Skip to content

King of Gods 546

King Of Gods

บทที่ 546 ราชาสัตว์อสูร

“เนตรคุกมายา เมืองวงกตมายา!”

‘เนตรสวรรค์’ สีฟ้ากึ่งโปร่งแสงกลางอากาศ ภายในมีระลอกน้ำวนน้อยๆ เกิดเป็นพลังดูดกลืนกลิ่นอายชีวิต

ด้วยการสนับสนุนจากพลังวิญญาณและดวงตาของขั้นผู้สูงศักดิ์ พลังมายากลุ่มนั้นจึงทะลวงไปในอากาศ แล้วครอบคลุมไปทั่วอาณาบริเวณ

สวบ!

ยอดฝีมือของทั้งสามสำนักไม่สามารถต้านทานพลังนั้นได้เลย หัวใจก็พลันสั่นไหว

ในวินาทีถัดมา

ทิวทัศน์ของหุบเขาลี้ลับไม่ดำรงอยู่อีกต่อไป ด้วยหมอกควันสีเทาคละคลุ้งที่ล่องลอยมาเต็มบริเวณทำให้ภาพพลันหายไปจากครรลองสายตา

จู่ๆ เมืองโบราณเก่าแก่อึมครึมก็ปรากฏขึ้น

เมืองโบราณแห่งนั้นถูกหมอกควันสีขาวมหาศาลปกคลุม ภายในซับซ้อนวุ่นวายราวกับเขาวงกตขนาดใหญ่

นอกจาก ‘ผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้น’ ที่พอจะดิ้นรนไหว คนที่เหลือล้วนแต่โดนพลังมายาทะลวงผ่านจนสูญเสียความเป็นตัวเองและหลงทางอยู่ภายในเมืองวงกตมายาขนาดใหญ่นี้

โอ๊ะ!

เจ้าหอโครงกระดูกที่อยู่ไม่ไกลออกไปดวงตาเป็นประกาย “ช่างเป็นพลังลวงตาที่แข็งแกร่งเหลือเกิน!”

โอกาสนี้แหละ!

เจ้าหอโครงกระดูกโบกธงสีดำอย่างบ้าคลั่งเพื่อกระตุ้นพลัง ‘ค่ายกลหุ่นเชิดศพต้องสาป’ ตรงเข้าโจมตีกลุ่มคนทั้งสามสำนัก

วิ้ว~

หมอกควันสีเทาทะมึนของพลังคำสาปที่แข็งแกร่งทะลวงเข้าไปในกำลังคนได้สำเร็จ

กลุ่มคนที่นำโดยเย่หยานหยูอดทอดถอนใจไม่ได้

ถึงแม้ว่าพวกเขาอยู่ใน ‘เมืองวงกตมายา ’ แต่ก็โดนโจมตีจากปราณศพและพลังคำสาปเช่นกัน จิตใต้สำนึกจึงกระตุ้นปราณจิตวิญญาณขึ้นป้องกันร่างกายตน

ในเวลานี้ กองกำลังของสามสำนักมีเพียงผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นที่สามารถต้านทานพลังของ ‘เมืองวงกตมายา’ ได้

โลกภายนอก ยอดเขาเทียมฟ้า

แย่แล้ว! ยอดฝีมือของทั้งสามสำนักมองเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในภาพเงาก็หวาดกลัวจนหน้าซีด

“ช่างเป็นพลังลวงตาที่ยิ่งใหญ่เหลือเกิน!”

“จ้าวเฟิงคนนั้นหลอมรวมกับหอคอยพฤกษาปีศาจแล้วปล่อยพลังดวงตามายาออกมาทำร้ายผู้สูงศักดิ์ได้แล้ว” ขนาดผู้สูงศักดิ์บางส่วนยังมีสีหน้าหวั่นเกรง

นั่นเพราะว่าผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นอยู่ในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิด มีพลังแข็งแกร่ง อีกทั้งยังเชี่ยวชาญในการป้องกัน

ถ้าหากขนาดผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นยังทำได้เพียงแค่พยายามปัดป้องเคล็ดพลังจิตของจ้าวเฟิง เช่นนั้นแล้วผู้สูงศักดิ์ที่อยู่ภายในที่แห่งนี้ก็อาจเป็นไปได้มากที่จะตกหลุมพรางพลังนั้นเช่นกัน

สถานการณ์ที่ไม่มีฝ่ายใดยอมอ่อนข้อให้กันพังทลายลงในวินาทีนี้

พลังวิญญาณของจ้าวเฟิงแข็งแกร่งเทียบเท่าผู้สูงศักดิ์ เมื่อหลอมรวมกับแก่นแท้จิตวิญญาณพฤกษาแล้วมีความเป็นไปได้ที่จะมีชัยเหนือขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดธรรมดา

