Skip to content

King of Gods 554

King Of Gods

บทที่ 554 ศัตรูที่น่ากลัว

หุบเขาลี้ลับ

ชายหนุ่มใบหน้าคมคายนัยน์ตาสีเงินพลันออกมาจากรอยแยกทางเชื่อมมิติอย่างเยือกเย็น

“สำเร็จแล้ว! ไม่เสียทีที่เป็นปรมาจารย์ด้านค่ายกล”

“ว่ากันว่าสายเลือดดวงตาของปรมาจารย์อิ๋นคงมีความเกี่ยวโยงกับ ‘เนตรมิติ’ แห่งแปดเนตรเทพเจ้า” เหล่าฝูงชนบนยอดเขาเทียมฟ้า ณ โลกภายนอกอดตื่นตะลึงไม่ได้

ชายหนุ่มนัยน์ตาสีเงินผู้นี้คือปรมาจารย์อิ๋นคงผู้จัดแจงดูแล ‘ค่ายกลย้ายมิติ’ ที่โลกภายนอก

“เพื่อทำให้รอยแยกของทางเชื่อมมิติเสถียรต้องหมดพลังสายเลือดไปเกือบครึ่ง แต่ว่าพลังที่เหลืออยู่ก็เหลือเฟือที่จะจัดการสถานการณ์ทั้งหมดแล้ว”

ปรมาจารย์อิ๋นคงพึมพำ

ในเวลาเดียวกัน

พรึ่บ!

ดวงตาสีฟ้าขนาดใหญ่กึ่งโปร่งแสงปรากฏขึ้นเหนือหุบเขาลี้ลับ เหนือศีรษะของปรมาจารย์อิ๋นคงพอดิบพอดี

“เหอะเหอะ… น่าสนุกจริงๆ! นอกจากมรดกแปดเนตรเทพเจ้า ยังมีสายเลือดดวงตาที่พิเศษแบบนี้อยู่ด้วย ตัวตนของมันกับอากาศทับซ้อนกันแล้วยังเรียงตัวกันด้วย”

ปรมาจารย์อิ๋นคงแหงนมองเนตรสวรรค์ด้วยแววตาสนใจใคร่รู้ จ้าวเฟิงที่มองลงมาจากบนที่สูงรู้สึกว้าวุ่นใจน้อยๆ นี่เป็นครั้งแรกของเขาที่พบกับศัตรูที่เข้าใจสภาวะของ ‘เนตรสวรรค์’

“เจ้าคือจ้าวเฟิงงั้นสิ?”

ปรมาจารย์อิ๋นคงคล้ายจะยิ้มแต่ไม่ได้ยิ้ม เพียงแค่หยั่งเชิงพลังของเนตรสวรรค์แต่ไม่ได้โจมตี บางทีเขาอาจจะรู้ว่าการโจมตีเนตรสวรรค์เป็นการเปลืองแรงเปล่าๆ หรือไม่ก็อาจมีเจตนาอื่นอีก

จ้าวเฟิงไม่ได้ตอบอะไรกลับไป

โครม คราม~

พื้นดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงจนเกิดเสียงอึกทึกครึกโครม กลิ่นอายเก่าแก่ลึกล้ำสาดซัดเข้ามา แล้วถัดจากนั้น แรงกระชากจากใต้พื้นดินที่รุนแรงราวเขาไท่ซานก็เล็ดลอดออกมาตามรอยแยกบนพื้นดิน

โครม ตูม!

มองเห็นเพียง ‘ยักษ์ศิลา’ ขนาดกว่าสิบจั้งทะยานตัวออกมา ก่อนจะตรงดิ่งไปยังปรมาจารย์อิ๋นคง

หืม?

