Skip to content

ราชินีพลิกสวรรค์ 349

ตอนที่ 349 สามีภรรยาหรือศัตรู

ดังนั้น

ทุกอย่างเห็นอยู่ตรงหน้าถึงจะเป็นสุสานของจริงต่างหากเล่า!

เจียงหลีหรี่ตาตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง

กระท่อมไม้ไผ่หลังนี้ ทุ่งหญ้าเขียวขจีและทุ่งดอกไม้หอมแห่งนี้คือสุสานอย่างนั้นหรือ ล้อเล่นหรือเปล่า

“ข้ารู้ว่าเจ้าแอบสงสัยในใจไม่หยุด แต่คำตอบทุกอย่างอยู่ในกระท่อมนี้แล้ว เมื่อเข้ามาเจ้าก็จะรู้ทุกเรื่องเอง” นํ้าเสียงนั้นกำลังปลุกปั่นเจียงหลี

หลังจากครุ่นคิดในใจ เจียงหลีก็เม้มริมฝีปากแล้วก้าวเข้าไปข้างในกระท่อมไม้ไผ่ สิ่งของตกแต่งภายในกระท่อมสวยงามหรูหราเช่นเดียวกับภายนอก

เมื่อเจียงหลีเข้าไปในกระท่อมแล้วกลับตะลึงงัน ภายในกระท่อมมีชายผู้หนึ่งนั่งขัดสมาธิหันหลังให้นาง

“เป็นเจ้าที่สนทนากับข้าใช่หรือไม่” เจียงหลีหยุดอยู่ด้านหลังคนผู้นั้นแล้วเอ่ยถาม

“เป็นข้าเอง” นํ้าเสียงเฉกเช่นเดียวกัน แต่คราวนี้ไม่ได้มาจากทุกสารทิศอีกแล้ว และน้ำเสียงนั้นดัง ออกมาจากปากของชายตรงหน้า

เจียงหลีหัวเราะอย่างนึกขันแล้วยกมือขึ้นมากอดอก “เจ้าบอกว่าตัวเองตายเป็นผีเฝ้าสุสานแล้วมิใช่หรือ ทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้ได้ล่ะ”

“ข้าเป็นเจ้าของสุสานแห่งนี้เอง หากไม่ให้ข้าอยู่ที่นี่แล้วจะให้ข้าไปอยู่ไหนเล่า” น้ำเสียงนั้นดูขี้เล่นยิ่ง กว่านางเสียอีก

“เจ้าว่าอะไรนะ” เจียงหลีเก็บลีหน้าล้อเล่นเอาไว้แล้วปล่อยแขนลง จากนั้นจึงจ้องมองแผ่นหลังของเขา ด้วยสายตาจริงจัง

ก่อนหน้านี้ที่ได้สนทนากับเขา เจียงหลีก็แอบคาดเดาถึงสถานะของเขา เพียงแต่ยังไม่มั่นใจ แต่เวลานี้ พอได้ยินเขาพูดออกมาเองก็ยังตกใจอยู่ดี

คล้ายกับว่า

ทุกคนต่างคิดว่าเจ้าของไม่อยู่บ้านเลยมาวุ่นวายที่นี่ แต่กลับไม่คิดว่าเจ้าของจะอยู่บ้านพอดี และรู้สึก จะเห็นทุกอย่างชัดเจน

“ข้าบอกว่าข้าเป็นเจ้าของสุสาน” ชายหนุ่มพูดยํ้าอีกครั้ง

“เจ้ายังไม่ตายหรือ” เจียงหลีจ้องเงาหลังของเขา ไม่ได้รู้สึกถึงกลิ่นไอแห่งความตายเลยลักนิด ราวกับ กำลังสนทนากับคนปกติ

“ตายแล้ว” เขาให้คำตอบที่แน่นอนอีกครั้ง

“…” เจียงหลีไม่เชื่อ คนที่ตายไปแล้วยังสามารถคุยกับนางเหมือนปกติได้อย่างไร นางไม่เข้าใจว่านี่ เป็นแสงแห่งวิญญาณที่หลงเหลืออยู่หรือเป็นความประสงค์ที่เหลืออยู่

“ไม่เชื่อหรือ” เขารู้สึกถึงความสงสัยของเจียงหลี

เจียงหลีสบถเสียงเย็น “เชื่อยากจริงๆ”

“เจ้าเข้ามาดูเองก็จะรู้ว่าข้าไม่ได้โกหก” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น

ดวงตาเจียงหลีเป็นประกายวูบไหวก้าวไปข้างหน้าค่อยๆ เข้าใกล้ชายหนุ่ม เพราะนางกลัวว่าชายหนุ่ม จะลงมือจู่โจมกะทันหัน ทั้งยังจงใจเดินอ้อมแล้วจู่ๆ นางก็หยุดเดิน จับตามองร่องรอยบนพื้นตรงหน้า ของเขา

