Skip to content

King of Gods 509

King Of Gods

บทที่ 509 โอรสสวรรค์สามตา

“จ้าวเฟิง จ้าวเฟิง…”

ทั่วทั้งเมืองศักดิ์สิทธิ์ชินหยางเต็มไปด้วยความวุ่นวาย

ผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ย่อมเป็นผู้นำของงานน้ำชาเซียนมังกรครั้งนี้ ไม่ต้องเอ่ยเลยว่าผู้มาใหม่นี้คือ ‘หนึ่งในห้าผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้’ ที่อายุน้อยที่สุด

แม้ว่าเมืองศักดิ์สิทธิ์ชินหยางจะมีผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้มาถึงแล้วหลายคน ทว่าความแข็งแกร่งเมื่อเทียบกันแล้วยังคงมีความแตกต่างอยู่บ้าง

“ผู้ที่มาถึงยังเมืองศักดิ์สิทธิ์ยามนี้คือ… อัจฉริยะเซียนมังกรที่แข็งแกร่งที่สุด”

ในยามนี้ ประโยคนั้นได้กลายเป็นคำติดปาก ทำให้เมืองศักดิ์สิทธิ์ชินหยางเดือดพล่าน

ในเมือง

บนหอโลหะสูงได้ปรากฏร่างที่ยืนนิ่งอยู่หลายร่าง มองไปยังพวกจ้าวเฟิงทั้งหกที่กำลังเข้ามาในเมืองห่างออกไป

“ชินหยางเฉิงเทียน จ้าวเฟิงได้เข้ามาในเมืองศักดิ์สิทธิ์ชินหยางแล้ว ความโด่งดังของเขานั้นเรียกได้ว่าเหนือกว่าชื่อเสียงของโอรสสวรรค์ของตระกูลเจ้าเสียอีก ในสามตำหนักเซียนเองก็เอ่ยถึงราชาแห่งคนรุ่นใหม่ของทวีปบุปผาคราม…”

ชายหนุ่มคิ้วหนาผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างหยอกล้อ

ร่างทั้งหลายมองไปยังชายหนุ่มผมทองที่อยู่ตรงกลาง

ชายหนุ่มผมทองผู้นั้นมีสีหน้าราบเรียบ กระทั่งปรากฏความเหยียดหยามเย่อหยิ่งปะปนอยู่ ที่หน้าผากปรากฏ ‘ดวงตาที่สาม’ ที่ปิดสนิท

ชายหนุ่มผมทองผู้นี้คือโอรสสวรรค์สามตา

“หึ พวกเจ้าคือคนจากต่างแดน งานน้ำชาเซียนมังกรนี้พวกเจ้าไม่อาจเข้ามาแทรกแซงได้ตามใจชอบ ทำได้เพียงแค่รอชมเรื่องสนุกเท่านั้น”

โอรสสวรรค์สามตาเอ่ยเตือนชายหนุ่มคิ้วหน้า

“ท่านพี่ชินหยาง ท่านไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นในทวีปมานานหลายปีแล้ว การที่คนเหล่านี้จะลืมเลือนพลังอำนาจของท่านนับเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้”

น้ำเสียงเย็นเยียบดังขึ้นจากสตรีงดงามราวน้ำแข็ง ผิวกายทั่วทั้งร่างของนางราวกับถูกแกะสลักออกจากหยกเย็น ให้ความรู้สึกหรูหราสูงส่ง บนร่างของสตรีผู้นี้ส่งกลิ่นอายเย็นเยียบที่ไม่อาจมองเห็นออกมา ทำให้อากาศโดยรอบราวกับถูกแช่แข็ง

ทว่ายามที่นางมองไปยังโอรสสวรรค์สามตา นัยน์ตากลับปรากฏความอ่อนโยนมากเป็นพิเศษ เต็มไปด้วยความชื่นชมนับถือของผู้เป็นน้อง