ร่างกายของปรมาจารย์อิ๋นคงดูเยือกเย็น ภายใต้การโจมตีที่รุนแรงน่ากลัวนั้น หากอยู่ในขั้นขอบเขตก่อกำเนิดระดับต่ำก็คงยากจะหลบหลีกพ้น

แต่ทว่าเหตุการณ์แปลกประหลาดก็เกิดขึ้น ร่างกายของปรมาจารย์อิ๋นคงปรากฏกลางอากาศคล้ายกับภาพลวงตาซับซ้อน

ถ้าหากมิตินี้เป็นภาพๆ หนึ่ง เช่นนั้นแล้วเงาอีกครึ่งร่างของเขาก็คล้ายว่าจะยืนอยู่ที่ภาพอีกภาพ

วงแหวนสีเงินผุดขึ้นตรงตำแหน่งเดิม กลายเป็นว่ายักษ์ศิลาโจมตีอากาศที่ว่างเปล่า

เชว้ง!

เงาของปรมาจารย์อิ๋นคงปรากฏเบื้องหลังของยักษ์ศิลาราวกับใช้วิชามาร

สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้รวดเร็วและแทบไม่มีสัญญาณใดๆ

“นี่คืออัจฉริยะด้านมิติงั้นสิ?” จ้าวเฟิงที่คอยควบคุมยักษ์ศิลาจากกลางอากาศอดตกใจไม่ได้

วิธีการขยับตัวของปรมาจารย์อิ๋นคงเห็นได้ชัดเจนว่าใช้พรสวรรค์ด้านมิติ ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงสามารถมองหลักการของมันออกได้เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น

อนึ่ง ต่อให้จ้าวเฟิงมองหลักการทั้งหมดจนปรุโปร่ง ก็ยังยากที่จะลอกเลียนเคล็ดท่าร่างนี้

เพราะว่าจ้าวเฟิงไม่มีพลังพรสวรรค์ด้านมิติจำพวกนี้

เนื่องจากมีพลังพิเศษในระดับที่ว่า ปรมาจารย์อิ๋นคงจึงสามารถทำลายกฎเกณฑ์ความเป็นไปได้แล้วเข้ามาในมิติสือเฉิงสำเร็จ

“คลื่นมีดมิติ!” ในแววตาสีเงินของปรมาจารย์อิ๋นคงเกิดเป็นแสงสีเงินที่ลึกล้ำและสงบนิ่ง มือของเขาวาดเร็วๆ ครั้งหนึ่ง

วินาทีต่อมา ในอากาศก็มีคลื่นใบมีดสีเงินจำนวนมากปรากฏขึ้น มันพุ่งผ่านไปเป็นรัศมีหลายจั้ง ครอบคลุมอยู่เหนือยักษ์ศิลาพอดี

แซ่ด ฉับ~

ไอใบมีดสีเงินที่ล้อมรอบส่วนหนึ่งทะลวงผ่านร่างขนาดใหญ่ของยักษ์ศิลา ส่งผลให้มันกรีดร้องครวญคราง

เพียะ! ฉับ! ฉับ!

หินเก่าแก่ที่เป็นเสมือนร่างกายของยักษ์ศิลาปลิวกระจัดกระจาย กลายเป็นเศษชิ้นส่วนหล่นลงมาทีละชั้น

เพียงแค่สองช่วงลมหายใจเท่านั้น

ร่างหินของยักษ์ศิลากลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยร่วงหล่นลงมา ทิ้งรอยแผลแตกร้าวไว้บนร่างกายของมันนับร้อย มีบางบาดแผลพาดผ่านทั่วร่างกายด้วย

“เป็นการโจมตีที่แปลกประหลาดเหลือเกิน!”

จ้าวเฟิงใจเต้นกระตุก เมื่อใช้ตาเปล่ามองดูก็เห็นราวกับว่ามีเส้นสีเงินพันมัดรอบร่างยักษ์ศิลา

ยักษ์ศิลามีพลังป้องกันแข็งแกร่งถึงขั้นต้านทานการโจมตีของผู้สูงศักดิ์ได้ แต่ว่าเมื่อโดนปรมาจารย์อิ๋นคงโจมตี กลับกลายเป็นว่าแทบจะไม่สามารถตอบโต้กลับได้เลย

หลายช่วงลมหายใจจากนั้น

โครม!

ร่างกายขนาดใหญ่ของยักษ์ศิลาแหลกสลายเป็นสิบๆ ชิ้น ก้อนหินทั้งหมดแตกกระจัดกระจายร่วงหล่นลงบนพื้น

แซ่ด!