เห็นได้ชัดว่าร่องรอยเหล่านั้นถูกทิ้งไว้จากการต่อสู้ที่ดุเดือดหักมุมและลึกล้ำ

เมื่อเห็นร่องรอยพวกนี้เจียงหลีก็ไม่เข้าใจว่ากระท่อมไม้ไผ่เหลือดรอดจากการต่อสู้อันดุเดือดได้อย่างไร เจียงหลีเดินหน้าต่อโดยอ้อมหน้าอ้อมหลังรอบชายหนุ่ม

เมื่อนางได้เห็นโฉมของชายหนุ่มอย่างชัดเจน ดวงตาทั้งคู่กลับหรี่ลง หน้าถอดสี ความหนาวเย็นขึ้นมา จากทางด้านหลัง ชายหนุ่มอะไรกัน ที่นั่งอยู่ตรงนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นโครงกระดูก หากไม่ได้สวมเสื้อผ้า และมีผมยาวปกคลุมแผ่นหลัง นางคงค้นพบเบาะแสตั้งนานแล้ว

“ตอนนี้เชื่อแล้วใช่ไหมล่ะ” เสียงดังลอดออกมาจากโครงกระดูกจริงๆ ด้วย

เจียงหลีสูดหายใจเข้าลึกๆ อดเชื่อในสิ่งที่เห็นไม่ได้ “สรุปแล้วทั้งหมดนี้เกิดอะไรขึ้น เจ้าบอกว่าเป็น เจ้าของสุสาน แต่เหตุใดตายแล้วถึงมานั่งตรงนี้ได้ เจ้าหลอกล่อข้าเข้ามาเพื่ออะไร”

“เจ้าดูข้างในสิ” โครงกระดูกกลับไม่ตอบคำถาม

เจียงหลีเบนสายตามองตามเขา ในฉากกั้นกลางกระท่อมไม้ไผ่เหมือนมีเงาร่างคนผู้หนึ่งที่นอนอยู่ตรงนั้น

ยังมีอีกคน เจียงหลีตกตะลึง

“นั้นคือภรรยาของข้า แม้นางจะมีร่างกายอ่อนแอแต่กลับอยู่บนหนทางเนี่ยนซือและมีพรสวรรค์อันน่าทึ่ง เสียดายอีกแค่เพียงก้าวเดียวนางก็จะบรรลุเป็นเนี่ยนจงแล้ว” โครงกระดูกเอ่ยขึ้น

เจียงหลีฟังเขาอธิบายอย่างตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าจะมีเนี่ยนซือนอนอยู่ในนั้น!

“และชั่วชีวิตการฝึกบำเพ็ญของข้า ก็มาหยุดอยู่ที่ขั้นหลิงจง”

“…”

ที่แห่งนี้เป็นสุสานของหลิงจง ข้อนี้เจียงหลีทราบดี เพียงแต่สิ่งที่ทำให้เจียงหลีแปลกใจก็คือที่แห่งนี้ไม่ได้ มีไว้แค่ฝังศพหลิงจงเท่านั้น แต่ยังมีเนี่ยนจงที่ฝึกมาได้แค่ครึ่งทางด้วย

ทันใดนั้นคำพูดของเหวินเหรินชิ่งชิ่งก็ลอยเข้ามาในหัว นางบอกว่ามีคนเคยพูดว่านี่คือสุสานโบราณ ของหลิงจง แต่อันที่จริงคือสุสานโบราณของเนี่ยนจงต่างหาก เกรงว่าเหตุผลอาจเป็นเช่นนี้

ที่นี่คือคือสุสานของสองสามีภรรยา!

“ในเมื่อเป็นสามีภรรยา เหตุใดหลังจากพวกเจ้าตายไปแล้วถึงได้อยู่คนละห้องล่ะ” เจียงหลีเอ่ยถาม “เพราะว่า” นํ้าเสียงเรียบนิ่งของโครงกระดูกที่นั่งขัดสมาธิขาดหายไป เจียงหลีเบิกตามองเบ้าตาของโครงกระดูกที่นํ้าตาไหลเป็นสายเลือด

“นางโกรธแค้นข้า ต่อให้ตายก็ไม่ยอมให้อภัยข้า”

นํ้าเสียงเต็มไปด้วยความเสียใจ เขานั่งอยู่ตรงนี้ราวกับกำลังสารภาพบาปกับภรรยา “นางยังอยู่ตรงนี้หรือเปล่า” เจียงหลีหยั่งเชิงถาม

