1840. ทุ่งยอดนภา
“เจ้า” หยานหลวนหรี่ตา รูปร่างหวังหลินตอนนี้ดูน่ากลัวเกินไป ร่างกายเหี่ยวแห้งจนแทบไม่มีโลหิตให้เห็น ถึงจะมีรอยแผลก็คงไม่มีเลือดไหลออกมา
เรือนผมแห้งจนแทบจะหลุดร่วง ร่างกายหวังหลินแทบไม่มีน้ำเหลืออยู่ข้างใน ถ้าไม่ใช่เพราะเขามีวิญญาณดั้งเดิมอันทรงพลัง หวังหลินคงไม่ต่างอะไรกับคนที่ตายไปแล้ว
เสื้อคลุมสีขาวรอบตัวไหลลงไปเยอะมากราวกับห่อหุ้มร่างศพ ความรู้สึกอันน่ากลัวที่ออกมาจากร่างหวังหลินทำให้หยานหลวนต้องถอยไปหลายก้าว
ซึ่งรวมถึงฟ่านชานเมิ่งที่กำลังต่อสู้กับหุ่นเชิดเย่ซื่อด้วยเช่นกัน ตอนที่นางมองมาที่หวังหลิน นางเองก็ล่าถอยและอ้าปากค้าง ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
‘เขาฝึกฝนอะไรอยู่…ถึงได้มีสภาพเช่นนี้!?’
เมื่อเสียงของหวังหลินดังกึกก้องออกมา หุ่นเชิดเย่ซื่อเปลี่ยนกลับเป็นสายหมอกและลอยมาหาหวังหลิน ดวงตาดุร้ายและลิ้นสีแดงสดรวมกับรูปลักษณ์หวังหลินตอนนี้ ทำให้หวังหลินเหมือนเซียนปิศาจ!
“หยานหลวน ข้าปิดด่านบ่มเพาะอยู่ ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่?” ดวงตาหวังหลินมืดดำจนสูญเสียการมองเห็น ดังนั้นจึงต้องหันศีรษะมามองหยานหลวน
แต่ไม่เพียงแต่การกระทำของเขาจะไม่ทำให้กลิ่นอายน้อยลง มันกลับแข็งแกร่งยิ่งขึ้น จิตใจหยานหลวนสั่นเทาและถอยไปหลายก้าว
“ข้าไม่ได้ตั้งใจมารบกวนการปิดด่านบ่มเพาะของผู้อาวุโสหวังหรอก แต่ชานเมิ่งกำลังถูกหุ่นเชิดประหลาดของผู้อาวุโสหวังโจมตี ข้าจึงมาช่วยนาง”
“นางคือสาวรับใช้ของข้า ผู้อาวุโสหยานหลวนไม่จำเป็นต้องกังวลแทนข้าหรอก” หวังหลินยิ้มแต่รอยยิ้มบนใบหน้านั้นดูน่ากลัวยิ่ง ฟ่านชานเมิ่งตัวสั่นและถอยไปด้านหลังอาจารย์
“นี่ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ผู้อาวุโสหยานหลวนข้ามีบางอย่างอยากจะถามท่านเสียหน่อย!” หวังหลินหันกลับมามองฟ่านชานเมิ่งก่อนจะพูดกับหยานหลวน
“ผู้อาวุโสหวังต้องการถามอะไร…” หยานหลวนค่อนข้างมีท่าทีสุขุม นางรู้สึกกลัวหวังหลินจากก้นบึ้งจิตใจ
“ข้าไม่ค่อยคุ้นเคยกับแคว้นกระทิงสวรรค์นัก ท่านพอรู้จักที่ที่มีน้ำจำนวนมากหรือไม่…เป็นมหาสมุทรยักษ์ยิ่งดี!” หวังหลินกล่าว เสียงเหมือนกระดูกกำลังกระทบกัน