การที่ความรู้สึกเช่นนั้นจะปรากฏขึ้นบนใบหน้าของปิงเว่ยเซียนจื่อ ‘สาวงามผู้เย็นชา’ ที่เป็นที่เลื่องลือนับว่าหายากยิ่งนัก

“น้องปิงเว่ย เช่นที่เจ้าเอ่ย”

โอรสสวรรค์สามตารั้งสายตากลับ แย้มยิ้มเฉยชา:”จ้าวเฟิงผู้นี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่แท้จริงของข้า พลังส่วนมากของเขามาจากสายเลือดดวงตา ผลลัพธ์เป็นที่แน่นอน คู่ต่อสู้ที่แท้จริงของข้า ทั่วทั้งทวีปบุปผาครามมีเพียงผู้เดียว คือหยูเทียนฮ่าวนั่น”

หลังจากที่ปิงเว่ยเซียนจื่อได้ยินเช่นนั้น นัยน์ตาหงส์ก็ปรากฏความลนลานพาดผ่านไปชั่วขณะ เพราะในงานชุมนุมเซียนมังกรครั้งนี้ ความสามารถที่จ้าวเฟิงและหยูเทียนฮ่าวแสดงออกมาไม่ได้แตกต่างกันมากนัก

โอรสสวรรค์สามตานับหยูเทียนฮ่าวเป็นคู่ต่อสู้ ทว่ากลับไม่สนใจจ้าวเฟิง นี่นับว่าประมาทเกินไปนัก

ความน่ากลัวของจ้าวเฟิงที่สร้างปาฎิหาริย์ขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ความสามารถในการเอาชนะคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่า ปิงเว่ยเซียนจื่อรู้ดี

นางกังวลว่ายามที่โอรสสวรรค์สามตาประลองกับจ้าวเฟิง อีกฝ่ายจะประมาทศัตรูจนพ่ายแพ้

“ในบรรดาตระกูลชนชั้นสูงทั้งหลายในทวีป มีเพียงแค่ตระกูลของหยูเทียนฮ่าวที่มีสายเลือดสวรรค์ไร้เทียมทานที่พิเศษยิ่งนัก มีความเก่าแก่เทียบเท่าได้กับ ‘สายเลือดเนตรเซียน’ ของตระกูลชินหยางของข้าได้”

นัยน์ตาของโอรสสวรรค์สามตาปรากฏความเฝ้าฝัน ราวกับว่าย้อนกลับไปยังช่วงเวลาอันรุ่งโรจน์ของตระกูล

สายเลือดสวรรค์ไร้เทียมทาน?

กระทั่งชายหนุ่มคิ้วหน้ายังเผยความสนใจออกมา

“เหตุใดเราจึงไม่เคยได้ยินชื่อสายเลือดนี้มาก่อน?”

ปิงเว่ยเซียนจื่อสงสัย

“เพราะสายเลือดสวรรค์ไร้เทียมทานนั้นแตกต่างจากมรดกสายเลือดทั่วไป กระทั่งเกินคำนิยามของคำว่าสายเลือด หากจะกล่าวให้ถูกต้อง มันคือเจตจำนงที่จะสืบทอดสายเลือดนี้ต่อไป เป็นราชานักสู้ ในเวลาเดียวกันมันก็ยากที่จะหาคู่ต่อสู้ได้ ทว่าในยามนี้สายเลือดคงอ่อนจางยิ่งนัก เป็นเพียงพลังทั่วไปของสายเลือดสวรรค์ไร้เทียมทาน…”

โอรสสวรรค์สามตาเอ่ยอย่างสะเทือนใจ

ผู้คนเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็อดที่จะตระหนกไม่ได้

ในด้านของประวัติความเป็นมาสายเลือดทั่วทั้งทวีป มีเพียงตระกูลหยูที่อาจจะเหนือกว่าตระกูลชินหยาง

“ในร่างของหยูเทียนฮ่าวมีสายเลือดเช่นนี้อยู่?”

