Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1872

Cover Renegade Immortal 1

1872. ศีรษะ!

น้ำเสียงเย็นเยียบดุจสายลมหนาว ส่งเป็นคลื่นยักษ์ดังกึกก้อง!

หยานหลวนหรี่ตาแคบลงและแฝงความยินดีเล็กๆ เทียบกับลิ่วเหวินหลานแล้วนางอยากให้เป็นหวังหลินมากกว่า!

ส่วนขายชราแซ่โจวมีท่าทีเปลี่ยนไปยิ่ง แววตาหวาดกลัวรุนแรง

ซิ่วตงเต๋อมองหวังหลินด้วยแววตาประหลาดใจแต่ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดสิ่งใดอยู่ ส่วนเซียนขั้นวิบากดับสูญระดับต้นอีกสามคนมองขึ้นมาและเริ่มให้ความสนใจ

เซียนนับพันด้านล่างล้วนตกตะลึงและไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องนี้ขึ้น มีคนที่ไม่ยอมรับการตัดสินใจของลิ่วเหวินหลานหลังจากปรากฏเกราะวิญญาณขึ้นมา

ต้องบอกว่าถึงแม้ลิ่วเหวินหลานจะบาดเจ็บ ระดับบ่มเพาะยังคงเท่าเดิม ระดับบ่มเพาะของเขานั้นไม่ใช่สิ่งที่เซียนทั่วไปจะท้าสู้ได้!

หลังจากคำพูดของหวังหลินดังกึกก้อง เขาจึงพุ่งออกไปพร้อมกับใช้บิดมิติที่เตรียมการไว้มานาน จากนั้นมาปรากฏตัวเบื้องหน้าเกราะวิญญาณและขัดขวางลิ่วเหวินหลาน!

“หวังหลิน!!” ลิ่วเหวินหลานเผยแววตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหารบ้าคลั่ง เขาไม่คิดว่าหวังหลินจะอยู่ในวังใต้ดิน ตอนที่เขาทะยานเข้ามาใต้ผืนดินเขาก็เห็นหวังหลินและจงใจปิดผนึกวังใต้ดินในตอนที่เขาเข้ามาเพื่อใช้โอกาสนี้สังหารหวังหลินแบบกลยุทธ์ยืมดาบฆ่าคน!

แต่ไม่เพียงหวังหลินจะไม่ตายเท่านั้นเขายังออกมาทำลายแผนการของลิ่วเหวินหลานอีก แววตาตอนนี้จึงไม่สามารถซ่อนจิตสังหารไปได้แล้ว!

“เจ้ากล้าหยุดข้า? เจ้ารนหาที่ตาย!” ลิ่วเหวินหลานพุ่งเข้าหาหวังหลินและยกแขนขวาขึ้นมา ระเบิดระดับบ่มเพาะขั้นวิบากดับสูญระดับกลาง!

“เจ้ากล้าทำร้ายข้าท่ามกลางสายตาของทุกคน? ข้าเป็นผู้อาวุโสของสำนักมหาวิญญาณ เป็นคนที่บรรพชนกระทิงสวรรค์ส่งมาคุ้มครองที่นี่ เจ้ากล้าทำร้ายข้า?”

“เจ้าไม่กลัวหรือว่าสำนักมหาวิญญาณไล่ล่า? เจ้าไม่กลัวหรือว่าบรรพชนกระทิงเขียวจะโกรธเกรี้ยว? เจ้าไม่กลัวหรือว่าจะไม่มีที่ยืนให้เจ้าในแคว้นกระทิงสวรรค์เพียงเพราะเจ้าสังหารพวกพ้องในสงคราม?!” หวังหลินไม่ได้หลบเลี่ยงพลางเปล่งเสียงดังกึกก้อง

เพียงแค่เขาส่งเสียงออกมา เหล่าเซียนนับพันด้านล่างจึงจำได้ว่าผู้อาวุโสที่มาจากสำนักมหาวิญญาณไม่ใช่เพียงแค่ลิ่วเหวินหลาน หยานหลวนและซิ่วตงเต๋อ แต่มีทั้งสิ้นสี่คน!

ลิ่วเหวินหลานสีหน้าเปลี่ยนไป ร่างหยุดชะงักกึกชั่วขณะ

หวังหลินใช้โอกาสนี้ก้าวถอยหลัง แต่เมื่อเขาสัมผัสกับเกราะวิญญาณมันกลับไม่แสดงสัญญาณการผสานเข้ากับเขา นี่ทำให้หวังหลินต้องขมวดคิ้ว

ลิ่วเหวินหลานจ้องมองหวังหลิน ท่ามกลางแววตาจิตสังหารกลับมีแววตาเยาะเย้ยอยู่ด้วย!