ณ โลกภายนอก บนยอดเขาเทียมฟ้า ยอดฝีมือของทั้งสามสำนักตกใจจนตัวเย็นวาบ

“พลังของปรมาจารย์อิ๋นคงผู้นี้น่ากลัวเกินไปแล้ว”

“ยักษ์ศิลาเป็นถึงเผ่าพันธุ์โบราณ พลังป้องกันของมันแทบไม่สะทกสะท้านกับการโจมตีของคนในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดเสียด้วยซ้ำ ต่อให้เป็นผู้สูงศักดิ์ในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูง ก็ยังไม่อาจทำลายมันได้ง่ายดายเช่นนี้”

ผู้สูงศักดิ์ในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดของทั้งสามสำนักอ้าปากค้าง

แน่นอนว่าพลังที่แข็งแกร่งของปรมาจารย์อิ๋นคงย่อมทำให้ราชันปราณเทวะทั้งสามยินดีอยู่ไม่น้อย

“พลังของคนผู้นี้ช่างน่าสะพรึงเหลือเกิน! แทบจะสังหารยักษ์ศิลาภายในคราเดียว วิธีการของเขาไม่สนใจพลังป้องกันธรรมดาด้วยซ้ำ” ใจของจ้าวเฟิงสั่นสะท้าน

กองทัพของทั้งสามสำนักที่ส่งมาในครั้งก่อนๆ ไม่ว่าจะเป็นทัพของผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นหรือลู่เทียนอี้ ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่แข็งแกร่ง พลังยังล้วนแต่เหนือกว่าผู้สูงศักดิ์ธรรมดาทั้งสิ้น

แต่เมื่อเทียบกับปรมาจารย์อิ๋นคงแล้ว ผู้สูงศักดิ์สองคนที่เอ่ยถึงก่อนหน้านี้อ่อนด้อยกว่ามาก

หลังจากปลิดชีพยักษ์ศิลาแล้ว ปรมาจารย์อิ๋นคงก็สะบัดมือน้อยๆ แล้วออกจากหุบเขาลี้ลับทันทีโดยไม่มีทีท่าอ้อยอิ่ง

พรึ่บ! พรึ่บ!

กลางอากาศหลงเหลือเพียงเงาสีเงินของปรมาจารย์อิ๋นคง

ทุกครั้งที่เขาก้าวเท้าออกไปอย่างน้อยจะเป็นระยะทางกว่าสองลี้ ท่าทางของเขาเหมือนเดินเล่นสบายๆ ในสวนอย่่างไรอย่างนั้น

รัศมีสีม่วงพิฆาต เนตรมรกตพิฆาต!

เนตรสวรรค์กลางอากาศปรากฏกลิ่นอายสีม่วงอ่อนแวววาว

โครม ตูม!

ไอใบมีดขนาดใหญ่กึ่งโปร่งแสงที่ล้อมรอบไปด้วยวายุอัสนีสีม่วง พุ่งตรงไปที่ร่างของ ‘ปรมาจารย์อิ๋นคง’ ประหนึ่งสายอัสนีบาต

ผลัวะ!

บนจุดเดิมทิ้งร่องรอยวงกลมสีเงินไว้

เงาร่างของปรมาจารย์อิ๋นคงไปปรากฏอยู่สองลี้ข้างหน้าแล้ว

ทั้งหมดนี้ปรมาจารย์อิ๋นคงไม่ได้แหงนหน้าขึ้นมองเนตรสวรรค์ที่อยู่เหนือศีรษะเลย เขาหลบการโจมตีทั้งหมดด้วยท่าทีสบายๆ เหมือนไม่ใส่ใจ

“หลบได้แล้ว?”

