Skip to content

กี่ชาติกี่ภพข้าก็จะไม่ยอมให้เจ้ามีความสุข 9

Cover Kj

Chapter 9 (18+)เสียวซ่านตลอดทาง

หนานกงเยี่ยนยิ้มอย่างพอใจที่สามารถทำให้นางเสียวได้ เขาไม่เร่งร้อน ค่อยๆ แทงนิ้วเข้าๆ ออกๆ รูนิ่มเป็นจังหวะช้าๆ อีกมือก็บีบดอกบัวตูมสลับไปสลับมา จมูกก็ซุกไซ้ต้นคอหอมกรุ่นของนางไปพลางๆ

รถม้าขับออกจากประตูเมืองโดยไม่ต้องถูกตรวจค้นเหมือนรถม้าคันอื่นๆ เพราะว่าหนานกงเยี่ยนได้รับอภิสิทธิ์พิเศษจากฮ่องเต้ให้สามารถเข้าออกเมืองโดยไม่ต้องถูกตรวจค้น เพียงแค่เจ๋อหมิงยื่นป้ายทองที่ได้รับพระราชทานมาจากฮ่องเต้กับนายกองทหารเฝ้าประตูเมือง รถม้าของหนานกงเยี่ยนก็ถูกปล่อยผ่านไปทันที ตอนที่รถม้าหยุดรออยู่ตรงประตูเมือง เขามองเข้าไปทางหน้าต่างรถม้า จังหวะที่ม่านถูกลมพัดพลิ้วขึ้นไป ทำให้เขาเห็นคนในรถม้าแวบหนึ่ง นายหญิงนั่งอยู่บนตักนายท่าน กำลังถูกนายท่านปรนเปรออยู่ สีหน้าของนางทำให้เขารู้สึกแข็งขึงทันที เขาเกิดภาพในหัวขึ้นมา นางนั่งอยู่บนตักนายท่านเช่นนั้น ถูกเขาจับขาอ้าออกแล้วแทงแท่งหยกเข้าๆ ออกๆ จนนางครางเสียงดังลั่น มันช่างทำให้เขาอยากลองทำแบบนั้นสักครั้งจริงๆ

รถม้าขับต่อไป หนานกงเยี่ยนก็ยังคงปรนเปรอฮูหยินของเขาไม่หยุดไม่พักเลย นิ้วเขาชุ่มโชกไปด้วยน้ำหวานของนาง ทำให้เวลาเขาแทงนิ้วเข้าๆ ออกๆ เกิดเสียงดังแจ๊ะๆ ช่างเป็นเสียงที่กระตุ้นอารมณ์เขาได้ดีจริงๆ การทำให้นางเสียวซ่านกลายเป็นความสุขอย่างหนึ่งของเขาไปแล้ว หว่านหรงถูกสามีรังแกอยู่อย่างนั้น บางคราวเขาก็แทงนิ้วเร็วๆ แต่พอนางใกล้จะแตะขอบสวรรค์เขากลับแทงนิ้วช้าลง เขาช่างทรมานนางได้เก่งจริงๆ จนนางต้องกระซิบขอ “ท่านพี่เจ้าขา ได้โปรด…”

“ได้โปรดอะไรหรือหรงเอ๋อร์?” หนานกงเยี่ยนแกล้งถามทั้งๆ ที่รู้ดีแก่ใจ หว่านหรงค้อนเขา “ฮึ!”

“เจ้าอยากให้ข้าทำอย่างไรก็พูดมาซิ” หนานกงเยี่ยนบอกยิ้มๆ นิ้วยังคงแทงรูเนิบช้า หว่านหรงกัดริมฝีปาก หน้าแดงก่ำอย่างเอียงอาย นางค้อนเขาอีกที “ฮึ!”

“เจ้าไม่พูด ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเจ้าต้องการอะไร” หนานกงเยี่ยนเอ่ยยิ้มๆ หว่านหรงไม่ยอมพูดออกไป หนานกงเยี่ยนก็ยังคงขยับนิ้วเนิบช้าอยู่เช่นเดิม มันช่างเป็นความรู้สึกที่ทรมานใจจริงๆ จนหว่านหรงทนไม่ไหว กลั้นใจพูดออกไป “แทงเร็วๆ ซิเจ้าคะ”

