหรือไม่?!” หยานหลวนเอ่ยเสียงแหลมพลางดังกึกก้องทะลุตำหนักสลักวิญญาณ

สองเท้าหวังหลินหยุดลงและรู้สึกได้ถึงความผันผวนทางวิญญาณออกมาจากชั้นที่หก ตอนนี้เขาแทบไม่มีสมบัติ หากต้องการมีที่หยั่งเท้าบนแผ่นดินเซียนดารา นอกจากสมบัติของตัวเองแล้ว สมบัติที่ได้รับจากคนอื่นก็เป็นปัจจัยสำคัญ

‘หากข้าได้มันมา ข้าก็จะมีไพ่ตายที่สามารถคุกคามเซียนขั้นวิบากดับสูญระดับกลางได้…’ หวังหลินขบคิดพลางกวาดสายตาไปหาบันไดซึ่งมุ่งหน้าไปยัง ชั้นที่แปด

ฝุ่นผงบนบันไดนั้นหนายิ่งกว่าเดิม เห็นได้ชัดว่ามันไม่มีคนก้าวเข้าไปนานมากแล้ว

หวังหลินส่งสัมผัสวิญญาณเข้าไปตรวจสอบเหล่าร่างวิญญาณบนชั้นที่เจ็ด ตอนนี้มีวิชามายาทับซ้อนและวิชาต้นกำเนิดวิญญาณที่สมบูรณ์ยิ่งกว่า แต่เมื่อไปชั้นที่แปดจะมีสิ่งที่สมบูรณ์กว่าให้เห็นอีก

“หากข้าไม่ได้ใช้พลังของร่างอวตารในมิติว่าง การจะเข้าไปในชั้นที่แปดคงเป็นเรื่องยากมาก…” หวังหลินขมวดคิ้วและเริ่มคาดคะเนผลได้ผลเสีย

หยานหลวนอยู่ชั้นที่หก รอคอยให้หวังหลินตอบกลับมา นางกระวนกระวายเล็กน้อยเพราะกลัวว่าหวังหลินจะไม่รับปาก หรือเมื่อหวังหลินรับปากแล้วเขาอาจจะมีวิธีขึ้นไปบนชั้นที่แปดได้จริงๆ

‘นี่ไม่น่าเป็นไปได้…ร่มนั่นมีประโยชน์สำหรับข้ามาก ข้าจะไม่ปล่อยให้เขาได้ไปง่ายๆ! ชั้นที่แปด…มีเจตจำนงของขั้นวิบากดับสูญระดับปลาย ด้วยระดับบ่มเพาะของ หวังหลินแล้ว เขาต้องบาดเจ็บขณะที่ขึ้นไปชั้นที่แปด เขาไม่มีวันไปถึงชั้นที่แปดได้!’

ขณะที่หยานหลวนกำลังขบคิดอย่างกระวนกระวาย หวังหลินเอ่ยเสียงดังออกมาจากชั้นที่เจ็ด

“ในเมื่อเจ้าอยากเดิมพัน เช่นนั้นก็เอา!” หวังหลินพูดด้วยความมุ่งมั่น น้ำเต้าที่เต็มไปด้วยวิญญาณเต๋าสามสิบล้านดวงนั้นเป็นสิ่งที่เขาต้องการ ตอนที่เขาตรวจสอบร่างอวตารเมื่อครู่ หวังหลินพบว่ามันเติบโตเร็วกว่าที่เขาคาดคิด ดังนั้นถึงจะส่งพลังออกมาบ้างก็ไม่ส่งผลกระทบมากเกินไปนัก

หลังจากครุ่นคิดทั้งหมดนี้แล้ว หวังหลินจึงตัดสินใจ

พอหยานหลวนได้ยินคำพูดของหวังหลิน นางเริ่มรู้สึกเสียใจ แต่ไม่รู้ว่าทำไมคำพูดของหวังหลินได้ย้ำเตือนนางเข้าไปอีก

“นี่…” ในสายตานางเกิดความลังเล

“อะไร เจ้าไม่กล้าหรือ? หากเจ้าไม่กล้าก็ช่างทันเถอะ อย่ากล่าวหาว่าข้าลบล้างสัมผัสวิญญาณบนร่มนี้เลย!” หวังหลินยิ้มและถือร่มสีฟ้าในมือ เขายกแขนซ้ายขึ้นมาจะลบล้างสัมผัสวิญญาณทิ้งไป