ใจจ้าวเฟิงหนักอึ้ง ถึงแม้ว่าสถานการณ์นี้จะอยู่ภายใต้การคาดเดาของตนก็ตาม

เพราะว่าพลังสายเลือดดวงตาของเขาไม่อาจเล็งเป้าไปที่ปรมาจารย์อิ๋นคงตรงๆ ได้

แน่นอนว่าจ้าวเฟิงไม่ได้รู้เลยว่าปรมาจารย์อิ๋นคงเป็นทั้งอัจฉริยะด้านมิติ แล้วยังเป็นปรมาจารย์ด้านค่ายกล จึงเข้าใจในหลักการทั้งหมดของมิติ

เกรงว่าคงไม่มีใครในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดตรึงเป้าหมายที่ปรมาจารย์อิ๋นคงได้จริงๆ

พรึ่บ! พรึ่บ!

ทุกย่างก้าวของปรมาจารย์อิ๋นคงค่อยๆ เข้ามาใกล้ตำแหน่งของจ้าวเฟิงและเจ้าหอโครงกระดูก

ตรงเขตแดนของมิติสือเฉิง

พลังของค่ายกลหุ่นเชิดศพต้องสาปกดดันกลุ่มของผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นทุกทิศทาง พร้อมๆ ไปกับการโจมตีของอาวุธชั้นพิภพอย่าง ‘กระดูกเก้าทมิฬ’ ไอพลังบางส่วนทะลักเข้าไปเรื่อยๆ

“เอ๊ะ! เหมือนว่าจะมีกำลังเสริม” ผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นสัมผัสได้เมื่อพลิกป้ายตราพิเศษในมือ

พรึ่บ! พรึ่บ!

ในอากาศไกลออกไป ปรมาจารย์อิ๋นคงเอามือไขว้หลัง เงานั้นค่อยๆ ใกล้จ้าวเฟิงเข้ามาทุกที

“เจ้าหอโครงกระดูก ฝั่งนี้ต้องยกให้เจ้าจัดการแล้ว เกรงว่าคู่ต่อสู้ที่ฝั่งนั้นส่งเข้ามาอีกครั้งจะอยู่เหนือขีดจำกัดที่พวกเราจะรับมือได้” จ้าวเฟิงมอบค่ายกลหุ่นเชิดศพให้เจ้าหอโครงกระดูกจัดการรับผิดชอบทั้งหมด

“น่าจะต้านพวกเขาได้อีกหน่อย” เจ้าหอโครงกระดูกโบกธงในมือเพื่อควบคุมค่ายกลหุ่นเชิดศพทั้งหมดต่อ

แล้วในเวลาเดียวกัน เขาเก็บ ‘กระดูกเก้าทมิฬ’ เข้าไปภายในร่างชั่วคราว

เมื่อ ‘กระดูกเก้าทมิฬ’ หลอมรวมกับร่างกายแล้ว ถึงแม้พลังโจมตีจะเพิ่มขึ้นไม่เท่ายามแยกส่วนออกมา แต่ว่าสามารถเพิ่มพลังโครงกระดูกและพลังป้องกันได้

“เป็นปรมาจารย์อิ๋นคง!” เย่หยานหยูที่อยู่ไกลๆ มองเห็นชายหนุ่มผมสีเงินใบหน้าคมคายที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ อย่างชัดเจน

“ปรมาจารย์อิ๋นคงเข้ามาภายใน ‘ซากปรักหักพังสือเฉิง’ ด้วยตนเอง ดูแล้วน่าจะควบคุมสถานการณ์ได้” ใบหน้าขาวนวลของผู้อาวุโสระบายรอยยิ้มที่ไม่ได้เห็นมานาน

คนในที่แห่งนั้นล้วนแต่ถอนหายใจอย่างโล่งอก

ปรมาจารย์อิ๋นคงนับว่าเป็นหนึ่งในสี่ปรมาจารย์ด้านศาสตร์ค่ายกลของดินแดนหมู่เกาะเทียนหลู ตัวเขาเองเป็นผู้สูงศักดิ์ แล้วยังเป็นอัจฉริยะด้านมิติอันหาได้ยากยิ่งด้วย

จากที่ผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นรู้มา ในสี่ปรมาจารย์ไม่ว่าจะคนใดก็ล้วนแต่มีพลังรบเหนือกว่าผู้สูงศักดิ์ทั่วไป ถึงขนาดที่ว่ามีปรมาจารย์ค่ายกลผู้หนึ่งเป็นถึงราชันในขอบเขตปราณเทวะ!