แล้วยามอยู่ภายใต้การใช้เนตรสวรรค์ พลังดวงตาของจ้าวเฟิงยังเพิ่มขึ้นมาอีกมาก ดังนั้นตอนเขากระตุ้นดวงตาข้ามระยะทาง พลังของเขาเพียงคนเดียวก็จัดการกำลังคนจากสามสำนักนี้ให้เข้าไปอยู่ในเขตอันตรายได้ในพริบตาเดียว

หวีด วิ้ว~

ภายใต้พลังการกัดกร่อนของค่ายกลหุ่นเชิดศพต้องสาป จิตวิญญาณของเหล่ายอดฝีมือในขั้นนายเหนือแท้ระดับสุดยอดของสามสำนักถูกทำลายและมีบาดแผลเกิดขึ้น

“ฮ่าฮ่า! จ้าวเฟิง มีกระบวนท่าที่ทรงพลังและแข็งแกร่งแบบนี้ ทำไมไม่รีบงัดออกมาใช้เล่า”

เจ้าหอโครงกระดูกจิตใจฮึกเหิม โบกธงสีดำไหวๆ ก่อให้เกิดเป็นหมอกควันอึมครึมยาวเป็นแถวเข้าไปในกำลังพลของสามสำนัก เขาจงใจสาดพลังนั้นตรงดิ่งไปยังผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นโดยเฉพาะ

แน่นอนว่าเจ้าหอโครงกระดูกยังไม่ได้พิจารณา พลังที่จ้าวเฟิงเก็บไว้ไม่อาจจะคาดคะเนว่าสามสำนักที่โลกภายนอกยังมีวิธีการที่น่ากลัวอีกมากเท่าไหร่ โดยเฉพาะราชันในขอบเขตปราณเทวะ

ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ยิ่งออมพลังไว้มากยิ่งดี

“อาวุธชั้นพิภพ…‘หยดนทีมรกต’!” ริมฝีปากสีแดงสดของผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นสำรอกเอาหยดน้ำสีมรกตขนาดประมาณไข่ห่านออกมา

หยดนทีมรกตลูกนั้นห้อมล้อมไปด้วยระลอกน้ำราบเรียบ ปลดปล่อยกลิ่นอายชุ่มชื้นที่สงบไร้ขอบเขต วินาทีที่หยดนทีดังกล่าวปรากฏออกมา อาวุธชั้นจิตวิญญาณทั้งหมดในที่แห่งนั้นก็สั่นกลัวด้วยความหวั่นเกรงในพลัง

“ที่แท้หญิงนางนี้มีอาวุธชั้นพิภพอยู่ชิ้นหนึ่ง!” เจ้าหอโครงกระดูกตกใจจนแทบพูดไม่ออก พลังของค่ายกลหุ่นเชิดศพต้องสาปเพิ่งเข้าใกล้ได้เพียงเล็กน้อย ก็โดนพลังมหาศาลยากจะคาดคะเนดูดซึมและทำลาย

วิ้ง ~

นัยน์ตามองเห็นเพียงแต่ระลอกน้ำราบเรียบงดงามขยายออกราวร้อยจั้งจนคลุมกองทัพสามสำนัก

ยอดฝีมือที่ติดอยู่ในเมืองวงกตมายาเริ่มได้สติ

“หืม?​ อาวุธชั้นพิภพที่ผุๆ พังๆ ชิ้นนี้ที่จริงแล้วส่งผลให้จิตใจสงบลงได้”

สายตาของจ้าวเฟิงมองขึ้นไปบนอากาศจึงพบต้นสายปลายเหตุบางส่วน

“‘เขตนทีมรกต’ !”

ทันทีที่ผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นกวาดมือ ลำแสงระลอกน้ำนั้นค่อยๆ เสถียรขึ้น แล้วจึงปลดปล่อยลำแสงสีเขียวมรกต พลังอันยิ่งใหญ่เวิ้งว้างนั้นจัดการ ‘ปิดผนึก’ พลังของค่ายกลหุ่นเชิดศพต้องสาป

หลังจากทั้งหมดเสร็จสิ้น ผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นถอนหายใจไปได้เปาะหนึ่ง

ที่แท้เป็นเช่นนี้ ใจของเจ้าหอโครงกระดูกฉับพลันหนักอึ้ง

พลังลวงตาของจ้าวเฟิงไม่ใช่ว่าไม่แข็งแกร่ง เขาสามารถจัดการกองกำลังของทั้งสามสำนักให้จนตรอกได้ในครั้งเดียว