“ดีมากเด็กดี” หนานกงเยี่ยนยิ้มกว้าง เขาแทงนิ้วเร็วขึ้นจนเสียงดังแจ๊ะๆๆๆ…

“อื้อ…” หว่านหรงหลุดเสียงคราง นางรีบยกมือปิดปาก ขยุ้มชายแขนเสื้อเป็นก้อนกัดเอาไว้ในปาก ทำให้เสียงของนางดังอือๆ เหมือนเสียงนกกลางคืน นิ้วเรียวยาวแทงเข้าแทงออกรัวๆ นิ้วโป้งก็บี้เกสรไปด้วย ทำให้หว่านหรงเสียวแทบขาดใจ นางตัวเกร็งมากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดนางก็สุขสมแตะขอบสวรรค์ “อื้ออออ…”

หนานกงเยี่ยนเปลี่ยนจังหวะมาเป็นเนิบช้าอีกครั้ง หว่านหรงนั่งตัวอ่อนระทดระทวยพิงอกสามี นางหอบหายใจสะท้อนสะท้านจนอกกระเพื่อมไหวขึ้นๆ ลงๆ นางรู้สึกร้อนจนเหงื่อซึมตามไรผม นางเงยหน้ามองสามี กระซิบเสียงแผ่วว่า “ท่านพี่หยุดก่อน”

“หยุดไม่ได้หรอกหรงเอ๋อร์ ข้าชอบเห็นเจ้าทำหน้าแบบนี้” หนานกงเยี่ยนบอก นิ้วยังคงแทงรูนุ่มเป็นจังหวะช้าๆ มืออีกข้างก็บีบคลึงดอกบัวทั้งสองข้างสลับไปสลับมา หว่านหรงไม่อาจห้ามเขาได้ นางจึงได้แต่นั่งเสียวไปตลอดทาง

รถม้าเร่งไปให้เรือนเหมันต์ก่อนค่ำมืดจึงวิ่งตะบึงไปอย่างไวยิ่ง ผู้คุ้มกันก็ขี่ม้านำหน้าและตามหลังรถม้าเป็นกลุ่มใหญ่

ขณะที่ขี่ม้าอยู่นั้น เจ๋อหมิงก็คิดท่วงท่าอยู่ท่าหนึ่งในหัว นั่นคือ เขาขี่ม้า นายหญิงนั่งคร่อมม้าตัวเดียวกับเขา นางหันหน้ากอดเขา แท่งหยกของเขาอยู่ในกายนาง ภาพนั้นแจ่มชัดอยู่ในหัวเขา ทำให้แท่งหยกของเขาแข็งขึงจนปวดหนึบ เขามองรถม้าที่อยู่ข้างหน้า เดาว่านายท่านคงปรนเปรอนายหญิงไปตลอดทางแน่นอน นายท่านหลงใหลนายหญิงมากเหลือเกิน เขาเองก็เช่นกัน อยากจะเสพสมกับนางทั้งวันทั้งคืนเลยเชียว นางเหมือนปีศาจจิ้งจอกที่ทำให้คนหลงใหลติดอกติดใจยอมเป็นทาสนางอย่างโงหัวไม่ขึ้น

จนกระทั่งรถม้าจอดหน้าประตูรั้ว บ่าวเฝ้าเรือนรีบเปิดประตูรั้วให้ทันทีที่เห็นรถม้าของนายท่านมาจอดหน้าประตู รถม้าขับเข้าไปจอดหน้าเรือน สารถีร้องบอก “นายท่านขอรับ ถึงแล้วขอรับ”

“อืม” หนานกงเยี่ยนส่งเสียงตอบ เขาดึงมือออกจากใต้กระโปรง จับเอวฮูหยินยกลงจากตัก หันไปจัดอาภรณ์นางให้เข้าที่เข้าทาง หว่านหรงนั่งตาปรืออย่างอ่อนล้า นางนั่งเสียวมาตลอดทาง สุขสมไปไม่รู้กี่ครั้งแล้ว หนานกงเยี่ยนจัดอาภรณ์เข้าที่เข้าทางแล้วจึงประคองนางออกจากรถม้า หว่านหรงลุกขึ้นยืนขาสั่นๆ นางหมดเรี่ยวหมดแรงจริงๆ หนานกงเยี่ยนยิ้มบางๆ เขาประคองนางจนกระทั่งเดินลอดประตูรถม้าออกไป จากนั้นเขาก็อุ้มนางขึ้นมาแล้วดีดเท้าลงจากรถม้า ผู้คุ้มกันมองแวบหนึ่งแล้วเบนสายตาไป ส่วนบ่าวไพร่เฝ้าเรือนก็มองอย่างตกตะลึง นายท่านของพวกเขาอุ้มสตรีงั้นรึ!