“เกราะวิญญาณยังไม่ถึงขั้นตอนสุดท้าย ดังนั้นเจ้าไม่สามารถผสานกับมันได้!”

หวังหลินจ้องมองลิ่วเหวินหลานด้วยความสงบนิ่งและเอ่ยออกมา “ไม่ใช่ว่าข้าไม่สามารถผสานกับมันได้ แต่ข้าไม่ยอมให้เจ้าผสานกับมันต่างหาก!”

ตั้งแต่เขาเข้ามาที่วังเป็นครั้งแรก หวังหลินยังคงสถานะต่ำต้อยมาตลอด แม้แต่คนอื่นยังลืมว่าเขาเป็นผู้อาวุโสของสำนักมหาวิญญาณ ทว่าตอนนี้เขาเริ่มโอหังและไม่เก็บงำสถานะของตัวเองอีกต่อไปแล้ว

คำพูดและการกระทำของเขาดึงดูดสายตาคนด้านล่างทันที หลายคนไม่เข้าใจว่าหวังหลินกล้าต่อกรกับลิ่วเหวินหลานทั้งที่มีระดับบ่มเพาะแค่นั้นได้อย่างไร

แต่คำพูดอันรุนแรงของเขากลับทรงพลังยิ่งกว่าสมบัติอันใด ทำให้ลิ่วเหวินหลานไม่กล้าลงมือ!

เป็นตามที่หวังหลินพูดเอาไว้ หากลิ่วเหวินหลานโจมตีหวังหลินต่อหน้าทุกคนที่นี่ สำนักมหาวิญญาณไม่มีวันยอมให้อภัยเขาแน่ เว้นแต่จะสังหารทุกคนไปด้วย!

แม้ทุกคนที่นี่จะตาย บรรพชนก็ยังสามารถทำนายเหตุการณ์ครั้งใหญ่ได้อีก เขาก็จะถูกสำนักมหาวิญญาณไล่ล่า!

ถึงตอนนั้นเขาคงไม่มีที่ยืนได้ในแคว้นกระทิงสวรรค์ เพียงแค่คิดเรื่องนี้ก็ทำให้เขาต้องปาดเหงื่อเย็นเฉียบ เขาจะกล้าโจมตีได้อย่างไรเล่า?

ลิ่วเหวินหลานจ้องมองหวังหลินและเอ่ยขึ้น “เป็นผู้อาวุโสหวังนี่เอง ตอนที่ท่านปรากฏตัวขึ้นครั้งแรกข้าคิดว่าเป็นสายลับที่ลักลอบเข้ามาขโมยเกราะวิญญาณ ข้าจึงจะโจมตีออกไป…ตอนนี้พอรู้ว่าเป็นผู้อาวุโสหวัง จึงกลายเป็นเรื่องเข้าใจผิด”

หวังหลินเอ่ยตอบ “ไม่มีปัญหา ในเมื่อผู้อาวุโสลิ่วยอมรับความผิดพลาด ข้าก็ไม่ถือสาเป็นธรรมดา อย่างไรก็ตามเถอะผู้อาวุโสลิ่ว ข้าไม่ยอมรับที่ท่านจะเอาเกราะวิญญาณไป”

ลิ่วเหวินหลานกำหมัดแน่นอยู่ใต้ชุดคลุม แต่สีหน้าเผยรอยยิ้ม

“โอ้? แล้วใครควรจะได้ไป? ท่านเองหรือ?” ลิ่วเหวินหลานไม่ได้ถามเหตุผลแต่เปลี่ยนหัวข้อสนทนาเพื่อโจมตีหวังหลินทางอ้อม

“หากผู้อาวุโสหวังจินตนาการถึงเกราะวิญญาณและต้องการให้มันเป็นของท่านเอง ข้าพอเข้าใจการกระทำของท่านได้ว่าท่านทำลงไปตามความต้องการของตัวเอง ท่านไม่สนชีวิตของเหล่าเซียนนับพันที่นี่ ผู้อาวุโสหวัง ข้าประเมินท่านต่ำไป”

“แต่ถึงแม้ท่านจะไม่ยอม แม้ท่านต้องการเป็นของตัวเอง ท่านก็ต้องถามทุกคนที่นี่ว่าท่านมีคุณสมบัติพอหรือไม่!” ลิ่วเหวินหลานมีระดับบ่มเพาะสูงส่ง ดังนั้นจึงเจ้าเล่ห์เป็นธรรมดา เพียงคำพูดไม่กี่คำก็เปลี่ยนจังหวะของหวังหลินได้อย่างสิ้นเชิงและเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้

“ข้าเชื่อว่าผู้อาวุโสหวังหลินมีคุณสมบัติพอ!” เพียงลิ่วเหวินหลานพูดจบได้ไม่นาน หยานหลวนพลันเอ่ยปาก คำพูดของนางเบามากแต่กลับส่งเสียงดังไปทั่ววังใต้ดินและสั่นสะเทือนจิตใจทุกคน!