ทว่าผู้ปราดเปรื่องดังเช่นผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นกระตุ้นใช้อาวุธชั้นพิภพ ถึงแม้ว่าจะไม่สมบูรณ์แต่กลับมีพลังป้องกันธาตุน้ำที่แข็งแกร่งยิ่งนัก

“มีการป้องกันของ ‘เขตนทีมรกต’ พลังโจมตีจากขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดที่อยู่ภายนอกยากที่จะบุกโจมตีเข้าไปได้ หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถึงแม้เมืองวงกตมายาของข้าจะส่งผลต่อคนจำนวนมากได้ แต่ก็ไม่สามารถปลิดชีพใครได้ทั้งนั้น สิ้นเปลืองพลังดวงตาไปเฉยๆ เท่านั้น” จ้าวเฟิงมีสีหน้าเย็นชา

ผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นไม่ได้พยายามทำลายพลังลวงตาของจ้าวเฟิง ถึงอย่างไรพลังวิญญาณกับวิชาดวงตาของฝ่ายหลังก็ไม่ใช่เล่นๆ นางกลับใช้วิธีการป้องกันเพื่อ ‘มองข้าม’ พลังลวงตาของจ้าวเฟิง

อีกอย่าง ยามที่จ้าวเฟิงใช้เนตรสวรรค์ พลังดวงตาและพลังวิญญาณของเขาจะมากขึ้นถึงสิบเท่า ไม่มีทางประมือยืดเยื้อกับนางได้แน่

“ฮ่าฮ่า ไม่เสียทีที่เป็นผู้สูงศักดิ์อันทรงคุณค่าของสำนักสองดาว” เสียงเจือหัวเราะน้อยๆ ดังขึ้นในขั้นของวิญญาณ

ฟึ่บ!

เนตรสวรรค์บนฟ้าหายไปในฉับพลัน

ผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นโล่งอก แต่นางยังไม่ทันได้ทำจิตใจให้สงบราบเรียบ ก็ปรากฏ ‘เนตรสวรรค์’ ขนาดใหญ่กว่าเดิมขึ้นอีกครั้งบนท้องฟ้าที่สูงขึ้น

ยิ่งสูงมากเพียงใด ยิ่งมองเห็นกว้างไกลขึ้นเพียงนั้น

ในวินาทีนั้น ครรลองดวงตาของจ้าวเฟิงกว้างไกลสุดสายตาประหนึ่งครอบคลุมทั่วทั้งซากปรักหักพังสือเฉิง

“จ้าวเฟิงคนนี้จะเล่นลูกไม้อะไรกันแน่?” เจ้าหอโครงกระดูกคิดในใจ

ผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นและเหล่ายอดฝีมือของทั้งสามสำนักที่โลกภายนอกล้วนแต่ฉงนสงสัย

“จัดการ!”

น้ำเสียงเย็นยะเยือกดังขึ้นในอากาศ

วินาทีถัดมา พลังจิตวิญญาณที่ไร้ซึ่งขอบเขตหมุนวนรอบ ‘ดวงตาข้ามระยะทาง’ แล้วทะลุผ่านอากาศไป

โครม! ตูม! พรึ่บ!

ในรัศมีพันสองพันลี้มีเสียงร้องคำรามของเหล่าสัตว์อสูรจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหุบเขาลี้ลับ ฝูงสัตว์อสูรที่อยู่ใกล้ๆ ค่อยๆ พุ่งโจมตีไปยังกองทัพขนาดเล็กของสามสำนัก

สวบ สวบ โครม…

พื้นดินกำลังสั่นไหว หมอกควันฝุ่นละอองกระจายอยู่ทั่ว เงาของสัตว์อสูรน้อยใหญ่จำนวนนับไม่ถ้วนกลับมาอีกครั้งอย่างมืดฟ้ามัวดิน

“เยอะ…เยอะมาก…” เย่หยานหยูกับยอดฝีมือคนอื่นของสามสำนักได้สติคืนมา แล้วจึงมองฝุ่นควันตลบอบอวลทั่วทั้งบริเวณพลางกลืนเสียงลงลำคอไปจนสิ้น

ภายในครรลองสายตา สัตว์อสูรร้อยพันตัวพุ่งทะลวงเข้าใส่กองทัพของสามสำนักอย่างไม่กลัวตายเลยแม้แต่น้อย

“เตรียมรบ!” เย่หยานหยูและคนอื่นๆ ใจสั่นระรัว เตรียมการรบวิธีต่างๆ เพื่อจะสังหาร ‘ฝูงอสูร’ ที่มาไม่ขาดสาย