“มัวมองอะไรอยู่ ยังไม่รีบไปเตรียมอาหารให้นายท่านกับนายหญิงอีก” เจ๋อหมิงดุบ่าวเฝ้าเรือน พวกบ่าวจึงได้รีบตั้งสติกลับมา ที่แท้สตรีนางนั้นคือนายหญิงหรือนี่ พวกเขาได้ข่าวว่านายท่านจะแต่งงาน พวกเขาไม่ได้ไปร่วมอวยพรเพราะมีหน้าที่เฝ้าเรือนจึงได้แต่รอพบนายหญิงตอนฤดูเหมันต์ คิดไม่ถึงว่านายท่านจะพานายหญิงมาที่นี่ในเวลานี้

“เอ้า ยังไม่รีบไปอีก” เจ๋อหมิงเร่ง พวกบ่าวจึงรีบไปเตรียมอาหารให้ทุกคน

ผู้คุ้มกันก็เอาม้าไปผูกแล้วแยกย้ายกันไปทำหน้าที่คุ้มกัน เรือนเหมันต์นี้เป็นเรือนที่มีอาณาบริเวณกว้างขวางเกือบเทียบเท่าพระราชวังเหมันต์ของฮ่องเต้เลยทีเดียว มีบ่าวไพร่คอยดูแลเรือนหลายสิบคน เจ๋อหมิงมองบ่าวไพร่พวกนั้นแล้วเดินตามนายท่านไป หนานกงเยี่ยนอุ้มฮูหยินที่ผล็อยหลับไปในอ้อมแขนเขา เขาพานางไปนอนในห้องนอน เจ๋อหมิงเดินตามไปช่วยจัดที่นอน หนานกงเยี่ยนวางฮูหยินลง หว่านหรงหลับสนิทไปแล้ว หนานกงเยี่ยนยืดตัวขึ้น ส่งสายตาสั่งแล้วเดินไปทางห้องข้าง เจ๋อหมิงเดินตามไป หนานกงเยี่ยนกวักมือเรียกเจ๋อหมิง เจ๋อหมิงก้าวไปชิดนายท่าน หนานกงเยี่ยนกระซิบเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่จวนตระกูลหว่านให้ฟัง “คือว่า……..”

เจ๋อหมิงฟังจบแล้วจึงขยับตัวออกห่างพลางถามเสียงเบา “ท่านจะทำอย่างไรต่อไปขอรับ?”

“ข้าจะทำให้นางยอมรับเรื่องนั้นให้ได้” หนานกงเยี่ยนบอก เจ๋อหมิงรู้ว่านายท่านหมายถึงเรื่องอะไร เขาเกิดแววตามาดหมายขึ้นมา หากว่านายหญิงยอมรับได้ ต่อไปเขาก็ไม่ต้องคอยหลบๆ ซ่อนๆ แล้ว เขาจะสามารถกอดนางได้อย่างเปิดเผยเสียที

“เจ้าไปดู อย่าให้ใครเข้าใกล้เรือนข้า จัดการเสร็จแล้วก็กลับมาอยู่ข้างๆ ข้า” หนานกงเยี่ยนสั่ง เจ๋อหมิงรับคำสั่ง “ขอรับ”

เขาถอยออกไป หนานกงเยี่ยนก็เดินกลับไปที่ห้องนอน ถอดรองเท้าแล้วเอนตัวลงนอนกอดฮูหยินเอาไว้

จนกระทั่งหว่านหรงตื่นขึ้นมา นางขยับตัว หนานกงเยี่ยนถามเสียงนุ่ม “หิวหรือยัง?”

“เอ่อ…เจ้าค่ะ” หว่านหรงตอบ หนานกงเยี่ยนลุกขึ้น ร้องสั่ง “เจ๋อหมิง ยกอาหารเข้ามา”

“ขอรับ” เจ๋อหมิงรับคำอยู่หน้าประตู หนานกงเยี่ยนลงจากเตียง ยื่นมือไปประคองฮูหยิน “มาเถอะ”

หว่านหรงลุกขึ้นลงจากเตียง นางกำลังจะอ้าปากถาม หนานกงเยี่ยนก็พูดแทรกว่า “เรื่องที่เจ้าอยากรู้ ไว้รอให้กินอิ่มแล้ว ข้าจะบอก”