“อย่างน้อยในร่างของเขาก็มีสัญญาณของสายเลือดนี้ แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาก็คือคู่ต่อสู้ที่ข้าต้องเอาชนะให้ได้ มันเป็นเรื่องที่ตระกูลชินหยางหลายรุ่นไม่อาจทำได้สำเร็จ แต่ข้าจะทำให้มันสำเร็จเอง”

นัยน์ตาของโอรสสวรรค์สามตาลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงแห่งการต่อสู้

เมื่อปิงเว่ยเซียนจื่อได้ยินเช่นนั้นก็อดที่จะเผยสีหน้าเลื่อนลอยออกมาไม่ได้

บุญคุณความแค้นระหว่าง ‘ตระกูลหยู’ และ ‘ตระกูลชินหยาง’ สองตระกูลใหญ่ชนชั้นสูง นางเองก็เคยได้ยินมาบ้าง

ตระกูลชินหยางและตระกูลหยูคือตระกูลชนชั้นสูงที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีป ทว่าการกระทบกระทั่งกันระหว่างทั้งสองไม่ได้เป็นมาเพียงแค่ระยะหลายร้อยปี ทว่ามากกว่าหลายพันปี ทว่าส่วนมาก ตระกูลหยูจะได้เปรียบเล็กน้อย โดยเฉพาะในหลายร้อยปีที่ผ่านมา

ตัวอย่างเช่นรุ่นพ่อของโอรสสวรรค์สามตาที่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้สูงศักดิ์หยูซิงเฉิน กระทั่งถูกบดขยี้ลงใต้ฝ่าเท้า จะอย่างไร รุ่นบิดาของโอรสสวรรคสามตาก็มีความเข้มข้นของสายเลือด ‘สายเลือดเนตรเซียน’ ต่ำมาก ไม่แม้แต่จะบรรลุระดับผู้สูงศักดิ์

ทว่า ‘โอรสสวรรค์สามตา’ แตกต่างออกไป สายเลือดเนตรเซียนของเขามีความเข้มข้นบริสุทธิ์เป็นรองเพียงแค่ต้นตระกูลของตระกูลชินหยาง ‘กษัตริย์สามตา’

นี่ก็เป็นเหตุผลให้โอรสสวรรค์สามตาเห็นหยูเทียนฮ่าวเป็นคู่ต่อสู้ แม้ว่าในสายตาของเขาจะไม่เห็นว่าอีกฝ่ายเป็นเรื่องท้าทายแต่อย่างใด

“จ้าวเฟิง จ้าวเฟิง…”

ในยามนี้ เสียงตะโกนในพระราชวังโลหะก็ได้แผ่วเบาลง

ตระกูลชินหยางได้ส่งคนออกไปรับพวกจ้าวเฟิงทั้งหกแล้ว

อัจฉริยะเซียนมังกรที่เข้าร่วมงานน้ำชาเซียนมังกรครั้งนี้มีหลายสิบคน ทั้งยังมีอัจฉริยะของทวีปกลางหลายคน รวมทั้งยอดฝีมือที่น่านับถือที่มาพร้อมกัน

อัจฉริยะเซียนมังกรที่ปรากฏตัวขึ้นได้ถูกตระกูลชินหยางนำไปยังห้องพักแขกผู้มีเกียรติ

“จ้าวเฟิง ในที่สุดเจ้าก็มา”

อัจฉริยะเซียนมังกรบางคน กระทั่งผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ได้ทักทายจ้าวเฟิง

จ้าวเฟิงกวาดตามอง ในบรรดาห้าผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ มีชื่อเฉิงเทียนและตันไถ่หลันเยว่ที่มาถึง

ในขณะที่ปิงเว่ยเซียนจื่อไม่ปรากฏตัว ยามที่จ้าวเฟิงเข้ามาในเมือง เขาก็ได้ใช้ดวงตาเทพเจ้ากวาดมองพบแล้ว