‘น้ำ…เขาไม่ได้บ่มเพาะวิชาแต่กำลังดูดซับแก่นแท้วารี!’ หยานหลวนดวงตาส่องสว่างและมองเห็นปัญหาทันที นางสูดหายใจลึกและเอ่ยขึ้น
“แคว้นกระทิงสวรรค์และแคว้นมารเขียวมีทะเลไร้ขอบเขตคั่นกลางอยู่ มันห่างจากที่นี่ไปเก้าเดือน…”
“ข้าจะไปที่นั่นได้อย่างไร?” แววตาหวังหลินมีแสงน่ากลัวขึ้นมา
หยานหลวนสะบัดแขนโดยไม่ลังเล ปรากฏหินหยกและส่งสัมผัสวิญญาณเข้าไปประทับแผนที่นำทางสู่ทะเลแห่งนั้น
นางโยนหินหยกให้หวังหลิน หลังจากตรวจสอบด้วยสัมผัสวิญญาณจึงพยักหน้าให้นาง
“ผู้อาวุโสหยานหลวน ขอบคุณมาก!” เพียงแค่นั้นหวังหลินจึงสะบัดแขนเสื้อและไม่มองฟ่านชานเมิ่งอีก เขาเปลี่ยนกลายเป็นกลุ่มก้อนสายหมอกและทะยานออกไป
กรรร!!
หุ่นเชิดเย่ซื่อติดตามหวังหลินไป หวังหลินเก็บมันไว้ ขณะเดียวกันร่างแก่นแท้เพลิงมองขึ้นมา ติดตามหวังหลินและหายวับไปด้วย
จนกระทั่งหวังหลินจากไปแล้วฟ่านชานเมิ่งจึงผ่อนคลาย หวังหลินเพิ่งทำให้นางหวาดกลัวและยากจะลืมเลือน
หยานหลวนยืนขบคิดอยู่นานก่อนจะถอนหายใจ นางไม่ได้ใส่ข้อมูลผิดๆ ไว้ในหินหยกและให้แต่ข้อมูลที่ถูกต้อง นางไม่ให้ความสนใจฟ่านชานเมิ่งอีกและทะยานกลับไปที่ถ้ำตัวเอง
ส่วนทางด้านหวังหลิน หลังออกมาจากสำนักมหาวิญญาณจึงก้าวเท้าและท่องทะยานหายไป ผสานเข้ากับโลกอย่างไร้ร่องรอย
ณ ทุ่งหญ้าโล่งอันหาได้ยากในแคว้นกระทิงสวรรค์ ห่างจากสำนักมหาวิญญาณออกไปแสนลี้ เสียงระลอกคลื่นดังกึกก้องในห้องฟ้าและหวังหลินก้าวเดินออกมา ร่างกายยังคงดูเหมือนซากศพและมองไปยังพื้นดิน มีถ้ำหลายแห่งอยู่ในทุ่งหญ้าไร้ขอบเขตแห่งนี้และเป็นที่แน่ชัดว่ามีเซียนไร้สำนักจำนวนมากอาศัยอยู่
ที่บอกว่ามีเซียนไร้สำนักอาศัยอยู่จำนวนมากเป็นเพราะต้นหญ้าที่นี่ปลดปล่อยพลังปราณสวรรค์หนาแน่น ถึงจะเทียบไม่ได้กับภูเขาบางแห่งแต่ก็ไม่บางเบานัก
‘ทุ่งยอดนภา…ตามหินหยกของหยานหยวนแล้ว หลังจากมาถึงที่นี่จะต้องใช้เวลาอีกหกเดือนเพื่อไปที่ทะเลที่เชื่อมกับแคว้นมารเขียว…’ หวังหลินขบคิดพลางรีบเหาะเหินไป
บนแผ่นดินเซียนดารานั้นแม้หวังหลินจะมีร่างอวตารอยู่ในมิติว่าง เขาก็ไม่สามารถใช้วิชาบิดมิติซ้ำไปซ้ำมาเพื่อข้ามผ่านระยะทางอันห่างไกลได้ หากเป็นระยะทางสั้นๆ เหมือนตอนที่เดินทางจากภูเขาสวรรค์ก็คงดี แต่ตอนนี้เขาต้องข้ามผ่านระยะทางสามเดือนในครา จึงต้องใช้เวลาอยู่บ้างก่อนจะใช้ได้อีกครั้ง