“บอกตอนนี้เลยไม่ได้หรือเจ้าคะ?” หว่านหรงถาม นางอยากรู้จนอึดอัดคับอกคับใจไปหมดแล้ว หนานกงเยี่ยนลูบแก้มนาง “เด็กดี เชื่อข้านะ กินข้าวก่อน ข้าหิวแล้ว”

“เอ่อ…ก็ได้เจ้าค่ะ” หว่านหรงพยักหน้ารับ หนานกงเยี่ยนจูงนางออกจากห้องนอน พานางไปนั่งที่โต๊ะ สักพักบ่าวไพร่ก็ยกอาหารเข้ามาวางแล้วถอยออกไปอย่างเป็นระเบียบ หนานกงเยี่ยนหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบกับให้นาง “กินเยอะๆ นะ”

“เจ้าค่ะ” หว่านหรงรับคำ นางคีบกับกิน นางหิวมากจริงๆ นางไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปนานเท่าไหร่ มองไปที่หน้าต่างเห็นแต่ความมืด

“เวลาใดแล้วเจ้าคะ?” นางถาม หนานกงเยี่ยนตอบ “ยามไฮ่* แล้ว”

(ยามไฮ่ (亥:hài) คือ 21.00 – 22.59 น.)

“อ่อ” หว่านหรงส่งเสียงคำหนึ่งแล้วกินต่อ จำได้ว่ามาถึงที่นี่ก็เย็นมากแล้ว นางหลับไปชั่วยามกว่าๆ กระมัง หนานกงเยี่ยนไม่พูดอะไร เขาคีบกับให้นาง พลางกินข้าวสะสมแรงไว้ ราตรีนี้ยังอีกยาวไกล หึๆๆๆ…

เมื่อกินอิ่มแล้ว บ่าวไพร่ก็เข้ามาเก็บจานชามออกไป หนานกงเยี่ยนลุกขึ้น ยื่นมือไป “ตามมาซิ”

หว่านหรงมองสามี หนานกงเยี่ยนจึงคว้าข้อมือนางจูงเดินออกจากห้องไป เขาพานางไปที่บ่อน้ำร้อน หว่านหรงมองไปรอบๆ นางมองไม่เห็นอะไรมากนักเพราะมีเพียงแสงตะเกียงจุดไว้เป็นระยะๆ แสงจากตะเกียงสว่างสลัวๆ มองเห็นได้ไม่ไกลนัก

จนกระทั่งไปถึงบ่อน้ำร้อนกลางแจ้ง หนานกงเยี่ยนก็หันไปมองนาง เขาจับนางถอดอาภรณ์ออก หว่านหรงไม่ขัดขืน นางปล่อยให้อาภรณ์ร่วงลงไปกองอยู่ที่พื้น หนานกงเยี่ยนถอดอาภรณ์ออกเช่นกัน หว่านหรงมองเขาตาไม่กะพริบ แผงอกของสามีช่างดูแข็งแกร่งมาก นางยื่นมือไปแตะแผงอกเขาอย่างกลัวๆ กล้าๆ หนานกงเยี่ยนวางมือทับบนหลังมือของนาง จับมือนางถูไปบนแผงอกตัวเอง หว่านหรงหน้าแดงระเรื่อ “อุ้ย!”

หนานกงเยี่ยนปล่อยมือนางแล้วแก้กางเกงออก หว่านหรงก้มลงมองแท่งหยกของสามี นางไม่รู้ว่าแท่งหยกของบุรุษเป็นอย่างไร นางไม่เคยเห็นเลยสักครั้ง หนานกงเยี่ยนจับมือนางไปจับตรงกลางกายของเขา ที่มีแท่งหยกยาวไม่ถึง 1 ข้อนิ้วกับพวงไข่ ใช่ แท่งหยกที่น่าภาคภูมิใจของเขาถูกตัดขาดไป มันจึงเหลืออยู่แค่นี้เอง หว่านหรงหน้าแดง “อุ้ย!”