ทั้งยอดอัจฉริยะชั้นแนวหน้าที่เป็นรองเพียงผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ก็ปรากฏตัวขึ้น ตัวอย่างเช่นโม่เทียนอี้ ชางหยูเยว่ เซี่ยเซียนชาง ถัวป๋าฉี และคนอื่นๆ

ในยามนี้ ในห้าผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ มีเพียงหยูเทียนฮ่าวที่ยังมาไม่ถึง

ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงกวาดตามองผู้คนอย่างผ่านๆ ไม่พบ ‘ซินอู๋เหิน’ ทำให้รู้สึกเสียดายอยู่มาก

มีคำเล่าลือว่าหลังจากที่ซินอู๋เหินเข้าไปในมรดกความลับสวรรค์แล้วก็ไม่ได้กลับออกมา

จากนั้น

ความสนใจของจ้าวเฟิงที่มีต่องานน้ำชานี้จึงหมดลง

เพราะในบรรดาอัจฉริยะเซียนมังกรทั้งหมด คนที่เขาสนใจและคาดหวังมากที่สุดคือหยูเทียนฮ่าวและซินอู๋เหิน

หนึ่งในห้าผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ ‘ชื่อเฉิงเทียน’ เป็นมิตรกับจ้าวเฟิงยิ่งนัก เปิดบทสนทนาด้วยตนเองด้วยน้ำเสียงที่ปะปนไปด้วยความซาบซึ้งอยู่หลายส่วน

ในงานชุมนุมเซียนมังกรรอบที่สองในอดีต จ้าวเฟิงและชื่อเฉิงเทียนได้ต่อสู้กัน สุดท้ายหลังจากนั้นเด็กหนุ่มตระกูลจ้าวก็ได้ช่วยชีวิตอีกฝ่ายเอาไว้ อาจกล่าวได้ว่าไม่ได้ต่อสู้กันจนถึงที่สุด

เวลาผ่านไปเล็กน้อย

ในเสี้ยวพริบตา เวลาสิบวันผ่านพ้นไป

เวลาเริ่มงานน้ำชาเซียนมังกรได้มาถึง

สิ่งที่แปลกประหลาดคืองานน้ำชาเซียนมังกรนี้ไม่ได้เริ่มขึ้นอย่างที่ประกาศไว้

จ้าวเฟิงปิดด่านฝึกตน ไม่รับรู้ถึงเรื่องนี้ ทว่ายอดอัจฉริยะจากทั่วทั้งทวีปได้ประท้วงขึ้นบ้าง

ตระกูลชินหยาง ห้องพักแขกผู้มีเกียรติ

“ปิงเว่ยเซียนจื่อ งานน้ำชาเซียนมังกรจะเริ่มต้นขึ้นเมื่อใดกัน?”

ในฝูงชนปรากฏเสียงดังขึ้น

เมื่อใดไม่มีผู้ใดล่วงรู้ ปิงเว่ยเซียนจื่อที่เป็นผู้จัดงานได้เข้ามาในห้องพักแขก

“เนื่องจากหยูเทียนฮ่าวรออัจฉริยะเซียนมังกรบางคนที่ยังมาไม่ถึง งานน้ำชาเซียนมังกรนี้จึงถูกเลื่อนออกไปอีก”

บนใบหน้าของปิงเว่ยเซียนจื่อปรากฎความขออภัย

จะอย่างไร อัจฉริยะเซียนมังกรในที่นี้ก็รู้ว่าสถานะของนางคือผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ นางไม่อาจเพิกเฉยได้

“เช่นนั้นหากหยูเทียนฮ่าวและคนอื่นๆ ไม่มา คู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งไม่กี่คนในงานน้ำชานี้คงหมดความสนใจไปหลายส่วน”

น้ำเสียงของชื่อเฉิงเทียนพร่าเลือน

เขาและตันไถ่หลันเยว่มองหน้ากัน ไม่ปฏิเสธ

ในห้าผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ หยูเทียนฮ่าวคือผู้นำ ผู้ถูกเลือกคนอื่นๆ ต้องการที่จะท้าประลองเขา จะรออีกวันหรือสองวันก็ย่อมได้