เขายกแขนขวาขึ้น เสียงคำรามดังออกมาจากรอยสักราชายุงบนแขน เจ้ายุงปรากฏตัวขึ้นมาเหมือนน้ำหมึกและนำพาหวังหลินไป มันส่งเสียงร้องอย่างมีความสุข
หวังหลินนั่งอยู่บนหลังเจ้าอสูรยุงและหลับตา แม้ระดับบ่มเพาะตอนนี้คือจุดสูงสุดแต่สัมผัสวิญญาณ วิญญาณดั้งเดิมและร่างกายเขากำลังตกอยู่ในอันตราย เขาจะต้องดูดซับแก่นแท้วารีจำนวนมากเพื่อทำให้การโคจรรอบที่เก้าสมบูรณ์
ขณะที่เจ้าอสูรยุงบินออกไป มันส่งเสียงคำรามจนมีสัมผัสวิญญาณจำนวนมากโผล่ออกมาตรวจสอบ ตอนที่พวกนั้นเห็นหวังหลินและอสูรยุงจึงถอนสัมผัสวิญญาณไปทั้งหมดและหลีกเลี่ยง
ทว่าสัมผัสวิญญาณจำนวนหนึ่งติดตามหวังหลินมาราวกับมีเจตนาอื่น
ทุ่งหญ้าแห่งนี้ไร้ขอบเขตและอสูรยุงของหวังหลินก็บินผ่านออกไป สัมผัสวิญญาณส่วนใหญ่ที่ติดตามมาต่างก็กระจัดกระจายแต่ยังมีหลงเหลืออยู่สามคนเข้ามาใกล้เขา
ท่ามกลางสัมผัสวิญญาณทั้งสาม มีสองคนอยู่ในขั้นแก่นแท้ดับสูญระดับกลางและอีกคนอยู่ในขั้นวิญญาณดับสูญระดับปลาย สัมผัสวิญญาณแต่ละคนได้ขับไล่คนอื่นที่ติดตามมาด้วย
ผ่านไปเจ็ดวัน เมื่อใกล้ถึงแนวสุดเขตทุ่งหญ้า หวังหลินรู้สึกเหมือนสามารถใช้บิดมิติได้อีกครั้ง ส่วนสัมผัสวิญญาณทั้งสามที่ติดตามมาเขาไม่สนใจ พลันยืนขึ้นจากบนหลังอสูรยุง
ทว่าในจังหวะนั้นมีเสียงมืดมนดังออกมาจากด้านหลัง
“สหายเซียนมาร เจ้ามาที่ทุ่งยอดนภาของข้าและจะจากไปง่ายๆ เช่นนี้หรือ?”
“ทำไมเจ้าถึงพูดจาไร้สาระกับเขาเช่นนั้น? เราติดตามเขาตลอดทางเพื่อดูว่าเขาแค่ผ่านทางหรือมีสหายอยู่ที่นี่หรือไม่ ตอนนี้เรารู้แล้วว่าเขาแค่ผ่านมา จงทิ้งอสูรของเจ้าเอาไว้และข้าจะไว้ชีวิต!” อีกเสียงเต็มไปด้วยกลิ่นอายกดขี่ได้โผล่ออกมาจากด้านหน้าหวังหลิน หากหวังหลินปฏิเสธคงทำให้เกิดเรื่องน่าอนาถ
พื้นที่ด้านหลังหวังหลินเกิดการบิดเบือนและมีแขนสีดำขนาดยักษ์ปรากฏออกมาจากบนฟ้า มันตกลงมาผ่านก้อนเมฆและยื่นมาหาหวังหลิน ท่อนแขนมีพลังอันแข็งแกร่งและเข้าไปใกล้เขา
หวังหลินหันกลับมา เดิมทีเขาไม่ต้องการให้เกิดปัญหาโดยไม่จำเป็นแต่กลับมีคนหมายตาเขาไว้ เรื่องราวจึงแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง หวังหลินหันกลับมา ดวงตาส่องสว่าง แขนขวาที่แห้งเหี่ยวยกขึ้นและฉีกกระชากท้องฟ้า!