หนานกงเยี่ยนจับข้อมือนางออก พลางจูงนางลงบ่อน้ำร้อน หว่านหรงรู้สึกว่าน้ำร้อนจนเกือบทนไม่ได้ นางสะดุ้งทีหนึ่ง “ร้อนจัง”

“ลงมาเถอะ แรกๆ เจ้าจะรู้สึกว่ามันร้อนมากหน่อย แต่ว่าดีกับสุขภาพนะ” หนานกงเยี่ยนบอกพลางจูงนางลงไปในบ่อน้ำร้อน หว่านหรงเดินตามไป สายตาก็วนเวียนอยู่บนเรือนกายสามี ใช่ นางไม่เคยเห็นเรือนกายเปลือยๆ ของสามีเลยสักครั้ง หนานกงเยี่ยนนั่งลง เขาดึงนางนั่งลงข้างๆ เขาลูบๆ ถูๆ ตัวให้นาง หว่านหรงนั่งหน้าแดงระเรื่อ รู้สึกมือไม้เกะกะไปหมด หนานกงเยี่ยนจับมือนางไปวางบนตัวเขา “ถูให้ข้าบ้างซิ”

“อ่า…เจ้าค่ะ” หว่านหรงรับคำหน้าแดงๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะน้ำร้อนหรือว่าเขินอายกันแน่ บางทีอาจจะทั้งสองอย่างเลยก็ได้ นางถูตัวให้สามีอย่างเก้ๆ กังๆ ทั้งสองถูตัวให้กันไปมาจนทั่วแล้ว หนานกงเยี่ยนจึงอุ้มนางขึ้นจากบ่อ

“อ่ะ!” หว่านหรงกอดคอสามีเอาไว้ หนานกงเยี่ยนอุ้มนางไปนั่งบนตั่งไม้ข้างบ่อ เขาวางนางลงบนตักตัวเอง ประกบปากจูบอย่างดูดดื่ม หว่านหรงจูบตอบอย่างไม่ค่อยประสีประสา หนานกงเยี่ยนใช้มือข้างหนึ่งคลึงเค้นดอกบัวตูม หว่านหรงตัวเกร็งเสียวซ่านจนขนลุก หนานกงเยี่ยนจูบจนหนำใจแล้วจึงถอนปากออก เขาหยิบผ้าที่วางอยู่บนตั่งมาเช็ดตัวให้นางจากนั้นก็เช็ดๆ ตัว ตัวเอง

ครั้นเช็ดตัวเสร็จแล้วเขาก็อุ้มนางขึ้นมา ลุกขึ้นยืนแล้วเดินเปลือยๆ กลับไปที่ห้องนอน หว่านหรงหน้าแดงแล้วแดงอีก ดูเหมือนตั้งแต่แต่งงานนางถูกจับเปลือยกายบ่อยมาก นางไม่รู้ว่าสามีภรรยาคู่อื่นเป็นเช่นนี้หรือไม่ นางไม่รู้จริงๆ ตำราในห้องหนังสือของท่านพ่อก็ไม่มีเรื่องเกี่ยวกับสามีภรรยาเลย ตำราภาพที่แม่นมจางเอาให้นางดูก็เป็นตำราที่แม่นมจางไปซื้อมาจากข้างนอก

จนถึงห้องนอน หนานกงเยี่ยนก็วางนางลง เขาดันตัวนางลงนอนบนเตียง จับข้อมือนางคว้าเชือกที่เจ๋อหมิงเตรียมเอาไว้มัดข้อมือนางเอาไว้ หว่านหรงยอมให้เขามัดไม่ขัดขืน หนานกงเยี่ยนมัดมือข้างนั้นเสร็จแล้วเขาก็จับข้อมืออีกข้างของนางไปมัดล่ามไว้ หว่านหรงนอนหงายกางแขนอยู่บนเตียง ข้อมือทั้งสองข้างถูกล่ามกับเตียงเหมือนครั้งแรกที่นางเข้าหอ เพียงแต่ว่าคราวนี้หนานกงเยี่ยนไม่ได้ปิดตานาง เขาคร่อมอยู่เหนือตัวนาง ก้มลงไปดูดดอกบัวข้างหนึ่ง หว่านหรงคราง “อื้อ…ท่านพี่…”

นางมองเขากำลังดูดดอกบัวของนาง เห็นลิ้นเขาเลียแผล๊บๆ ดวงตาเขามองหน้านาง ทำให้นางรู้สึกเขินอายจนต้องเบือนหน้าไปด้านข้าง หนานกงเยี่ยนดูดดุนดอกบัวงามอย่างหิวกระหาย นางทำให้เขาเกิดอารมณ์ได้ตลอดเวลาจริงๆ เขาเองก็คิดไม่ถึงว่าตัวเองจะมักมากได้ถึงขนาดนี้ เขาดูดดอกบัวข้างนี้จนหนำใจแล้วจึงย้ายไปดูดดอกบัวอีกข้างหนึ่ง มือก็คลึงดอกบัวอีกข้างไปด้วย