ไม่ต้องเอ่ยเลยว่า

หลังจากที่กลับมาจากมรดกต่างแดนมากกว่าหนึ่งปี เหล่าอัจฉริยะเซียนมังกรที่ปรากฏตัวขึ้นต่างก็มีความพัฒนาในระดับหนึ่ง ความมั่นใจเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้น เพื่อรอ ‘หยูเทียนฮ่าว’ เวลาก็ผ่านไปอีกสามสี่วัน

หยูเทียนฮ่าวไม่มา

“งานน้ำชาเซียนมังกรครั้งก่อน หยูเทียนฮ่าวยังมา เป็นไปได้อย่างไรที่ครั้งนี้ไม่มา?”

“แปลกโดยแท้ ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าหยูเทียนฮ่าวจะไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นในทวีปเลย”

เหล่าอัจฉริยะเซียนมังกรที่เข้าร่วมงานน้ำชาพูดคุยกันเอง

หลังจากที่เวลาเริ่มงานน้ำชาถูกลากยาวออกไปสิบวัน อัจฉริยะเซียนมังกรบางคนก็หมดความอดทน อัจฉริยะเซียนมังกรที่โดดเด่นบางคน เนื่องจากมีเรื่องสำคัญจึงกระทั่งเตรียมตัวที่จะบอกลา

“ท่านรองจ้าวลัทธิ งานน้ำชาครั้งนี้ถูกเลื่อนออกมานานนักแล้ว เราจะยังคงรอต่อไปหรือไม่?”

เจียงซานเฟิงเอ่ยถาม

จ้าวเฟิงเอ่ยพูดอย่างเฉยชา “งานน้ำชาเซียนมังกรเป็นเพียงงานพบปะเล็กๆ เราจะรออีกสามวันสุดท้าย หากยังไม่เริ่มก็กลับอาณาจักรนภา”

ในฐานะของผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งในระดับเดียวกับหยูเทียนฮ่าว คำพูดของจ้าวเฟิงมีน้ำหนักมากพอสมควร

คำพูดของเขาได้ถูกส่งต่อไป ได้รับการสนับสนุนจากอัจฉริยะเซียนมังกรคนอื่นๆ อย่างรวดเร็ว

“ใช่แล้ว อีกสามวันหากงานน้ำชาเซียนมังกรยังไม่เริ่ม เราก็จะเดินทางกลับแล้ว”

ชื่อเฉิงเทียนตอบรับเป็นคนแรก จากนั้นจึงเป็นตันไถ่หลันเยว่ โม่เทียนอี้ และอัจฉริยะเซียนมังกรคนอื่นๆ ที่มีความเห็นเป็นเอกฉันท์

เมื่อเป็นเช่นนี้

ผู้ที่จัดงานน้ำชาเซียนมังกร โอรสสวรรค์สามตาและปิงเว่ยเซียนจื่อจึงไม่อาจนิ่งเฉยได้อีก

‘โอรสสวรรค์สามตา’ ลงมือด้วยตนเอง ไปยังห้องพักแขกผู้มีเกียรติ โน้มน้าวเหล่าอัจฉริยะเซียนมังกร

“ทุกคน ข้ารู้สึกละอายใจแล้ว โปรดรออีกไม่เกินสิบวันเถอะ”

โอรสสวรรค์สามตายืนสองมือไพล่หลัง เรือนผมสีทองส่องประกายสะท้อนกับแสงอาทิตย์ ที่หน้าผากของเขามีดวงตาที่สามที่เปลือกตาปิดสนิท ส่งกลิ่นอายลึบลับออกมาจางๆ ทั้งเก่าแก่และทรงพลัง ทำให้สายเลือดของอัจฉริยะในที่นั้นต้องสั่นไหว