รอยแยกขนาดยักษ์ปรากฏราวกับกำลังกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างเข้าไป ราวกับโลกทั้งใบถูกแยกออกมาและพุ่งเข้าใส่ท่อนแขน
รอยแยกทำให้เกิดเสียงดังสนั่น โลกเปลี่ยนสีสัน แขนบัญชาโบราณขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นด้านหลังหวังหลินและฉีกกระชากท้องฟ้า!
แขนสีดำที่ยื่นมาหาหวังหลินจึงปะทะกับรอยแยกและฉีกขาด
เสียงร้องครวญครางดังออกมาจากแขนสีดำที่พังทลาย ร่างสามคนกระเด็นออกมามองหวังหลินด้วยความหวาดกลัว พวกเขาตกตะลึงกับพลังของหวังหลินเป็นอย่างมาก
“เขาไม่ใช่แค่เซียนขั้นวิญญาณดับสูญ!!”
“ร่างกายทรงพลังขนาดนั้น เขา…เทียบได้กับเซียนเผ่าโบราณ!”
สีหน้าแต่ละคนเปลี่ยนไปมหาศาล ขณะที่ถูกผลักกลับไปด้วยคลื่นกระแทกจึงกระจายออกไปสามทิศทางและรีบหนี
หวังหลินมีท่าทีสงบนิ่ง ในเมื่อลงมือแล้วจะไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ แขนขวายกขึ้นมาสะบัด เสียงคำรามดังกึกก้อง ปรากฏเป็นหุ่นเชิดเย่ซื่อ มันไล่ตามคนผู้หนึ่งไปด้วยสายตาตื่นเต้น
มันไล่ทันในทันที หมอกสีดำเข้าห่อหุ้ม เสียงกรีดร้องโหยหวนดังออกมาและหายไปอย่างช้าๆ
หลังจากนั้นไม่นานเจ้าอสูรยุงด้านล่างหวังหลินจึงส่งเสียงคำรามและพุ่งทะยานหาเซียนขั้นวิญญาณดับสูญระดับปลาย ก่อนที่อีกฝ่ายจะตอบสนองได้ทัน เจ้ายุงเข้าประชิดและแทงปากแหลมเจาะทะลวงเข้าไปในร่าง อีกฝ่ายพยายามต่อต้านแต่หวังหลินก็ชี้ออกไปอย่างไม่ใส่ใจนัก
เพียงแค่ชี้ เซียนคนนั้นก็หยุดลงรอคอยความตายอย่างสมบูรณ์
ส่วนหวังหลินนั้นกระโจนออกไปจากหลังราชายุงและมองดูคนที่สามที่กำลังหนี ร่างแก่นแท้เพลิงเปลี่ยนกลายเป็นผนึกแห่งเพลิงพุ่งออกไปเผาไหม้ฟ้าดิน ก่อเกิดเป็นปากยักษ์เข้ากลืนกินคนที่สาม
ฉากเหตุการณ์ช่างดูน่าตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง เปลวเพลิงเชื่อมต่อกับฟ้าดินเข้ากลืนกินทุกสิ่งที่ขวางทาง มันเข้าไปใกล้คนที่สาม ขณะที่อีกฝ่ายกำลังโดนกลืนกิน มีแสงสีเขียวระเบิดออกมาต่อต้านเปลวเพลิง
“อาจารย์ช่วยด้วย!!”
ชั่วจังหวะที่เขาพูดออกมา ทุ่งหญ้าสั่นไหวและมีเสียงคำรามดังกึกก้องผ่านพื้นดิน
“หยุด!”