พรึ่บ!

ปรมาจารย์อิ๋นคงใช้เวลาไม่นานนักก็มาถึงที่สู้รบของคนทั้งสองฝั่ง

ในเวลานี้ เจ้าหอโครงกระดูกกำลังพยายามล้มผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นและพรรคพวกด้วยตัวคนเดียว

ส่วนจ้าวเฟิงอยู่ภายในค่ายกลหุ่นเชิดศพ เรือนผมสีน้ำเงินปลิวไสว ม่านดวงตาเทพเจ้าของเขาหดตัว พยายามมองตรวจสอบปรมาจารย์อิ๋นคงอยู่ตลอด

“ปรมาจารย์อิ๋นคง ช่วยพวกเราด้วย” จงหว่านเอ๋อร์เอ่ยอย่างร้อนรน

พลังของค่ายกลหุ่นเชิดศพต้องสาปดูดกินเลือดและวิญญาณของพวกเขาไม่หยุด

“จ้าวเฟิง” ปรมาจารย์อิ๋นคงยิ้มแย้มน้อยๆ พลางมองสำรวจจ้าวเฟิง

จ้าวเฟิงมีสีหน้าแปลกประหลาด รู้สึกเหมือนว่าปรมาจารย์อิ๋นคงดูจะสนิทสนมคุ้นเคยกับตนเองเป็นอย่างดี

ทีท่าของปรมาจารย์อิ๋นคงดูเป็นมิตรนัก ไม่ได้มีวี่แววจะลงมือทำร้ายจ้าวเฟิงแต่อย่างใด

“ท่านผู้อาวุโสมีอะไรจะชี้แนะงั้นหรือ?” จ้าวเฟิงเอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

“ยอมแพ้เสียเถอะ อยู่ต่อหน้าข้าเจ้าทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น ข้าเพียงแค่สนใจดวงตาข้างซ้ายของเจ้า ถ้าหากเจ้ายอมร่วมมือแต่โดยดี ข้าอาจจะไว้ชีวิตเจ้าก็เป็นได้” ปรมาจารย์อิ๋นคงเอ่ยอย่างไม่ยินดียินร้าย

ยอมแพ้?

ถ้าหากสองคำนี้ออกมาจากปากของผู้สูงศักดิ์ธรรมดา จ้าวเฟิงคงเห็นเป็นเรื่องขบขัน แต่ว่าในตอนนี้เขากลับเงียบขรึมลง สีหน้าเคร่งเครียด

“ปรมาจารย์อิ๋นคงผู้นี้ช่างมั่นใจและตรงไปตรงมาเสียจริง…”

สตินึกคิดของจ้าวเฟิงวุ่นวายไปหมด จุดประสงค์ของปรมาจารย์อิ๋นคงชัดเจนยิ่ง เขาต้องการดวงตาข้างซ้ายของจ้าวเฟิง!

“ไม่มีทางแน่!” ภายใต้สถานการณ์ที่กดดัน จ้าวเฟิงเยือกเย็นสงบนิ่ง ไม่ไหวหวั่นเลยแม้แต่น้อย

ดวงตาเทพเจ้าในวันนี้หลอมรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับร่างกายของเขา

ดวงตาเทพเจ้าถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเขา!

“ไม่ว่าเจ้าจะยิมยอมหรือไม่ก็ตาม ผลลัพธ์ก็จะมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น” ปรมาจารย์อิ๋นคงส่ายศีรษะยิ้มๆ ใบหน้าของเขาผ่อนคลายไม่ทุกข์ร้อน สายตาเลื่อนมองไปยังเจ้าหอโครงกระดูก “อือ เช่นนั้นฆ่าเจ้าก่อนแล้วกัน”

“ไอมีดโลหะเวหา!” ปรมาจารย์อิ๋นคงโบกมือ ไอใบมีดแหลมคมสีเงินทะลวงมาในอากาศ

ตูม…พลั่ก!