หลังจากที่เป็นราชาของงานชุมนุมเซียนมังกรสองครั้ง ‘โอรสสวรรค์สามตา’ ก็ถือว่าอยู่ในระดับที่สูงกว่าอัจฉริยะเซียนมังกร ในด้านของความแข็งแกร่งของเขา ผู้คนล้วนรู้สึกหวาดกลัวจนยากจะสงบจิตใจได้

“ได้ จะรออีกสิบวันสุดท้าย”

ชื่อเฉิงเทียน ตันไถ่หลันเยว่ และคนอื่นๆ ไม่อาจที่จะคัดค้านโอรสสวรรค์สามตาได้ตรงๆ ทำได้เพียงตอบรับอย่างไม่เต็มใจ

จ้าวเฟิงยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน สีหน้าไร้ความรู้สึก ไม่เอ่ยคำใด

“เช่นนั้นก็ดี”

มุมปากของโอรสสวรรค์สามตายกโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มยินดี สายตาที่กวาดมองผู้คนปรากฏความเหยียดหยามอยู่นัยๆ

อัจฉริยะเซียนมังกรเหล่านี้ รวมทั้งผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ เขาไม่ได้ใส่ใจ

จะอย่างไร คุณสมบัติของเขาก็สูงส่ง ฝึกฝนอยู่ในสามตำหนักเซียนมาหลายปี สายตาได้พัฒนาขึ้นไปเหนือกว่าระดับของทวีปนี้แล้ว

ทว่า

ยามที่สายตาของโอรสสวรรค์สามตาเหลือบไปเห็นเด็กหนุ่มเรือนผมสีน้ำเงิน คิ้วของเขาก็มุ่นเข้าหากันเล็กๆ

ในบรรดาอัจฉริยะเซียนมังกรทั้งหลาย เขาคือผู้นำผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้

คำพูดของเขา ชื่อเฉิงเทียนและตันไถ่หลันเยว่ตอบรับ มีเพียงแค่จ้าวเฟิงที่ไม่มีการตอบสนองใดๆ

“จ้าวเฟิง เจ้าคงไม่มีความเห็นอื่นใช่หรือไม่”

โอรสสวรรค์สามตาหรี่ตาลงเล็กน้อย

พลังฝึกตนของเขาสูงถึงขั้นนายเหนือแท้ระดับสูง สายเลือดเนตรเซียนก็ตื่นขึ้นจนถึงระดับสาม บรรดาผู้ฝึกตนที่มีพลังต่ำกว่าขอบเขตแก่นก่อกำเนิดยากที่จะต่อกรได้

กลิ่นอายที่โอรสสวรรค์สามตาส่งออกมาได้ทำให้เหล่าอัจฉริยะเซียนมังกรในบริเวณนั้นหายใจติดขัด กระทั่งผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้หลายคนในบริเวณนั้นยังลอบตื่นตะลึง

“งานน้ำชานี้คือพวกท่านสองคนจัด ข้าย่อมไม่มีความคิดเห็น”

จ้าวเฟิงเอ่ยอย่างไร้ความรู้สึก

“ไม่มีข้อคิดเห็นใดเช่นนั้นก็ดี”

แม้ท่าทีของจ้าวเฟิงต่อโอรสสวรรค์สามตาจะทำให้เขารู้สึกไม่พอใจอยู่เล็กน้อย ทว่าในเมื่ออีกฝ่ายไม่คัดค้าน เขาเองก็ลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก

“ทว่า… คนแซ่จ้าวผู้นี้ตัดสินใจแล้วว่าหลังจากสามวันจะกลับไปยังแดนเหนือ หากก่อนออกเดินทางงานน้ำชายังไม่เริ่ม ข้าก็คงต้องขอคำชี้แนะจากสายเลือดดวงตาที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปก่อนล่วงหน้า คำขอเช่นนี้ หวังว่าโอรสสวรรค์สามตาที่เก่งกาจคงไม่ปฏิเสธใช่หรือไม่?”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!