หว่านหรงเสียวจนคราง “อื้อ…อา…”

หนานกงเยี่ยนดูดดอกบัวข้างนั้นอยู่นาน จากนั้นเขาก็เลื่อนปากลงต่ำไปหาดอกไม้งามกลางลำตัว ขณะที่ลากริมฝีปากผ่านหน้าท้องเขาก็คลุกเคล้าชิมรสไปด้วย หว่านหรงเสียวบิดตัวไปมา นางมองดูสามีใช้ปากจูบเรือนร่างนาง ริมฝีปากของเขาทำให้นางเสียวสยิวไปทั้งตัว ผิวนางซับสีแดงระเรื่อไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์กำหนัดที่กำลังลุกโชนหรือว่าเพราะความเขินอายกันแน่ บางทีอาจจะทั้งสองอย่างเลยกระมัง “อา…ท่านพี่…”

หนานกงเยี่ยนเลื่อนตัวต่ำลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งริมฝีปากจูบเนินขนรำไร เขาจับขานางกางออก หว่านหรงหน้าแดงยิ่งกว่าเดิม หนานกงเยี่ยนแหวกกลีบดอกไม้ออก แลบลิ้นเลีย หว่านหรงคราง “อื้อ…ท่านพี่เจ้าขา…อื้อ…”

หนานกงเยี่ยนเลียแผล๊บๆ บางคราวเขาก็ดูดจ๊วบๆ หว่านหรงเสียวจนหน้าแดงตัวแดงระเรื่อไปทั้งตัว นางอยากเอามือดันศีรษะเขาออก แต่ว่าข้อมือทั้งสองของนางถูกมัดเอาไว้ ครั้นนางเสียวจนใจจะขาด นางก็แอ่นสะโพกขึ้นเบียดปากเขาโดยไม่รู้ตัว นางดิ้นบิดตัวไปมา เดี๋ยวหนีเดี๋ยวเบียด นางครางกระเส่า “อ้า…ท่านพี่…อื้อ…อื้อ…”

หนานกงเยี่ยนยังคงปรนเปรอนางไปเรื่อยๆ จนกระทั่งหว่านหรงตัวเกร็งกระตุก สุขสมถึงสวรรค์ “อ้าาาาา…”

น้ำหวานไหลออกมา หนานกงเยี่ยนเลียกินราวกับเป็นน้ำทิพย์จากสวรรค์ เขาผละจากดอกไม้งาม ยืดตัวขึ้นพลางเรียก “เจ๋อหมิง”

“ขอรับ” เจ๋อหมิงเดินออกมาจากหลังม่านมุ้งตรงหัวเตียง เขาก้าวไปยืนหน้าเตียงในสภาพเปลือยกาย หว่านหรงตกใจ “อ่ะ! เจ้า!”

นางมองสามีอย่างงุนงงปนตกใจ “นี่มันหมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ?”

หนานกงเยี่ยนขยับตัวไปทางด้านข้างนาง เจ๋อหมิงก้าวขึ้นเตียงไปนั่งแทนที่นายท่าน หว่านหรงหุบขาหนีบเข้าหากันทันที แต่เจ๋อหมิงจับขานางเอาไว้ หว่านหรงตวาด “เจ้าปล่อยข้านะ!”

“หรงเอ๋อร์ อย่าขัดขืนเลย ข้าอนุญาตให้เขาทำแบบนี้เอง หากไม่ทำแบบนี้เจ้าก็ไม่มีลูกให้ข้า ไม่ต้องกลัวไป ลูกเจ้าก็คือลูกของข้า ข้ากับเขาจะช่วยกันเลี้ยงลูกของเรา” หนานกงเยี่ยนกล่อม หว่านหรงตกตะลึงเหมือนถูกฟ้าผ่า “ท่านพี่!”

จังหวะที่หว่านหรงกำลังตกตะลึงอยู่นั้น หนานกงเยี่ยนก็หลิ่วตาสั่ง เจ๋อหมิงจึงจับขานายหญิงถ่างออก หนานกงเยี่ยนก็ช่วยจับขานางเอาไว้ เจ๋อหมิงจับแท่งหยกถูไถดอกไม้งาม หว่านหรงร้องอย่างไม่ยินยอม “ไม่นะ ไม่เอาแบบนี้ ข้าไม่อยากมีหลายผัว!”