เพียงแค่นางเอ่ยปาก หยานหลวนจึงยิ้มให้หวังหลิน

“ผู้อาวุโสหยานหลวน ท่านต้องรับผิดชอบคำพูดของตัวเอง!” ลิ่วเหวินหลานหรี่ตาลง เขาจ้องมองหยานหลวนด้วยสายตาเยือกเย็น

หยานหลวนมองลิ่วเหวินหลานและเอ่ยขึ้นอย่างมืดมน “ข้าไม่ต้องให้ผู้อาวุโสลิ่วมาเตือนข้า ข้ารู้ตัวดี”

“ข้าก็เชื่อว่าผู้อาวุโสหวังมีคุณสมบัติพอเช่นกัน!” ซิ่วตงเต๋อพลันเอ่ยขึ้นอีกด้าน

หลังเอ่ยออกมา เหล่าเซียนนับพันด้านล่างจึงเกิดความปั่นป่วน คำพูดของเซียนขั้นวิบากดับสูญเพียงคนเดียวก็มีน้ำหนักพออยู่แล้ว แต่ตอนนี้มีสองคนที่รับรองหวังหลินให้ แสดงว่ามีปัญหากันแล้ว

สิ่งสำคัญที่สุดคือทั้งสองล้วนเป็นผู้อาวุโสสำนักมหาวิญญาณ!

“เยี่ยม เยี่ยม!” ลิ่วเหวินหลานผุดแววตาเย็นเยียบทั้งยังมองซิ่วตงเต๋อด้วยความประหลาดใจ ความโกรธเกรี้ยวในใจปะทุขึ้นถึงขีดสุด

ลิ่วเหวินหลานจ้องมองเซียนขั้นวิบากดับสูญอีกสามคนจากสำนักใกล้เคียงและกัดฟันพูดออกไป “พวกเจ้าสามคนคิดว่าระดับบ่มเพาะของผู้อาวุโสหวังสูงส่งพอจนสามารถใช้เกราะวิญญาณได้หรือไม่? เจ้าคิดจะฝากชีวิตของเซียนนับพันที่นี่ให้กับคนที่มีระดับบ่มเพาะแค่นั้นน่ะหรือ?!”

ทั้งสามคนเงียบเสียง พวกเขาไม่ต้องการขัดใจลิ่วเหวินหลานแต่ก็ไม่อยากบาดหมางต่อหยานหลวนและซิ่วตงเต๋อด้วย นอกจากนี้อีกฝ่ายล้วนเป็นผู้อาวุโสสำนักมหาวิญญาณ

ส่วนหวังหลินนั้น เรื่องอีกฝ่ายไม่ได้ทำให้เขาเคร่งเครียดเกินไปนัก

ความเงียบของแต่ละคนทำให้ลิ่วเหวินหลานเยาะเย้ย สายตาจับจ้องไปที่เซียนด้านล่าง ทุกคนที่เขามองต่างก็ก้มหน้า ไม่มีใครกล้าพูดขึ้นมาในตอนนี้

“ในเมื่อคนอื่นเงียบและผู้อาวุโสหยานหลวนกับผู้อาวุโสซิ่วตงเต๋อคิดว่าข้ามีคุณสมบัติพอ ผู้อาวุโสลิ่วจะคิดสิ่งใดอีก?” หวังหลินสงบนิ่งตั้งแต่เริ่มต้นมาโดยตลอด

ลิ่วเหวินหลานจ้องมองหวังหลิน ชั่วขณะต่อมาจึงหัวเราะ ความโกรธเกรี้ยวในใจพลันหายไปทันทีและกลับคืนสู่ความสงบ

“ผู้อาวุโสหวังมีคุณสมบัติจริงๆ เช่นนั้นก็เป็นตัวเลือกระหว่างท่านกับข้าแล้ว ข้าอยากรู้เหตุผลว่าทำไมถึงไม่ยอมให้ข้าได้เกราะวิญญาณ!”

หวังหลินเอ่ยเย็นเยียบ “ท่านไม่ได้มีส่วนร่วมในสงครามนี้มากพอ!”