ตูม โครม คราม…

สัตว์อสูรทั้งหลายบาดเจ็บล้มตายเป็นเบือ ถึงแม้ว่าจะสามารถเข้าไปใกล้ๆ ก็ถูก ‘เขตนทีมรกต’ ขวางกั้นไว้ จึงไม่อาจเข้าใกล้กองกำลังสามสำนักได้เลย

“หืม?” ผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นพบว่าเหล่าฝูงสัตว์อสูรที่โดนควบคุม มีบางส่วนที่พุ่งทะลวงเข้าไปในค่ายกลหุ่นเชิดศพต้องสาป

เห็นได้ชัดว่าสัตว์อสูรเหล่านั้นกลายเป็นอาหารของ ‘ค่ายกลหุ่นเชิดศพต้องสาป’ เพื่อให้พลังของค่ายกลทะยานขึ้นสูง

วูบ ฟู่~

หมอกควันสีเทาทะมึนของค่ายกลหุ่นเชิดศพยิ่งหนาแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วปรากฏเป็นควันสีแดงโลหิตเป็นชั้นๆ ส่งผลให้พลังเพิ่มขึ้นไม่หยุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งพลังคำสาปที่ไร้รูปร่างเหล่านั้นที่ค่อยๆ ทะลวงเข้าไปภายใน ‘เขตนทีมรกต’

ในเวลาเดียวกันนี้ ฉับพลันก็มีเสียงนกร้องเสียงสูงกับเสียงฟ้าแลบแว่วมาพร้อมๆ กับจุดไฟสีทองสว่างบนท้องฟ้า

“นั่นคือ…” ผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นนัยน์ตาเบิกกว้างด้วยความตกใจยิ่ง

กลางอากาศ มองเห็นเพียง ‘ปักษาอัสนีสีทอง’ จำนวนหลายพันตัวบินรวมกันเป็นกลุ่มก้อน บินมาเรื่อยๆ ไม่หยุดจากไกลๆ

‘ปักษาอัสนีสีทอง’ เหล่านั้นมีพลังรบที่ต่ำที่สุดคือนภาที่หกแห่งขอบเขตก่อกำเนิดปราณ พลังการรบขั้นวิญญาณที่แท้จริงถือเป็นพลังหลัก แล้วยังมีพลังรบขั้นนายเหนือแท้อีกสิบกว่าตัว

ในบรรดาปักษาอัสนีมีตัวหนึ่งที่มีกลิ่นอายของความน่าหวั่นเกรง เป็นราชาสัตว์อสูรในขั้นผู้สูงศักดิ์ที่ดึงเอาไอสวรรค์ทั้งบริเวณมาด้วย

ราชาสัตว์อสูรตัวนั้นคือปักษาปีกทองซึ่งมีขนาดมากกว่าสี่ห้าสิบจั้ง ใหญ่โตราวภูเขาลูกเล็ก ทุกที่ที่มันเยื้องผ่านจะทิ้งเงากว้างใหญ่ไว้

“ราชาเผ่าพันธุ์สัตว์อสูรขั้นผู้สูงศักดิ์!” เย่หยานหยูและคนอื่นใจสั่นระรัว ยามที่รู้สึกถึงเสียงอัสนีทั่วท้องฟ้ากับเสียงนกร้องบาดหู ใจและกายก็ปั่นป่วน

“นี่มันเรื่องอะไรกัน! จ้าวเฟิงนั่นควบคุมฝูงสัตว์อสูรขนาดมหึมา”

“ควบคุมสัตว์จำนวนมากในเวลาเดียวกัน นี่เขาทำได้อย่างไร?” ยอดฝีมือของสามสำนัก ณ โลกภายนอกล้วนแต่มองแล้วอ้าปากค้าง

ปักษาอัสนีสีทองภายในภาพเงามีจำนวนมากมายมหาศาล นอกเหนือจาก ‘ราชาปักษาอัสนีปีกทอง’ ขนาดมโหฬารในระดับผู้สูงศักดิ์แล้ว ยังมีปักษาอัสนีตัวยักษ์ในระดับขั้นนายเหนือแท้ ที่เหลือเป็นขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงนับร้อยตัว

พั่บ พั่บ พั่บ!

บรรดาปักษาอัสนีสีทองที่โบยบินอยู่กลางอากาศ สายฟ้าสีทองเป็นเส้นเรียวราวเข็มฟาดลงมาจากฟ้า

เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง!