“ไม่ หลังจากมีจุดประสงค์ที่จะตายในใจ นางก็ได้บดขยี้ดวงวิญญาณของตัวเองให้แหลกสลายไปแล้ว” นํ้าเสียงเต็มไปด้วยความเจ็บปวด แม้กระนั่งเจียงหลีที่เป็นคนนอกได้ยินเข้าก็สัมผัสได้ถึงความรัก อันลึกซึ้งของชายหนุ่ม

“ในเมื่อเจ้ารักนางมากขนาดนี้ทำไมถึงได้สร้างความแค้นให้กับนางเล่า” เจียงหลีถามเสียงเรียบนิ่ง

โครงกระดูกของหลิงจงค่อยๆ เอ่ยขึ้น “ข้าไม่รู้ว่านางจะเด็ดขาดถึงเพียงนี้ หากข้ารู้ก่อนว่าจุดจบจะเป็น เช่นนี้ ข้าคงปล่อยวางทุกสิ่งอย่างแน่นอนแล้วก็ไม่ยอมให้นางต้องมาเป็นเช่นนี้ ข้าปล่อยให้นาง ตัดสินใจฆ่าตัวตายและเห็นนางตายไปต่อหน้าต่อตาข้า”

“…” เจียงหลีตกตะลึง

คิดไม่ถึงว่าเนี่ยนจงที่ฝึกมาได้ครึ่งทางผู้นี้จะตัดสินใจอัตวินิบาตกรรม

“ข้าอยากหยุดนาง แต่หยุดเอาไว้ไม่ทัน แม้ร่างกายของเนี่ยนซือจะอ่อนแอแต่ขั้นพลังกลับแปลกมาก ค่ายกลที่นางปิดผนึกข้างในห้องไม่ให้ข้าเข้าใกล้แต่กลับให้ข้าต้องมาเห็นนางตายไปต่อหน้าต่อตา ข้ารู้ นางต้องการทรมานให้ข้าเจ็บปวดและเสียใจ ข้าเสียใจและเจ็บปวดแล้ว ข้าขอร้องให้นางปล่อยข้าเข้าไป แต่ก็แก้ไขอะไรไม่ได้เสียแล้ว”

สายตาของเจียงหลีจ้องมองร่องรอยการต่อสู้ตรงหน้าอีกครั้งในขณะที่เขากำลังพูด นี่อาจเป็นสิ่งที่เขาทิ้งไว้ตอนที่เขาต้องการทำลายค่ายกลเข้าไปกระมัง

ค่ายกลของเนี่ยนซืออย่างนั้นหรือ

เหอะ!

เจียงหลีก็รู้สึกเช่นเดียวกัน วันนั้นนางถูกลู่เจี้ยลร้างค่ายกลกักขังไว้ในสถาบัน นางเองก็เคยได้สัมผัส ความสิ้นหวังและความโกรธที่ทำอะไรไม่ได้

เป็นคนที่รักเช่นเดียวกัน ความโชคดีเดียวของนางคือสามารถทำลายค่ายกลในเฮือกสุดท้ายแล้วเพื่อไป ให้ทันได้อยู่เคียงข้างลู่เจี้ย แล้วหลิงจงตรงหน้าล่ะ ความเสียใจก่อนตายเมื่อตายไปแล้วก็ทดแทนไม่ได้

“ตกลงเจ้าทำเรื่องอะไรกันแน่ ถึงทำร้ายนางให้นางเด็ดขาดเพียงนี้” เจียงหลีถามต่อ

ฟังเรื่องราวมาตั้งนาน ความกลัวในใจของนางที่มีต่อหลิงจงได้หายไปหมดแล้ว

“ข้าทำอะไร ข้าแค่หวังเพียงเรื่องเดียว ข้าแค่มีความโลภที่ไม่ควรจะมี แค่หลงระเริงไปในสิ่งที่ไม่ควร หลงระเริง”

“สิ่งที่เจ้าพูดออกมา สมควรตายนับสิบล้านครั้ง!” เจียงหลีขมวดคิ้วขัดคำพูดของเขา ดวงตาคู่คมฉาย แววเหยียดหยาม

“ไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิดหรอก” โครงกระดูเถียงลั่น เขาได้ยินนํ้าเสียงดูถูกของเจียงหลีว่ามาจากการคาด เดาแบบไหน

“นั้นคืออะไร” เจียงหลีเอ่ยถามเสียงดัง

“มันคือกลองหิน กลองหินในตำนานอย่างไรเล่า” โครงกระดูกตะโกนลั่นด้วยเสียงสั่นเครือ กลองหินอย่างนั้นหรือ

ความผิดปกติของเขาทำให้เจียงหลีหรี่ตามอง และก็เริ่มอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับกลองหินที่เขาเอ่ยถึง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!