พอลิ่วเหวินหลานได้ยินเช่นนั้นจึงหัวเราะทันที

“ข้าไม่มีส่วนร่วมมากพอ? ข้าพาพวกเจ้าออกไปต่อสู้ถึงสองครั้งและพาทุกคนกลับมาวังใต้ดิน ในการรบครั้งแรกข้ารั้งเซียนขั้นวิบากดับสูญระดับกลางเอาไว้ การรบครั้งที่สองข้าก็ทำเหมือนกัน!”

“ถ้าไม่ใช่เพราะข้า คงไม่เหลือคนนับพันที่นี่ ทุกคนคงตายไปแล้ว!”

“ส่วนร่วมของข้าไม่มากพอ? เช่นนั้นผู้อาวุโสหวัง ข้าขอถามเถอะว่าท่านมีส่วนร่วมอะไรบ้าง?”

หวังหลินสะบัดแขนขวาโดยไม่ลังเล ศีรษะของหลิวจื่อหยวนปรากฏขึ้นมาในมือ เขายกมันขึ้นเหนือศีรษะ

“เขาคือเซียนขั้นวิบากดับสูญของแคว้นมารเขียวที่ข้าสังหารได้!”

หลังเอ่ยขึ้นมาและมีศีรษะปรากฏต่อสายตา ทั่วทั้งวังใต้ดินถึงที่เงียบมานานพลันเกิดคลื่นความปั่นป่วน ทุกคนที่นี่รู้เรื่องการตายของเซียนขั้นวิบากดับสูญของแคว้นมารเขียว พวกเขาเดาไปต่างๆนาๆว่าใครเป็นสังหารศัตรู!

คำถามที่ไร้คำตอบ แต่บัดนี้พอได้ยินคำพูดของหวังหลินและเห็นศีรษะ จิตใจแต่ละคนสั่นไหว ทั้งหวาดกลัวและไม่เชื่อสายตา

“เป็นเขานี่เอง!”

“เขาคือคนที่สังหารศัตรูในระดับเซียนขั้นวิบากดับสูญ!”

“นี่…เป็นแบบนี้ได้อย่างไร? เห็นได้ชัดว่าเขาสามารถสังหารเซียนขั้นวิบากดับสูญได้!!”

“การสังหารเซียนขั้นวิบากดับสูญในชั่วเวลาสั้นๆ…เขาต้องซ่อนระดับบ่มเพาะ ไม่ได้เป็นไปตามที่เราเห็นแน่!!”

“เขายังเป็นผู้อาวุโสของสำนักมหาวิญญาณอีก แล้วจะอ่อนแอได้อย่างไร? สำนักมหาวิญญาณต้องมีแผนของตัวเองที่ส่งเขามา การส่งเขามาตายที่นี่คงไม่ใช่อยู่แล้ว!”

“เขาทำตัวต่ำต้อยมากและไม่ได้ชิงชัยกับคนที่อาศัยในวัง แต่กลับเลือกอยู่ในถ้ำเหมือนเรา หากคนแบบนี้ได้เกราะวิญญาณไป ข้าตกลง!”

ตอนที่หยานหลวนเห็นศีรษะ นางยังคงอ้าปากค้างแม้จะคิดว่าเดาได้แล้วก็ตาม สายตาที่มองหวังหลินพลันเปลี่ยนไปมหาศาล

‘เป็นเขาจริงๆ!’

ยังมีซิ่วตงเต๋อด้านข้างนางที่หรี่ตาแคบ ในใจก่อเกิดคลื่นรุนแรงขึ้น

ส่วนผู้อาวุโสขั้นวิบากดับสูญทั้งสามจากสำนักใกล้เคียง พวกเขากระทั่งตกตะลึง สายตาที่มองหวังหลินกลับเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ

ชายชราแซ่โจวรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง เขาพลันคิดถึงประตูถ้ำที่เขาทำลายไปแต่ยังไม่ได้ซ่อมแซม

ด้านล่างเกิดความปั่นป่วนและดังถึงหูของลิ่วเหวินหลาน เขาจ้องมองศีรษะที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและไม่ยินยอมในมือของหวังหลิน จิตใจเขากลับสั่นเทา

ชัดเจนแล้วว่าหากปล่อยให้สถานการณ์เป็นแบบนี้ต่อไป ส่วนร่วมของหวังหลินคงคล้ายกับเขา ซึ่งเขาไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแน่

“ผู้อาวุโสหวังพูดตลกอะไรกัน ข้าเห็นผู้อาวุโสที่มีระดับบ่มเพาะอันลึกลับเข้าไปสังหารเขาและโยนร่างออกไปกับตา ข้าไม่คิดว่าท่านจะไปเอาศีรษะมาเพื่ออ้างว่าสังหารเองเช่นนี้”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!