เจ้าหอโครงกระดูกแทบไม่มีโอกาสได้หลบ ไอใบมีดสีเงินพวกนั้นตรงปรี่เข้ามาตัดกระดูกภายนอกของเขาเสียแล้ว

แย่แล้ว!

จ้าวเฟิงวุ่นอยู่กับการตั้งรับปรมาจารย์อิ๋นคงตลอด แต่คิดไม่ถึงเลยว่าฝ่ายตรงข้ามจะลงมือทำร้ายเจ้าหอโครงกระดูกอย่างฉับพลันแบบนี้

สามารถคาดการณ์ได้ว่า ปรมาจารย์อิ๋นคงลงมือสังหารเจ้าหอโครงกระดูกเพราะต้องการกำจัดผู้ช่วยของจ้าวเฟิง เพื่อเปิดโอกาสให้พวกผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นมีโอกาสหลบหนี อีกทั้งจุดมุ่งหมายของปรมาจารย์อิ๋นคงคือต้องการจับเป็นจ้าวเฟิง

“ไม่!” เจ้าหอโครงกระดูกสัมผัสได้ถึงอันตรายที่อาจทำให้ถึงแก่ชีวิต กระดูกที่ทั้งแข็งทั้งแกร่งของเขาแทบจะป้องกันไอใบมีดนั่นไม่ได้เลย

ฟู่!

เขาพยายามกระตุ้นไอสวรรค์ที่แท้จริงในร่างกายจนเกิดเป็นเพลิงสีทมิฬทั่วโครงกระดูก

ถึงแม้จะทำเช่นนี้ แต่ก็ยังสลายพลังของปรมาจารย์อิ๋นคงได้ไม่ถึงหนึ่งในสี่ส่วนเท่านั้น

“ผสานกระดูก!”

เจ้าหอโครงกระดูกตะโกนลั่น จากนั้น ‘กระดูกเก้าทมิฬ’ ที่หลอมรวมภายในร่างกายเขาก็ส่งเสียงดังสนั่น โครงกระดูกทั่วร่างแข็งแกร่งขึ้นในฉับพลัน พร้อมทั้งสาดแสงสีม่วงดำเรืองรองออกมา

ในที่สุด หลังจากทำสารพัดวิธี ทั้งกระตุ้นเคล็ดวิชาลับรักษาชีวิต แล้วใช้อาวุธชั้นพิภพรักษาร่าง สุดท้ายเจ้าหอโครงกระดูกจึงสามารถรักษาชีวิตของเขาไว้ได้

เฮือก!

แต่ว่าโครงกระดูกส่วนแขนของเขาก็ยังคงถูกตัดขาดไป ทำให้เขากรีดร้องโหยหวนอย่างทรมาน

“เหอะเหอะ” เสียงหัวเราะของปรมาจารย์อิ๋นคงแว่วมาในโสตประสาท

ไอมีดโลหะเวหา!

ไอใบมีดสีเงินกระจัดกระจายทั่วท้องฟ้าก่อนจะพุ่งตรงดิ่งไปที่ศีรษะของเจ้าหอโครงกระดูกจากข้างหลัง

“แย่แล้ว…” เจ้าหอโครงกระดูกสัมผัสได้ถึงความตายที่เฉียดใกล้เข้ามา ยากนักจะหลบหนีได้

“ฝันไปเถอะ!” จ้าวเฟิงคำราม ภายในดวงตาซ้ายระเบิดพลังดวงตาออกมาขนานใหญ่

เจ้าหอโครงกระดูกจะตายไม่ได้! มิฉะนั้นสถานการณ์ที่เขาต้องเผชิญคงยากจะคาดคิดได้

“เคลื่อนย้ายมิติ!” พลังดวงตากึ่งโปร่งแสงเป็นระลอกน้ำ ใจกลางของน้ำวนนั้นเล็งเป้าหมายไปยัง ‘ไอมีดโลหะเวหา’ แล้วในวินาทีนั้นเอง ในมิติก็เกิดการบิดเบี้ยวเป็นภาพทับซ้อน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!