“หรงเอ๋อร์ บุรุษยังมีหลายเมียได้เลย แล้วทำไมเจ้าจะมีหลายผัวไม่ได้ล่ะ เรื่องนี้เจ้าไม่ผิด เป็นข้ายินยอมเอง ข้าไม่มีแท่งหยก ไม่อาจทำให้เจ้าตั้งครรภ์ได้ ข้าจึงต้องใช้เขาทำให้เจ้าตั้งครรภ์ เจ้าไม่ต้องกังวลไป เรื่องนี้พวกเราจะเก็บเป็นความลับรู้กันเฉพาะพวกเรา ลูกจะมีข้าเป็นพ่อ ส่วนเขาเป็นท่านอา” หนานกงเยี่ยนกล่อมฮูหยินน้ำเสียงอ่อนนุ่มชักจูงให้นางยินยอมคล้อยตาม หว่านหรงส่ายหน้า “ท่านพี่ ไม่เอาๆ ข้ารักท่าน ข้าไม่ต้องการให้เขาเป็นผัวข้า”

“เขาไม่ดีตรงไหนรึ?” หนานกงเยี่ยนถามชี้นำ “รูปร่างเขาก็ดี หน้าตาเขาก็หล่อเหลา เขาแข็งแรงไม่มีโรค ข้าเชื่อว่าลูกคลอดออกมาต้องหล่อเหลาเหมือนข้าแน่นอน”

หว่านหรงอึ้งไป สามีนางใช้ตรรกะอะไรมาคิดเนี่ย! ตามตำราแพทย์ที่นางเคยอ่าน หน้าตาลูกย่อมเหมือนพ่อเหมือนแม่ แต่ว่าเขาไม่ได้เป็นคนทำลูกแล้วเด็กจะหน้าตาเหมือนเขาได้อย่างไร!

ขณะที่นางอึ้ง เจ๋อหมิงก็ดันแท่งหยกเข้ารูแล้ว หว่านหรงรู้สึกเจ็บตึง “อื้อ!”

นางหน้าเหยเก หนานกงเยี่ยนจึงก้มลงไปดูดดอกบัวข้างหนึ่ง อีกข้างก็ใช้มือขยำ หว่านหรงเสียววาบ “อื้อ…ท่านพี่…เจ้าเอาของเจ้าออกไปนะ!”

ประโยคหลังนางสั่งเจ๋อหมิง เจ๋อหมิงไม่ฟังคำสั่งนายหญิง เขาค่อยๆ ดันแท่งหยกทะลวงรูเล็กคับแคบ เขาครางออกมา “อืมมม…”

เขาไม่ต้องกลั้นเสียงครางอีก ทำให้รู้สึกมีความสุขมากขึ้น หว่านหรงรู้สึกว่าแท่งหยกนี้คุ้นเคยนางหลับตาลง จับความรู้สึก ใช่ ความรู้สึกแบบนี้แหละ!

นางลืมตาขึ้นมอง จ้องหน้าเจ๋อหมิง ถามว่า “คืนเข้าหอ เจ้าเป็นคนทำลายพรหมจรรย์ข้าซินะ”

“ขอรับ” เจ๋อหมิงยอมรับโดยดี เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ปิดบังนางไม่ได้แล้วจริงๆ หว่านหรงกัดริมฝีปาก เอ่ยอย่างเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันว่า “ดีๆๆ”

“ที่ท่านพี่ปิดตาข้าก็เพราะไม่ต้องการให้ข้าเห็นซินะว่าเขาเป็นคนทำลายพรหมจรรย์ของข้า?” นางถามสามี หนานกงเยี่ยนเงยหน้าตอบ “ใช่”

มือก็ยังคงบีบคลึงดอกบัวงาม หว่านหรงรู้สึกอยากร้องไห้ออกมา แต่ว่านางก็ร้องไม่ออก ร่างกายนางกำลังเสียวซ่าน จะร้องไห้ออกได้อย่างไร นางมองจ้องสามีถามต่อ “คืนต่อๆ มาก็เป็นเขาใช่ไหม?”