กำแพงระลอกน้ำของ ‘เขตนทีมรกต’ ที่ปกป้องกองกำลังสามสำนักอยู่ค่อยๆ อับแสงลงทีละน้อย

ตูม โครม เพล้ง!

แสงสายฟ้าขนาดใหญ่ที่ถูกปล่อยออกมาจากเรือนร่างของ ‘ราชาปักษาอัสนีปีกทอง’ สั่นสะเทือนเลือนลั่นทั่วฟ้า

นี่คือการโจมตีอย่างรุนแรงของคนในขั้นผู้สูงศักดิ์!

เจ้าหอโครงกระดูกผู้อยู่ในค่ายกลหุ่นเชิดศพใจสั่นระรัว พลังรบของ ‘ราชาปักษาอัสนีปีกทอง’ นั่นเทียบกับเขาในยามรุ่งโรจน์แล้วยังแข็งแกร่งกว่ามาก

โครม…ผลัวะ วิ้ง!

เขตนทีมรกตสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง มีพลังสายฟ้าทะลวงเข้ามา ทำให้ร่างกายของคนจากสามสำนักอ่อนปวกเปียกไปหมด

“ควบคุมฝูงสัตว์ใหญ่ขนาดนี้ แล้วไหนจะยังแรงงานสัตว์อสูรในหุบเขาลี้ลับอีก จ้าวเฟิงทำได้อย่างไร?” เจ้าหอโครงกระดูกจิตใจสั่นสะท้าน

แน่นอนว่าเขาไม่ได้ลืมโจมตี ค่ายกลหุ่นเชิดศพต้องสาปที่ดูดซึมพลังชีวิตของเหล่าสัตว์อสูรจนพลังแข็งกล้ากับฝูงปักษาอัสนีสีทอง ร่วมมือกันโจมตีจนสุดท้ายเริ่มยับยั้ง ‘เขตทีมรกต’ ได้

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในวินาทีนี้เกิดการพลิกผันเป็นอย่างมาก เนตรสวรรค์อยู่บนอากาศควบคุมฝูงสัตว์อสูรที่บินหนาแน่นไปครึ่งฟ้า

“เหอะ! ควบคุม ‘ราชา’ ของฝูงสัตว์อสูรก็สามารถสั่งการสัตว์อสูรทั้งฝูงได้” เนตรสวรรค์มองลงมาจากบนอากาศด้วยแววตาเหยียดหยามและเย็นชา

ที่จริงแล้ว ในครั้งนี้ของจ้าวเฟิงควบคุมเพียงแค่ ‘ราชา’ ของฝูงสัตว์อสูรทั้งหลาย

โดยในนั้นมีฝูงขนาดใหญ่ที่สุดนั่นคือฝูงปักษาอัสนีปีกทอง ภายในมิติซากปรักหักพังพวกมันล้วนแต่เป็นฝูงสัตว์อสูรชั้นยอด ราชาของสัตว์อสูรฝูงนี้คือ ‘ราชาปักษาอัสนีปีกสีทอง’ ในขั้นผู้สูงศักดิ์

ด้วยพลังดวงตาของจ้าวเฟิงในทุกวันนี้ เมื่อหลอมรวมกับแก่นแท้จิตวิญญาณพฤกษาและปลดปล่อยดวงตาสวรรค์ จึงสามารถควบคุม ‘ราชาปักษา’ ได้อย่างสบายๆ

เขาเลือกควบคุมฝูงสัตว์อสูรฝูงนี้เพราะความคล่องตัวและความสามารถในการโจมตีด้วยสายฟ้าจากระยะไกลของพวกมัน ฝูงสัตว์อสูรกลุ่มใหญ่ที่มีความแข็งแกร่งขนาดนี้สามารถทำลายล้างอำนาจของสำนักต่ำกว่าระดับหนึ่งดาวลงไป หากจะกวาดล้างอาณาจักรบุปผาครามและแคว้นน้อยใหญ่ที่แข็งแกร่งก็ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด

ตูม บึ้ม–

‘ราชาปักษาอัสนีปีกทอง’ โจมตีอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง ร่วมกับพลังกัดกร่อนของค่ายกลหุ่นเชิดศพต้องสาป จึงทำให้พลังของ ‘เขตนทีมรกต’ ลดลงไปกว่าครึ่ง บนพื้นผิวปรากฏรอยแตกร้าวหลายเส้น

“เตรียมถอนทัพ!” ใบหน้าของผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นซีดเผือดแล้วกัดฟันออกคำสั่งไป ในเวลานี้นางไม่มีแรงพอประคับประคอง ‘เขตนทีมรกต’ อีกต่อไปแล้ว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!