“ก็ได้ ข้าจะเดิมพันกับเจ้า! ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะเข้าไปชั้นที่แปดได้!” หยานหลวนกัดฟัน

หวังหลินหัวเราะและมุ่งหน้าเข้าหาบันไดสู่ชั้นที่แปด จิตใจหวังหลินและ ร่างอวตารในมิติว่างก่อเกิดเป็นการเชื่อมต่อซึ่งไม่สนเขตอาคมทั้งหมดในสำนัก มหาวิญญาณและรวมไปถึงเขตอาคมนับไม่ถ้วนในตำหนักสลักวิญญาณ แม้แต่กฎแห่งแผ่นดินเซียนดาราก็ไม่สามารถหยุดยั้งพลังที่พวยพุ่งเข้าหาเขาได้

หวังหลินดวงตาส่องสว่าง เคลื่อนร่างมาถึงบันไดสู่ชั้นที่แปด จังหวะนั้นก้าวเดินออกไป

“หยานหลวนจงดูให้ดีดี!

จังหวะที่ฝ่าเท้าหวังหลินเหยียบไปบนขั้นบันได เหล่าเซียนด้านนอกนั้นเตรียมพร้อมแยกย้ายกันไปแล้ว แต่จิตใจแต่ละคนสั่นสะท้านและมองขึ้นไป แม้แต่เหล่าเซียนเฒ่ายังมีสีหน้าเปลี่ยนไป!

ภาพลวงตาที่หายไปจากท้องฟ้าเหนือสำนักมหาวิญญาณ ตอนนี้มีบันไดที่ทั้งใหญ่และส่องสว่างยิ่งกว่าเดิมปรากฏขึ้นมา!

ขั้นบันไดที่นำทางไปสู่ชั้นแปดของตำหนักสลักวิญญาณ!

ร่างหวังหลินปรากฏขึ้นบนบันไดอีกครั้ง เรือนผมสีขาวนั้นที่ทำให้จิตใจทุกคนตกตะลึง

“เขา…เขาต้องการไปชั้นที่แปดจริงๆ!!”

“นี่มันหาดูได้ยากยิ่งในรอบหลายร้อยปี!! ข้าอยากเห็นเสียจริงว่าเขาจะกลายเป็นคนที่ทะลวงไปถึงชั้นเจ็ดและแปดได้ในคราวเดียวหรือไม่!!”

เสียงคำรามดังกึกก้องพร้อมกับเหล่าผู้อาวุโสที่ปิดด่านบ่มเพาะต่างหันมามองด้วยท่าทีเคร่งขรึม ณ ยอดเขากระทิงเขียว บรรพชนกระทิงเขียวไม่อาจสงบจิตใจได้อีกต่อไปแล้ว เขาลุกขึ้น สีหน้าท่าทางเปลี่ยนไปกระทันหัน ไม่สามารถซ่อนความ ตกตะลึงได้ต่อไป

‘เขากำลังจะไปชั้นที่แปด!! การเข้าสู่ชั้นที่เจ็ดได้ก่อนสามปีก็ถือเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การเข้าสู่ชั้นที่แปดได้ก่อนสามสิบปีนั้น…’ บรรพชนกระทิงเขียวไม่รู้ว่าเรื่องนี้ดี หรือแย่ต่อสำนักมหาวิญญาณ แต่การทำนายผิดพลาดของบรรพชนโบราณได้ทำให้เขารู้สึกไม่เป็นสุข

ณ ชั้นที่หก หยานหลวนไม่สามารถเข้าไปชั้นที่เจ็ดหรือเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้ แม้แต่สัมผัสวิญญาณของนางก็เข้าไปไม่ได้ แต่ด้วยระดับบ่มเพาะนี้นางจึงมีกรรมวิธีของตัวเอง

ณ ยอดเขาแห่งใหม่ที่หยานหลวนได้รับมา ศิษย์คนหนึ่งของนางกำลังมองท้องฟ้าด้วยความตกตะลึง นางตัวสั่นเทา สายตาพลันเลื่อนลอยและถูกแทนที่ด้วยจิตสังหาร ยามนี้วิญญาณของศิษย์สตรีได้ถูกกดทับเอาไว้สัมผัสวิญญาณของหยานหลวนซึ่งทิ้งเอาไว้บนยอดเขาได้เข้ามาครอบงำและกลายเป็นสายตาให้แก่หยานหลวน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!