“ใช่ ทุกคืนล้วนเป็นเขา ข้าทำได้แค่ใช้มือใช้ปากช่วยปรนเปรอเจ้า แต่ว่าข้าทำลูกไม่ได้ ข้าจึงให้เขาทำแทน” หนานกงเยี่ยนตอบ แล้วก้มลงไปดูดดอกบัวต่อ หว่านหรงเสียววูบวาบ “อื้อ…”

นางอยากขัดขืน แต่ว่านางถูกมัดข้อมือเอาไว้ นี่ซินะเหตุผลแท้จริงที่เขามัดนาง ปิดตานาง เขาช่างชั่วร้ายเหลือเกิน! ยอมให้คนอื่นมาเสพสมกับนางเพื่อให้นางตั้งครรภ์!

เจ๋อหมิงกระแทกกระทั้นเข้าๆ ออกๆ เขาครางอย่างสุขเสียว “อา…”

“อื้อ…” หว่านหรงก็เสียวเช่นกัน นางเสียวทั้งบนและล่าง บุรุษ 2 คนรุมอยู่บนตัวนาง คนหนึ่งทะลวงรู อีกคนดูดดอกบัว พวกเขาช่างรวมหัวกันดีจริงๆ! ดีจนนางอยากฆ่าคนขึ้นมาแล้ว! แต่ถ้าทำจริงๆ นางจะทำลงหรือ? ข้อนี้นางแน่ใจเลยว่านางทำไม่ลง นางรักสามีของนาง นางฆ่าเขาไม่ลงจริงๆ ถึงแม้ว่าสิ่งที่เขาทำกับนางจะชั่วร้ายเกินรับได้แบบนี้!

ความรู้สึกเสียวซ่านปะทุมากขึ้นเรื่อยๆ มากจนกระทั่งนางตัวเกร็งสุขสม “อ้าาาาา…”

หนานกงเยี่ยนผละจากดอกบัวตูม เงยหน้ามองใบหน้าของนาง เขายิ้มแล้วย้ายไปดูดดอกบัวอีกข้าง เจ๋อหมิงก็ยังคงกระแทกกระทั้นไม่หยุดไม่พัก พลางครางกระเส่า “อืมมมม…อาาาา…”

หว่านหรงมองใบหน้าเจ๋อหมิง เมื่อก่อนนางไม่ค่อยดูหน้าเขาชัดๆ สักเท่าไหร่ รู้แค่ว่าเขาเป็นคนหน้าตาดีคนหนึ่ง มาตอนนี้นางมองใบหน้าเขาอย่างพินิจ ต้องยอมรับเลยว่าเขาหล่อเหลาจริงๆ นั่นแหละ ความหล่อเหลาของเขาน่าจะเทียบเท่าสามีของนางได้กระมัง เพียงแต่ว่าใบหน้าของเจ๋อหมิงดูหล่อแบบดุๆ ส่วนสามีของนางหล่อเหลาอ่อนโยน เป็นความหล่อคนละแบบจริงๆ รูปร่างเขาก็กำยำล่ำสัน นางมองดูเขาขยับเอวถี่ๆ ทำนางเสียวซ่านตรงกลางกายยิ่งนัก “อื้อ…เจ๋อหมิง เจ้าคนเลว!”

นางมองสามีแล้วต่อว่าต่อขาน “อื้อ…ท่านพี่ท่านก็เลวเหมือนกัน อา…ข้าจะไม่รักท่านแล้ว อื้อ…”

หนานกงเยี่ยนผละจากดอกบัวตูม มองหน้านางอย่างเศร้าเสียใจ “หรงเอ๋อร์ อย่าเกลียดข้าเลยนะ ข้าจำเป็นต้องทำแบบนี้ ไม่เช่นนั้นเจ้าจะมีลูกให้ข้าได้อย่างไร ข้าทำให้เจ้าตั้งครรภ์ไม่ได้ ข้าไม่มีแท่งหยกแล้ว ข้ามันพิการ ข้ากลายเป็นขันทีไปแล้วแบบนี้ แต่ว่าข้าอยากแต่งงาน อยากมีลูกไว้สืบสกุล มีเพียงวิธีนี้วิธีเดียวที่จะทำให้เจ้าตั้งครรภ์ได้ เจ้าจะโกรธข้าก็ได้ แต่อย่าไม่รักข้า ข้ารักเจ้าถึงเพียงนี้ เจ้าจะไม่รักข้าไม่ได้หรอก”

เขาก้มลงไปซุกไซ้ลำคอนาง หว่านหรงเสียวสยิว “อื้อ…ท่านพี่…”

เจ๋อหมิงกระแทกกระทั้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งนายหญิงสุขสมไปอีกเจ็ดแปดหน เขาถึงได้สุขสมถึงสวรรค์ “อาาาา…”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!